Share

บทที่ 132

Penulis: พิณเคล้าสายฝน
หนทางกลับจวนยังอีกไกล ในรถม้าค่อนข้างที่จะแคบ ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบลง

ทั้งสองคนไม่มีอะไรที่จะพูดคุยกัน

หลินซวงเอ๋อร์ซุกตัวอยู่ที่มุมรถม้า เล่นถุงเงินที่อยู่ในมืออย่างเบื่อหน่าย และรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ

เยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองนาง สายตาจับจ้องไปที่สิ่งของที่นางกำลังเล่นอยู่ จึงเลิกคิ้ว แล้วพูดว่า "นอะไรอยู่ในมือของเจ้า?"

เมื่อได้ยินเสียงของเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็ซ่อนมือของนางเอาไว้ด้านหลังตามสัญชาตญาณ

เมื่อเห็นนางซ่อนเอาไว้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย โอบเอวของนางเอาไว้ แล้วดึงนางเข้ามาอยู่ตรงหน้า: "ซ่อนอะไรเอาไว้?"

ทันใดนั้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคนก็ใกล้กันมากขึ้น หน้าของเขาอยู่ใกล้มาก จนหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่พ่นมาบนใบหน้า หัวใจของนางก็เต้นอย่างควบคุมไม่ได้

นางจึงพูดว่า: "มันเป็นเพียงของเล่นชิ้นเล็กๆที่ไม่ได้มีค่าอะไร"

เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "ให้ข้าดูหน่อยสิ"

หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัว

นางไม่อยากแสดงให้เขาดู

งานเทศกาลโคมไฟครั้งที่แล้ว สตรีที่มาจากตระกูลเศรษฐีผู้นั้นปักถุงเงินได้อย่างประณีตมาก เยี่ยเป่ยเฉิงยังบอกว่ามันเชยเลย ถุงเงินที่นางเย็บด้วยผ้าลินินหยาบเขา
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 133

    “ความสำคัญ?”สิ่งนี้ทำให้หลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรตอนนั้นปักถุงเงินอันนี้ก็เพื่อฝึกฝนการเย็บปักถักร้อย ฉีหมิงมาหาพี่ชายที่บ้านพอดี พอเห็นถุงเงินที่อยู่ในมือของนางก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก เลยเอ่ยปากขอมันจากนางหลินซวงเอ๋อร์เต็มใจให้มันอยู่แล้วแต่ฉีหมิงคิดว่าลวดลายธรรมดามากจนเกินไป ถ้าปักคำสองสามคำลงไปมันจะโดดเด่นไม่เหมือนใครตอนนั้นนางไม่เก่งเรื่องงานฝีมือ และไม่รู้จักตัวอักษร และไม่รู้ว่าจะปักตัวอักษรตัวไหนฉีหมิงจึงสอนนางเขียนชื่อของเขาและชื่อของนางอย่างอดทนแต่ในท้ายที่สุด หลินซวงเอ๋อร์ก็จำได้แค่ตัวอักษรที่ง่ายที่สุดอย่างคำว่า"หลิน"และ"ฉี"เท่านั้นฉีหมิงจึงตัดสินใจเลือกถุงที่มีคำว่า"หลิน"เขาบอกว่า เขาชอบอันที่มีคำว่า"หลิน" เลยพกมันติดตัวไปด้วย เขาจะได้ระลึกถึงมันอยู่ตลอดเวลาตอนนั้นนางยังเด็ก จึงไม่เข้าใจสิ่งที่ฉีหมิงพูด ไม่ต้องพูดถึงคำว่า"คิดถึง"ที่เขาพูดหมายความว่าอะไรเมื่อนางค่อยๆเติบโตขึ้น พ่อแม่ของนางละจากโลกไปแล้ว พี่ชายได้บอกนางว่า ฉีหมิงเป็นคนที่นางสามารถฝากชีวิตเอาไว้กับเขาได้ และบอกให้นางพยายามชื่นชอบเขาในเวลานั้นหลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยเข้าใจว่าชื่นชอบคือ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 134

