ณ บ้านของโจเซฟเซเบอรัส เจ้าของธุรกิจนวดแผนโบราณที่กำลังจะล้มลายในไม่ช้าก็กำลังนั่งเครียดอยู่กับพิริมาภรรยาคนสวยของเขา เพราะตอนนี้เขาไม่มีเงินไปใช้หนี้ให้กับเสี่ยกำธร ซึ่งเป็นเศรษฐีเจ้าพ่อเงินกู้รายใหญ่
“อย่าเครียดไปเลยนะคะคุณ พิมว่ายังไงเราก็ต้องหาทางออกจนได้” พิริมาเอ่ยปลอบใจสามีออกไปอย่างเห็นใจ เพราะเธอก็ไม่รู้จะช่วยสามีเธออย่างไร
ด้านสาวสวยหน้าหวานอย่างพิชชาภา นามไทสงค์ หลานสาวของพิริมากำลังจะเดินผ่านห้องนั่งเล่นเพื่อออกไปเรียนหนังสือก็ต้องหยุดอยู่ที่ขอบประตูห้องนั่งเล่น เพื่อแอบฟังน้าทั้งสองของเธอคุยกัน เพราะทั้งสองจะต้องมีปัญหาอะไรกันอยู่แน่ น้าสาวของเธอถึงพูดแบบนั้นออกมา
“มีเรื่องอะไรนะ” พิชชาภาเอ่ยพูดเบาๆอย่างสงสัย ก่อนจะตั้งใจแอบฟังน้าทั้งสองของเธอพูดคุยกัน
“จะไม่ให้ผมเครียดได้ยังไง เงินตั้งสิบล้าน ผมจะไปหามันมาจากไหน ไอ้เสี่ยกำธรมันก็เจ้าเล่ห์มันคิดจะเอาลูกสาวเราไปขัดดอกกับมัน” โจเซฟเอ่ยพูดออกไปด้วยเสียงเข้ม เขาจะไม่ยอมให้ลูกสาวคนเดียวของเขาไปลงนรกแบบนั้นเด็ดขาด
“พิมก็ไม่ยอมค่ะ พิมจะไม่ยอมให้ยัยพลอยหรือยัยพิชไปเป็นเมียไอ้เฒ่านั่นเด็ดขาด” พิริมาเอ่ยบอกออกไปอย่างไม่ยอม เพราะเธอจะไม่ส่งลูกสาวหรือหลานสาวของเธอไปให้ไอ้แก่ตัณหากลับนั่นเด็ดขาด
“ผมว่าถ้าเราไม่มีเงินคืนมันจริงๆ ผมจะปล่อยให้มันยึดร้านของเราไป” โจเซฟพูดออกมาเสียงเศร้า เพราะเขาก็จนปัญญาจะหาเงินมาชดใช้ให้เสี่ยกำธรแล้ว
“เหลือเวลาอีกตั้งสองอาทิตย์ เราค่อยๆคิดกันไปก่อนนะคะคุณ” พิริมาบอกสามีออกไป ก็คิดในใจอย่างเสียดาย เพราะเธอเปิดร้านนี้มาสิบกว่าปีแล้ว
“เรื่องนี้อย่างให้เด็กสองคนนั้นรู้นะ ผมไม่อยากให้พวกแกมาเครียดกับเรา” โจเซฟเอ่ยบอกไปเสียงเศร้า เขาไม่อยากให้ลูกกับหลานสาวต้องมารับรู้เรื่องนี้ พิชชาภาถึงจะเป็นสาวสาวของพิริมาแต่เขาก็เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะเขาก็รักพิชชาภาดังลูกคนหนึ่งของเขาเอง เขาจึงไม่คิดที่จะส่งพิชชาภาให้กับเสี่ยกำธร
พิชชาภาที่ยืนฟังอยู่ก็อึ้ง เพราะที่ผ่านมาร้านนวดก็ไปได้ดีมาตลอดเพราะเวลาที่เธอไปที่ร้านเธอก็เห็นมีลูกค้าเสมอ แต่ทำไมน้าโจถึงไปติดหนี้เสี่ยกำธรเยอะขนาดนั้นกัน แล้วถ้าปิดร้านจริงๆน้าทั้งสองของเธอจะทำยังไง ไหนจะยัยพลอยที่กำลังจะเข้าเรียนมหาลัยอีก เธอจะต้องหาทางช่วยน้าของเธอให้ได้ เพราะท่านทั้งสองก็เป็นเหมือนพ่อกับแม่ของเธอ เธอจะไม่ยอมปล่อยให้สิ่งที่ท่านรักต้องกลายเป้นของคนอื่นแน่ คิดได้ดังนั้นพิชชาภาก็เดินออกไปทันที
