บทที่5.สะพานอธิษฐานบนแม่น้ำแซน
วันนี้เมรีเลิกเรียนเร็ว เธอเลยมีเวลามาเดินเล่นที่สะพานปงต์ เด ซาร์ตส์สะพานข้ามแม่น้ำแซนอันลือชื่อ เป็นที่เฉพาะของหนุ่มสาวที่เริ่มเป็นคบหากัน พวกเขามักจะมาอธิษฐานขอพร และคล้องแม่กุญแจที่ราวสะพาน เพื่อให้ความรักมั่นคงยืนยาว เมรีทรุดนั่งที่เก้าอี้บริเวณนั้น เธอเหม่อมองคู่รักที่มาพร้อมกัน ก่อนจะไปยืนอธิษฐานของพรด้วยกันที่ริมสะพานคล้องแม่กุญแจเป็นสักขีพยานในความรักของทั้งสองคน ลมเย็นๆ ยามบ่ายกับแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ร่างกายเมรีอบอุ่นขึ้น เธอเพลิดเพลินกับบรรยากาศแสนหวานจนลืมเวลา
ผิวน้ำเรียบไร้คลื่น กระแสน้ำไหลเอื่อยๆ ไปตามเส้นทางที่ควรเป็น เมรีคิดถึงฟรองซัวร์ขึ้นมา เธอนึกอยากจะเห็นคนที่ฟรองซัวร์รักและคอยดูแลเขาเหมือนคู่รักหลายคู่ที่เมรีนั่งดูอยู่ในตอนนี้
“อยากเห็นจังเลยนะคะ คนที่คุณฟรองซัวร์รักจะเป็นคนแบบไหน คงมีเกียรติน่ายกย่อง เพราะคนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณฟรองซัวร์มีแต่คนสวยทั้งนั้น” เมรีรำพึงแผ่วๆ
“เธอนินทาอะไรฉันเมรี…ฉันได้ยินชื่อของฉันหลุดออกมาจากปากเธอนะ และฉันคงฟังไม่ผิด” เมรีสะดุ้ง! เธอเงยหน้ามาคนพูด เขายืนกอดอกก้มหน้ามองเธอด้วยประกายตาสีเขียวขุ่น
“เพี้ยนไปแล้วแน่ๆ เลย หูก็คงเพี้ยนด้วย เธอจะละเมอได้ยินเสียงคุณฟรองซัวร์ตอนนี้ไม่ได้” เมรียกมือขยี้เปลือกตาบ่นอุบอิบ เธอต้องเลอะเลือนขนาดไหนถึงได้ตาฝาดแบบนี้ได้
“เธอสิเพี้ยน ฉันยืนอยู่ตรงนี้ชัดๆ” ฟรองซัวร์กระซิบดุ เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกันกับเมรี หญิงสาวผวา เธอมองคนด้านข้างตาโต
เมรียิ้มแหยๆ ให้ฟรองซัวร์ ชายตรงหน้าเธองานยุ่ง เขากลับบ้านดึกๆ เป็นประจำ แต่วันนี้มีเวลามาเที่ยวเล่นแถวนี้...เธอจึงอดแปลกใจไม่ได้
“ไม่ต้องแปลกใจหรอกน่า ฉันมาทำงานน่ะ บังเอิญเห็นเธอนั่งเหม่อๆ อยู่ก็เลยแวะมาดู” ฟรองซัวร์เปรบลอยๆ เขากวาดมองไปทั่วๆ อย่างสนใจ
“ทำไมแถวนี้คนเยอะจัง เขามาทำอะไรกันน่ะ เอาแม่กุญแจไปคล้องราวสะพานกันทำไมให้รกเกะกะเปล่าๆ” ฟรองซัวร์สังเกตเห็นคนที่เดินมาที่นี่มีจุดมุ่งหมายเหมือนกันหมด คือมาถึงก็เอากุญแจไปคล้องที่ราวสะพาน ก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่าง แล้วก็หันไปจูบคนข้างๆ ชายหนุ่มบ่นอย่างรำคาญ เมื่อมองเห็นความไม่เป็นระเบียบบนราวสะพานที่เต็มไปด้วยแม่กุญแจเล็กใหญ่
“...” เมรีกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เธอพยายามทำความเข้าใจ เธอเป็นคนต่างถิ่นยังรู้ความหมายของการคล้องกุญแจกับราวสะพานนั่นเป็นอย่างดี แต่คนพื้นที่อย่างชายตรงหน้ากับไม่รู้ทำเนียมปฏิบัติของคนส่วนมากเลยเหรอ... สะพานปงต์ เด ซาร์ตส์เป็นสะพานข้ามแม่น้ำแซนอันลือชื่อ เกี่ยวกับตำนานรักอันลือลั่นที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ
“คุณฟรองซัวร์ไม่รู้จัก สะพานปงต์ เด ซาร์ตส์หรือคะ?” เมรีเอียงคอถาม
“ฉันไม่รู้จริงๆ นะ” ฟรองซัวร์บ่นพึมพำ
สีหน้าเมรีเหลอหลา...เธอเกือบหัวเราะ
“รู้จะถามไง?” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงแข็ง
“คุณฟรองซัวร์เป็นคนฝรั่งเศสแท้ๆ แน่ใช่ไหมคะ ทำไมไม่รู้จักสะพานอธิษฐานล่ะคะ” เมรีตอบแบบมึนๆ ชายตรงหน้าเกิดและโตที่นี่ แต่กลับไม่รู้จักสถานที่สำคัญ
“สะพานอธิษฐาน?!!” ชายหนุ่มมึน เขาวุ่นวายกับงาน การบริหารแบรนด์มาร์เซย์ให้โด่งดังไม่ใช่เรื่องง่าย ความสนใจเรื่องอื่นเลยไม่ค่อยมีความหมาย
“สะพานที่ใครๆ มาขอพรให้สมหวังในความรักไงคะ” เมรีอธิบายน้ำเสียงมีความหวัง ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับ เธอก็เหมือนสาวๆ ทั่วไปที่ปรารถนาอยากให้มีผู้ชายสักคนมารักและปรารถนาในตัวเอง
“เธอเคยขอหรือยัง?” ฟรองซัวร์ถามและกลั้นใจรอคำตอบ
เมรีไม่ได้ตอบ เธอส่ายหน้าจนผมกระจาย ฟรองซัวร์อมยิ้ม เขาใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าเมรีให้อย่างลืมตัว เมรีนั่งตัวแข็งทื่อ แววตาสั่นไหว เงยหน้ามองสบนัยน์คมดุของฟรองซัวร์ รอบๆ ตัวเวลาเหมือนจะหยุดนิ่ง มีแค่เพียงฟรองซัวร์และเมรีที่นั่งสบตากันกลางแสงแดดอ่อนๆ ตอนบ่ายๆ บนสะพานปงต์ เด ซาร์ตส์ ‘พรึ่บๆ’ เสียงขยับปีกของนกพิราบฝูงใหญ่ที่บินผ่าน ปลุกสติที่กำลังกระเจิงไปไกลของเมรีให้กลับคืนมา ผิวแก้มใสแดงจัด เธอเสก้มหน้าหลบจากสายตาคมดุของฟรองซัวร์ ก่อนจะเอ่ยชวนคุยให้พ้นไปจากเรื่องที่ชวนให้หัวใจเต้นระรัว
“คุณฟรองซัวร์หายมานานแบบนี้ คนที่มาด้วยไม่คอยแย่แล้วหรือคะ” เสียงหวานสั่นนิดๆ
“ฉันเลิกงานแล้ว พวกนั้นน่าจะกลับไปกันหมดแล้วล่ะ” ฟรองซัวร์กล่าวสบายๆ เขาวางมือบนพนักเก้าอี้เหมือนโอบเมรีไว้กลายๆ
เมรีบีบตัวให้เล็กลง พยายามไม่สนใจปลายนิ้วแข็งแรงที่ม้วนปลายผมตัวเองเล่นอย่างเพลิดเพลิน ฟรองซัวร์ปล่อยอารมณ์ตามสบาย สายลมที่พัดโชยนำพาความเย็นมาโอบล้อมรอบๆ ตัว เขารู้สึกผ่อนคลายบ่าทั้งสองข้างเบาลง เขาเคร่งเครียดอยู่กับงานและต้องปรับตัวตามกระแสสังคม ไม่เคยมีเวลาส่วนตัว ไม่น่าเชื่อ...สิ่งที่ผ่อนคลายความเครียดได้ง่ายๆ ก็คือเมรี แค่นั่งนิ่งๆ มีหล่อนอยู่ข้างกาย
“เธอกินอะไรหรือยังเมรี ฉันชักหิวแล้วสิ” ฟรองซัวร์เปรยลอยๆ นิ้วของเขายังม้วนผมนุ่มสลวยด้านหลังของเมรีเล่นไม่ยอมปล่อย
“ยังเลยค่ะ ทำไงดีคะ?” เมรียิ้มกร่อยๆ
“ฉันเลี้ยงเธอเอง ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน นานๆ จะได้ผ่อนคลายแบบนี้ ขออยู่แบบนี้อีกสักหน่อยเถอะนะ” น้ำเสียงทุ้มที่แฝงความเหนื่อยล้า ทำให้เมรีไม่กล้าค้าน เธอเงยหน้ามองฟรองซัวร์ ริ้วรอยย่นๆ เหนือระหว่างคิ้วคงเป็นเพราะชายหนุ่มทำหน้าเคร่งบ่อยๆ แต่ริ้วรอยเช่นนั้นกลับเพิ่มเสน่ห์ให้กับฟรองซัวร์มากขึ้น เมรีไม่แปลกใจเลยที่ชายหนุ่มติดอันดับท็อปเท็น
“คุณจะทานอะไรล่ะคะ แถวนี้มีแต่อาหารฟาสต์ฟู้ดทั่วๆ ไปคุณฟรองซัวร์ทานได้หรือคะ” เมรีขมวดคิ้วแน่นพลางนึกถึงอาหารที่วางขายอยู่แถวนี้ซึ่งฟรองซัวร์คงไม่เคยรับประทาน
“อะไรก็ได้ ฉันกินได้หมดนั่นแหละ ฉันไม่ได้เปราะบางอย่างที่เธอเข้าใจหรอกนะ ส่วนร้ายๆ ในตัวฉันมีเยอะ และเธอไม่เคยเห็น” ฟรองซัวร์พูดยิ้มๆ เป็นครั้งแรกที่เมรีเห็นชายหนุ่มยิ้ม หัวใจเธอสั่นไหว เกิดความรู้สึกแปลกๆ ที่อธิบายไม่ถูก
“เมรีเลี้ยงคุณฟรองซัวร์เองค่ะ ราคาไม่เท่าไหร่หรอก คุณฟรองซัวร์รออยู่ตรงนี้แหละค่ะ” เมรีรีบลุกขึ้นยืนอย่างกระตือรือร้น เธอยิ้มสดใสฟรองซัวร์มองเพลินจนลืมท้วง
เมรีกวาดตามองหาร้านขายแฮมเบอร์เกอร์อาหารที่หากินง่าย ทมีขายอยู่ทั่วไป เธอรีบเข้าไปเลือกซื้อมาหลายอย่าง พร้อมกับน้ำสะอาดอีกสองขวดที่เมรีหอบหิ้วกลับมา
บทที่30.ฉันยอมแพ้ เมรีลืมตาเธอนอนอยู่บนเตียงคนเดียว หญิงสาวเหลือบมอง นาฬิกาที่พนังห้อง เธอตื่นสายโด่ง เธอจึงรีบลงจากเตียง และลงมือทำสะอาดห้อง ก่อนจะไปอาบน้ำ เดินลงมาด้านล่างแบบกล้าๆ กลัวๆ “แม่นั่นตื่นหรือยังล่ะ นอนกินบ้านกินเมืองเป็นคุณนายอยู่เหรอไงคงกำลังหลงระเริงกับตำแหน่งเมียของฟรองซัวร์อยู่สินะ” เสียงโซเฟียดังลั่น เมรีจึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง “คุณก็…เมรีไม่สบายก็ต้องตื่นสายสิคะ กินยาลดไข้เข้าไปอาจจะตื่นเอาตอนบ่ายๆ เลยก็ได้ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกโขอยู่นี่คะ” เบียพูดแก้ให้ “ย่ะ…ฉันรู้แล้วว่าแม่เมรีเขาไม่สบาย แต่ไม่คิดจะลุกขึ้นมาหาอะไรกินก่อนหรือไง เขาต้องกินเยอะๆ หลานฉันก็หิวแย่นะสิ”&nbs