    ที่ตรอกซอยทิศประจิมของถนนฉางอาน ชายหนุ่มผู้สง่าอ่อนโยนเฝ้าคอยอยู่ที่นี่ทุกวัน และจ้องมองไปทิศทางใดทิศทางหนึ่งเป็นครั้งคราว แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีร่างของคนที่คุ้นเคย นัยน์ตาของเขาก็ค่อยๆหม่นหมองลงพอหลินซวงเอ๋อร์ออกจากประตูจวนก็วิ่งตรงไปในทิศทางเดียวเยี่ยเป่ยเฉิงให้เวลานางเพียงสองชั่วยามเท่านั้น หากนางกลับจวนไม่ทัน ไม่รู้ว่าเขาจะลงโทษนางอย่างไรบ้างฉีหมิงยืนรออยู่ที่ปากซอยเป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ไม่ปรากฏตัว ก็คิดว่าวันนี้เขาคงจะไม่ได้เจอนางแล้วด้วยความรู้สึกผิดหวัง เขาจึงหันหลังกลับแล้วกำลังจะจากไป ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง"พี่ฉี พี่ฉี…"มันเป็นเสียงที่เขาคิดถึงทุกเมื่อเชื่อวันฉีหมิงดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อหันกลับมา ก็เห็นหลินซวงเอ๋อร์วิ่งมาอยู่ที่ตรงหน้าเขาอย่างหอบเหนื่อย ไรผมของนางก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ“คิดไม่ถึงว่าพี่จะอยู่ที่นี่จริงๆ” หลินซวงเอ๋อร์ดีใจมาก ตอนแรกนางออกมาเพื่อลองเสี่ยงดวงดู คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเขาที่นี่จริงๆฉีหมิงลืมพูดไปครู่หนึ่ง จ้องมองนางอย่างเงียบๆ ภายใต้แสงแดดยามเช้าอันงดงาม ใบหน้าของนางราวกับว่าเป็นหยกที่โปร่งแสงราวชิ้นหนึ่ง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 135

    “พี่ฉี อันที่จริงแล้ววันนี้ที่ข้ามา ก็เพื่อแสดงความยินดีกับพี่เป็นหลัก นอกจากนี้ ข้าอยากจะพูดเรื่องบางอย่างกับพี่ให้ชัดเจน”นางรู้สึกว่า ตนไม่ควรเห็นแก่ตัวมากนัก บางทีเขาควรจะมีโลกที่กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม และไม่ควรจำกัดเขาไว้กับนางนอกจากนี้ มีเรื่องบางอย่างที่นางอยากจะบอกเขามาตั้งนานแล้ว แต่นางกลัวว่าจะส่งผลต่อการสอบขุนนางของเขา นางจึงเลื่อนมันออกไปจนถึงตอนนี้ตอนนี้นางเห็นเขาคว้าอันดับที่หนึ่งมาได้สมใจ นางก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลใจอีกแล้วฉีหมิงจ้องมองนาง ทันใดนั้นก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่ในใจหลินซวงเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้ามองไปที่เขา แล้วกล่าวว่า "พี่ฉี คำสัญญานั้น ซวงเอ๋อร์จะคิดเสียว่ามันเป็นแค่คำคำล้อเล่นของพี่"“ล้อเล่น?” ฉีหมิงรู้สึกลนลานอยู่ในใจ: “พี่พูดมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ จะพูดว่าล้อเล่นได้อย่างไร?”หลินซวงเอ๋อร์แอบถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า: "การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ต้องเชื่อฟังคำสั่งพ่อแม่ ที่จัดสรรหาคู่ให้ ตอนนี้พี่ฉีเป็นถึงขุนนางที่สอบได้ที่หนึ่ง คนที่พี่จะต้องแต่งงานด้วยในอนาคต ควรจะเป็นคนที่คู่ควรกับพี่"สรุปคือไม่ควรเป็นคนแบบนางฉีหมิงตกตะลึง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 136

    วันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนไป ครึ่งเดือนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วนางเฝ้ารอฉีหมิงมาหานาง แต่แม่ของเขาเหยาซื่อกลับมาหานางแทน...เหยาซื่อยืนอยู่ที่ประตูจวนหย่งอัน รอเป็นเวลานานถึงเห็นหลินซวงเอ๋อร์ออกมาจากในนั้นในเวลานั้น หลินซวงเอ๋อร์กำลังจะออกจากจวนไปทำธุระ และบังเอิญเห็นเหยาซื่อยืนอยู่ตรงนั้นพอดี นางจึงมีสีหน้าที่ดีใจ และรีบเข้าไปตอนรับทักทาย“ท่านป้า ท่านมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” นางเหลือบมองไปที่ข้างหลังของเหยาซื่อ แต่ก็ไม่เห็นร่างของฉีหมิง นึกไม่ถึงว่านางจะมาคนเดียวในความทรงจำของนาง เหยาซื่อใจดีกับนางมาโดยตลอด ปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งครอบครัวของหลินซวงเอ๋อร์ยากจน พ่อแม่ก็สุขภาพไม่ค่อยจะดี ตอนที่ครอบครัวของนางประสบปัญหา ขาดแคลนอาหาร เหยาซื่อมักจะช่วยเหลือพวกเขา โดยการส่งอาหารให้พวกเขาเป็นครั้งคราวความมีน้ำใจเหล่านี้ หลินซวงเอ๋อร์จดจำเอาไว้ในใจอยู่เสมอเมื่อแม่ของนางยังมีชีวิตอยู่ได้กำชับนางว่า วันหน้าหากมีโอกาส จะต้องรู้จักทดแทนบุญคุณ ตอบแทนความมีน้ำใจของเหยาซื่อให้ดีๆ ถ้านางมีโอกาสเป็นลูกสะใภ้ของนาง นางก็จะต้องเคารพเหยาซื่อให้มากๆเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 137

    หลินซวงเอ๋อร์ฟังอย่างเงียบๆ ซ่อนมือเอาไว้ในแขนเสื้อ แอบกำหมัดแน่น จนเล็บของนางจิกเข้าไปในฝ่ามือนางรู้ว่าฉีหมิงไม่ใช่คนแบบนี้ แต่ท่าทีของแม่ของเขาได้เผยออกมาชัดเจนแล้วแม้ว่าฉีหมิงจะชื่นชอบนางจริงๆ แต่ดูจากระดับความเคารพที่เขามีต่อเหยาซื่อแล้ว คงจะทำให้เขาเป็นคนกลางที่ลำบากใจท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้มีวาสนาต่อกัน หลินซวงเอ๋อร์รเข้าใจดี และแอบตัดสินใจด้วยตนเองในขณะนี้ เหยาซื่อควักเงินออกมาจากอกสองสามตำลึง พยายามใส่ยัดมันลงไปในมือของหลินซวงเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า: "เจ้ารับเงินเหล่านี้เอาไว้นะ หวังว่าเจ้าจะไม่รบกวนลูกชายของป้าอีก เงินจำนวนนี้ถือเสียว่าป้าให้เป็นค่าสินสิดแก่เจ้า พอออกจากจวนโหวไปแล้ว ก็ให้หาคนดีๆแต่งงานด้วย"หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วถ้าไม่ใช่เพราะว่านางเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดฉีหมิง นางคงจะอยากจะเลิกกับ นาง จริงๆ แต่เพราะความมีน้ำใจในอดีตของเธอ หลินซวงเอ๋อร์ จึงต้องทนกับความอัปยศอดสู: "ไม่จำเป็น ท่านป้าได้โปรดกลับไปบอกพี่ฉีว่า ต่อจากนี้ไป ซวงเอ๋อร์กับเขา เดินทางใครทางมัน และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก"เหยาซื่อดีใจมาก ดูเหมือนนางจะคิดไม่ถึงว่าหลินซวงเอ๋อร์จะคุยง่ายเช่นนี้ เดิมทีนาง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 138

