"สิบเก้าค่ะ" ฉันตอบแล้วคลี่ยิ้มออกมาเพียงนิดตามมารยาท
"โอ้ ยังเด็กอยู่เลยนี่ ร้อนเงินเหรอ" คำถามนั้นทำให้ฉันหายใจฝืด ๆ
จะเรียกว่าร้อนเงินไหมไม่รู้ แต่ฉันต้องหาเลี้ยงตัวเองและเรียนไปด้วย เงินเก็บที่แม่ฝากไว้ให้ตั้งแต่เด็กตอนนี้มันเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ จึงต้องพยายามหามาเติมมันเผื่อฉุกเฉิน
ฉันจะไม่กินข้าวเช้าและบอกกับตัวเองว่าที่เป็นแบบนี้เพราะตื่นสาย แต่เหตุผลหลักคือมันประหยัดไปได้หนึ่งมื้อ หากมาทำงานที่ร้านฉันก็จะได้กินข้าวฟรี ๆ อีกมื้อตอนเย็น
"ไม่ค่ะ" ฉันตอบตรงข้ามกับความเป็นจริง
"อืม นึกว่าร้อนเงิน มีอะไรที่พอช่วยได้ไหมล่ะ บอกพี่ได้นะ" ชายคนนั้นยิ้มหวานแล้วมองฉันตาเป็นมัน เกลียดสายตาแบบนี้ที่สุดเลย
มันทำให้ฉันคิดถึงไอ้สารเลวนั่น
คำว่า 'พี่' มันใช้กับคนอายุรุ่นพ่อได้ด้วยเหรอ
"ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร" ฉันตอบแค่นั้นก่อนจะยิ้มอีกครั้ง แล้วรับแก้วเครื่องดื่มที่ชาย 'แก่' คนนั้นยื่นมาให้เติม
"พี่เขาใจดีนะ ถ้าน้องมีปัญหาก็บอกพี่เขาได้ เขาชอบช่วยเด็กน่ะ" เพื่อนเขาอีกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเสริมแล้วยิ้มกริ่ม
ฉันทำได้เพียงฝืนยิ้มและภาวนาในใจให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปโดยเร็วที่สุด แต่ดูเหมือนมันคงอีกนานพอสมควรเพราะตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่มครึ่งเท่านั้นเอง
จังหวะที่ฉันยื่นแก้วส่งไปให้ลูกค้าก็พยายามจะแตะต้องแกล้งจับมือถือแขนตลอด ความรู้สึกอึดอัดและรังเกียจเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด
ฉันหันไปมองพี่นธีอยู่บ่อย ๆ เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม นั่นมันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยในที่ตรงนี้เขาก็เป็นคนเดียวที่น่าจะทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย
จนกระทั่งเวลาเกือบเที่ยงคืนเขาก็ทำท่าจะลุกขึ้น เวลานั้นฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะกลัวว่าเขาจะกลับและไม่รู้ว่าคนพวกนี้จะทำอะไรหลังจากเมามายขึ้นมา
ด้วยฐานะและอิทธิพลจากคำว่า 'วีไอพี' ไม่รู้ว่าฉันจะเจออะไรและเจ้าของร้านก็คงจะไม่เห็นค่าฉันมากกว่าเงินของคนพวกนี้แน่ ๆ
"..." พี่นธีลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันมามองทางฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีไปแล้วเดินออกจากร้าน เขาคงไม่เห็นว่าฉันกำลังส่งสายตาขอร้องว่าอย่าเพิ่งไป
"ขอตัวสักครู่ค่ะ..." ฉันโค้งศีรษะให้ลูกค้าแล้วทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้นแต่ชายแก่วัยเกือบหกสิบนั่นกลับดึงข้อมือฉันเอาไว้แล้วกระชากลงไปนั่งบนตัก
"ปล่อยนะ !" ฉันขัดขืนและผลักมันออกเต็มแรงอย่างไม่ชอบใจแต่ไอ้แก่นั่นก็ไม่ยอมปล่อย
"ไม่เอาน่าหนู อยากทำงานแบบนี้ก็อย่าเล่นตัวนักสิ" ไอ้แก่ด้านหลังพูดแล้วพยายามจะคลอเคลียซอกคอฉันด้วยความน่ารังเกียจ
ปึก !
