Share

ตอนที่7 เจ้าสาวเด็ก

“ท่านหมายความว่านางตัวซ...ลูกรองของข้าเป็นผู้นำความเคราะห์ร้ายมาสู่ครอบครัวอย่างนั้นเหรอ แล้วอาจจะหมายรวมถึงหมู่บ้านแห่งนี้ด้วยใช่หรือไม่” นางจางถามนักพรตออกมาสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

“ใช่แล้วประสก” นักพรตผู้ชราหลับตาลงเอามือจับลูกประคำก่อนพยักหน้ารับ

ทำให้คนบ้านฉินที่ได้ยินต่างพากันมีใบหน้าถอดสีพร้อมคิดเหมือนกัน ถึงว่าช่วงนี้มีแต่เรื่องมันต้องเป็นเพราะนางตัวซวยนี้เป็นแน่ พวกเขาสี่คนพ่อแม่ลูกจึงมองไปยังเด็กหญิงผู้ที่ถูกมัดติดอยู่กับเสาเป็นทางเดียว

“แล้วมีวิธีแก้หรือไม่เจ้าคะ” นางจางละจากใบหน้าลูกนอกไส้หันมาถามนักพรตผู้ชราอีกครั้ง

“มี ประสกจะต้องให้เด็กคนนั้นออกจากบ้านอย่างต่ำ ๆ เป็นเวลาเจ็ดปีและห้ามเกี่ยวข้องกันอย่างเด็ดขาด” นักพรตเฒ่ายังคงแสดงบทบาทของตนตามที่ได้รับ

“หมายความให้พวกเราตัดขาดจากนางอย่างนั้นหรือขอรับ” ฉินหย่งถามออกมาเสียงดัง

“ประสกเข้าใจถูกต้องแล้ว หากว่าประสกยังคิดจะยุ่งเกี่ยว กับนางไม่ว่าจะทางตรงหรืออ้อมความโชคร้ายก็จะมาเยือนครอบครัวของประสกอย่างไม่จบสิ้น” ผู้สวมบทบาทนักพรตกล่าวดักทาง เขาผู้ซึ่งผ่านร้อนหนาวมาย่อมเข้าใจในสายตาความโลภของคนบ้านนี้โดยเฉพาะนางจางที่น่าจะกำลังมีแผนร้ายอยู่ในใจ

“เอาไว้ข้าขอลองคิดดูก่อนยังไงนางก็ยังเป็นบุตรสาวของข้า” นางจางแสร้งยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา

เมื่อผู้ใหญ่บ้านรวมถึงชาวบ้านที่เห็นการกระทำอันเสแสร้งของนางจางพวกเขาก็ไม่เอ่ยปากพูดอะไรจึงได้พากันเดินตามหลังนักพรตเฒ่าที่เอาแต่ท่องอามิตาพุทธออกมา

หลังจากคนผู้มาเยือนทั้งหมดจากไปแล้วนางจางจึงคิดจะขายฉินเซียวให้เป็นเจ้าสาวเด็ก ในความคิดของนางนั้นหากจะให้ตัดขาดกับเด็กโง่นั่นโดยไม่ได้เงินย่อมไม่มีทางเป็นไปได้สู้ขายแล้วเอาเงินมาใช้จะดีกว่า

“ข้าจะไปบ้านต้าหวาง” นางจางบอกกับสมาชิกทั้งสามที่ยังยืนอยู่หน้าบ้าน

“เจ้าคิดจะทำอะไรไม่ได้ยินคำทำนายหรือว่า หากว่ายังยุ่งกับนางความซวยจะมาเยือนอีก” ฉินหย่งกล่าวทัดทานแม้เขาจะรักเงินแต่เรื่องแบบนี้เขาค่อนข้างเชื่อเป็นพิเศษ

“เชอะข้าไม่กลัวหรอกใครจะรู้ว่าจริงหรือไม่ หากขายได้เงินย่อมดีกว่าอยู่แล้วหรือท่านไม่อยากได้” จางหม่านซิงพูดเยาะ