พอมาถึงมหาวิทยาลัยพิชชาภาก็มานั่งอยู่กับปัทมาและนภัทรที่เป็นเพื่อนสนิทกับเธอมาตั้งแต่มอปลาย เธอก็นั่งเงียบจนเพื่อนทั้งสองเอ่ยถามเธออย่างสงสัย
“นี่แกเป็นอะไรรึเปล่าอ่ะพิช นั่งเงียบเชียว” ปัทมาเอ่ยถามเพื่อสาวที่นั่งตรงข้ามเธออย่างสงสัย เพราะปกติพิชชาภาจะเนคนช่างพูด ไม่ใช่นั่งเงียบแบบนี้
“เออใช่ แกมีเรื่องอะไรรึเปล่าพิช” นภัทรซึ่งเป็นเกย์แอ๊บแมนเอ่ยถามเพื่อนสาวออกไปอย่างเป็นห่วง
“ร้านน้าพิมกำลังจะเจ้งน่ะสิแก แล้วน้าโจก็ไปติดหนี้เสี่ยกำธรตั้งสิบล้าน ฉันก็เลยไม่รู้จะช่วยน้าฉันหาเงินที่ไหนมาจ่ายให้เสี่ยนั่น แล้วนี่ไอ้เสี่ยกำธรยังจะมาเสนอให้น้าฉันส่งฉันหรือยัยพลอยไปเป็นเมียน้อยมัน ดีนะที่น้าฉันไม่ยอมส่งฉันกับยัยพลอยไป ไม่งั้นฉันคงโดดน้ำตายไปแล้ว” พิชชาภาเอ่ยพูดบอกไปพร้อมกับสีหน้าเศร้า เพราะเธอไม่รู้จะทำยังไงให้หาเงินได้เยอะขนาดนั้นในเวลารวดเร็ว
“เห้ย สิบล้านเลยเหรอ เยอะขนาดนั้นจะไปหาทันได้ยังไง ไอ้เสี่ยนั่นก็ตัณหากลับจริงๆ” ปัทมาเอ่ยพูดย่างตกใจ เพราะสิบล้านมันเยอะมากจริงๆสำหรับคนธรรมดาอย่างพวกเธอ
“ก็นั่นแหละ ฉันถึงมานั่งกลุ้มอยู่นี่ไง” พิชชาภาพูดไปก็เอามือท้าวคางอย่างท้อๆ เพราะคิดหาทางที่จะหาเงินไม่ได้
“ถ้าต้องไปเป็นเมียน้อยไอ้เสี่ยนั่น ฉันว่าแกไปขายตัวให้ไฮโซหล่อๆรวยๆยังจะง่ายกว่าอีก” นภัทรเอ่ยพูดไปอย่างไม่คิด แต่มันทำให้พิชชาภาตาโตทันที
“ปากหมาจริงๆนะอีต้น เพื่อนกำลังเครียดอยู่นะยังจะมาพูดเล่นอีก” ปัทมาพูดไปก็เอื้อมมือไปตีแขนของเพื่อนหนุ่มอย่างอดไม่ได้
“อ่าว ยัยแป้ง แล้วแกคิดว่ามันจะมีวิธีไหนที่จะหาเงินตั้งมากมายขนาดนั้นได้ล่ะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องนอนกับเสี่ยแก่ๆ ” นภัทรเอ่ยพูดออกไปอย่างไม่คิดอะไร เพราะเขาก็ไม่ได้คิดจะสนับสนุนเพื่อนสาวให้ทำแบบนี้
“พวกแกไม่ต้องทะเลาะกันหรอก วันนี้เรามีอบรมก่อนไปฝึกงานไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะเดี๋ยวก็สายหรอก” พิชชาภาเอ่ยตัดบทไป เพราะไม่อยากให้เพื่อนทั้งสองต้องมาถียงกันเพราะเธอ แต่สิ่งที่นภัทรพูดมันก็ทำให้เธอสนใจมาก แต่มันติดที่ว่าเธอจะไปหาไฮโซที่ไหนที่จะมาสนใจเด็กธรรมดาๆแบบเธอกัน
“เออใช่ วันนี้ฉันจะได้เจอเทพบุตรของฉันแล้วในที่สุดฉันก็จะเจอตัวจริงๆของคุณฟรานติโน่เขาสักที” นภัทรพูดออกไปก็ทำหน้าเพ้อฝันอย่างหื่
