ทิวเขาเดินอ้อมไปหลังเคาน์เตอร์หยิบอุปกรณ์ออกมาอย่างคล่องแคล่ว ถึงแม้เขาจะทำงานที่ร้านมาแล้วหลายเดือน แต่สำหรับเมนูนี้แทบไม่มีใครสั่งเลย
โดยปกติแล้วพี่เมฆจะเป็นคนทำเครื่องดื่มเองตลอด แต่เขาเห็นว่าพักหลังมานี้ลูกค้าเยอะเลยอยากทำเป็นทุกอย่างเพื่อช่วยแบ่งเบาพี่เขาได้
อีกอย่างการทำเครื่องดื่มถึงทิวเขาจะเป็นมือใหม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับเขา ก็เขาน่ะเป็นหัวกะทิความจำดีซะอย่าง
เมื่อพี่เมฆทำให้ดูเห็นตัวอย่างก็ถึงตาของหนุ่มรุ่นน้องบ้าง ชายหนุ่มหยิบจับอุปกรณ์อย่างคล่องแคล่ว ส่วนผสมก็ได้แม่นโดยที่เขาไม่ต้องใช้ที่ตวงวัดให้เสียเวลา เมฆยืนมองอย่างอึ้งๆ พลางเหลือบดูนาฬิกาข้อมือตนไปด้วย แค่เพียงไม่กี่นาทีก็ได้เครื่องดื่มแสนยากออกมารอพร้อมเสิร์ฟ
ตริ๊ง~
“เสิร์ฟได้”
เด็กเสิร์ฟรีบมารับไปทันที เจ้าของร้านยังคงจ้องมองใบหน้าของคนที่โคตรจะทำให้ทึ่งจนพูดแทบไม่ออก
ว้าววว!
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ทิวเขาหันมาถามเมื่อพี่เจ้าของร้านจ้องเขาอย่างกับคิดอะไรในใจ สายตาแวววาวแบบนั้นทำให้ทิวเขาคิดดีไม่ได้เลย
“อ้อ...ก็แปลกใจน่ะซิ ไปแอบเรียนทำมาจากไหนเปล่านี่ ทำไมถึงทำได้ไวขนาดนี้ ดูอย่างเจ้าพวกนั้นสิ” เมฆชี้ไปยังหนุ่มๆ หน้าเก่าที่ประจำเคาน์เตอร์ “กว่าจะสอนพวกมันได้ เล่นเอาพี่อยากตาย”
ทิวเขาหัวเราะทันทีที่พี่เจ้าของร้านกลอกตามองบนอย่างตลกสุดๆ
“พี่ก็พูดเกินไป ถ้าพี่พวกนั้นได้ยิน อาจมีงอนนะครับ”
เขาเอ่ยแซวจนอีกฝ่ายขนลุกขนพองเมื่อคิดตาม
'พี่เมฆ' คือเจ้าของร้านที่ค่อนข้างใจดี พี่คนนี้มักจะคอยช่วยเหลือทิวเขาในยามที่เขาลำบากเสมอ เจ้าของร้านหนุ่มไม่เคยเหวี่ยงหรือวีนเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่นี่เรียกว่าเป็นบ้านอีกหลังของทิวเขาเลยก็ว่าได้
“อย่าพูดอะไรน่าขนลุกแบบนี้อีกนะ พี่จะอ้วก”
เมฆว่าทิ้งท้ายก่อนจะปลีกตัวไปหลังร้าน ทิวเขาได้แต่ส่ายหัวมองตามอย่างยิ้มๆ
ในเวลาเดียวกันก็ได้มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเข้ามานั่งที่โต๊ะในสุดของร้าน ดาวเหนือ หญิงสาวดาวเด่นแห่งคณะวิศวะโยธา เจ้าตัวศึกษาอยู่ปีสามแล้ว
ดาวเหนือเรียกได้ว่าเป็นตัวแม่ของมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเธอ
ปกติแล้วดาวเหนือไม่นิยมกินของหวาน แต่ด้วยความที่ต้องมาทำวิจัยเกี่ยวกับคาเฟ่ขนมหวาน จึงต้องคอยมาสังเกตการณ์ว่าภายในร้านเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่เข้ามาแล้วจะทำอะไรกัน จะอยู่นานแค่ไหน
วันนี้เธอมาพร้อมกับเพื่อนสนิททั้งสาม อย่างธาม ณัชและพู่กัน พวกเขาไม่ชอบความวุ่นวายจึงได้เลือกนั่งในมุมคนไม่ค่อยพลุกพล่าน
ในขณะที่นั่งมองบรรยากาศของภายในร้านสายตาของดาวเหนือสะดุดเข้ากับชายหนุ่มร่างสูง ผู้ชายที่มีผิวขาวละเอียดต่างกับคนอื่นๆ แต่ใบหน้าที่ไม่ยิ้มนั้นกลับสะกดสายตาเธอได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ใครกันนะ?
