ฟรองซัวร์มองร่างเล็กๆ ที่เดินตรงมาด้วยสายตาที่อ่อนลง แววตาเมรีเป็นประกายสุกใส จนฟรองซัวร์ไม่สามารถถอนสายตาออกมาได้ ทุกอิริยาบถของเธอเต็มไปด้วยความใสซื่อ ไม่เหมือนผู้หญิงที่ฟรองซัวร์เคยพบบ่อยๆ ในสังคม เขาเบื่อที่ต้องสวมหน้ากาก ความเคร่งเครียดสะสมมาเนิ่นนาน แต่มันกลับจางหายไปจนหมดเมื่อได้อยู่กับเมรีในบรรยากาศแสนสงบ เมรีทรุดนั่ง เธอส่งแฮมเบอร์เกอร์ร้อนๆ ให้ฟรองซัวร์ ไอร้อนยังระเหยเป็นไอให้เห็น มันเป็นอาหารที่หาได้ง่ายๆ และเร็วที่สุด
ชายหนุ่มรับมาถือไว้ เขาแกะพลาสติกหุ้มยัดแฮมเบอร์เกอร์ใส่ปาก กัดกินแฮมเบอร์เกอร์ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซอส โดยมีเมรีเฝ้ามองก่อนจะยิ้มกว้าง เมื่อชายหนุ่มมีท่าทีพอใจ ชิ้นต่อไปเมรีฉีกกระดาษที่ห่อไว้รอ ส่งให้ฟรองซัวร์เงียบๆ และชายหนุ่มก็รับมากินต่อโดยไม่ได้พูดอะไร
“เธอไม่หิวเหรอเมรี ทำไมไม่กินล่ะ?” เมรียิ้มรับ เธอหยิบแฮมเบอร์เกอร์มาแกะกระดาษห่อเพื่อรับประทานตามฟรองซัวร์
บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง กับเสียงพุดคุยรอบตัว มีผู้คนไม่น้อยเลยที่กำลังชมความสวยของแม่น
บทที่6.หอมกลิ่นความรัก เมรียังตกอยู่ในภวังค์หวาน กลิ่นความรักลอยอยู่รอบตัว ถึงแม้จะแค่เป็นเพียงความรักข้างเดียว แต่เธอก็รู้สึกสุขใจ เกินกว่าจะบรรยายให้ใครฟัง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขึ้นไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง จนลืมไปว่าฟรองซัวร์เองก็เพิ่งกลับมาถึงพร้อมกับเธอนั่นแหละ เมรีรีบไปที่ห้องนอนของฟรองซัวร์ เธอควรทำความสะอาดตามหน้าที่ สองมือหิ้วถังน้ำกับผ้าสะอาดหลายผืน แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปได้ สิ่งแรกที่เมรีทำคือวางถังผ้าเอาไว้ข้างประตู เธอตรงไปยังเตียงกว้างเริ่มพับผ้าห่มและตบหมอนจนนุ่มฟู เตียงใหญ่เสร็จเรียบร้อย เธอก็เก็บเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของฟรองซัวร์เอาไปวางหน้าห้อง อีกสักพักก็จะมีคนรับใช้มาเก็บไปทำการซักรีด เธอหมุนซ้ายหมุนขวาเพราะรู้สึกสะกิดใจ เธอออกแรงทำงานมาตั้งนานแต่เหงื่อไม่ออกเลยซักหยด อากาศเย็นฉ่ำจนน่าตกใจ เธอมองเห็นสัญญาณไฟการทำงานของแอร์คอนนิชั่น พร้อมกับเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา
บทที่7.อิสระครั้งแรก การสอบครั้งสุดท้ายจบลงอย่างที่เมรีพอใจ เพราะคร่ำเคร่งกับตำราเรียนมานานเมรีเลยมั่นใจ ผลสอบครั้งคงเป็นไปตามคาด... เมรีจึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เข้ามาเดินในที่แห่งนี้ มันคงถึงเวลาที่จะต้องไปจากคฤหาสน์มาร์เซย์แล้วล่ะ เมรีผ่อนลมหายใจยาวเหยียด เธอใจหายวูบเมื่อถึงถึงใครบางคน ความแตกต่างทางชนชั้นและฐานะคงทำให้เธออยู่ห่างกับชายผู้นั้นมากขึ้นทุกวันถึงตอนนี้ยังได้ใกล้ชิด