วันต่อมา
ฉันตื่นเช้ามาอุ่นกับข้าวและทำอาหารง่าย ๆ เพิ่มอีกอย่างคือ ไข่กระทะ ให้พี่นธีที่มีเรียนเช้าวันนี้ได้กินก่อนที่จะไปเรียน
"..." ประตูห้องตรงข้ามเปิดออกทันทีเมื่อถูกรบกวนโดยฉันเอง
ตอนนี้พี่นธีเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเป็นเสื้อช็อปคณะวิศวะ สีกรมท่ากับกางเกงยีน กลิ่นกายหอม ๆ ที่ไม่ได้มาจากน้ำหอมแต่น่าจะเป็นกลิ่นครีมอาบน้ำทำให้เขามีเสน่ห์จนสาว ๆ กรี๊ดสลบได้แน่นอน
"กินข้าวเช้าค่ะ" ฉันส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพราะเจ้าของห้องหันหลังให้แบบเดิมเป็นการอนุญาตตามแบบฉบับของพี่นธี
ฉันเดินไปเอากับข้าวในห้องมาเพิ่มอีกจากนั้นก็ล็อกห้องตัวเองแล้วมากินข้าวห้องของเขา อย่างกับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
แต่เสียดายที่สีหน้าเขาไม่ยินดียินร้ายสักเท่าไร
เมี้ยววว
"หืม ยังไม่ได้กินอะไรเหรอน้องเหมียว" ฉันนั่งลงไปคุยกับเจ้าเหมียวน้อยที่กำลังเอาแก้มของมันมาถูไถอ้อนฉันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู "พี่นธีไม่เอาข้าวให้หนูกินเหรอคะ ยังผอมอยู่เลย"
"คงจะตอบ" พี่นธีพูดเสียงเรียบพร้อมกับปรายตามองฉันแล้วเดินไปนั่งสวมถุงเท้าที่โซฟา "มันไม่ยอมกินเอง"
ฉันฟังสิ่งที่เขาพูดแล้วเดินไปดูอาหารในชามหวานแหววที่รุ่นพี่เทเอาไว้แล้วยิ้มออกมา เขาคงไม่ได้เลือกมันเองหรอกนะ
"นี่มันอาหารแมวโตนี่คะ น้องยังเล็กจะกินได้ยังไง" ฉันหันไปบอกพี่นธี
"จะไปรู้ได้ไง" คนร่างสูงพูดจบก็เดินมาดูฉันที่อุ้มน้องแมวอยู่ "มาเลี้ยงเองเถอะ"
"เนยมาเลี้ยงอยู่แล้ว พี่ห้ามบ่นเบื่อขี้หน้าเนยแล้วกัน" ฉันพูดพร้อมกับยิ้มก่อนจะวางเจ้าแมวเหมียวลงและเดินไปล้างมือ "เนยจะขุนให้มันอ้วนเหมือนหมี"
"..." พี่นธีนิ่งมองฉันที่ทำท่าทางไร้สาระอยู่แล้วหันหลังไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวเหมือนจะเมินใส่
"พี่ตั้งชื่อให้มันหรือยัง" ฉันหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามแล้วจัดแจงถ้วยชามให้เขา
"ไม่"
"มันเป็นผู้หญิง ชื่ออะไรดีน้า ~"
"นิเนย" พี่นธีพูดแล้วตักข้าวกินคำโต
"จะเอาชื่อคนไปตั้งชื่อแมวได้ไง ถ้าพี่เรียกแมวแล้วเนยหันไปล่ะ" ฉันแกล้งทำหน้ามุ่ยใส่เขาแล้วตักข้าวใส่ปากตัวเอง
"..." พี่นธีเผลอยิ้มออกมาหลังจากฉันพูดจบแต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งดูดาวตก ที่อยู่ ๆ มันก็หายไปในพริบตาแล้วเขาก็ตีหน้ามึนต่อ
"ชื่อนธีดีไหม นธี ~" ฉันหันไปหาน้องแมวแล้วมันก็ตอบกลับมาด้วยเสียงร้องอย่างพอใจ "มันชอบชื่อนี้นะคะ"
"..." เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสายตาอำมหิตจนต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที "กวนประสาท"
ทีตัวเองยังจะตั้งชื่อว่านิเนยเลย...