“นี่อีต้น แอ๊บแมนอยู่ไม่ใช่เหรอคะ ออกสาวแบบนี้ฉันไม่เป็นแฟนแกแล้วนะ” พิชชาภาเอ่ยพูดออกไป เพราะตั้งแต่เรียนปีหนึ่งมาเธอก็แกล้งเป็นแฟนของนภัทรมาตลอด จนใครๆไม่สงสัยในตัวนภัทรแม้กระทั่งพ่อของนภัทรที่เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยนี้ด้วย
“มันลืมตัวอ่ะแก ถ้าพวกแกเห็นคุณฟรานติโน่ของฉันนะ รับรองจิ๋มพวกแกสั่นสู้แน่ย่ะ หล่อ รวย เฟอร์เฟค พ่อของลูกชัดๆ” นภัทรพูดไปก็ทำหน้าเคลิ้มจนปัทมาและพิชชาภาส่าหน้าระอากับความแรดของเพื่อนหนุ่มที่ดูจะดี้ด้าออกนอกหน้า
“อาการหนักนะแกเนี่ย ไปลุกได้แล้ว จะไปดูพ่อของลูกไม่ใช่เหรอจ๊ะ อีกครึ่งชั่วโมงเขาจะอบรมแล้ว รีบไปสิคะ” ปัทมาพูดบอกไปพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวพวกแกไปก่อนเลยนะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน จองที่ให้ฉันด้วยนะ” พิชชาภาเอ่ยพูดออกไปก็ลุกขึ้นตามเพื่อนทั้งสองคน
“อุ๊ป สั้นเสมอหูได้อีกนะย่ะหล่อน” นภัทรเอ่ยแขวะพิชชาภาเบาๆ เพราะเขามาทีหลังจึงไม่เห็นว่าพิชชาภานั้นใส่ทรงเอสั้นมาในวันนี้
“ก็อยากเชคเรตติ้งบ้างอ่ะ ผู้ชายคนอื่นเขาจะได้อิจฉาแกไงที่มีแฟนสวย แล้วก็แซ่บน่าฟัดขนาดนี้” พิชชาภาพูดไปก็เอามือเท้าเอวแล้วทำท่าท่างเซ็กซี่เหมือนโพสต์ท่าถ่ายแบบ
“เรื่องแซ่บฉันว่าไม่ แต่เรื่องแรดนี่ฉันว่าจริง ฮ่าๆ” ปัทมาเอ่ยพูดไปก็หัวเราะใส่พิชชาภาร่วมกับนภัทรอย่างขำๆ เพราะปกติพิชชาภานั้นก็เป็นสาวฮอตที่มีดีกรีเป็นถึงดาวคณะ จึงมีหนุ่มๆมาคอยตามจีบจนต้องแกล้งเป็นแฟนนภัทรเพราะไม่อยากจะมีแฟน แต่ก็ไม่วายมีหนุ่มๆมาแอบจีบเธอจนได้ แต่เพื่อนสาวของเธอก็เล่นๆไปไม่จริงจังกับใคร ขนาดพี่ชายเธอที่เป็นสารวัตรมาจีบเพื่อนของเธอยังไม่สนเลย ไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอจะเลือกเยอะไปไหน
“ยัยแป้งไอ้ต้น เดี๋ยวเหอะ แกสองคนรีบไปเลยไป ฉันจะไปเข้าห้องน้ำแล้ว” พิชชาภาเอ่ยบอกไปก็โบกมือใส่ปัทมาและนภัร ก่อนจะเดินออกไปเข้าห้องน้ำที่อยู่หลังตึก
ด้านแฟรงก์และพลอยลดาก็นั่งแอบอยู่ที่ห้องของแฟรงก์ เพราะว่าห้องนอนของแฟรงก์มันมีระเบียงมองไปที่สระว่ายน้ำแบบชัดเจน และพวกเขาก็เชื่อมสายไฟต่างๆให้มาอยู่ในห้องของแฟรงก์ เพื่อสะดวกต่อการเซอร์ไพร์สครั้งนี้ ส่วนคนที่แฟรงก์ให้มันจัดการ เขาก็ให้กลับตั้งแต่ครึ่งช่วโมงก่อนหน้านี้ไปหมดแล้วด้านฟรานติโน่ก็พาพิชชาภาเดินออกมาแล้วคอยพยุงเธอมาจนถึงสระว่ายน้ำที่ถูกตกแต่งไปด้วยลูกโป่งพร้อมมีแสงสีหลากสีสวยงามอยู่รอบๆ ก่อนจะส่งสัญญาณบอกกับน้องชายที่อยู่กับพลอยลดาให้ทำตามแผน