ก็เพราะอาศัยร่มเงาของมาร์เซย์เป็นที่พักพิง แต่ในอนาคตข้างหน้าเมื่อหมดภาระเกี่ยวกับการเรียน เมรีคงไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้ามาใกล้คฟรองซัวร์เหมือนเคย มันคงเป็นความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญหน้า ชายผู้นั้นคงไม่สนใจการมีอยู่หรือจากไปของเธอ เมรีเดินทางกลับที่ซุกหัวนอนด้วยความรู้สึกโหวงๆ เมื่อเดินเข้ามาในเขตรั้วคฤหาสน์มาเซย์ เธอก็ยิ่งเศร้าสร้อย หญิงสาวหมุนมองรอบๆ ตัวเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำวันที่เ
บทที่8.ตอบแทนพระคุณกับตำแหน่งเมียลับๆ ของฟรองซัวร์ รถยนต์หรูแล่นมาจอดเทียบข้าง เมื่อเมรีเดินพ้นประตูหน้าของมาร์เซย์ออกมาไกล ชายร่างใหญ่สวมสูทสีดำสนิทก้าวลงมาและพยายามต้อนเมรีขึ้นรถไป เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้เธอ เมื่อเธอตั้งท่าจะหนีอย่างเดียว “คุณเมรีอ่านจดหมายอันนี้ก่อนครับ แล้วก็จะรู้เองว่าผมเป็นคนของใคร” เมรีรับกระดาษในมือชายชุดดำมาเปิดอ่าน‘ฉันเอง… เธอตามคนที่ฉันส่งมารับ ไปรอฉันอยู่ที่ห้องฉันเตรียมที่อยู่ไว้ให้ เราค่อยคุยกันหลังจากนี้’ ลงชื่อ ฟรองซัวร์ ลูฟวร์ มาร์เซย์เมรียอมตามคนเหล่านั้นมา เธองงกับตัวเอง ลายมือหวัดๆ แบบของฟรองซัวร์ทำให้เธอยอมทำตาม เธออยากรู้เจตนาของเขา เหตุใดตอนนั้นเขาถึงเฉยชานัก เมรีเงยหน้ามองตัวตึกโอ่อ่าด้าน
บทที่9.กรงเสน่หา ฟรองซัวร์ลุกจากที่นั่งเมื่อตกลงกับเมรีได้ ชายหนุ่มเดินไปปิดหน้าต่างรูดผ้าม่านปิดบังแสงสว่างที่ยังคงเหลืออยู่ จนภายในห้องมืดลงเขากดรีโมทเปิดแอร์คอนนิชั่น เมรียกมือกอดตัวเองแน่น เธอช้อนสายตามองฟรองซัวร์ด้วยผ่านม่านน้ำตา “ถึงเวลาทำงานแล้วเมรี” ชายหนุ่มกล่าวเสียงแหบพร่า มือหนายื่นมารอตรงหน้า “ขอเวลาเมรีทำใจก่อนได้ไหมคะ” เมรีพยายามต่อรอง “ไม่ว่าตอนนี้ หรือตอนไหน เธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นอย่ายืดเวลาออกไปอีกเลย มันเสียเวลาเปล่า” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงแข็ง มือสั่นระริกชื้นไอเหงื่อ วางบนฝ่ามือหนาที่แบรออยู่อย่างไม่แน่ใจ ฟรองซัวร์แทบจะกระชากเมรีเข้าสู่วงแขน
บทที่18.ชาแปลน์ แซงส์ผู้หญิงที่เป็นคนสำคัญ ชาแปลน์เดินเข้ามาในตึกสำนักงานของมาร์เซย์ด้วยมาดนางพญา ลำคอเรียวงามเชิดตรงยิ้มแค่มุมปาก ทอดตามองพนักงานที่เดินขวักไขว่ด้วยสายตาเฉยเมย ประชาสัมพันธ์วิ่งเข้ามาทำความเคารพ ออกอาการพินอบพิเทาอย่างเห็นได้ชัด “คุณฟรองซัวร์ติดประชุมอยู่ค่ะ เชิญคุณชาแปลน์ที่ห้องคุณฟรองซัวร์ชั้น12ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะโทร.ขึ้นไปบอกเลขาฯ คุณฟรองซัวร์ให้ลงมาต้อนรับ” ชาแปลน์พยักหน้ารับรู้ เธอตรงไปยังลิฟท์ด้วยท่วงท่าสง่างาม หลายคนแอบมองชาแปลน์อย่างอิจฉา ที่เธอจะได้ครอบครองหนุ่มในฝันของฝรั่งเศส ฟรองซัวร์เป็นยอดชายที่มีคนอยากกอดมากที่สุด ลุคนิ่งๆ แต่สะกดความรู้สึกได้ชะงัด เขามีรูปโฉมงดงามประหนึ่งเทพเจ้าซุสผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัส &ldquo