บทที่28.เมียผมท้องแล้วแม่จะว่าไง ฟรองซัวร์อึ้งไปหลังผลตรวจร่างกายเมรีออกมา แพทย์ประจำโรงพยาบาลอธิบายพร้อมกับแสดงความยินดี“ภรรยาคุณ ตั้งครรภ์ได้6สัปดาห์แล้วครับ”เมรีน้ำตาตก เธอก้มกน้าลงซ่อนรอยน้ำตาไว้ “ขอบคุณครับ” ฟรองซัวร์ดีใจจนพูดไม่ถูก ในที่สุดสิ่งที่เป็นโซ่ทองคล้องเขากับเมรีไว้ก็เกิดขึ้นแล้ว “ดูแลสุขภาพให้ดีทานอาหารให้ครบห้าหมู่ หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักๆ ที่อาจกระทบกระเทือนลูกในท้อง เพราะช่วงสองสามเดือนแรกยังมีภาวะเสี่ยงในการแท้งอยู่มาก นอนพักผ่อนให้เพียงพอ หมอจะให้ยาบำรุงเลือดและยาแก้แพ้ ต้องมาตรวจให้ตรงเวลาจะได้คอยดูพัฒนาการ การเจริญเติบโตของเด็กในท้องด้วย พอครบกำหนดจะได้มาอัลตร้าซาวด์ดูว่าเด็กสมบรูณ์หรือเปล่า เอาหนังสือคุณแม่มือใหม่กลับไปศึกษาด้วยนะครับ จะได้เตรียมรับมือกับคุณลูกจอมซนที่กำลังจะเกิดในอีกเจ
บทที่27.บทสุดท้ายของเมรี ฟรองซัวร์นั่งฟังมารดาบ่นด้วยสีหน้านิ่งเฉย เสียงที่ผ่านเข้ามาทางรูหูข้างซ้ายเลยออกไปทางรูหูข้างขวา เมื่อชายหนุ่มไม่สนใจฟัง โซเฟียต่อว่าเรื่องบุตรชายไม่กลับไปที่คฤหาสน์มาร์เซย์เหมือนเดิม “แม่ไม่สนใจความต้องการของลูกหรอกนะฟรองซัวร์ มันไม่มีทางเป็นไปได้ เรื่องที่ลูกต้องการคงไม่มีใครยอมรับ สายเลือดมาร์เซย์ต้องมาจากแม่ที่เหมาะสม ไม่ใช่ใครก็ได้อย่างที่ลูกต้องการ” โซเฟียบ่นขรม ความต้องการของบุตรชายสวนทางกับคามต้องการของนางฟรองซัวร์เงยหน้ามองมารดา ริมฝีปากหนาหยักเหยียดยิ้ม ก่อนเขาตั้งใจบอกมารดา ประโยคที่โซเฟียได้ยินแล้วแทบจะสิ้นสติ “ถ้าเป็นอย่างนั้นแม่ก็เตรียมขายหน้าทุกคนได้เลยครับ ผมจะไม่ยอมแต่งงานกับชาแปลน์แน่นอน ถ้าสิ่งที่ผมต้องการไม่ได้อย่างที่ผมหวังไว้”&nb
บทที่26.เลือก ฟรองซัวร์เปิดหน้าหนังสือพิมพ์ดูหัวข้อข่าว ชายหนุ่มขมวดคิ้ว...กำหนดการแต่งงานของเขากับชาแปลน์เป็นประเด็น มีหลายสื่อกำลังควานหาตัวเขาให้ขวัก!! ชายหนุ่มพับหนังสือพิมพ์โยนไว้บนโต๊ะ ความเครียดที่รุมเร้ามาเกือบหนึ่งอาทิตย์เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่า เขายกมือขึ้นคลึงระหว่างหัวคิ้ว...เขาพาเมรีกลับมาจาก นอร์ ปาดกาแลได้เกือบสองอาทิตย์ ชาโตว์เลอนอร์มังคือที่นอนของตนเองตอนนี้ เขาไปทำงานปกติแต่แต่เลี่ยงที่จะเผชิยหน้ามารดา แม่ของเขาก็เงียบหายไปเช่นกัน ฟรองซัวร์ใจชื้น...แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด หนึ่งอาทิตยืก่อนเริ่มมีสื่อเล่นข่าวเรื่องงานวิวาห์ของเขาแล้ว ชายหนุ่มพยายามทำใจเย็น เขาคิดว่าไม่วันใดวันหนึ่งมารดาก็ต้องโผล่หน้ามาแฉ่งเขาแน่นอน...แต่ผิดคาด...มารดาไม่มา ไม่แม้แต่จะส่งใครมาด้วยนางประโคมข่าวเรื่องเขากับแซงส์แทน “เจ้านายมีข่าวดีไม่บอกลาลิชซาเลยนะคะ เสียชื่อเลขา
บทที่25.มาถึงทางตัน หญิงสาวเดินออกมาจากหลังฉาก ดวงตาบวมเปล่งเพราะร้องไห้อย่างหนัก เธอพยายามตัดใจข่มกลั้นความเสียใจไว้ให้น้ำตาไหลย้อนไปท่วมหัวใจ ฟรองซัวร์เหลือบมองเมรีเธอแปลความหมายแววตาเขาไม่ออก เขาลุกขึ้นยืนเดินตรงไปยังกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่วางแอบไว้มุมห้องและไม่ได้รับความสนใจจากฟรองซัวร์เลยมาตลอดสามวันชายหนุ่มรื้อกระเป๋าค้นหากล่องเครื่องประดับที่ตั้งใจมอบให้เมรี จนกระทั่งพบกล่องใบนั้นที่ซุกอยู่ก้นกระเป๋านั่นเอง ฟรองซัวร์เปิดกล่องหยิบแหวนเพชรออกมาจากตัวล็อก ดวงตาสีเขียวมรกตเปล่งแสงวาบ เขายิ้มมุมปากด้วยความพอใจ แหวนทองคำขาวเรียบๆ มีเพชรเม็ดใหญ่กลางมรกตที่โอบล้อม รูปแบบโบราณเพราะเป็นแหวนประจำตระกูลมาร์เซย์ ฟรองซัวร์เดินตรงมายังเมรีเธอนั่งหมิ่นๆ ปลายเตียง หญิงสาวนั่งก้มหน้าน้ำตาคลอ ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งด้านข้าง จับมือเรียวขึ้นสอดเรือนแหวนบนนิ้วเรียวของเมรี หญิงสาวฝืนดึงมือกลับ
บทที่24.สายเลือดของมาร์เซย์กับแม่ที่ต่ำต้อย ฟรองซัวร์ฝากเชื้อพันธุ์ชีวิตไว้ในร่างกายของเมรีทุกหยาดหยด ข้อาอ้างเดียวที่ต่อรองกับมารดาได้คือเมรีต้องท้อง เขาจึงกักเมรีไว้ในห้องสองวันสองคืน เธอไม่ได้ก้าวลงจากเตียงสักครั้งเดียว เขาฝากรอยมือรอยจูบไว้ทุกพื้นที่เมรีปวดร้าวไปทั้งตัวเธอไม่มีแม้แต่แรงจะขยับตัว ถึงเวลาอาหารฟรองซัวร์ก็จะป้อนให้ หลังจากนั้นก็จะถูกจองจำไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรงและไฟเสน่หาที่กัดกินผิวกาย เมรีครางจนหมดเสียง มีเพียงเสียงแผ่วๆ ที่หลุดออกมาจากเรียวปากอิ่ม ทุกครั้งที่ฟรองซัวร์ชักชวนเธอล่องนาวาสวรรค์ เมรีจำไม่ได้ว่าเธอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน หญิงสาวกะพริบเปลือกตาปรับให้ชินกับแสงสว่างจ้าที่ส่องกระทบ เธอขยับกายช้าๆ และมองหา ฟรองซัวร์ “อู้ย…” เสียวครางอย่างปวดร้าว แค่ขยับลุกข