“ก็ได้เจ้าอยากทำอะไรก็ตามใจแต่หากความซวยมาเยือนข้าจะโทษเจ้า” ฉินหย่งกล่าวอย่างคนเห็นแก่ตัว เงินเขาก็อยากได้ดังนั้นหากเกิดความผิดพลาดอย่ามาโยงเขาเข้าไปเกี่ยว

นางจางหาได้สนใจคำขู่ของสามีผู้เสเพลไม่ ดังนั้นนางจึงรีบเดินลัดเลาะไปทางหมู่บ้านของคนขายเนื้อที่อยู่ติดกัน

ต้าหวางที่ว่านี้เขาเคยแต่งงานแล้วภรรยาตกตายทันทีหลังจากเข้าหออาจเป็นเพราะตกใจในการกระทำอันป่าเถื่อนของคนผู้นี้หรือสาเหตุอื่นก็ไม่มีผู้ใดรู้อย่างแน่ชัด

ทางด้านนักพรตเฒ่าเมื่อเดินมาถึงบ้านของผู้ใหญ่บ้านเขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งยวด จึงคิดอยากจะรู้ผลของวันพรุ่งนี้เพราะหากนางจางยังไม่ปล่อยตัวเด็กหญิงตัวเล็กวันนี้ นางคนนั้นจะต้องมีแผนการร้ายบางอย่างอย่างแน่นอน

“ประสกผู้ใหญ่บ้าน คืนนี้อาตมาจะขอพักที่นี่ได้หรือไม่ เนื่องจากข้าผู้ทรงศีลจะสวดไล่สิ่งอัปมงคลให้ จนกว่านางผู้นั้นจะทำตามที่ข้าบอกเพื่อให้ชาวบ้านไม่เดือดร้อนไปด้วย

เจ้าไม่ต้องกลัวว่าข้าจะอยู่นานพอพรุ่งนี้เช้าหากบ้านนางเกิดเรื่องนางจะรู้เองว่าที่ข้าพูดเป็นความจริง ส่วนข้าก็จะจากไปพร้อมเด็กหญิงผู้นั้นเพื่อให้นางได้ออกห่างจากหมู่บ้านแห่งนี้” นักพรตเฒ่ากล่าวเสียงอ่อนโยนพลางสบตาชาวบ้านทุกคนที่ยังอยู่ด้วยความเป็นห่วง

“พรุ่งนี้จะเกิดเรื่องกับครอบครัวฉินหรือขอรับ” ผู้ใหญ่บ้านเมื่อได้ฟังเรื่องปั้นแต่งของนักพรตก็รู้สึกตกใจจนต้องถามออกมา

“ใช่แล้วล่ะหากคนบ้านนั้นยังคงดื้อดึงพวกเจ้าก็รอดู   หายนะของครอบครัวนั้นเถอะว่าจะเป็นดั่งคำของข้าหรือไม่” นักพรตผู้ชรากล่าวออกมาอย่างมั่นใจทั้งที่ในใจก็ค่อนข้างวิตกกังวลแต่ในเมื่อเดินหน้าแล้วก็มีแต่ต้องไปให้สุดทาง

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอเชิญท่านพำนักที่นี่เถอะขอรับ” ผู้ใหญ่ บ้านที่อยากพิสูจน์ความจริงเชื้อเชิญ

ทางด้านนางจางที่ตอนนี้ก็ได้เดินมาถึงบ้านคนขายเนื้อที่ว่าแล้ว นางได้ยืนอยู่หน้าบ้านเอามือปิดจมูกเนื่องจากได้กลิ่นคาวของสถานที่แห่งนี้ด้วยความรังเกียจ

“มีใครอยู่ไหมข้าจางหม่านซิงเอง” นางเอามือข้างที่ว่างเคาะประตูส่งเสียงอู้อี้ออกไป

นางรออยู่สักพักประตูบานไม้ก็เปิดออกก่อนที่จะตามมาด้วยร่างชายอ้วนหนวดเครารกรุงรังกลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยวชวน     พะอืดพะอม

“เจ้ามีธุระอะไรวันนี้เนื้อขายหมดแล้ว” ต้าหวางเปิดปากที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเหล้าถามสีหน้าไม่ยินดียินร้าย