บทที่10.หาอะไรทำเพราะไม่อยากเป็นแค่คนไร้ค่า กลางดึกคืนนั้นฟรองซัวร์ขยับลงจากเตียง เขาควานมือหาเสื้อผ้ามาสวม หยัดกายลุกขึ้นยืน รูดซิปกางเกงอย่างร้อนรนเมื่อเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาแขวนข้างพนังห้อง เหลือแค่ไม่กี่นาทีจะเข้าสู่วันใหม่ เขาคว้าเสื้อได้ก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว พยายามไม่หันหลังกลับไปมองเมรีที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ฟรองซีวร์ถอนใจแรงๆ เขาเหลือบมองเมรีอย่างอาลัยอาวรณ์ “ดูแลเมรีดีๆ ล่ะ…เอ้านี่ให้ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาด้วย เผื่อเมรีอยากจะซื้ออะไรบ้าง” ฟรองซัวร์เปิดกระเป๋าหยิบบัตรเคดิต ส่งให้การ์ด เพื่อให้เมรีใช้จ่าย“จัดการเหมือนเคยนะ” ฟรองซัวร์กล่าวย้ำ เขาต้องป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะตามมาภายหลัง เวลานี้ฟรองซัวร์ยังไม่พร้อม เขายังไม่ต้องการภาระ ชายหนุ่มเอนกายพิงเบาะหนังนุ่มของรถยน
เมรีส่งกระดาษจดรายการให้โมริส เธอยิ้มสดใส เอียงคอมองชายตรงหน้าที่ทำหน้าตาแปลกๆ เมื่อเขาเห็นรายการที่เมรีจดยาวเป็นวา “เยอะไปหรือไงคะ เครื่องปรุงกับแป้งจำเป็นต้องใช้ พวกอุปกรณ์เอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ไหมพรมก็เอาไว้ทีหลัง ถ้าคุณโมริสลำบาก เมรีขอแค่แป้งกับเครื่องปรุงก่อนนะคะ” เมรียิ้มแหยเก พูดเสียงอ่อยๆ จนโมริสต้องรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เขาแค่แปลกใจแค่นั้น สิ่งที่หญิงตรงหน้าขอ เป็นแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แทนเสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดี หรือไม่ก็เครื่องประดับราคาสูง “ผมแค่แปลกใจน่ะครับ ผมนึกว่าคุณเมรีจะให้ไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับ แต่กลับเป็นแป้งทำขนมกับอุปกรณ์แล้วก็เครื่องปรุง รอซักครู่ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่มีซุปเปอร์สโตร์ตรงนั้น คงมีของที่คุณเมรีต้องการจนครบเลยล่ะครับ” “ดีจัง…เมรีจะได้ทำขนมปังอร่อยๆ ให้คุณโมริสทาน ไม่ไหวค่ะเคยทานแต่ฝีมือคุณแม่เอสก้ามาเจอขนมปังแข็งๆ ที่เขาทำขายกินไม่ลงจริงๆ” เมรีเอ่ยเสียงร่าเริง จนโมริสพลอยยิ้มตามไปด้วย