"ชื่ออะไรดีน้า" ฉันทำท่าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมา "ชื่อปุยนุ่นไหมเพราะมันเป็นสีขาวค่ะ"
"ตามใจเธอ" เขาบอกเสียงเรียบแล้วกินข้าวต่อ นอกจากข้าวกับการนอนแล้วยังมีอะไรที่เขาสนใจเป็นพิเศษอีกไหมนะ
ดูเฉยชากับทุกเรื่องจริง ๆ
"น้องปุยนุ่น ~"
เมี้ยววว ~
@มหาวิทยาลัย
"แกทำภารกิจเสร็จยัง" เสียงของใบเฟิร์นเอ่ยถามตอนที่เรากำลังแวะซื้อน้ำที่คาเฟ่เล็ก ๆ ใต้ตึกเรียน
"เรียบร้อย"
"แกโชคดีจังวะไม่โดนรุ่นพี่แกล้ง" ใบเฟิร์นบ่นอุบอิบแล้วกดแชร์คลิปวิดีโอของตัวเองต่อ
"ใบเฟิร์น แกมีงานอะไรแนะนำฉันอีกไหม" ฉันหันซ้ายแลขวาก่อนจะกระซิบถามใบเฟิร์น
"ทำไม ร้านที่แกทำล่ะ"
"ไม่ทำแล้ว เมื่อคืนหนีกลับมาด้วย" ฉันถอนหายใจออกมายาว ๆ อีกสองเดือนก็ต้องลงทะเบียนเรียนอีกแล้ว เงินเก็บก็เหลือน้อยลงไปทุกที
"ทำไม มันก็ดีไม่ใช่เหรอ"
"เจอแขกนิสัยไม่ดีน่ะ ฉันไม่ชอบ" คิดถึงตอนนั้นแล้วก็ขยะแขยง ฉันเกลียดการถูกคนไม่รู้จักแตะต้องร่างกายที่สุดเลย
เหมือนมันเป็นปมในใจอย่างนั้นแหละ
"เดี๋ยวฉันลองหาดูนะ แต่ขอถามหน่อยเถอะทำไมแกต้องร้อนเงินขนาดนั้น พ่อแม่แกไม่ให้เหรอ" คำถามของใบเฟิร์นทำให้รู้สึกจุกอกไม่น้อยแต่ก็ต้องฝืนยิ้ม "แม่ฉันเสียแล้ว พ่อ... ตกงาน"
"อ่า... ฉันขอโทษนะถ้าทำให้แกรู้สึกไม่ดี นิเนย... ขอโทษ ฉันไม่รู้" ใบเฟิร์นรีบขอโทษทันทีด้วยความรู้สึกผิดกับสิ่งที่ถามออกไปพลางบีบไหล่ฉันเพื่อให้กำลังใจ
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้ว่าแกเลย" ฉันส่งยิ้มให้ใบเฟิร์นเพราะไม่อยากให้เพื่อนคิดมาก
"แล้วทำไมแกไม่ให้บอกยัยนิน แกคบกับมันมานานไม่ใช่เหรอ" ยัยนั่นขมวดคิ้วถาม
"เพราะคบกันมานานไงถึงต้องไม่ให้รู้ ยิ่งนานก็ยิ่งต้องเกรงใจ ญานินดีมากเกินไป ถ้ารู้ยัยนั่นต้องช่วยฉันจนตัวเองลำบากอีกคนแน่" ฉันบอกแล้วหลุบตามองต่ำ อีกอย่างฉันไม่อยากให้คนใกล้ตัวอย่างญานินมารับรู้เรื่องทุเรศ ๆ ของครอบครัวฉันด้วย
ญานินรู้จักและเคยสนิทกับครอบครัวฉันแต่นั่นแค่ตอนที่แม่อยู่ เธอรักและเคารพพ่อแม่ฉันมาก ไม่รู้ว่านินจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าครอบครัวของฉันที่เคยอบอุ่นกลายเป็นแบบนี้
อีกอย่างช่วงนี้ญานินก็ยุ่งวุ่นวายเรื่องแฟนเก่าและเรื่องรับน้องด้วย ถ้ารับรู้เรื่องของฉันเพิ่มอีกก็คงไม่ดี
"อืม ถ้ามีอะไรบอกฉันนะ ฉันจะช่วยแกเต็มที่"
"อื้ม ขอบคุณ"
"ทำไมช่วงนี้มาสายตลอดเลยยะหล่อน" ใบเฟิร์นหันไปแซวญานินที่เพิ่งจะเข้ามาในห้องเรียน อีกนิดเดียวก็จะเข้าสายกว่าอาจารย์แล้ว