“เจ้าอยากได้ภรรยาไม่ใช่หรือ ที่บ้านข้าตอนนี้ต้องการเงิน หากเจ้าสนใจเราก็มาคุยเรื่องราคากัน” นางจางกล่าวออกมาอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้มแม้ในใจจะรู้สึกสะอิดสะเอียนกับคนผู้นี้ก็ตาม

“บุตรสาวเจ้ายังเล็กไม่ใช่หรือเจ้าจะให้ข้าซื้อนางมาเลี้ยงหรืออย่างไร ข้าไม่ต้องการหรอกเสียเวลา” ชายผู้นี้บอกปัด

“นางอายุแปดหนาวแล้วทำงานบ้านได้ทุกอย่าง อีกแค่เจ็ดแปดปีนางก็สามารถเป็นภรรยาให้เจ้าได้เจ้าลองคิดดูให้ดี” หม่านซิงพยายามเกลี้ยกล่อม

ชายร่างอ้วนผู้นี้ครุ่นคิดแต่เขาก็ยังจัดได้ว่าเป็นคนมีมันสมองอยู่บ้างจึงคิดอยากดูตัวว่าที่เจ้าสาวเด็กของตนก่อน

“ข้าขอไปดูใบหน้าของนางก่อนหากว่าถูกใจข้ายินดีจะจ่ายให้เจ้ายี่สิบตำลึงเงิน แต่หากไม่การค้าของเราก็ล้มเหลว” ต้าหวางกล่าวรวบรัดตัดบท

นางจางที่คิดว่าตัวเองจะได้เงินจากแกะอ้วนอย่างง่ายดายก็ทำสีหน้าไม่ค่อยดีนัก หากคนผู้นี้ไปเห็นใบหน้าเหมือนผีของเด็กนั่นนางก็ชวดเงินนะสิ

“คะ...คือว่านาง” จางหม่านซิงรู้สึกอึดอัดจะพูดอะไรก็พูดไม่ออก

“เจ้ามีปัญหาอะไรอีกหากว่าไม่สะดวกการค้าของเราก็ยกเลิกไป” ต้าหวางที่เห็นท่าทีของนางจางก็กล่าวตัดบทอีกครั้งด้วยความรำคาญ

“ได้ ๆ พรุ่งนี้ท่านก็ลองไปดูที่บ้านข้าก็แล้วกันวันนี้ข้าขอตัว” จางหม่านซิงที่เห็นท่าทีของชายผู้นี้จึงได้ตอบรับออกมาอย่างรวดเร็ว

“ก็แค่นั้น” ต้าหวางกล่าวจบก็เข้าบ้านปิดประตูใส่หน้านางจางทันที

ระหว่างทางเดินกลับบ้านของตนนางแม่ผู้ชั่วร้ายก็คิดหาวิธีจะทำอย่างไรถึงจะปกปิดรอยแผลของฉินเซียวไปตลอดทางจนกระทั่งถึงบ้านนางก็ยังหาวิธีไม่ออกและใบหน้าที่เละเหมือนผีของลูกนอกสายเลือดนางก็ไม่อยากมอง

“นางจางเมื่อกลับมาแล้วก็ไปทำงานในทุ่งเสียสิข้าจะเข้าไปในเมือง ก่อนเจ้าไปทุ่งนาก็เอาเงินมาให้ข้าด้วยล่ะ” ฉินหย่งกล่าวอย่างไร้ยางอาย

“ท่านพี่ข้าบอกท่านไปแล้วว่าไม่มีเงิน” นางจางกล่าวออกมาอย่างหมดความอดทนเช่นกัน งานในทุ่งนาก็จะให้นางทำคนเดียวตัวเองเป็นสามีก็ไม่คิดช่วยจ้องแต่จะเอาเงินไปเล่นพนัน

“เจ้ากล้าเสียงดังใส่ข้าเหรอหากไม่มีเงินข้าก็จะไปบอกผู้ใหญ่บ้านเรื่องขายที่ดิน” ผู้ที่เสพติดการพนันตวาดเสียงดัง