บทที่11.ความสนิทสนมแต่เป็นภาพบาดตา “ทำอะไรอยู่?” ฟรองซัวร์ถามเสียงแข็ง เขาโมโหจนหูอื้อ เมื่อมองเห็นความสนิทสนมของเมรีกับการ์ดที่ทิ้งไว้คอยดูแล “ทำขนมอบค่ะ เมรีอยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร เลยลองทำขนมที่คุณแม่บ้านเอสก้าสอน ทำไว้หลายอย่างเลยค่ะ คุณฟรองซัวร์จะลองชิมดูไหมคะ?” เมรียิ้มหวานส่งขนมในมือให้ฟรองซัวร์ พยายามตัดความอายออกไป ฟรองซัวร์มองผิวแก้มแดงระเรื่อของเมรีและดวงตาเป็นประกายของหล่อน อารมณ์ขุ่นมัวก็ถูกปัดเป่าออกไปจนหมด เขาเดินไปทรุดนั่งโซฟากว้าง ขยับปลดกระดุมเสื้อสูทที่สวมไว้ เมรีเสหลบตาวูบ ออร่าความมีเสน่ห์ของฟรองซัวร์แยงตาจนมึน ชายหนุ่มทอดสายตามองจานขนมอบที่หญิงสาวยกมาเสิร์ฟ ความรู้สึกหงุดหงิดทุเลาลง “หน้าตาใช้ได้นี่ ต้องชิมก่อนอร่อยหรือเปล่
บทที่15.รอบคัดเลือกนางแบบมาร์เซย์ เมรีเดินทางมาคัดเลือกนางแบบรอบสุดท้ายมีแซนคอยเป็นการ์ด เพราะไม่อยากขัดใจเมรีฟรองซัวร์จึงจำใจให้เธอมา เขาไม่อยากทะเลาะกับเมรีอีก เขาคิดง่ายๆ ผลตัดสินขึ้นอยู่กับเขา เมรีไม่มีทางได้ทำงานนี้แน่นอน ‘เดี๋ยวค่อยไปล็อบบี้กรรมการทุกคน ไม่ให้ลงคะแนนเลือกเมรีเอาก็ได้’ สีหน้าฟรองซัวร์ไม่ค่อยดี ยิ่งเมรีลุกขึ้นมาแต่งตัวออร่าความสวยก็ยิ่งเห็นชัด ฟรองซัวร์กำลังหงุดหงิดเมื่อความสนใจพุ่งตรงไปที่เมรี เขารู้สึกแปลกๆ มีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นในใจ คล้ายๆ มือลึกลับเขย่าไหวอย่างแรงจนหัวใจของเขาสั่นสะเทือนไปด้วย เมรีสวมเสื้อที่ฟรองซัวร์นำมาเป็นของกำนัล แบรนด์มาร์เซย์ยุคเก่าๆ แต่ยังคงมีคุณค่า เมื่อมาอยู่บนร่างกายของเมรี ทำให้เธอดูแพง จนละสายตาไม่ได้ มุมปากฟรองซัวร์กระตุก เขาอยากชมให้เมรีดีใจ แต่จำต้องเก็บอาการเอาไว้ เพราะอาจจะสร้างความมั่
บทที่14.คำสั่งห้ามของฟรองซัวร์ “เมรีมีเรื่องขออนุญาตค่ะ” เมรีพูดเป็นงานเป็นการ เธอไม่อยากปิดบังเขา “เรื่องอะไรล่ะ ถ้าไม่หนักหนาสาหัสนัก ผมก็อาจจะอนุญาต” “เมรีผ่านเข้ารอบคัดตัวแบรนด์มาร์เซย์ค่ะ เลยอยากจะขออนุญาตจากคุณก่อน” “ว่าไงนะ!!” ฟรองซัวร์กรรโชกถามเสียงห้าว “เมรีผ่านการคัดเลือกรอบ60คนค่ะ” เมรีพยายามอธิบาย “ไม่มีทาง ผมไม่มีทางให้เมรีไปเดินยักย้ายส่ายสะโพกอวดใคร เมียคนเดียวผมเลี้ยงได้ อยากได้เงินเท่าไหร่ล่ะผัวคนนี้จะให้ ขอให้บริการให้ถึงใจก็พอ” ฟรอ
บทที่13.ความหวานที่ขอจดจำไว้จนตาย ท่าทางร่าเริงเกินเหตุสลดลง เธอวางช่อดอกไม้ไว้บนโต๊ะเมื่อเห็นฟรองซัวร์นั่งหน้าตึง อยู่บนโซฟา “คุณฟรองซัวร์...มานานแล้วหรือคะ” เมรีเดินเลี่ยงไปคว้าแจกันทรงสูงมาจัดการเทน้ำใส่ เสียบดอกไม้ในมือใส่แจกัน พยายามทำตัวให้ยุ่ง แม้จะรู้สึกขนลุกวาบๆ เพราะความโกรธของชายที่นั่งนิ่งแผ่มาถึงนั่นเอง “ไปไหนมา…ทำไมไม่บอกฉัน” “เมรีบอกแซนแล้วค่ะ…ให้เมรีติดต่อคุณยังไงคะ ในเมื่อเมรีไม่มีแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ของคุณ ให้ส่งจดหมายไปบอกที่คฤหาสน์มาร์เซย์หรือว่าส่งไปที่ตึกแบรนด์มาร์เซย์ดีคะ” เมรีตอบเสียงสำรวม เธอเงยหน้าเผชิญหน้ากับฟรองซัวร์ &ldqu
บทที่12.ว่าที่นางแบบในคอลเลกชัน ‘หอมกลิ่นความรัก’ แบรนด์มาร์เซย์ประกาศรับนางแบบหน้าใหม่ผ่านสื่อวันนี้จึงมีคนเข้ามาสมัครคัดเลือกมากมาย และจะเปิดรับนางแบบหน้าใหม่แบบนี้ไปอีกสามวัน ก่อนจะตัดสินใจครั้งสุดท้ายโดยฟรองซัวร์ สาวสวย มากหน้าต่างมาคัดเลือกครั้งนี้ พวกหล่อนไม่ได้หวังแค่เป็นนางแบบหน้าใหม่ของวงการ ทุกคนล้วนแล้วแต่มาเพื่อได้ยลโฉมฟรองซัวร์ใกล้ๆ อาจโชคดีแบบส้มหล่น ถ้าชายหนุ่มเสน่ห์แรงคนนั้นสนใจ เพราะข่าวลือที่หลุดลอดมาสู่สายตาทุกคน คือการเป็นผู้หญิงส่วนตัวของผู้ชายเจ้าเสน่ห์ แค่สบตายังใจระทวย แล้วถ้าได้แนบข้างคงครางระส่ำทั้งคืน ดังนั้นสาวๆ ทั่วทั้งฝรั่งเศสจึงประเดประดังมาสมัครคัดเลือกจนล้นหลาม สร้างกระแสผลักดันให้คนหันมาสนใจคอลเลกชันใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดจนคึกโครม ข่าวหลายสำนักทำข่าวเรื่องนี้จนดังเกรียวกราว ฟรองซัวร์เลยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเมื่อสื่อให้ความสนใจกันเอง&
บทที่11.ความสนิทสนมแต่เป็นภาพบาดตา “ทำอะไรอยู่?” ฟรองซัวร์ถามเสียงแข็ง เขาโมโหจนหูอื้อ เมื่อมองเห็นความสนิทสนมของเมรีกับการ์ดที่ทิ้งไว้คอยดูแล “ทำขนมอบค่ะ เมรีอยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร เลยลองทำขนมที่คุณแม่บ้านเอสก้าสอน ทำไว้หลายอย่างเลยค่ะ คุณฟรองซัวร์จะลองชิมดูไหมคะ?” เมรียิ้มหวานส่งขนมในมือให้ฟรองซัวร์ พยายามตัดความอายออกไป ฟรองซัวร์มองผิวแก้มแดงระเรื่อของเมรีและดวงตาเป็นประกายของหล่อน อารมณ์ขุ่นมัวก็ถูกปัดเป่าออกไปจนหมด เขาเดินไปทรุดนั่งโซฟากว้าง ขยับปลดกระดุมเสื้อสูทที่สวมไว้ เมรีเสหลบตาวูบ ออร่าความมีเสน่ห์ของฟรองซัวร์แยงตาจนมึน ชายหนุ่มทอดสายตามองจานขนมอบที่หญิงสาวยกมาเสิร์ฟ ความรู้สึกหงุดหงิดทุเลาลง “หน้าตาใช้ได้นี่ ต้องชิมก่อนอร่อยหรือเปล่
เมรีส่งกระดาษจดรายการให้โมริส เธอยิ้มสดใส เอียงคอมองชายตรงหน้าที่ทำหน้าตาแปลกๆ เมื่อเขาเห็นรายการที่เมรีจดยาวเป็นวา “เยอะไปหรือไงคะ เครื่องปรุงกับแป้งจำเป็นต้องใช้ พวกอุปกรณ์เอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ไหมพรมก็เอาไว้ทีหลัง ถ้าคุณโมริสลำบาก เมรีขอแค่แป้งกับเครื่องปรุงก่อนนะคะ” เมรียิ้มแหยเก พูดเสียงอ่อยๆ จนโมริสต้องรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เขาแค่แปลกใจแค่นั้น สิ่งที่หญิงตรงหน้าขอ เป็นแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แทนเสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดี หรือไม่ก็เครื่องประดับราคาสูง “ผมแค่แปลกใจน่ะครับ ผมนึกว่าคุณเมรีจะให้ไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับ แต่กลับเป็นแป้งทำขนมกับอุปกรณ์แล้วก็เครื่องปรุง รอซักครู่ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่มีซุปเปอร์สโตร์ตรงนั้น คงมีของที่คุณเมรีต้องการจนครบเลยล่ะครับ” “ดีจัง…เมรีจะได้ทำขนมปังอร่อยๆ ให้คุณโมริสทาน ไม่ไหวค่ะเคยทานแต่ฝีมือคุณแม่เอสก้ามาเจอขนมปังแข็งๆ ที่เขาทำขายกินไม่ลงจริงๆ” เมรีเอ่ยเสียงร่าเริง จนโมริสพลอยยิ้มตามไปด้วย