ด้วยการปิดไฟที่สระว่ายน้ำทั้งหมดเพื่อเขาจะเปิดตาของพิชชาภา“พี่ฟรานจะทำอะไรคะ เมื่อไหร่จะถึงสักที” พิชชาภาที่ถูกปิดตาเอ่ยถามออกไปอย่างตื่นเต้นว่าฟรานติโน่กำลังจะทำอะไรเธอถึงพาเธอปิดตาแล้วเดินมานานขนาดนี้“เดี๋ยวก่อนนะคนดี ยืนตรงนี้แปปนึงนะครับ” ฟรานติโน่พูดเสียงเพราะก็ยิ้มมุมปากก่อนจะมองไปรอบๆที่ไฟทั้งหมดถูกปิดแล้วจนมันมืด เขาก็เอามือเอื้อมไปปลดผ้าปิดตาของพิชชาภาออกมา“ลืมตาได้แล้วคนดี” ฟรานติโน่บอกไป พิชชาภาก็ค่อยลืมตามาก็เห็นฟรานติโน่ยืนยิ้มใส่เธออยู่“มีอะไรกันคะ ทำไมต้องปิดตาพิชด้วย” พิชชาภาเอ่ยถามอย่างสงสัย ก่อนจะเห็นว่ามันมืดมาก
พอเช้าของอีกวันฟรานติโน่และแฟรงก์ก็พาพิชชาภาเดินทางไปส่งพลอยลดาที่บ้านของอลิซ่าผู้ดูแลพลอยลดาที่นี่โดยรถสปอตคันหรู เพื่อเข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับการย้ายที่อยู่ของพลอยลดาให้มาอยู่ในความดูแลของฟรานติโน่ แต่ก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น กว่าฟรานติโน่และแฟรงก์จะเคลียร์ปัญหากับอดัมและอลิซ่าเสร็จก็นานเป็นชั่วโมง จากนั้นก็ช่วยกันขนของใช้ส่วนตัวของพลอยลดาออกมาบางส่วน แล้วก็กลับมาที่บ้านของฟรานติโน่“ช่วงที่พี่ยังอยู่ที่นี่พลอยก็พักห้องนั้นไปก่อนนะ เดี๋ยวถ้าพี่กับพิชกลับไทยไป พลอยก็ค่อยย้ายมาอยู่ห้องนี้ก็แล้วกันนะ ส่วนเรื่องที่พักเดี๋ยวพี่จะให้ไอ้แฟรงก์มันจัดการให้ ไม่ต้องห่วงนะ พิชพาน้องเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนเถอะ” ฟรานติโน่บอกทั้งสองสาวไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เพราะวันนี้เด็กสาวเจอแต่เรื่องไม่ดี เขาจึงพยายามพูดดีกับเธอให้เหมือนพี่ชายคนหนึ่งควรจะทำ“ไปกันเถอะยัยพลอย มาพี่ช่วยถือ” พิชชาภาเอ่ยพูดไปเสียงอ่อน ก็ช่วยน้องสาวที่ใบหน้าเศร้าเดินเข้าไปที่ห้องของน้องสาว พอแฟรงก์เห็นสองสาวเดินเข้าไปให้ห้องแล้ว เขาก็เอ่ยถามพี่ชายทันที“อ่าวเฮีย ทำไมเฮียไม่ไปจัดการเองอ่ะ ผมก็มีงานต้องทำนะครับ ไม่ได้มีเวลาไปทำอะไรให้ใคร โ
หลังจากนั้นทั้งสองก็หลับพักผ่อนจนเกือบเย็น ตื่นมาอีกทีก็เกือบจะหกโมงเย็นกว่าทั้งสองจะออกมาหาแฟรงก์และพลอยลดาที่ในบ้านหลังนี้ด้วย“อ่าวยัยพลอยทำไมมานั่งคนเดียว แล้วพี่แฟรงก์ล่ะ” พิชชาภาเดินออกมาจากห้องแล้วเดินไปที่ห้องโถงกลางบ้านก็เจอน้องสาวกำลังนั่งทำหน้ายักษ์อยู่ จึงเอ่ยถามออกไป“ไม่รู้สิคะ ป่านนี้คงนอนอืดตายแล้วมั้งคะ” พลอยลดาเอ่ยบอกไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เพราะยิ่งเธอนึกถึงตอนที่เขามาแอบมองเธอเล่นน้ำ แล้วเขาก็เล่นกับเจ้านั่นของเขา ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายเธอก็อดโมโหไม่ได้“ยัยพลอย พี่แฟรงก์เขาแก่กว่าเราตั้งกี่ปี เคารพเขาบ้างสิเราน่ะ อีกอย่างต่อไปเราต้องอยู่กับพี่แฟรงก์ที่นี่ เพราะฉะนั้นเราต้องทำตัวดีๆกับพี่เขา เข้าใจไหม” พิชชาภาเอ่ยดุน้องสาวไปอย่างเตือนๆ เพราะยังไงแฟรงก์ก็อายุมากกว่าน้องสาวของเธอ“เคารพคนแบบนั้นไปทำไมล่ะคะ พี่พิชรู้ไหมว่าอีตานั่นมัน” พลอยลดาที่โมโหอยุ่พูดออกไปอย่างลืมตัว ก่อนจะหยุดพูดไปเพราะกลัวว่าพี่สาวจะเป็นห่วงมากกว่าเดิม“ทำไม พี่แฟรงก์ทำอะไรเรา บอกพี่มานะ” พิชชาภาเริ่มทำหน้าเครียดแบบจริงจัง พร้อมกับจ้องมองน้องสาวอย่างจับผิด“เปล่าค่ะ เขาก็แค่ชอบพูดกวนพลอย
ด้านฟรานติโน่ที่เขามารอพิชชาภาในห้องก็กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเขาคิดแผนอะไรดีๆออกแล้ว ว่าเขาควรจะเอาเวลาที่อยู่ที่นี่ทำอะไรดี แต่ก่อนที่เขาจะโทรหาเมที เขาจึงแอบส่งข้อความให้น้องชายช่วยดูแลน้องสาวของพิชชาภาระหว่างที่พวกเขาจะพักผ่อน จากนั้นเขาก็เดินไปล็อคประตูห้องแล้วเลือกที่จะโทรหาเมทีทันที“ว่าไงครับคุณแฟรงก์ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” เมทีรับสายแล้วกรอกเสียงพูดไปอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะคิดในใจว่าเจ้านายของเขาคงจะมีงานด่วนให้เขาทำแน่ๆถึงโทรมาเร็วขนาดนี้ ทั้งที่พึ่งจะกำลังถึงอเมริกา“มีแน่ๆ ฉันจะเซอร์ไพร์สขอเมียฉันแต่งงานที่นี่” ฟรานติโน่เอ่ยบอกออกไปก็คิดไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉายออกมาอย่างอดไม่ได้ว่าพิชชาภาจะมีความสุขขนาดไหนถ้าเขาทำอะไรมุ้งมิ้งแบบนี้ให้เธอ“อะไรนะครับ นี่คุณฟรานจะขอคุณพิชแต่งงานที่นั่นเหรอครับ แต่คุณฟรานกับคุณพิชแต่งงานกันแล้วนิครับจะขอแต่งงานกันไปทำไมล่ะครับ ยังไงก็จดทะเบียนกันแล้วนิครับ” เมทีเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะทั้งสองก็จดทะเบียนสมรสกันไปแล้ว ทำไมต้องมาทำเซอร์ไพร์สอะไรอีก“ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแกถึงไม่มีเมียจนถึงอายุปูนนี้ ไม่มีความโรแมนติกเลยนะแกเนี่ย ถึงฉันกับพิชจะจดท
หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็นั่งรถเดินทางไปยังบ้านของฟรานติโน่ที่อยู่ในเมืองฮอลลีวูดซึ่งมันเป็นเมืองที่อยู่ในลอสแองเจลิสอีกที แต่ก็ถือว่าเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงอยู่เหมือนกัน นั่งรถมาครึ่งชั่วโมงก็ถึงบ้านที่อยู่ริมทะเล“นี่บ้านเหรอคะเนี่ย ใหญ่เวอร์วังไปอีก” พลอยลดาลงจากรถคันหรูก็มองบ้านของพี่เขยอย่างอึ้งๆ เพราะมันเรียกว่าบ้านไม่ได้ มันต้องเรียกว่าคฤหาสน์แล้ว ยิ่งอยู่ติดทะเลแบบนี้พี่เขยเธอคงจะรวยน่าดู เพราะคนที่นี่ถ้าไม่รวยจริงอยู่ติดทะเลแบบนี้ไม่ได้แน่“นี่บ้านของพี่ฟรานจริงๆเหรอคะ” พิชชาถาเองก็อึ้งไม่ต่างจากน้องสาว เพราะบ้านของเขาที่ไทยก็ใหญ่มากแล้ว แต่พอเจอที่นี่ไปบ้านที่ไทยดูธรรมดาไปเลย“ พี่กับไอ้แฟรงก์พึ่งซื้อได้ไม่นานเท่าไหร่ มันสวยดีพี่ก็เลยซื้อเก็บไว้เผื่อมาทำงานที่นี่จะได้มีบ้านนอนสบายๆ ” ฟรานติโน่เอ่ยบอกไปก็จูงมือของพิชชาภาเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ริมทะเล เขาเลือกซื้อที่นี่ไว้เพราะทำงานที่อเมริกาแต่ละครั้งก็หลายเดือน ซื้อบ้านไว้น่าจะสะดวกกว่า“จะไม่เข้าบ้านเหรอ มัวแต่ยืนยิ้มอยู่ได้ ไม่ร้อนไง” แฟรงก์พูดไปก็มองหน้าของเด็กสาวอย่างกวนๆ ก่อนจะเดินตามฟรานติโน่และพิชชาภาเข้าไปในบ้าน“หืม ไอ้บ้
ด้านพิชชาภาก็เดินทางมาถึงอเมริกาก็เกือบสิบโมงเช้า พอได้เห็นเมืองที่น้องสาวอยู่ก็รู้สึกดีใจที่น้องสาวได้มาเรียนที่นี่ นั่นก็คือเมืองลอสแองเจลิสที่อยู่ในรัฐแคลิฟอเนียซึ่งอยู่ในแทบทะเลถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่มากๆเมืองหนึ่งในอเมริกา“ไงเราตื่นเต้นละสิ ตาลุกวาวเลยนะ” แฟรงก์เอ่ยพูดกับพิชาภาอย่างแซวๆ เมื่อเธอยิ้มหน้าบานแถมยังทำท่าตื่นเต้นจนออกนอกหน้า ซึ่งต่างจากเขาและพี่ชายที่มาที่นี่บ่อยแล้วเพราะมีธุรกิจอยุ่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่“เมืองนี้สวยมากเลยอ่ะพี่แฟรงก์ ตอนเครื่องลงพิชมองดูวิวแล้วนะ เริสมาก เดี๋ยวต้องไปอ้อนพี่ฟรานให้พาเที่ยวหน่อยแล้วล่ะค่ะ” พิชชาภาพูดบอกไปก็ยิ้มหน้าบานก่อนจะหันไปหาฟรานติโน่ที่ยืนส่ายหัวใส่เธออยู่ข้างๆแฟรงก์“นี่มาหาน้องสาวไม่ใช่เหรอเรา ยังไม่ทันไรก็จะให้พี่พาเที่ยวเหรอ เคลียร์เรื่องน้องสาวเราให้จบก่อนเถอะ” ฟรานติโน่เอ่ยพูดบอกไปพร้อมกับเก็กท่าหล่อใส่พิชชาภาจนพิชชาภามองเขาอย่างเบะปากแบบหมั่นไส้“เคลียร์แน่ค่ะ นี่ก็บอกว่าถ้าส่งงานอาจารย์แล้วจะมารอรับที่สนามบิน ทำไมยังไม่มาก็ไม่รู้” พิชชาภาพูดบอกไปก็แลสายตามองหาน้องสาว เพราะน้องสาวของเธอบอกจะมารอรับ เพราะไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว