Share

บทที่ 13

“ในเมื่อมิสเตอร์คลาร์กไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมก็จะไม่รบกวนพวกคุณต่อขอให้สนุกให้เต็มที่นะครับ” จู่ ๆ คาเวียร์ก็เข้ามาพร้อมกับของขวัญแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้ทุกคนตกตะลึง

ชาลส์กระแอมขึ้นมา ในมือยังคงถือถือบัตรแล้วถามขึ้น “มีใครในนี้ที่รู้จักมิสเตอร์คลาร์กบ้าง?”

ทุกคนส่ายหน้า คน ๆ นั้นจะต้องมีอำนาจถึงขนาดที่ทำให้เจ้าของร้านเวอร์เทียส คอร์ท นำอาหารหน้าตาน่ากินและไวน์ชั้นเลิศมาให้ด้วยตัวของเขาเอง เขาจะต้องไม่ใช่คนที่ใครก็จะเข้าถึงได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน

“จะเป็นไปได้ไหมที่จะเป็นฟิลิป?”

ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนพูดติดตลกขึ้น แต่ทุกคนในห้องก็ส่งเสียงหัวเราะลั่นออกมา

“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว! มันจะมีจะไปใช่เจ้าเศษขยะนั่นได้ยังไง? ถ้าเป็นเขาจริง ฉันจะกินไวน์ทั้งขวดนี้ไปเลย”

“นอกเสียจากนามสกุลที่เหมือนกัน มีอะไรอีกที่พี่เขยลูกพี่ลูกน้องของเราจะเอาออกมาให้พวกเราดูได้?”

กลุ่มเด็กวัยรุ่นสองสามคนพูดดูถูกเขาอย่างไม่ไว้หน้า

วินน์ทนต่อไปอีกไม่ไหวเธอตำหนิขึ้นมาอย่างโกรธจัด “พอได้แล้วพวกนายพูดอะไรกันอยู่? ถึงยังไงซะเขาก็ยังเป็นพี่เขยลูกพี่ลูกน้องของพวกเธอ!”

ชิ! กลุ่มเด็กวัยรุ่นเลิกคิ้วขึ้นอย่างหยิ่งยโสแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก

ชาร์ลส์พูดเสริมขึ้น “ทุกคนเลิกพูดไร้สาระสักที”

เพื่อนของชาร์ลส์ในเวลานี้รู้สึกอิจฉาเขาเป็นอย่างมาก

“ชาร์ลส์เพื่อนรัก ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน? นี่นายรู้จักคนใหญ่คนโตขนาดนี้แต่ไม่คิดจะแนะนำให้พวกเรารู้จักบ้างเลย”

“นี่มันจะเกินไปหน่อยแล้วครั้งแรกก็ภาพวาดชิ้นสำคัญตอนนี้ก็มี ‘มิสเตอร์คลร์าก’ นี่อีก”

“มา มา มาเถอะ ลืมเรื่องพวกนั้นไปซะนี่มันเหล้าหายากที่เป็นเครื่องดื่มของกษัตริย์กำลังรอพวกเราให้ลิ้มรสอยู่เชียวนะ” ชาร์ลส์รู้สึกเสียดายหากจะดื่มเหล้าทั้งหมดรวดเดียวในตอนนี้ เขาจึงเก็บเหล้าไว้หนึ่งขวด และเปิดเพียงแค่หนึ่งขวด คนอื่นไม่ได้พูดอะไรเพราะถึงยังไงแค่ลิ้มรสเหล่านี้แค่ขวดเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับในชีวิตนี้

ในตอนนั้นเอง เอเดนก็ถามขึ้น “ลุงจอห์นสตันครับ ผมคิดว่าผมรู้จักมิสเตอร์คลาร์กคนนี้ เจ้านายที่อยู่เบื้องหลังห้องจัดแสดงศิลปนามสกุลคลาร์กเช่นเดียวกันครับ เป็นไปได้หรือเปล่าว่าเขารู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณ เขาจึงส่งของขวัญมาให้?”