บทที่10.หาอะไรทำเพราะไม่อยากเป็นแค่คนไร้ค่า กลางดึกคืนนั้นฟรองซัวร์ขยับลงจากเตียง เขาควานมือหาเสื้อผ้ามาสวม หยัดกายลุกขึ้นยืน รูดซิปกางเกงอย่างร้อนรนเมื่อเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาแขวนข้างพนังห้อง เหลือแค่ไม่กี่นาทีจะเข้าสู่วันใหม่ เขาคว้าเสื้อได้ก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว พยายามไม่หันหลังกลับไปมองเมรีที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ฟรองซีวร์ถอนใจแรงๆ เขาเหลือบมองเมรีอย่างอาลัยอาวรณ์ “ดูแลเมรีดีๆ ล่ะ…เอ้านี่ให้ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาด้วย เผื่อเมรีอยากจะซื้ออะไรบ้าง” ฟรองซัวร์เปิดกระเป๋าหยิบบัตรเคดิต ส่งให้การ์ด เพื่อให้เมรีใช้จ่าย“จัดการเหมือนเคยนะ” ฟรองซัวร์กล่าวย้ำ เขาต้องป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะตามมาภายหลัง เวลานี้ฟรองซัวร์ยังไม่พร้อม เขายังไม่ต้องการภาระ ชายหนุ่มเอนกายพิงเบาะหนังนุ่มของรถยน
บทที่18.ชาแปลน์ แซงส์ผู้หญิงที่เป็นคนสำคัญ ชาแปลน์เดินเข้ามาในตึกสำนักงานของมาร์เซย์ด้วยมาดนางพญา ลำคอเรียวงามเชิดตรงยิ้มแค่มุมปาก ทอดตามองพนักงานที่เดินขวักไขว่ด้วยสายตาเฉยเมย ประชาสัมพันธ์วิ่งเข้ามาทำความเคารพ ออกอาการพินอบพิเทาอย่างเห็นได้ชัด “คุณฟรองซัวร์ติดประชุมอยู่ค่ะ เชิญคุณชาแปลน์ที่ห้องคุณฟรองซัวร์ชั้น12ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะโทร.ขึ้นไปบอกเลขาฯ คุณฟรองซัวร์ให้ลงมาต้อนรับ” ชาแปลน์พยักหน้ารับรู้ เธอตรงไปยังลิฟท์ด้วยท่วงท่าสง่างาม หลายคนแอบมองชาแปลน์อย่างอิจฉา ที่เธอจะได้ครอบครองหนุ่มในฝันของฝรั่งเศส ฟรองซัวร์เป็นยอดชายที่มีคนอยากกอดมากที่สุด ลุคนิ่งๆ แต่สะกดความรู้สึกได้ชะงัด เขามีรูปโฉมงดงามประหนึ่งเทพเจ้าซุสผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัส &ldquo
บทที่9.กรงเสน่หา ฟรองซัวร์ลุกจากที่นั่งเมื่อตกลงกับเมรีได้ ชายหนุ่มเดินไปปิดหน้าต่างรูดผ้าม่านปิดบังแสงสว่างที่ยังคงเหลืออยู่ จนภายในห้องมืดลงเขากดรีโมทเปิดแอร์คอนนิชั่น เมรียกมือกอดตัวเองแน่น เธอช้อนสายตามองฟรองซัวร์ด้วยผ่านม่านน้ำตา “ถึงเวลาทำงานแล้วเมรี” ชายหนุ่มกล่าวเสียงแหบพร่า มือหนายื่นมารอตรงหน้า “ขอเวลาเมรีทำใจก่อนได้ไหมคะ” เมรีพยายามต่อรอง “ไม่ว่าตอนนี้ หรือตอนไหน เธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นอย่ายืดเวลาออกไปอีกเลย มันเสียเวลาเปล่า” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงแข็ง มือสั่นระริกชื้นไอเหงื่อ วางบนฝ่ามือหนาที่แบรออยู่อย่างไม่แน่ใจ ฟรองซัวร์แทบจะกระชากเมรีเข้าสู่วงแขน