ดาวเหนือเท้าคางมองชายหนุ่มคนนั้นทำเครื่องดื่มอยู่ด้วยท่าทางที่มีเสน่ห์ ที่ผ่านมา เธอพบเจอคนมาก็เยอะ แต่ไม่รู้ทำไม เขาคนนี้กลับทำให้ใจเธอเต้นแรงกะทันหัน
“อยากได้จัง”
ในระหว่างที่กำลังเลือกเมนูอาหารกันอยู่นั้น เพื่อนทั้งสามของดาวเหนือมองหน้ากันทันทีที่ได้ยินเสียงเพื่อนสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มเอ่ยลอยๆ ราวกับคนเพ้อฝัน
ไม่ต้องมีใครถามใคร พวกเขาก็รู้กันทันทีว่าหายนะกำลังมาเยือน
มีไม่บ่อยนักที่ดาวเหนือจะอยากได้อะไร เพราะชีวิตของดาวเหนือนั้นสมบูรณ์และมีทุกอย่างเพียบพร้อมอยู่แล้ว
ทุกครั้งที่ได้ยินคำว่า 'อยากได้' จากปากของเธอแล้วล่ะก็ ไม่มีอะไรที่เจ้าตัวจะพลาดไม่ได้มา โดยปกติแล้วทุกอย่างก็สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
แต่กับสิ่งที่เพื่อนของเขากำลังมองอยู่นั้นมันดันไม่ใช่สิ่งของนี่สิ
ผู้ชายคนนั้นร่างสูงหุ่นดีไม่ใช่เล่น โดยเฉพาะใบหน้าหลังกรอบเลนส์แว่นสายตานั้น ดูอย่างไรก็เรียกได้ว่าหล่อระดับซุปตาร์แถบฝั่งจีนหรือไม่ก็เกาหลีอะไรพวกนั้น
มันก็คงง่ายอยู่หรอกถ้าคนนั้นเห็นแก่เงิน
แต่ถ้าไม่ล่ะ… เหนื่อยแน่เรา
เพื่อนทั้งสามหันมองหน้ากันอย่างรู้งาน
“เออ ร้านนี้ดูไปแล้วไม่ค่อยสวยเลยเนอะ เปลี่ยนร้านกันเถอะ” ณัชเอ่ยขึ้นมาก่อน
“นั่นสิ กูก็ว่างั้น”
“กูเพิ่งเห็นรีวิวร้านนึงในเฟสมา กูว่าร้านนั้นใช้ได้เลยนะ ดีกว่าร้านนี้อีก”
“นี่พวกมึง กูรู้นะว่าจะสื่ออะไรกัน” เสียงที่สี่ดังมาจากเพื่อนสาวเพียงคนเดียว ดาวเหนือตวัดสายตามองเพื่อนทีละคน “รู้แล้วสินะว่ากูอยากได้อะไร รู้ดีจริงๆ เลยนะ ตอนเดินเข้ามากูยังได้ยินพวกมึงคุยกันอยู่เลยนี่ว่าร้านนี้เด็ดแค่ไหน”
“รู้อะไรกันล่ะ ไม่รู้ไรทั้งนั้นแหละ ป่ะๆ เปลี่ยนร้านๆ”
“ไม่!”