"อ๊ากกก ! นังนี่ !"
ฉันแทงศอกไปที่คางของมันเต็มแรงจนหน้าหัน ทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะพากันตกใจจากที่ตอนแรกหัวเราะชอบใจกันใหญ่ที่เห็นฉันอยู่ในเงื้อมมือของเพื่อนพวกมัน
"หนูไม่ชอบ อย่ามาทำแบบนี้ !!" พูดจบฉันก็วิ่งออกจากตรงนั้นทันที จนพี่ปายเจ้าของร้านรีบวิ่งเข้ามาดูแขกวีไอพีและหันมาบอกฉันเสียงแข็ง
"ไปรอที่ห้องประชุมงาน ก่อเรื่องจนได้ ! รู้ไหมว่าวีไอพีสำคัญกับร้านขนาดไหน" คนที่ฉันคิดว่าใจดีมาตลอดพูดขึ้น
"..." ฉันยืนนิ่งด้วยขอบตาที่ร้อนผ่าวพลางมองตามหลังพี่ปายไปด้วยความรู้สึกสับสน
ฉันควรอยู่รอเพื่อให้เขาด่าทอเรื่องที่ฉันไม่ยอมไอ้แก่นั่นเหรอ ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันยังไม่เห็นคุณค่ากันบ้างเลย
"ฮึก..." แม่... เนยควรทำยังไงดี
"..." อยู่ ๆ แขนของใครสักคนก็ยกขึ้นมาวางบนบ่าเล็กที่กำลังสั่นเทาจากการร้องไห้สะอื้น ฉันเกือบจะปัดท่อนแขนน่าสงสัยออกแต่เสียงเข้มคุ้นหูกลับดังขึ้นมาเสียก่อน "กลับ"
พี่นธีพูดเสียงเรียบแล้วปรายตาลงมามองฉัน ก่อนจะเอาแขนที่พาดบนบ่านั้นดันตัวฉันเดินไปข้างหน้าจนมาถึงนอกร้าน
"พี่นธี..." ฉันก้มหน้าลงและหันไปกอดเขาทันทีที่เดินออกมาถึงรถ หยาดน้ำตาไหลลงอาบแก้มราวกับธารน้ำจนเลอะชุ่มเสื้อของคนพี่เป็นดวงซึ่งดูไม่ดีเท่าไร
"โง่" เขาพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ผลักไสฉันออก ใช้มือที่พาดอยู่โอบไหล่ฉันไว้หลวม ๆ "รู้ว่าต้องเจอแบบนี้แล้วยังจะมาทำ"
เขาทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยอีกครั้งหลังจากที่เจอเรื่องแย่ ๆ ถึงแม้สิ่งที่ออกจากปากหยักตรงหน้าจะเป็นคำด่าแต่ฉันก็ไม่โกรธเลยสักนิดเดียว
พี่นธีพูดถูกที่ว่ามาทำงานแบบนี้ยังไงก็ต้องเจอเรื่องพวกนี้ แต่จะทำยังไงในเมื่อฉันไม่มีทางเลือกและคิดว่าจะไม่เจอคนพวกนี้ในเร็ววัน
"ฮึก ทำไมเนยต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ด้วย" ฉันยังคงร้องไห้อยู่ตรงแผงอกกว้าง บ่นเรื่องที่เขาอาจจะฟังไม่เข้าใจออกมา "จะไม่มีใครเห็นค่าเนยเลยเหรอ มีแต่คนหวังจะทำร้าย ฮือ ~"
"..." ได้ยินเสียงถอนหายใจของเขาดังออกมาหลังจากที่ยืนฟังฉันร้องไห้โวยวายหลายนาที
"ขอโทษค่ะ" ฉันค่อย ๆ ดันตัวออกจากคนร่างสูงเมื่อสติกลับคืนมาแล้วรีบปาดน้ำตาออกจากแก้มแบบลวก ๆ "เนยทำให้พี่เสียเวลาอีกแล้ว เสื้อเปื้อนด้วย"
"..." พี่นธีมองดูฉันแล้วไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
"เนยนึกว่าพี่จะกลับก็เลยกลัว คนพวกนั้นพยายามจะลวนลาม เนยก็เลยทำร้ายเขา" ฉันก้มหน้ามองพื้นพลางกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่เหมือนจะเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าเขากลับไปก่อน ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อจากนั้นแล้ว
"เธอไม่ผิด จะร้องทำไม"
"คะ ?"
"กลับได้แล้ว ง่วง" รุ่นพี่บอกเสียงนิ่งแล้วหันหลังเดินไปที่รถ ฉันจึงรีบเดินตามไปและนั่งบนรถของเขาเหมือนเมื่อวานราวกับหนังเรื่องเดิมที่ฉายซ้ำ
"ขอบคุณนะคะ" พอถึงหน้าห้องฉันก็หันไปบอกพี่นธีที่กำลังจะเปิดประตูห้องตัวเอง
"ไปดูไอ้นั่นหน่อย" เขาบอกเสียงเรียบแล้วมองฉัน คงจะหมายถึงน้องแมวละมั้ง ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจเพราะเขาชอบประหยัดคำพูดเกินไป
จริงสิฉันลืมน้องแมวไปเลย
"ค่ะ" ถึงแม้ตอนนี้จะเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่งแล้วแต่ฉันก็ยังคงตาโตเมื่อพูดถึงสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของเรา
น่าจะเรียกว่า 'ของเรา' ได้นะเพราะเขาให้ฉันเลี้ยงด้วย
พอเข้ามาในห้องเจ้าเหมียวตัวน้อยก็วิ่งมาหาทันที มันหยุดอยู่ที่เท้าของฉันก่อนจะเอาแก้มเอียงเข้ามาถูคลอเคลียและร้องเหมียว ๆ อย่างเป็นมิตร
"พี่เอามันอาบน้ำหรือยังคะ" ฉันนั่งลงไปและอุ้มเจ้าเหมียวจนได้กลิ่นตัวหอมฉุยขึ้นมาถึงได้รู้ว่ามันอาบน้ำและแปรงขนมาแล้ว "พี่เลี้ยงได้ไหมเพราะแมวขนมันจะร่วง ยิ่งตอนผลัดขนจะยิ่งเยอะ ต้องแปรงขนบ่อย"
"เธอก็มาดู" พูดจบเขาก็เอื้อมมือมาลูบหัวน้องแมวที่ฉันอุ้มไว้บ้าง "มาให้อาหารด้วย"
สรุปคือให้ฉันเลี้ยงแต่แมวอยู่ห้องเขาเนี่ยนะ
"งั้นให้น้องแมวไปอยู่ห้องเนยไหม จะได้ไม่รบกวนพี่" ฉันพูดแล้วลูบขนเหมียวเบา ๆ จนเจ้าตัวนุ่มเคลิ้มและหลับตาพริ้ม
"เจ้าของห้องนั้นไม่ให้เลี้ยง"
"นั่นสิ เนยลืมคิดเลย" ฉันวางน้องลงพื้นมันก็เดินนวยนาดไปนอนที่พรมหน้าโซฟาทันที "ซื้อกระบะทรายมาด้วยไหมคะ"
"คืออะไร"
"ก็ห้องน้ำแมวไง พี่จะให้มันเข้าห้องน้ำไหน" พอฉันถามพี่นธีก็ขมวดคิ้วยุ่งพลางมองฉันด้วยสายตาที่สื่อว่า 'เธอว่าฉันโง่เหรอ ก็คนมันไม่รู้'
"ถึงบอกว่าให้เลี้ยงเอง"
"พรุ่งนี้เนยไปซื้อมาก็ได้ค่ะ มีอีกหลายอย่างเลย"
"ว่างกี่โมง" พี่นธีเดินไปนั่งตรงโซฟาแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู
"คะ ?" ฉันหันไปถามด้วยความสงสัยแล้วก็เข้าใจความหมายทีหลัง "พรุ่งนี้เนยว่างบ่ายโมงค่ะ"
"เจอกันหน้าคอนโดฯ"
"...ค่ะ"
Special lตอนนี้ฉันอยู่ปีสองส่วนพี่นธีก็อยู่ปีสี่แล้วจึงวุ่นวายกับการทำโปรเจ็กต์ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังต้องเจอกันทุกวันนอนด้วยกันทุกคืนเพราะถือว่าเราคือชีวิตประจำวันของอีกฝ่ายไปแล้วพี่นธียังคงเป็นคนน่ารักของฉันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกเสียจากเรื่องที่เขาพูดมากขึ้นและเปิดเผยสิ่งที่คิดในใจมากกว่าเดิมหลายเท่า"ปุยนุ่น มากินข้าว.." ฉันเรียกปุยนุ่นด้วยการเทอาหารเม็ดใส่ถ้วยของมัน พอได้ยินเสียงมันก็รีบวิ่งมาทันที ก่อนจะค่อย ๆ ละเมียดละไมกินอาหารในถ้วยที่มันเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวอย่างสบายใจเมี้ยว ~ ครืด ~ ครืด ~"คะ" (ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม) เสียงของพี่นธีดังขึ้นมาจากปลายสาย พอหันไปมองนาฬิกาก็เป็นเวลาเกือบทุ่ม เขาคงกำลังจะกลับเพราะทุกวันที่เขาทำงานในคณะกับเพื่อนตัวเองมักจะกลับห้องเวลานี้ตลอด"ยังค่ะ เนยรอกินกับพี่"(โอเคครับจะรีบกลับ) แล้วเขาก็กดวางสายไปปล่อยให้ฉันยิ้มกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่คนเดียว น่าแปลกที่เจอกันทุกวันแต่ก็ยังมีความสุขที่แฟนตัวเองโทร.หาและพูดคุยด้วยประโยคทั่วไปครืด ~ ครืด ~พอพี่นธีวางสายไปญานินก็โทร.เข้ามาต่อ ช่วงนี้มันดูกังวลเรื่องแฟนตัวเอง คิด
EP.49"ง้อแค่เนี้ย !" เขาพูดเสียงสูงด้วยความไม่พอใจแต่ก็ขยับตัวมาคร่อมฉันไว้บนเตียง"แค่นี้อะไร เนยง้อตั้งแต่ออกจากบ้าน""..." เขาทำหน้ามุ่ยแล้วก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาพูดใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจที่พ่นรดลงมาบนแก้ม "พูดแล้วนะว่าจะมานอนกับพี่""อะไรกัน พี่นธีบอกแล้วนะว่าไม่ต้องมา""เมื่อกี้แค่ประชด" ยอมรับว่าตัวเองประชดอีก"ลงไปกินข้าวได้แล้วผู้ใหญ่รอเรานะ" ฉันพยายามเบี่ยงตัวลุกขึ้นแต่อีกคนก็ล็อกไว้อย่างเดิม แล้วยังเอาจมูกมาคลอเคลียแก้มและลงไปซุกไซ้ซอกคออีก "อื้อ... พี่นธี เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย""คิดถึง" เขาไม่ฟังที่ฉันพูดเลยสักนิดเดียวเลื่อนใบหน้าขึ้นมาแล้วระดมจูบฉันอีกยกใหญ่ จากที่ทีแรกขัดขืนก็ต้องคล้อยตามจูบตอบเขาไป จนผ่านไปเกือบห้านาทีก็ได้ยินเสียงญานินโวยวายอยู่ข้างนอกฉันจึงรีบดันตัวพี่นธีออกทันทีคราวนี้เขายอมแต่โดยดี คงพอใจแล้วแหละ"แม่บอกให้ลงไปกินข้าว..." ยัยนินลากเสียงยาวแล้วเคาะห้องเบา ๆ เราสองคนจึงรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูออกจากห้อง "โอ๊ย ! อะไรของพี่เนี่ย !""..." พอเดินออกไปพี่นธีก็เอามือผลักหัวน้องตัวเองจนเซแล้วเดินเบี่ยงตัวออกไปเหมือนไม่พอใจที่ญานินมาข
EP.48"ฉันเกลียดผัวแก" พอใบเฟิร์นพูดจบฉันก็หันไปคาดโทษพี่นธีเพราะเขาชอบพูดให้คนอื่นรู้สึกแย่อยู่นั่นแหละ"แค่ล้อเล่นเอง" พี่นธีบอกใบเฟิร์นแล้วก็ทำหน้านิ่งแต่สุดท้ายก็อมยิ้มออกมา ยัยนั่นถึงได้โล่งใจเพราะคงคิดว่าจะได้เกลียดพี่นธีจริง ๆ คราวนี้"เนยแค่ใส่อันนี้ถ่ายรูป เดี๋ยวจะสวมตัวนี้ทับแล้วค่ะ" ฉันบอกพี่นธีก่อนจะหยิบเสื้อว่ายน้ำแขนยาวมาสวมทับ จนพี่นธีพอใจแล้วยอมยิ้มออกมา"ไปเล่นเครื่องเล่นกันเถอะ" ใบเฟิร์นชวนแล้วเดินนำเราไป ตอนนี้ญานินเลิกบ้าแล้ว จริง ๆ มันก็คงจะแค่แกล้งเล่นนั่นแหละ ยัยนินไม่ใช่คนที่จะงี่เง่าเป็นเด็กแบบนั้น"อันนี้เนยไม่เล่นนะ เนยกลัว" ฉันบอกแล้วก้าวถอยหลังมองเครื่องเล่นขนาดใหญ่ที่ดูหวาดเสียวนั่น"มาทั้งทีเล่นเถอะ" ว่าแล้วยัยใบเฟิร์นก็ลากแขนฉันขึ้นไปด้านบนสุดก่อนจะบังคับนั่งห่วงที่นั่งกันได้สี่คน รับรู้ได้ว่าหัวใจมันเต้นแรงแทบจะหลุดออก"ถ้าฉันหัวใจวายตายแกรับผิดชอบนะ" ฉันพูดแล้วจับมือพี่นธีกับมือยัยใบเฟิร์นอีกฝั่งไว้แน่น"แกไม่ตายหรอก คิดไว้ว่าถ้าตายพี่นธีจะมีเมียใหม่แกก็ไม่ตายแล้ว" ยัยใบเฟิร์นพูดจบพี่นธีก็หัวเราะออกมาเบา ๆ "พี่ !! ปล่อยเลยค่ะ""กรี๊ด !!" ฉันกรีดร้อง
EP.47"พี่ไม่ได้อยากกินเบียร์" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมกับดึงฉันลงไปนั่งคร่อมท่าเดิมแต่ครั้งนี้เราเปลือยเปล่าทั้งคู่ "อยากกินนมเมียมากกว่า"ฉันขำออกมากับคนหน้านิ่งที่ตอนนี้มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาแล้วยังคำพูดที่ดูไม่เหมาะกับพี่นธีอีก"ได้ค่ะเดี๋ยวเนยป้อนให้" ฉันขยับตัวขึ้นแล้วป้อนนมให้เขา สายตาพี่นธีเหมือนจะระทึกกับสิ่งที่ฉันทำไม่น้อย"อื้อ ~""อื้ม ~ เนย..." เสียงครางดังในลำคอเล็ดลอดออกมา ขณะที่เจ้าตัวเอาแต่ดูดเลียจนอกอวบคู่งามของฉันเต็มไปด้วยน้ำลายมันวาวทั้งสองข้าง เขาใช้มือประคองมันเข้าปากสลับไปมาอีกข้างบีบขยำฟ้อนเฟ้นเบามือจนเรียกความต้องการจากฉันมากขึ้นเรื่อย ๆฉันขยับมือไปกำรอบแกนกายใหญ่บีบเบา ๆ นวดคลายเป็นจังหวะแล้วชักรูดขึ้นลงจนพี่นธีต้องผละริมฝีปากออกครางเบา ๆ"เนย... พี่จะตายแล้ว ซี้ด ขยับมา" เขารีบเร่งเร้าฉันจึงตอบสนองด้วยกายจับแกนกายจ่อกับช่องทางรักที่เปียกชื้นแล้วขยับตัวนั่งลงจนมันเลื่อนเข้ามาสุดความยาว สร้างความเสียววาบหวามตรงช่วงท้องน้อย ภายในบีบรัดตัวตนของเขาอย่างพอใจ"เนยจะทำให้พี่มีความสุขนะคะ" ฉันยิ้มแล้วดันแผงอกของคนตัวโตกว่าจนเขาทิ้งตัวพิงกับโซฟา เรียกร้อยย