“หากไม่มีที่ดินพวกเราก็ไม่มีที่ทำนาแล้วต่อไปจะเอาอะไรกิน ต้าอีก็ยังต้องไปสำนักศึกษานะหรือว่าท่านไม่อยากให้ลูกเป็นขุนนางแล้ว” นางจางเอาจุดอ่อนเรื่องลูกชายยกมาขู่

“ก็ได้ข้าไม่ขายก็ได้แต่เจ้าต้องเอาเงินมาให้ข้า ไหนว่าเจ้าไปบ้านต้าหวางมาไม่ได้เงินมาหรือ” ฉินหย่งยอมอ่อนข้อ

“ยังไม่ได้ เขาจะมาดูหน้ามันก่อนพรุ่งนี้” นางจางกล่าวออก มาอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

“ดูหน้า หน้าเด็กนั่นตอนนี้เหมือนผีขนาดนั้นต้าหวางเห็นไม่กระเจิงไปก่อนหรอกหรือ เจ้าโง่หรือไงถึงจะให้เขามา” ฉินหย่งกล่าวออกมาอย่างเดือดดาล ในระหว่างที่คนทั้งสองโต้เถียงกันภายในบ้านหมูด้านนอกก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างหิวโหยเพราะถึงเวลากินของมันนานแล้ว

“นั่นหมูร้องแล้วเจ้ารีบไปทำงานเลย” ฉินหย่งเอ่ยปากไล่ภรรยาก่อนที่มันจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน

ฉินเซียวที่ยังคงถูกมัดอยู่กับเสาได้ยินเสียงโต้เถียงของคน ทั้งสองภายใจของนางก็ยิ้มเยาะชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ช่างเป็นคู่ที่นรกบันดาลเสียจริงเธอคิด

วันนี้ทั้งวันฉินเซียวก็ยังคงเป็นผู้ถูกลืมเหมือนเคยหากว่าเธอไม่มีโป๊ยข่วยและมิติเด็กหญิงคิดว่าเธอคงตายไปหลายรอบแล้ว เนื่องจากไม่ได้กินดื่มมาตลอดหนึ่งคืนกับอีกสองวัน

จนกระทั่งเช้าวันต่อมานางจางที่กังวลถึงเรื่องของต้าหวางจึงไม่ได้ทันสังเกตสิ่งใดทั้งสิ้นว่าวันนี้เหตุใดหมูตัวใหญ่จึงไม่ส่งเสียงร้องขออาหารเฉกเช่นดั่งทุกวัน

ซึ่งผิดกับฉินเซียวผู้รู้แล้วว่าหมูตัวนั้นบัดนี้อาจจะกำลังป่วยหนักและอาจจะตกตายลงในไม่ช้า

เหล่าชาวบ้านหลังจากที่พวกเขากินข้าวเช้ากันเสร็จก็ได้พากันเดินทางมารวมตัวที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านเพื่อหวังจะไปยังบ้านครอบครัวฉินด้วยหวังจะชมเรื่องเคราะห์ร้ายของผู้อื่น ว่าคำทำนายของนักพรตจะเป็นจริงหรือไม่

ทางต้าหวางผู้มีหนวดเครารกรุงรังก็กำลังเดินไปทางบ้านนางจางเช่นเดียวกันและบังเอิญก็ได้พบกับชาวบ้านมาก มาย นักพรตผู้เฒ่าพิจารณามองชายร่างอ้วนผู้มีกลิ่นกายเหม็นเปรี้ยวโชยออกมาจากร่างเขาก็หรี่ตาลงพลางครุ่นคิดในสิ่งที่ตนได้คาดไว้เมื่อวานในเรื่องท่าทางของนางจางที่

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่73 เจ้าสิ่งนี้คือผักอะไร

    “ลูกรัก แล้วพวกเราจะเอาไปทำอาหารอะไรกันดีมันมีเยอะอยู่นะ” หนิงเซียนรีบเอ่ยถามบุตรสาวเพราะนางไม่เคยเห็นผักชนิดนี้มาก่อน“ข้าจะนำมาผัดเต้าหู้ก้อนที่ท่านแม่ทำไว้อย่างไรล่ะเจ้าคะ อีกทั้งถั่วงอกยังทำอาหารได้หลากหลายอีกด้วย ข้าจะแสดงฝีมือให้พวกท่านชิมเจ้าค่ะ” เด็กหญิงตอบมารดาด้วยรอยยิ้มดวงตาเป็นประกาย“แต่ว่าคงจะต้องเป็นช่วงเย็นแล้ว เพราะตอนนี้ข้าได้เวลาจะต้องไปเรียนฝังเข็มแล้วเจ้าค่ะ” ฉินเซียวกล่าวเสียงอ่อย“เจ้าอย่าได้เหนื่อยถึงเพียงนั้น เจ้าบอกแม่มาว่ามันทำอย่างไร แม่จะทำออกมาให้เจ้ากินเอง” หนิงเซียนเอามือลูบผมบุตรสาวกล่าวอย่างเป็นห่วงบุตรีตัวน้อย“ถ้าอย่างนั้นข้าจะอธิบายวิธีการทำถั่วงอกผัดเต้าหูก่อนนะเจ้าคะ แล้วก็ทำซุปถั่วงอกใส่ผักดอง ท่านแม่วันนี้ท่านก็ทำผัดเปรี้ยวหวานเส้นถู่โต้วด้วยเลยเจ้าค่ะ ข้ามีลางว่าเราจะทำเงินจากพวกมันได้” ผู้เป็นลูกกอดเอวมารดากล่าวอย่างออดอ้อน“ได้ แม่ตามใจเจ้า” หนิงเซียนกระฉับอ้อมแขนของตนโอบกอดบุตรอย่างรักใคร่ทำให้พี่ชายอีกสองคนต่างเดินเข้ามากอดผู้เป็นน้องสาวกับแม่ของตนด้วย โดยคนเป็นพ่อได้แต่ยืนมองภาพด้านหน้าด้วยความสุขที่เข

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่72 เชื่ออย่างหมดใจ

    แม้ว่าเขาจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ จนเมื่อคนเหล่านั้นได้เห็นเองกับตา ในระหว่างที่เด็กทั้งหมดขึ้นไปนั่งบนหลังเสือฉินเต๋อก็ได้บังคับรถม้ามาเห็นภาพดังกล่าว“ไป๋หู่ ข้าฝากเด็ก ๆ ด้วยนะ” ฉินเต๋อหยุดรถม้าบอกกล่าวสหายของบุตรสาวตัวโต ไป๋หู่ทำเพียงชำเรืองมองเขาอย่างเกียจคร้านก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมาแผ่วเบา“เสือ ฝูหมิงน้องรีบพาทุกคนหนีออกมาเร็ว” ช่างหลิวเมื่อได้ยินเสียงของไป๋หู่เด็กหนุ่มจึงได้ลืมตามองออกไปด้านนอก จากนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดส่งเสียงดังด้วยความตกใจ“เจ้าช่วยควบคุมอารมณ์ด้วย แล้วมองให้ดีสิ” ซินฉีกล่าวกับเด็กหนุ่มอย่างไม่ใส่ใจ“เจ้าเฒ่าเหตุใดเสือพวกนั้นถึงยอมให้เด็กพวกนั้นขึ้นไปขี่หลังของมันได้ง่ายดายขนาดนั้น” หลวนคุนแม้ว่าคราแรกเขาจะตกใจเช่นเดียวกับช่างหลิว แต่เมื่อเห็นภาพที่เสือสองตัวใหญ่ยอมหมอบตัวลงให้เด็กทั้งแปดขึ้นหลังเขาจึงได้รู้สึกแปลกใจแทน“ครอบครัวเสือเป็นสหายของลูกศิษย์ข้าเอง นางบอกข้าแบบนั้น” ซินฉีเอามือลูบเคราแพะของตนตอบเสียงเรียบ“สหายอย่างนั้นหรือ” หลวนคุนทวนคำด้วยความแปลกใจ“คนเป็นเพื่อนกับพยัคฆ

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่75 ช่วยเหลือคนคุ้นเคย

    ไม่รู้จักเจ้าค่ะ” ฉินเซียวปฏิเสธ“อ้าว แต่เจ้ารู้จักชื่อของนางหรือว่าท่านเทพจะให้เจ้าช่วยเหลือนางใช่หรือไม่” หนิงเซียนกระซิบข้างหูบุตรีถามเสียงเบา“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ แล้วอีกอย่างท่านแม่อย่าได้กังวลไปเลยข้าในตอนนี้ไม่ได้เป็นอันใดแล้วจริง ๆ” ฉินเซียวกล่าวกับมารดาเสียงเบายกยิ้มยืนยันให้คนเป็นแม่“เจ้าไม่เป็นอันใดก็ดี คราวหลังเจ้าอย่าได้ร้องไห้เช่นนั้นอีกเลยหัวใจแม่เจ็บปวดนัก” หนิงเซียนเอามือลูบผมของลูกสาวอย่างอ่อนโยน ซึ่งการกระทำของนางก็อยู่ภายใต้สายตาของเยว่เสี่ยง ทำให้นางมองความอบอุ่นตรงหน้าด้วยความรู้สึกอิจฉาที่นางไม่มีมารดาเหมือนผู้อื่น“พี่สาวเจ้าคะ ท่านเป็นอันใดหรือไม่” ฉินเซียวเมื่อเห็นใบ หน้าอันผิดแปลกไปของหญิงแรกรุ่นนางนี้เธอจึงได้เอ่ยถามด้วยความสงสาร ด้วยนางรู้ชะตาของนางร้ายคนนี้เป็นอย่างดี“เจ้าอัปลักษณ์เจ้าเปลี่ยนชะตาของนางได้นะ” โป๊ยข่วยเอ่ยออกมาเมื่อรับรู้ความคิดของคู่หู“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเปลี่ยนเพราะนางเป็นคนดี” ฉินเซียวสื่อสารกับกระจกเทพอย่างยินดี แล้วการสนทนาของกระจกเทพกับเด็กหญิงตัวน้อยก็หยุดลง“ขะ...ข้าไม่เป็นอันใดหร

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่71 แลกเปลี่ยนระหว่างกัน

    “เจ้าไม่ต้องสุภาพนักหรอก เจ้ารีบกินมันเข้าไปตอนยังร้อนเถอะ” หลวนคุนรีบเอ่ยแย้ง“ขอรับ” ช่างหลิวจึงได้นำช้อนที่ซินฉีส่งให้ตักซุปไก่เข้าปากทันทีก่อนที่เขาจะเบิกตากว้าง“รสชาติเป็นอย่างไรหากว่ามันไม่อะ…” ซินฉียังพูดไม่ทันจบเสียงของเด็กหนุ่มก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาก่อน“อร่อยขอรับ มันอร่อยมากเลยข้าไม่คิดว่าอาหารยาจะอร่อยถึงเพียงนี้” ช่างหลิวยกยิ้มอย่างพอใจ“อ๋อเป็นเช่นนั้นถ้ามันอร่อยก็ดี แล้วถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กินให้หมดถ้วยเถอะหากยังไม่พอก็ยังมีในหม้ออีก” หลวนคุนเอ่ยอย่างโล่งอก“ขอรับ ข้าต้องขอบพระคุณท่านหมอมาก” ช่างหลิวยกยิ้มมองหมอทั้งสองด้วยความซาบซึ้งใจ“จุ๊ ๆ เจ้าอัปลักษณ์อาจารย์ของเจ้ากับเจ้านี่ช่างเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกันเลย ช่างสมกับเป็นศิษย์อาจารย์กันเสียจริง” กระจกเทพที่รับรู้เรื่องราวของอีกห้องได้ลอยตัวมาบอกกับสหาย“นะ...นั่นเจ้ากำลังจะลงเข็มผิดแล้ว มีสมาธิหน่อยสิ” แต่กระจกเทพก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาด้วยความตกใจ“ก็ข้ามัวแต่ฟังเจ้าอยู่นี่นา ฮู่ว์! เกือบไป” ฉินเซียวถอนหายใจอย่างโล่งอกแม้จะเป็นการฝึกก็ตาม“แม้สิ่งนี้จะเป็นเพียงหุ่

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่74 โชคชะตาที่ต้องเจอ

    ในระหว่างการขายผลลี่จื่อนั้นฉินเซียวก็ได้บอกกับลูกค้าว่าร้านของนางน่าจะขายได้พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายเพราะผลสุกของมันนั้นหมดแล้ว“หมดแล้วอย่างนั้นหรือ ต่อไปข้าจะไปซื้อกินที่ไหนได้” ชายวัยกลางคนลูกค้าประจำกล่าวอย่างเสียดาย“เอาไว้ปีหน้านะเจ้าคะ” ฉินเซียวแย้มยิ้มบอกชายวัยกลาง คนผู้นั้น นางเองก็รู้สึกเสียดายเงินเหมือนกันต่อให้ปลูกต้นลี่จื่อเพิ่มก็ยังช้าอยู่ดี อีกอย่างในครึ่งเดือนข้างหน้านางกับพี่ ๆ ก็จะต้องไปเรียนกันด้วย“แม่หนู ที่เจ้าพูดนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ แล้วอย่างนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจะกินอะไรได้กันล่ะ” พ่อบ้านผิงกล่าวอย่างเศร้าหมอง“ข้าคิดว่าลองให้ฮูหยินผู้เฒ่ากินผักสดดีหรือไม่ น่าจะดีกว่ากินผลลี่จื่อกับผักดองอย่างเช่นทุกวันนี้” ฉินเซียวเอ่ยแนะพ่อบ้านชรา“ผักสดอย่างนั้นหรือ อากาศเย็นขนาดนี้อีกทั้งใกล้ปีใหม่หิมะก็จะตกที่ไหนจะมีผักสดขายกัน” ชายชรายิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกหดหู่หากมีผักสดเขาคงจะไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก“หากข้ามีท่านจะซื้อหรือไม่ แต่ข้ามีไม่เยอะนะเจ้าคะ อันที่จริงที่ข้าบอกท่านนั้นก็เป็นเพราะข้าเห็นใจคนชราเจ้าค่ะ” ฉินเซียวกระซิบเส

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   ตอนที่70 อาหารยา

    “เป็นเจ้า” หลวนคุนเอ่ยเสียงดัง“เจ้าเฒ่าสบายดีหรือไม่” ซินฉีทักสหายรักด้วยรอยยิ้ม“สหายน่าชังอย่างเจ้ายังมีหน้ามาถามว่าข้าสบายดีอยู่อีกหรือ เล่นทิ้งงานไว้ให้ข้าเพียงผู้เดียว” หลวนคุนได้ทีกล่าวประชดประชันคนหน้าตายผู้นี้ แม้ว่าเขาจะไปหายาถอนพิษก็ตามแต่แม้จดหมายก็ไม่ส่งข่าวมันก็เกินไป“เอาน่าเจ้าอย่าได้โมโหนัก ตอนนี้ข้าก็กลับมาแล้ว เอาไว้ข้าสั่งสอนศิษย์จนทั้งสองเข้าสำนักศึกษาได้ข้าจะกลับไปช่วยเจ้าก็แล้วกัน” ซินฉีเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม“เจ้ายังรู้สำนึกแต่อีกสองเดือนเลยนะ ว่าแต่เรื่องพิษของเจ้าล่ะเป็นอย่างไรบ้างข้าได้ตัวยาสำคัญมาแล้วนะ แต่จะว่าไปหากนางเป็นศิษย์ของเจ้าเรื่องยาก็คงไม่ต้องห่วงแล้วสิ” หลวนคุนรีบถามสหาย แต่พอเขาฉุกคิดได้ว่าผู้ใดเป็นคนนำสมุนไพรหายากชนิดนั้นมาขายให้ตนชายชราก็นิ่งเงียบไป“หายดีแล้วละ เรื่องนี้ต้องยกความดีให้ศิษย์เอกตัวน้อยของข้า” ซินฉียกยิ้มตอบด้วยความภูมิใจ“ข้าดีใจด้วยเจ้าจะได้หยุดออกเร่ร่อนเสียทีและมาช่วยข้าทำงานได้แล้ว ว่าแต่ศิษย์ของเจ้าอีกคนเป็นใคร” หลวนคุนอดเอ่ยถามสหายไม่ได้เพราะเขาเคยได้ยินว่าสหายจะรับศิษย์เพียงคนเ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status