ขณะที่สามหนุ่มหนึ่งสาวกำลังทะเลาะกันอยู่นั้นก็ได้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา และชายคนนั้นก็คือคนที่ดาวเหนือกำลังจ้องอยู่นั่นเอง
“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“ไม่ๆ ครับ”
“คุณกลับไปได้เลย”
เพื่อนๆ ที่แสนรู้ต่างร้อนรน นึกคิดภายในใจว่าเขาจะเดินเข้ามาทำไม ทำไมต้องเป็นคนดีด้วย!
“คุณผู้หญิงมีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
ทิวเขาที่รู้สึกสถานการณ์มันแปลกๆ กลัวว่าฝ่ายหญิงจะโดนข่มขู่ ด้วยความเป็นคนดีจึงอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในชีวิตของเขา
ดาวเหนือเห็นแบบนั้นยิ่งชอบในความเป็นสุภาพบุรุษและเป็นคนดีของเขาเข้าไปใหญ่ เธอจึงเดินแทรกกลางระหว่างเพื่อน ผลักพวกมันออกไปให้พ้นทางแบบเนียนๆ ก่อนจะมาหยุดยืนตรงหน้าหนุ่มหล่อที่หมายตาอยู่นานแล้ว
“ใช่ค่ะ พวกเขารังแกฉัน คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ”
ดาวเหนือตอบออกไปด้วยท่าทีน่าสงสารน่าเอ็นดู ถ้าเป็นคนอื่นมาเห็นคงหลงเสน่ห์ความสวยน่ารักนี้ไปแล้ว แต่สำหรับเพื่อนๆ ของเธอแล้ว มันไม่ใช่ นี่มันนังงูพิษดีๆ นี่เอง
“ให้ผมช่วยคุณยังไงดีครับ ให้ผมแจ้งตำรวจเลยไหม”
“ขอไลน์คุณไว้แล้วกันค่ะ ฉันชื่อดาวเหนือ วิศวะโยธาปีสาม”
“ครับ?”
“คุณต้องการช่วยฉันไม่ใช่เหรอ นี่ไงคะ วิธีช่วย”
“ขอโทษนะครับ แต่ผมว่า...” เขาสบตามองผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะตอบอย่างไม่ลังเล “ผมไม่สะดวกใจที่จะให้ครับ”
ทิวเขาเริ่มเข้าใจสถานการณ์บ้างแล้ว ท่าทีที่เหมือนจะน่าสงสารแบบนั้น แท้จริงแล้ว ในสายตาเขามันน่ากลัวเสียมากกว่า พอเขาคิดได้ก็เดินห่างออกมา ไม่สนใจสายตาของเธอที่ยังคงมองตามอย่างไม่วางตา
“เฮ้ย ปกติต้องเดินตามแล้วดิ”
“แบบนี้คือไม่ชอบใช่ป่ะ ใช่ป่ะๆ”
ดาวเหนือไม่สนใจเสียงยุแยงของเพื่อน ใบหน้าหวานยิ้มเจ้าเล่ห์ สายตาที่กำลังมองเหยื่อนั้น แพรวพราววาววับดั่งนักล่า
เพื่อนชายทั้งสาม ที่เห็นแบบนี้ก็รู้เลยว่าดาวเหนือชอบชายคนนั้นขนาดไหน ที่ไม่ตามไปวอแวคงมีแผนการในใจแล้ว
ดาวเหนือชูโทรศัพท์เครื่องปริศนาขึ้นมาโชว์เหล่าเพื่อนๆ
นั่นไงล่ะ ตรงอย่างที่พวกเขาคิด ดาวเหนือร้ายไม่ใช่เล่น กล้าดึงโทรศัพท์ส่วนตัวของอีกฝ่ายมาโดยที่เจ้าของไม่ทันตั้งตัว
หญิงสาวมองมือถือเครื่องนั้นอึดใจหนึ่ง ก่อนที่มือบางจะกดเข้าไปที่แอปพลิเคชั่นยอดฮิตอย่างไลน์ แล้วทำการกดเพิ่มเพื่อนของตนอย่างรวดเร็ว เพื่อนทั้งสามคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจึงทำได้เพียงส่ายหน้านึกอาเมนเพียงในใจ