"ก็ปกตินี่"
ญานินเป็นคนขี้เซาพอ ๆ กับพี่นธีนั่นแหละ พี่น้องกันก็ต้องมีนิสัยเหมือนกันบ้าง แต่เรื่องหนึ่งที่ไม่เหมือนคือความมีอัธยาศัย ยัยนี่พูดมากและเป็นมิตรกว่าพี่นธีเยอะ
แต่พื้นฐานชีวิตดี พ่อแม่สั่งสอนมาดีทั้งคู่จึงมีนิสัยและการเรียนที่ดีไม่มีขาดตกบกพร่องเลย ตั้งแต่คบกับญานินมาเรายังไม่เคยทะเลาะหรือมีปัญหากันเลยสักครั้ง
"ฉันว่าไม่ปกติ วันนั้นหลังจากแกไปกับพี่ทศกัณฐ์ก็ไม่ปกติอีกเลย" ใบเฟิร์นยังคงจับผิดเพื่อนต่อ
"พูดอะไรของแกเนี่ย คิดมากไปแล้ว"
"เลิกแซวมันเถอะหน้าแดงไปถึงหูแล้ว" ฉันส่ายหน้าเบา ๆ แล้วหันไปมองอาจารย์ที่กำลังจะเข้าสอน บทสนทนาของพวกเราก็หยุดลงแค่นั้นจนกระทั่งเลิกเรียน
"พรุ่งนี้ตรวจกิจกรรมแล้วนะ ญานินของแกเรียบร้อยไหม" ใบเฟิร์นถามเพื่อน
"แน่นอน"
"เบื่อการรับน้องที่สุดเลย กะอีแค่หัวเข็มขัดกับติ้ง ฉันจ่ายเงินซื้อก็ได้ไหม" ยัยนั่นยังคงบ่นไม่หยุด
"ซื้อแล้วมันไม่ภูมิใจไง" ฉันหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดออกมา
"เบื่อจริง ๆ"
หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จฉันก็ปลีกตัวออกมาจากเพื่อน อ้างว่ามีธุระแต่ไม่ได้บอกว่ามีธุระกับพี่นธี
จะว่าไปแล้วฉันไม่มีเบอร์โทรศัพท์หรือช่องทางติดต่อกับเขาเลย นอกจากการเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กที่พี่เขาแทบจะไม่อัพเดทอะไร จึงไม่รู้ว่าจะเล่นมันอยู่หรือเปล่า
ออนไลน์เมื่อ... สองวันที่แล้ว
เลยทำได้แค่นั่งอยู่ที่ห้องรับรองแขกล่างคอนโดมิเนียมเพื่อรอให้เขามาเพราะใกล้จะถึงเวลาบ่ายโมงที่เรานัดกันไว้แล้ว อีกเดี๋ยวก็คงมาละมั้ง
"นิเนย" เสียงใส ๆ ที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ฉันรีบหันไปมองทันที "แกมาทำอะไรที่นี่"
"ฉัน..." ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด ร่างสูงของใครอีกคนก็ก้าวเขามาพร้อมกับสีหน้านิ่งเรียบญานินจึงหันไปสนใจเขาแทน
"พี่นธี ! ลงมาพอดีเลยดีแล้วนินจะได้ไม่ต้องเหนื่อย นินได้รับมอบหมายจากคุณแม่ให้มาตรวจสอบ"
"อะไร"
Special lตอนนี้ฉันอยู่ปีสองส่วนพี่นธีก็อยู่ปีสี่แล้วจึงวุ่นวายกับการทำโปรเจ็กต์ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังต้องเจอกันทุกวันนอนด้วยกันทุกคืนเพราะถือว่าเราคือชีวิตประจำวันของอีกฝ่ายไปแล้วพี่นธียังคงเป็นคนน่ารักของฉันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกเสียจากเรื่องที่เขาพูดมากขึ้นและเปิดเผยสิ่งที่คิดในใจมากกว่าเดิมหลายเท่า"ปุยนุ่น มากินข้าว.." ฉันเรียกปุยนุ่นด้วยการเทอาหารเม็ดใส่ถ้วยของมัน พอได้ยินเสียงมันก็รีบวิ่งมาทันที ก่อนจะค่อย ๆ ละเมียดละไมกินอาหารในถ้วยที่มันเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวอย่างสบายใจเมี้ยว ~ ครืด ~ ครืด ~"คะ" (ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม) เสียงของพี่นธีดังขึ้นมาจากปลายสาย พอหันไปมองนาฬิกาก็เป็นเวลาเกือบทุ่ม เขาคงกำลังจะกลับเพราะทุกวันที่เขาทำงานในคณะกับเพื่อนตัวเองมักจะกลับห้องเวลานี้ตลอด"ยังค่ะ เนยรอกินกับพี่"(โอเคครับจะรีบกลับ) แล้วเขาก็กดวางสายไปปล่อยให้ฉันยิ้มกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่คนเดียว น่าแปลกที่เจอกันทุกวันแต่ก็ยังมีความสุขที่แฟนตัวเองโทร.หาและพูดคุยด้วยประโยคทั่วไปครืด ~ ครืด ~พอพี่นธีวางสายไปญานินก็โทร.เข้ามาต่อ ช่วงนี้มันดูกังวลเรื่องแฟนตัวเอง คิด
EP.49"ง้อแค่เนี้ย !" เขาพูดเสียงสูงด้วยความไม่พอใจแต่ก็ขยับตัวมาคร่อมฉันไว้บนเตียง"แค่นี้อะไร เนยง้อตั้งแต่ออกจากบ้าน""..." เขาทำหน้ามุ่ยแล้วก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาพูดใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจที่พ่นรดลงมาบนแก้ม "พูดแล้วนะว่าจะมานอนกับพี่""อะไรกัน พี่นธีบอกแล้วนะว่าไม่ต้องมา""เมื่อกี้แค่ประชด" ยอมรับว่าตัวเองประชดอีก"ลงไปกินข้าวได้แล้วผู้ใหญ่รอเรานะ" ฉันพยายามเบี่ยงตัวลุกขึ้นแต่อีกคนก็ล็อกไว้อย่างเดิม แล้วยังเอาจมูกมาคลอเคลียแก้มและลงไปซุกไซ้ซอกคออีก "อื้อ... พี่นธี เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย""คิดถึง" เขาไม่ฟังที่ฉันพูดเลยสักนิดเดียวเลื่อนใบหน้าขึ้นมาแล้วระดมจูบฉันอีกยกใหญ่ จากที่ทีแรกขัดขืนก็ต้องคล้อยตามจูบตอบเขาไป จนผ่านไปเกือบห้านาทีก็ได้ยินเสียงญานินโวยวายอยู่ข้างนอกฉันจึงรีบดันตัวพี่นธีออกทันทีคราวนี้เขายอมแต่โดยดี คงพอใจแล้วแหละ"แม่บอกให้ลงไปกินข้าว..." ยัยนินลากเสียงยาวแล้วเคาะห้องเบา ๆ เราสองคนจึงรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูออกจากห้อง "โอ๊ย ! อะไรของพี่เนี่ย !""..." พอเดินออกไปพี่นธีก็เอามือผลักหัวน้องตัวเองจนเซแล้วเดินเบี่ยงตัวออกไปเหมือนไม่พอใจที่ญานินมาข
EP.48"ฉันเกลียดผัวแก" พอใบเฟิร์นพูดจบฉันก็หันไปคาดโทษพี่นธีเพราะเขาชอบพูดให้คนอื่นรู้สึกแย่อยู่นั่นแหละ"แค่ล้อเล่นเอง" พี่นธีบอกใบเฟิร์นแล้วก็ทำหน้านิ่งแต่สุดท้ายก็อมยิ้มออกมา ยัยนั่นถึงได้โล่งใจเพราะคงคิดว่าจะได้เกลียดพี่นธีจริง ๆ คราวนี้"เนยแค่ใส่อันนี้ถ่ายรูป เดี๋ยวจะสวมตัวนี้ทับแล้วค่ะ" ฉันบอกพี่นธีก่อนจะหยิบเสื้อว่ายน้ำแขนยาวมาสวมทับ จนพี่นธีพอใจแล้วยอมยิ้มออกมา"ไปเล่นเครื่องเล่นกันเถอะ" ใบเฟิร์นชวนแล้วเดินนำเราไป ตอนนี้ญานินเลิกบ้าแล้ว จริง ๆ มันก็คงจะแค่แกล้งเล่นนั่นแหละ ยัยนินไม่ใช่คนที่จะงี่เง่าเป็นเด็กแบบนั้น"อันนี้เนยไม่เล่นนะ เนยกลัว" ฉันบอกแล้วก้าวถอยหลังมองเครื่องเล่นขนาดใหญ่ที่ดูหวาดเสียวนั่น"มาทั้งทีเล่นเถอะ" ว่าแล้วยัยใบเฟิร์นก็ลากแขนฉันขึ้นไปด้านบนสุดก่อนจะบังคับนั่งห่วงที่นั่งกันได้สี่คน รับรู้ได้ว่าหัวใจมันเต้นแรงแทบจะหลุดออก"ถ้าฉันหัวใจวายตายแกรับผิดชอบนะ" ฉันพูดแล้วจับมือพี่นธีกับมือยัยใบเฟิร์นอีกฝั่งไว้แน่น"แกไม่ตายหรอก คิดไว้ว่าถ้าตายพี่นธีจะมีเมียใหม่แกก็ไม่ตายแล้ว" ยัยใบเฟิร์นพูดจบพี่นธีก็หัวเราะออกมาเบา ๆ "พี่ !! ปล่อยเลยค่ะ""กรี๊ด !!" ฉันกรีดร้อง
EP.47"พี่ไม่ได้อยากกินเบียร์" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมกับดึงฉันลงไปนั่งคร่อมท่าเดิมแต่ครั้งนี้เราเปลือยเปล่าทั้งคู่ "อยากกินนมเมียมากกว่า"ฉันขำออกมากับคนหน้านิ่งที่ตอนนี้มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาแล้วยังคำพูดที่ดูไม่เหมาะกับพี่นธีอีก"ได้ค่ะเดี๋ยวเนยป้อนให้" ฉันขยับตัวขึ้นแล้วป้อนนมให้เขา สายตาพี่นธีเหมือนจะระทึกกับสิ่งที่ฉันทำไม่น้อย"อื้อ ~""อื้ม ~ เนย..." เสียงครางดังในลำคอเล็ดลอดออกมา ขณะที่เจ้าตัวเอาแต่ดูดเลียจนอกอวบคู่งามของฉันเต็มไปด้วยน้ำลายมันวาวทั้งสองข้าง เขาใช้มือประคองมันเข้าปากสลับไปมาอีกข้างบีบขยำฟ้อนเฟ้นเบามือจนเรียกความต้องการจากฉันมากขึ้นเรื่อย ๆฉันขยับมือไปกำรอบแกนกายใหญ่บีบเบา ๆ นวดคลายเป็นจังหวะแล้วชักรูดขึ้นลงจนพี่นธีต้องผละริมฝีปากออกครางเบา ๆ"เนย... พี่จะตายแล้ว ซี้ด ขยับมา" เขารีบเร่งเร้าฉันจึงตอบสนองด้วยกายจับแกนกายจ่อกับช่องทางรักที่เปียกชื้นแล้วขยับตัวนั่งลงจนมันเลื่อนเข้ามาสุดความยาว สร้างความเสียววาบหวามตรงช่วงท้องน้อย ภายในบีบรัดตัวตนของเขาอย่างพอใจ"เนยจะทำให้พี่มีความสุขนะคะ" ฉันยิ้มแล้วดันแผงอกของคนตัวโตกว่าจนเขาทิ้งตัวพิงกับโซฟา เรียกร้อยย