เอเดนเพียงแค่คาดเดาเท่านั้นแต่เจ้านายจากห้องจัดแสดงก็ชื่อคลาร์กเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยได้เห็นหน้าเขามาก่อน แต่เลขาที่ติดต่องานกับเขาก็ได้บอกว่าชายคนนั้นมีชื่อว่าคลาร์ก และเขาไม่อยากเป็นจุดสนใจของผู้คนมากนัก

“งั้นรึ? ถ้าเช่นนั้นฉันก็ต้องไปขอบคุณมิสเตอร์คลาร์กอย่างเป็นทางการเสียแล้ว เขาช่างใจดีเหลือเกิน” ชาร์ลส์ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เขาดึงแขนเอเดนก่อนจะพูดขึ้น “แอดดี้ เธอต้องช่วยจัดการให้ลุงได้พบกับมิสเตอร์คลาร์กด้วยนะ ลุงคิดว่าเขาเองก็เป็นนักสะสมเช่นเดียวกัน”

“ได้เลยครับผมจะจัดการให้” เอเดนให้สัญญากับเขาด้วยความยินดี การที่ได้รับความเชื่อถือจากลุงจอห์นสตัน คุ้มค่ากับการทำงานอย่างหนัก

“เฮ้อ! ใครบางคนก็มีนามสกุลเดียวกันแต่เขากลับทำงานเป็นแค่พนักงานส่งอาหาร” ลินน์พูดขึ้น อย่างไม่ถูกที่ถูกเวลา และนั่นก็เป็นเหมือนดาบที่ปักลงในใจของวินน์

วินน์กัดฟันแน่น ยกเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ ก่อนจะยืนขึ้น “พ่อคะ หนูจะกลับไปหามิล่าที่โรงพยาบาล หนูขอตัวก่อนนะ”

ชาร์ลส์รู้ดีว่ามันคงจะเป็นการทรมานลูกสาวของเขาเปล่า ๆ ถ้าจะให้เธออยู่ต่อ เขาจึงโบกมือเป็นสัญญาณให้เธอกลับไปได้ ระยะห่างระหว่างเขาและลูกสาวเพิ่มมากยิ่งขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา นี่ต้องขอบคุณไอ้คนไร้ค่า ฟิลิปนั่นสินะ

“พี่ ทำไมถึงรีบกลับนักล่ะ แล้วอย่าไปตำหนิพี่เขยลูกพี่ลูกน้องของเราล่ะ” ลินน์ยังคงพูดเยาะเย้ยเธอต่อไป “ของขวัญของเขาก็ดูดีเชียวนะ ถึงแม้มันจะเป็นของปลอมก็เถอะ”

วินน์เพิ่งจะเดินไปถึงที่ประตูทางออกเมื่อเธอได้ยินประโยคนี้ เธอกำหมัดแน่นก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง

หลังจากที่เธอออกไปทุกคนต่างก็พากันถกเถียงถึงเรื่องมิสเตอร์คลาร์กบุคคลที่เป็นปริศนา พลางก็ดูแคลนฟิลิปไปด้วย

ไม่นานหลังจากที่ฟิลิปออกมาจาก เวอร์เทียส คอร์ท เขาก็ได้รับข้อความว่า: มิสเตอร์คลาร์ก นี่คาเวียร์ มอร์ริส นะครับทุกอย่างผ่านไปด้วยดี พ่อตาของคุณปลื้มใจมาก

คาเวียร์ มอร์ริส? อ้อ ใช่ เจ้าของเวอร์เทียส คอร์ท ดูเหมือนว่าเจ้าหนุ่มคาเวียร์ มอร์ริสคนนี้ จะทำได้ดีในเรื่องเอาชนะใจคนนะ

ฟิลิปตอบกลับ: ผมจะไม่พยายามหาคำตอบว่าคุณเอาเบอร์ของผมมาได้อย่างไร แต่หวังว่าคุณจะไม่ได้เปิดเผยตัวตนของผมในครั้งนี้

เมื่อคาเวียร์ได้รับข้อความจากฟิลิป เขารีบตอบกลับด้วยความตื่นกลัว: มิสเตอร์คลาร์ก อย่ากังวลไปเลยครับ ผมไม่ได้เปิดเผยตัวตนคุณแน่นอน

ฟิลิปพยักหน้าแต่ไม่ได้ตอบกลับ หลังจากนั้นจึงมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล

กลับมาที่โรงพยาบาล ฟิลิปนั่งอยู่ที่ข้างเตียงในขณะที่เขาจ้องมองลูกสาวที่น่ารักหลับปุ๋ย จมูกเล็กของเธอเหมือนแม่ของเธอ ปากจิ้มลิ้มนั้นด้วย แต่ดวงตาของเธอเหมือนกันกับเขา

ลูกสาวของฉันช่างดูดีเสียจริง เธอจะต้องสวยมากแน่นอนเมื่อเธอโตขึ้น!

ไม่นานหลังจากฟิลิปมาถึงโรงพยาบาล วินน์ก็เดินเข้ามา สีหน้าเย็นชา เธอนั่งลงที่ด้านข้างเตียงของมิล่า และจ้องมองลูกสาวของเธอ

ฟิลิปเพิ่งกลับมาจากไปเอาน้ำดื่มที่ตู้เก็บอาหาร เมื่อเขาเห็นวินน์เขายิ้มออกมาและพูดขึ้น “คุณมาแล้ว ผมจะจัดการเรื่องที่นี่เอง คุณกลับบ้านไปพักเถอะ”

วินน์ยังคงเงียบ เธอจ้องมองลูกสาวด้วยดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามอย่างมากที่จะข่มความรู้สึกของเธอไว้

“มีอะไรยังงั้นเหรอ?” ฟิลิปเห็นท่าทีของวินน์ที่แปลกไป

“ฟิลิป คุณวางแผนจะให้มิล่าอยู่อย่างนี้ตลอดไปนะเหรอ? คุณไม่อยากให้เธอได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้งั้นเหรอ? คุณไม่ได้ยินที่คุณหมอพูดว่าตราบใดที่เราสามารถจ่ายเงินหนึ่งล้านได้มิล่าก็จะได้รับการผ่าตัดอย่างนั้นเหรอ?” ดวงตาของวินแดงก่ำ “มิล่าอายุสามขวบแล้วตอนนี้มันเป็นเวลาที่เหมาะสมที่เธอจะได้รับการรักษา”

ฟิลิปจ้องไปที่หญิงสาวตัวน้อยที่กำลังหลับไหลก่อนจะพูดขึ้น “ผมรู้ ผมจะหาทางเอง”

“หาทาง? ทางไหนที่คุณสามารถคิดออกได้ในตอนนี้?” วินน์ตำหนิเขาพลางน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา “ฟิลิป ฉันขอร้องล่ะ ไปขอโทษพ่อกับแม่ของฉันนะ”

“เชื่อผมเถอะ ผมมีทางออก” ฟิลิปพูด ที่รักของผม คุณแค่ยังไม่รู้ว่าผมได้เริ่มลงมือทำอะไรไปบ้างแล้ว มิล่าคือลูกสาวของทายาทกลุ่มสถาบันทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดของโลก เธอคือนางฟ้าตัวน้อย ๆ เป็นหญิงสาวสังคมชั้นสูงไปแล้ว

“ทางออก? นอกจากการทำให้ฉันขายหน้าคุณยังทำอะไรได้อีก?” วินน์กล่าวโทษฟิลิปด้วยความโกรธจัด “ที่งานวันเกิดของพ่อในวันนี้ ลืมเรื่องที่ให้ของขวัญราคาถูกกับเขาไปได้เลย ทำไมคุณต้องให้ภาพวาดกับเขา? แล้วมันยังเป็นภาพของปลอมอีก คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเขาพูดยังไงเกี่ยวกับฉัน ฉันทนคุณต่อไปไม่ไหวแล้วฟิลิป! คุณช่วยนึกถึงฉันแล้วก็มิล่ามากกว่านี้ได้ไหม?”

ฟิลิปรู้ดีว่าวินน์ต้องเจอกับประสบการณ์ที่ยากลำบากและคับแค้นใจมาตลอดสองปีนี้ พวกเขาโดนดูถูก เหยียดหยาม แต่เขาก็มีเหตุผลของเขาที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้จริง ๆ อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาได้สืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูลแล้ว ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป

“วินนี่ เชื่อผมสิ ผมจะให้มิล่าได้รับการรักษาที่ดีที่สุดแล้ว ผมจะชดเชยความรู้สึกเจ็บปวดที่คุณได้รับมาตลอดสองปีนี้ให้อย่างแน่นอน” ฟิลิปกอดไหล่ของวินน์แต่อีกฝ่ายผลักเขาออกไป

วินน์รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เขาพูดอย่างนี้มาตลอดแต่ไม่เคยทำได้เลย

“พอเถอะฉันไม่อยากได้ยินอะไรอีกต่อไปแล้ว ฉันจะพาตัวมิล่าออกจากโรงพยาบาลและไปกับฉัน ฉันจะหาทางของฉันเอง” วินน์ปาดน้ำตา และพูดอย่างเด็ดขาด

“วินนี่ ที่จริงแล้วผม…” ฟิลิปทนต่อไปไม่ไหว แต่ในขณะที่เขากำลังพูดวินน์ก็ส่งสายตาขุ่นเคืองมาที่เขา

“คุณอะไร? คุณน่ะก็เป็นแค่เศษขยะที่ไร้ค่า!” วินน์พูดขึ้นอย่างเย็นชา ฟิลิปถูกผลักออกจากห้องไปในขณะที่วินน์ ยังคงอยู่ด้านในกับมิล่า

ในห้องโถงที่เงียบสงัดด้านนอกห้องฟิลิป ยังคงนึกไปถึงสายตาที่ผิดหวังของวินน์ที่จ้องมองมาที่เขา วินน์ ที่จริงแล้วผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก ผมมีทรัพย์สินกว่าสามล้านล้าน

ฟิลิปออกจากโรงพยาบาลมาก่อนจะกดโทรหาจอร์จ “จอร์จ จัดการเรื่องการรักษาลูกสาวของผมไปถึงไหนแล้ว?”

ปลายสายตอบกลับมาอย่างนอบน้อม “นายน้อย ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้แล้ว ในอีกสองสามวันศาสตราจารย์เฮนรี่ เทอร์เนอร์ ที่มีชื่อเสียงในด้านการผ่าตัดหัวใจระดับโลก จะมาที่เมืองริเวอร์เดล ผมจัดการให้เขามาที่โรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดให้ นายหญิงน้อยพร้อมกับมาเป็นอาจารย์สอนอีกด้วย”

“ดีมาก ผมจะปล่อยให้คุณจัดการแล้วกัน ทำทุกอย่างให้ออกมาราบรื่นมากที่สุด” ฟิลิปพูด

“อย่ากังวลไปเลยครับนายน้อย ตัวตนของคุณจะไม่วันถูกเปิดเผย มันจะเป็นเหมือนเรื่องบังเอิญ หลังจากผ่าตัดเสร็จผมจะจัดให้มีงานระดมทุนโดยเฉพาะเพื่อเด็กที่มีภาวะบกพร่องด้านหัวใจ แบบนี้แล้วก็จะไม่มีใครสงสัย”

จอร์จกล่าวเสริม “โอ้ ใช่ ศาสตราจารย์เทอร์เนอร์ได้ยินมาว่าคุณอยู่ที่เมืองริเวอร์เดลและอยากจะพบคุณเป็นการส่วนตัว”

“ไว้ค่อยคุยกันเมื่อเวลานั้นมาถึง” ฟิลิปตอบก่อนจะวางสาย เขาอารมณ์ไม่ดีตอนนี้

จอร์จจึงโทรไปอีกสายหนึ่งต่อ “เฮนรี่เพื่อนยาก ฉันบอกนายน้อยของฉันให้แล้ว ส่วนเรื่องที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของนาย”

อีกด้านของปลายสาย ด้านในห้องทำงานของประธานแห่งโรงพยาบาลของเทิร์นเนอร์ ณ เมือง โกลเด้น เฮนรี่ เทิร์นเนอร์ ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น หลังจากได้รับสายของจอร์จ “เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยมไปเลย ขอบคุณมากพี่ชายผมติดหนี้คุณแล้ว”

หลังจากที่เขาวางสาย คุณหมอหนุ่มก็นั่งลงที่โซฟาภายในห้องทำงานของเฮนรี่ ก่อนจะถามขึ้นในทันที “ท่านประธานเทอร์เนอร์ นั่นสายจากใครกัน ถึงทำให้คุณมีความสุขได้ขนาดนี้?”

เฮนรี่หัวเราะออกมาเสียงดัง “ผู้อำนวยการสแตนลีย์ ในอีกสามวันข้างหน้า ผมจะไปที่เมืองริเวอร์เดลมีผู้ป่วยพิเศษที่ต้องได้รับการผ่าตัด ดังนั้นผมจึงต้องพาหมอที่ดีที่สุดไปกับผมด้วย ช่วยไปจัดการเรื่องนี้ทีนะ”

ผู้อำนวยการสแตนลีย์ ตอบตกลงและออกไปจัดการเรื่องนี้ทันที

หลังจากวางสายจากจอร์จ ฟิลิปก็ได้รับสายอีกสายหนึ่ง คราวนี้เป็นผู้หญิงเสียงหวานหยดย้อย ราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ

“สวัสดีค่ะ มิสเตอร์คลาร์ก ดิฉันแอนนา คาร์เตอร์ จาก ซีวิล แกลลอรี่ ทางห้องจัดแสดงได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นชื่อของคุณแล้ว และนิทรรศการการจัดแสดงงานส่วนตัวของมิสเตอร์จอห์นสตันจะมีขึ้นในวันเสาร์นี้ คุณอยากจะมาเยี่ยมชมไหมคะ?”

ฟิลิปลังเลที่จะไป แต่หลังจากคิดอยู่สักพัก เขาก็ตอบไป “ได้ ผมจะหาเวลาว่างไปเยี่ยมชม” เพราะถึงยังไงก็เป็นนิทรรศการการจัดแสดงงานส่วนตัวของพ่อตาเขา เขาต้องไปดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี

“ได้ค่ะมิสเตอร์คลาร์ก ฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้” เสียงหวานของแอนนา พูดขึ้น ก่อนจะกล่าวเสริมอย่างนุ่มนวล “อ้อใช่ มิสเตอร์คลาร์กคะ ผู้ประสานงานของนิทรรศการนี้คือมิสเตอร์ เอเดน แกรนท์ เขาขอมาว่าอยากจะเยี่ยมชมงานกับคุณ ให้ฉันจัดการนัดหมายให้เลยไหมคะ?”

เอเดน แกรนท์? อ้อ ใช่ เกือบลืมไปเลยว่าเขาเป็นคนจัดงานนี้ หึหึ เขา คงไม่อาจคาดเดาได้ว่าห้องจัดแสดงที่เขาพยายามเค้นสมองอย่างหนักที่จะหาทางเช่ามาให้ได้ ถูกซื้อไปแล้วโดยฉันเอง ฟิลิปคนนี้และที่จงใจปล่อยให้เขามาเช่าไป ฉันควรจะไปเจอเขาดีไหมนะ?

Kaugnay na kabanata

Pinakabagong kabanata

DMCA.com Protection Status