ทันทีที่ทิวเขาเดินออกมาจากโต๊ะของดาวเหนือ พี่เมฆเจ้าของร้านก็เข้ามาแซวทันที
“เฮ้ย ไปคุยไรกับดาวเหนือน่ะ หูยย อิจฉาเลยทำไมไม่ให้พี่ไป” พี่เมฆพูดไปก็เหลือบมองไปทางโต๊ะของหญิงสาวที่ถูกพูดถึง
“พี่รู้จักผู้หญิงคนนั้นด้วยเหรอครับ”
“รู้จักดิ นั่นมันของดีของมหาลัยเลยนะ”
เมฆเมื่อเห็นว่าทิวเขาทำหน้างุนงงเหมือนไม่รู้จักดาวเหนือ เขาก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าทิวเขานี่คงไม่ได้สนใจอะไรนอกจากเรียนกับทำงานจริงๆ
“นั่นน่ะ ชื่อน้องดาวเหนือ อยู่วิศวะโยธาปีสาม แล้วมหาวิทยาลัยนี้อ่ะก็เป็นของลุงน้องด้วย น้องดาวเหนืออ่ะไม่ได้ดังเพราะหน้าที่สวยอย่างเดียวนะ เพราะน้องเขาเรียนเก่งมาก กิจกรรมก็เด่น แต่เสียอย่าง คือน้องอารมณ์ร้อน นิสัยเอาแต่ใจมาก เคยเห็นคนมาจีบเยอะนะแต่น้องโคตรเย็นชาเลย ไม่เห็นเคยมีแฟนเลย”
“เหรอครับ”
“ทำไม อึ้งอะดิ”
“พี่เมฆชอบเหรอครับ”
“ชอบซิ ผู้ชายในมอเราก็ชอบกันหมดล่ะ ถ้าใครได้ไปครองคงมีบุญหนา เราไม่ชอบเหรอ”
“ผมไม่สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว ผมว่าคนที่ได้เธอไปคงมีบาปเยอะมากกว่านะครับ ลูกคุณหนูแบบนั้นคงมีดีที่รวยอย่างเดียว นิสัยไม่ผ่าน”
“ระวังน้า โบราณเขาว่าไว้ ไม่ชอบอะไรมักได้สิ่งนั้น”
“นั่นมันโบราณ ส่วนนี่สมัยใหม่แล้วครับ และผมก็หัวแข็งเสียด้วย”
“เอาเถอะ อย่ากลับคำก็แล้วกัน”
ทิวเขามองคำขู่ของพี่เมฆเป็นเรื่องตลก คนอย่างเขาไม่มีทางหวั่นไหวต่ออะไรง่าย โดยเฉพาะสิ่งนั้นคือผู้หญิงเหลี่ยมจัดคนเมื่อสักครู่
ต่อให้เธอสวยปานนางฟ้า หรือต่อให้เธอจะแก้ผ้าตรงหน้า ก็คงได้รับเพียงแค่ความหมางเมินเท่านั้น เขารับรองความรู้สึกของตัวเองได้เลย
7 ปีต่อมา...ทิวเขาซึ่งอยู่ในชุดสีเขียวเข้มเดินออกมาจากห้องผ่าตัด ร่างกายเหนื่อยล้าไม่ใช่น้อย แต่เขาก็ภาคภูมิใจที่วันนี้ได้ช่วยคนไข้ไว้ได้อีกคนแล้ว“วันนี้มีคิวผ่าตัดอีกไหม”“ไม่มีแล้วค่ะคุณหมอ”“หมดเวรของผมแล้ว งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”ทิวเขาขับรถออดี้คันหรูออกจากโรงพยาบาลเอกชนที่ตนทำงานอยู่ วันนี้ภรรยาคนสวยของเขาโทรมาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เสียงที่เอ่ยออกมานั้นดูจริงจังเสียจนเขานั้นอยากจะกลับบ้านเสียตอนนั้นเลย ถ้าไม่ติดว่ายังเหลือเคสผ่าตัดสุดท้าย ป่านนี้เขาคงได้อยู่กับภรรยาไปแล้วรถยนต์คันหรูเลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์เพราะเขาต้องมารับภรรยาที่บ้านพ่อตาเสียก่อน“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่”“ไหว้พระเถอะลูก” คุณนายสร้อยฟ้ากล่าว พลันยิ้มแย้มด้วยความเอ็นดูลูกเขยที่ว่านอนสอนง่าย ทิวเขาเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวนี้ได้สามปีแล้ว และไม่มีครั้งไหนที่เขาจะหนักใจเมื่อก้าวเข้ามาสู่ความหรูหราร่ำรวยของครอบครัวภรรยา“ดาวเหนืออยู่ไหนเหรอครับ”“นู้นจ้ะ อยู่ที่สวนเลย”“ครับ งั้นผมขอตัวไปหาเขาก่อนนะครับ”ทิวเขาเดินเข้าไปในสวน ดอกกุหลาบหลากสีบานสะพรั่ง สวยสดงดงาม แต่มีสิ่งหนึ่งที่สวยงามกว่าดอกไม้เหล่านั้น
“พ่อกับคุณสร้อย รู้จักกันตั้งแต่ก่อนที่พ่อจะคบกับแม่ของลูกเสียอีก เวลาที่มีปัญหาพ่อก็มักจะมีคุณสร้อยนี่แหละคอยอยู่ข้างๆ คุณสร้อยเป็นคนที่คอยหาลูกค้าให้พ่อมาตลอด แล้วอีกอย่างก็เป็นคนติสท์ ที่บ้านทิ้งมรดกไว้ให้เป็นพันล้าน แต่ชอบเที่ยวทำอะไรตามความรู้สึก จนผ่านไปเจ็ดปีนั่นล่ะ พ่อก็รู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้จึงได้ตามจีบจนเธอยอมใจอ่อนแต่งงานกับพ่อ”“เดี๋ยวนะคะ พ่อกำลังจะบอกว่า คุณสร้อยเป็นคนดีเหรอคะ แล้วทำไมหนูถึงเจอแต่เรื่องไม่ดีกับผู้หญิงคนนี้ละ”“พ่อบอกแล้ว เธอน่ะเป็นคนติสท์แตก แต่เอาเข้าจริง ก็เอ็นดูหนูมากนะลูก แค่ชอบแกล้งแรงไปหน่อย”ดาวเหนือตัวชาไปครึ่งซีก พ่อบอกว่า 'แค่แกล้ง' มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร หน้าตา สีหน้า ปากคอที่เลาะร้ายเช่นนั้นน่ะเหรอ คิดเอ็นดูเธอ?!“คุณจะไปบอกทำไมคะว่าฉันเอ็นดูแก ดาวเหนือไม่มีทางเชื่อหรอกว่าฉันไม่ได้ร้าย”“ก็มันคือเรื่องจริง คุณทำไปก็เพราะหวังดีกับแก แล้วจะให้ผมนิ่งเฉยให้ลูกเข้าใจผิดอีกทำไมกัน”“เฮ้อ...คุณก็เป็นซะแบบนี้ ดูเอาเถอะ หน้าดาวเหนือแย่ขนาดไหน”พ่อหันมองลูกสาว ดาวเหนืออาการย่ำแย่จริง หน้าขาวจนไร้สีเลือด คงตกใจไม่น้อยกับความจริงในหลายๆ เรื่อง“เพ
16 ปีที่แล้วบริษัทนำเข้าดาวเคียงฟ้าเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่ เมื่อเกิดข่าวอื้อฉาวขึ้นที่ถูกสร้างโดยเฟคนิวส์ก็โดนถล่มอย่างหนัก ถึงแม้จะมีหลักฐานมาพิสูจน์แต่เพราะพลังโซเชียลมีเดียที่เป็นดั่งมีดสองคมก็ยังคงโจมตีเข้ามาไม่หยุด“คุณนี คุณหยุดที่ผมได้ไหม ผมขอร้อง”“ไม่ บริษัทคุณจะล้มละลายวันนี้พรุ่งนี้ใครจะไปรู้ ฉันไม่ทนอยู่สภาพแบบนี้หรอกนะ”“เรารักกันไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณพูดออกมาแบบนี้”“เมื่อไหร่จะหายโง่สักที ที่ฉันอยู่ก็เพราะเงินของแกทั้งนั้นแหละ ตอนนี้แกไม่มีเงินให้ฉันแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป หลบ!!”