EP.46หลายเดือนต่อมา"พี่นธี... กับข้าวพร้อมแล้ว" ฉันเดินไปหาคนที่กำลังแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาอยู่ตรงกระจก ก่อนจะหยิบเอาเน็กไทที่มีเข็มกลัดมหาวิทยาลัยติดสวมให้เขาอย่างเอาใจ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเขาแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบแบบนี้"ขอบคุณครับ" คนพี่พูดเพราะแล้วส่งยิ้มเล็ก ๆ มาให้"วันนี้สอบเสร็จกี่โมงคะ" "สอบวิชาเดียว เที่ยงก็กลับมาแล้ว เนยสอบถึงสี่โมงใช่ไหมเดี๋ยวพี่ไปรับ" เขาพูดแล้วโน้มลงมาจุ๊บแก้มฉันพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่จะเห็นมันบ่อย ๆ"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเนยมากับเฟิร์นก็ได้"เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกฉันแล้วด้วย แทนตัวเองว่าพี่จนฟังดูอบอุ่นและใกล้ชิดกันมากขึ้น บางทีอากาศดี ๆ อารมณ์ดี ๆ ก็เรียกฉันว่าน้องเนยอีกต่างหาก น่ารักใช่ไหมล่ะพี่นธีไม่เคยขอฉันเป็นแฟนและเขาไม่เคยบอกรักฉัน มันอาจจะดูน่าน้อยใจเมื่อใครต้องเจอแบบนี้แต่ฉันว่ามันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการกระทำที่อีกฝ่ายมีให้เขาดีกับฉันทุกอย่างจนฉันลืมไปแล้วว่าเขาเคยร้ายกับฉันครั้งหนึ่ง'อันนี้ของนิเนย กินไม่ได้เดี๋ยวตื่นมางอนกูอีก กูง้อไม่เก่งนะไอ้คิว มึงวางลงเลย''เดี๋ยวกูถามเมียก่อนว่าให้ไปไหม''จะมีใค
EP.45หลายวันต่อมาหลังจากวันนั้นฉันก็อยู่เฝ้าพ่อตัวเองอีกสองวันจนหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล พี่นธีบอกให้พ่อฉันไปพักอยู่คอนโดมิเนียมที่แม่ของเขาซื้อเอาไว้ปล่อยเช่าเพราะเป็นห่วงความปลอดภัย เนื่องจากคู่กรณีของเราเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลพ่อของพี่นธีรู้จักกับพ่อฉันแค่ไม่ได้สนิทกันแต่ก็พอที่จะช่วยเหลือกันได้ ยิ่งตอนนี้พวกท่านคิดว่าฉันกับพี่นธีคบกันอยู่ด้วยพ่อแม่ของพี่นธีรู้จักฉันดีเพราะฉันคบกับญานินมานานและแวะเวียนไปที่บ้านบ่อย ๆ เรื่องของเราจึงไม่เป็นคำถามสำหรับพวกท่านนัก"พ่อแกหายดีแล้วใช่ไหม" ใบเฟิร์นถามขึ้นมาตอนที่ฉันกำลังเข้าห้องเรียนและหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้"อืม ดีแล้ว""เรื่องคดีล่ะ" ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ใบเฟิร์นฟังแล้ว ส่วนญานินไม่ต้องเล่ายัยนั่นก็รู้"เรื่องนั้นพี่นธีจัดการ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เลย" ฉันบอกไปตามจริงเพราะไอ้ที่พี่นธีพูดเป็นฉาก ๆ ไม่เข้าสมองฉันเลย"มีผัวดีก็ดีไป" ใบเฟิร์นพูดออกมาอย่างขำ ๆ สักพักญานินก็มา และตามหลังด้วยอาจารย์บทสนทนาจึงจบลง"ไปกินคณะบริหารไหม มีคนบอกให้ไปลองชิมร้านก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิก" ญานินเอ่ยแล้วรีบเก็บของตัวเอง "คนที่ว่านั่นพี่ทศกัณฐ์