EP.46หลายเดือนต่อมา"พี่นธี... กับข้าวพร้อมแล้ว" ฉันเดินไปหาคนที่กำลังแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาอยู่ตรงกระจก ก่อนจะหยิบเอาเน็กไทที่มีเข็มกลัดมหาวิทยาลัยติดสวมให้เขาอย่างเอาใจ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเขาแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบแบบนี้"ขอบคุณครับ" คนพี่พูดเพราะแล้วส่งยิ้มเล็ก ๆ มาให้"วันนี้สอบเสร็จกี่โมงคะ" "สอบวิชาเดียว เที่ยงก็กลับมาแล้ว เนยสอบถึงสี่โมงใช่ไหมเดี๋ยวพี่ไปรับ" เขาพูดแล้วโน้มลงมาจุ๊บแก้มฉันพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่จะเห็นมันบ่อย ๆ"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเนยมากับเฟิร์นก็ได้"เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกฉันแล้วด้วย แทนตัวเองว่าพี่จนฟังดูอบอุ่นและใกล้ชิดกันมากขึ้น บางทีอากาศดี ๆ อารมณ์ดี ๆ ก็เรียกฉันว่าน้องเนยอีกต่างหาก น่ารักใช่ไหมล่ะพี่นธีไม่เคยขอฉันเป็นแฟนและเขาไม่เคยบอกรักฉัน มันอาจจะดูน่าน้อยใจเมื่อใครต้องเจอแบบนี้แต่ฉันว่ามันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการกระทำที่อีกฝ่ายมีให้เขาดีกับฉันทุกอย่างจนฉันลืมไปแล้วว่าเขาเคยร้ายกับฉันครั้งหนึ่ง'อันนี้ของนิเนย กินไม่ได้เดี๋ยวตื่นมางอนกูอีก กูง้อไม่เก่งนะไอ้คิว มึงวางลงเลย''เดี๋ยวกูถามเมียก่อนว่าให้ไปไหม''จะมีใค
EP.45หลายวันต่อมาหลังจากวันนั้นฉันก็อยู่เฝ้าพ่อตัวเองอีกสองวันจนหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล พี่นธีบอกให้พ่อฉันไปพักอยู่คอนโดมิเนียมที่แม่ของเขาซื้อเอาไว้ปล่อยเช่าเพราะเป็นห่วงความปลอดภัย เนื่องจากคู่กรณีของเราเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลพ่อของพี่นธีรู้จักกับพ่อฉันแค่ไม่ได้สนิทกันแต่ก็พอที่จะช่วยเหลือกันได้ ยิ่งตอนนี้พวกท่านคิดว่าฉันกับพี่นธีคบกันอยู่ด้วยพ่อแม่ของพี่นธีรู้จักฉันดีเพราะฉันคบกับญานินมานานและแวะเวียนไปที่บ้านบ่อย ๆ เรื่องของเราจึงไม่เป็นคำถามสำหรับพวกท่านนัก"พ่อแกหายดีแล้วใช่ไหม" ใบเฟิร์นถามขึ้นมาตอนที่ฉันกำลังเข้าห้องเรียนและหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้"อืม ดีแล้ว""เรื่องคดีล่ะ" ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ใบเฟิร์นฟังแล้ว ส่วนญานินไม่ต้องเล่ายัยนั่นก็รู้"เรื่องนั้นพี่นธีจัดการ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เลย" ฉันบอกไปตามจริงเพราะไอ้ที่พี่นธีพูดเป็นฉาก ๆ ไม่เข้าสมองฉันเลย"มีผัวดีก็ดีไป" ใบเฟิร์นพูดออกมาอย่างขำ ๆ สักพักญานินก็มา และตามหลังด้วยอาจารย์บทสนทนาจึงจบลง"ไปกินคณะบริหารไหม มีคนบอกให้ไปลองชิมร้านก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิก" ญานินเอ่ยแล้วรีบเก็บของตัวเอง "คนที่ว่านั่นพี่ทศกัณฐ์