สองสามีภรรยาที่แต่งงานกันมาเข้าปีที่เจ็ด พวกเขาเกิดปากเสียงกันเมื่อคนเป็นภรรยาทราบมาว่าสามีของเธอกำลังตกต่ำ เสียงเด็กร้องสลับกับเสียงฟ้าร้องไปมา สามีของเธอนิ่งไปทันทีที่เธอพูดจบ นัยน์ตาของเขาแดงก่ำจากพิษรักที่กำลังถูกทรยศ“แล้วลูกล่ะ คุณไม่รักลูกเหรอ”“ใครอยากมีก็เลี้ยงไปสิ ฉันไม่ได้อยากให้มันเกิดมาสักหน่อย”มณี หรือแม่ของดาวเหนือพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย ที่ผ่านมาเธอไม่ได้รักลูกจริงเลย มณีเพียงแสร้งทำดีเพื่อให้สามีหลงเธอจนหัวปักหัวปรำต่างหากแต่ในวันนี้ มันคือฟางเส้นสุดท้ายของคน
ทางด้านทิวเขาเมื่อเขาเข้าไปในโกดังร้างได้ ก็ได้เห็นแสงสว่างเดียวจากโคมไฟดวงหนึ่ง ส่องแสงสว่างไปยังทางมืดมิดเบื้องหน้า เขากลั้นใจชั่วอึดหนึ่ง ก่อนจะย่างเดินไปตามทางบังคับนั้นอย่างช้าๆ“ดาวเหนือ!”เขาตะโกนเรียกชื่อคนรัก สักประเดี๋ยวก็มีเสียงตอบกลับมา เสียงนั้นฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ราวกับมีสิ่งใดขวางกั้นจนทรมานพอฟังอีกครั้ง ทิวเขาก็ใจเต้นระทึกลั่นอก ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ เสียงอู้อี้ก็ยิ่งดังขึ้น จนกระทั่ง...“ทิวเขา!!”เป็นดาวเหนือเองที่ส่งเสียงตอบกลับมา ทิวเขาตาเบิกโพลงกลับภาพที่เห็น ดาวเหนือถูกจับมัดแขนมัดขารวบรัดไว้กับเก้าอี้ มีผ้าผืนเก่าปิดปากไว้ เธอพยายามดิ้นรน ทั้งร้อง ทั้งเรียกหาแต่เขาอยู่เช่นนั้น“มาแล้วเหรอ ทิวเขาสุดที่รัก”ผิงผิงเดินไขว้หลังยิ้มแย้มออกมาจากมุมมืด เธอมาหยุดยืนคั่นกลางระหว่างทิวเขากับดาวเหนือ หันหน้ามาหาชายหนุ่มที่รักหมดหัวใจมากไปกว่านั้น ทิวเขายังเห็นผู้ชายอีกคนเดินตามออกมาด้วย ทว่าสีหน้าที่มองมายังดาวเหนือไม่ได้มีแววเย็นชาเหมือนอย่างผิงผิงแม้แต่นิด“ผิง ทำแบบนี้ทำไม ปล่อยดาวเหนือเดี๋ยวนี้”“เฮอะ ตลกสิ้นดี มาถึงก็ทำตัวเป็นพระเอกน้ำเน่าเลยนะ มาบอกให้ปล่อยงั้นเหรอ ฝันไ
ดาวเหนือลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ ละทิ้งเตียงนอนที่อุดอู้มาทั้งวัน เดินไปยังตู้เสื้อผ้า เปิดลิ้นชักเพื่อดูของด้านในนิดหน่อย แต่แล้วก็ต้องถอนหายใจ ยกมือตบหน้าผากหลังจากของใช้ที่ต้องการร่อยหรอไปหลายอย่างเลยเชียว“อ้าว หมดแม้กระทั่งผ้าอนามัยเลยเหรอเนี่ย” หญิงสาวคว้านมือเข้าไปด้านในสุดอย่างเสียอารมณ์ “เฮ้อ...ออกไปซื้อดีไหมนะ”ดาวเหนือคิดสักประเดี๋ยวหนึ่ง ก็เกิดอยากออกไปเซเว่น ร้านสะดวกซื้อที่ว่าอยู่ซอยถัดไปนี่เอง คงไม่เป็นไรหรอกมั้งถ้าเธอจะออกไปก่อนที่ทิวเขาจะกลับมา“เอาละ รีบไปรีบกลับก็แล้วกัน”หญิงสาวเดินออกมาจากหอพักด้วยกางเกงขายาวสวมใส่เสื้อฮู้ดธรรมดา เมื่อมาถึงเซเว่นดาวเหนือก็หายห่วง จัดการมองหาของที่ต้องการเธอซื้อของรวมถึงผลไม้และอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปสำหรับทำอาหารทานมื้อเย็น แต่เธอไม่ใช่คนทำหรอกนะ คนทำตัวจริงยังไม่กลับมาจากมหาวิทยาลัยนั่นเลยดาวเหนือเดินกลับทางเดิมที่เธอเดินมา สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าและมีบ้านคนเพียงแค่ไม่กี่หลัง ก็นี่มันทางผ่านเฉยๆ นี่เนอะ ถ้ากลับทางถนนใหญ่คนเยอะก็จริง แต่เดินไกลกว่า มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ไม่มีเสียด้วย เธอไม่ยอมเดินไกลกว่าเพราะอยากกลับไปให้ทันก่อนที่ทิวเข
เช้าวันนี้ทิวเขาออกไปเรียนคนเดียว จุดมุ่งหมายของเขามีเพียงผิงผิง ที่คาดว่าฝ่ายนั้นจะอยู่ใต้ตึกของคณะ ผิงผิงเป็นเพื่อนสาวคนเดียวที่เขาสนิทด้วย แต่ตอนนี้ เธอยังเป็นคนเดียวที่คอยทำให้เขาไม่สบายใจ โดยเฉพาะเรื่องล่าสุด ที่ทำให้ทิวเขาต้องนอนไม่หลับมาทั้งคืน“ผิง เราขอคุยด้วยหน่อย”“มีอะไรหรือเปล่าทิวเขา นั่งก่อนสิ นี่กำลังคุยกับเพื่อนๆ สนุกเลย”“เรามีเรื่องต้องคุยกับผิงตอนนี้ มาคุยกันหน่อยเถอะ”ทิวเขาไม่เคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแกมหงุดหงิดมาก่อน หากเรื่องที่ว่าไม่เกี่ยวข้องกับน้องผู้หญิงคนนั้น เขาคงจะลืมทุกเรื่องไปแล้วทิวเขาเดินนำผิงผิงมายังมุมลับตาคน ใต้บันไดไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน เพราะจุดนี้เป็นเพียงมุมเชื่อมต่อไปอีกอาคารหนึ่งเท่านั้น ผิงผิงมองสถานที่แวบหนึ่ง ก่อนจะหันมาสบตากับทิวเขา สีหน้าของเขาบึ้งตึงตั้งแต่เจอกันแล้ว“มีอะไรเหรอทิวเขา”“เรื่องทั้งหมด ผิงเป็นคนทำใช่ไหม”“เรื่องอะไร?” ผิงผิงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนที่เธอจะพลันคิดได้ หรือว่า...ทิวเขาจะรู้อะไรเข้า“ผิงรู้ดีแก่ใจ ทั้งเรื่องฝน เรื่องในห้องน้ำ และยังไม่รวมที่อื่นอีก”“ทิวเขา...”“คราวนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าเรื่องอะไร”ผิงผิงกัดริมฝีปากตัวเ