    หลายวันมานี้ไม่ได้พบกับหลินซวงเอ๋อร์ ฉีหมิงก็เดินวนอยู่ตามถนนทุกเมื่อเชื่อวัน มันไม่ง่ายเลยที่นางจะออกมาจากจวน นึกไม่ถึงว่าพอนางเห็นเขาก็เดินอ้อมไปอีกทาง ราวกับว่าจงใจหลีกเลี่ยงเขาฉีหมิงรีบตามนางไป“ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์รอก่อน!”ทันใดนั้นแขนของนางก็ถูกเขาจับเอาไว้ หลินซวงเอ๋อร์จึงได้หยุดเดิน และมองดูเขาอย่างจนใจ“พี่ฉี ต่อไปไม่ต้องมารอข้าอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ไม่ได้เจอกันสองสามวัน ประโยคแรกที่นางพูดกับเขาจะเป็นสิ่งนี้ ทำให้ฉีหมิงตื่นตระหนกทันที“แม่ของพี่พูดอะไรกับเจ้าหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร ฉีหมิงก็เข้าใจทันที เขาจับแขนของนางเอาไว้แน่น และอธิบายอย่างรีบเร่งว่า: "แม่ของพี่เป็นคนที่สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิดเช่นนั้น นางเป็นคนที่ปากร้ายแต่จิตใจดีมาโดยตลอด เจ้าอย่าไปใส่ใจเลยนะ"สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิด?เขาคิดเช่นนี้หรือ?หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างสงบนิ่ง แล้วพูดว่า "ถ้าแม่ของพี่ไม่ยอมรับข้า ไม่ยอมให้พี่แต่งข้าเข้าเรือน พี่จะทำอย่างไร?"เมื่อเห็นนางจู่ๆก็ถามคำถามนี้ ฉีหมิงก็ไม่ตอบสนองไม่ได้ชั่วขณะ และอยู่ในอาการตกตะลึงเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 139

    หลินซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจอีกครั้ง: "ความกตัญญูคืออะไร แล้วอะไรคือความกตัญญูที่โง่เขลา? จะแยกแยะได้อย่างไรคะ?"เยี่ยเป่ยเฉิงอธิบายอย่างอดทน: "ความกตัญญูที่โง่เขลาหมายถึงการเชื่อฟังผู้อาวุโสทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ไม่หือไม่อือ คนแบบนี้ ดูไปแล้วกตัญญูรู้คุณมาก แต่จริงๆแล้วไม่มีความคิดเห็นเป็นของตนเอง และใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อาวุโสตลอด คนเช่นนี้ จะไปฝากชีวิตไว้กับเขาได้อย่างไร?"หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างตะลึงงัน และความรู้สึกแปลกๆที่อยู่ในใจก็พุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าบนตัวชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านาง มีแรงดึงดูดบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ และทำให้นางตกอยู่ในภวังค์โดยที่ไม่รู้ตัวเมื่อมองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็ถามเขาอยากแปลกใจว่า: "ถ้าท่านอ๋องเป็นพระเอกในตำรา จะเลือกอย่างไร?"เขาก้มหน้าลง แล้วมองนางด้วยสีหน้าท่าทางที่ยากจะพรรณนาได้ รอยยิ้มบนริมฝีปากไม่ได้ลดลงเลย นัยน์ตาที่ดูไร้คลื่น สงบนิ่งเหมือนน้ำ ลึกล้ำอย่างมิมีที่สิ้นสุด ได้ก่อตัวเป็นกระแสน้ำใต้น้ำ ซัดสาดจนนางไม่อาจต้านทานได้หลินซวงเอ๋อร์ถูกนัยน์ตาสีเข้มที่ยากจะพรรณนาของเขาทำให้รู้ส

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 140

    ตอนกลางคืนหลินซวงเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียง และนอนไม่หลับเป็นครั้งแรกในชีวิตในสมองของนาง เอาแต่นึกถึงสิ่งที่เยี่ยเป่ยเฉิงพูดที่ข้างหูนางเมื่อตอนกลางวัน“ความรักที่ข้ามีต่อเจ้า ยังไม่มากพอหรือ?”สิ่งที่เขาพูดมันหมายความอะไร?หรือว่า... หรือว่าจะเป็นอย่างที่ตงเหมยพูด ว่าเขาคิดไม่ซื่อกับตนเองจริงๆ?จะเป็นไปได้อย่างไร?คนที่สถานะสูงส่งอย่างเยี่ยเป่ยเฉิง จะชอบนางได้อย่างไร?แต่เมื่อนึกถึงรายละเอียดทั้งหมดตอนที่ได้อยู่กับเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็หน้าแดงโดยที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกแปลกๆ ในใจก็เริ่มที่จะเติบโตอย่างบ้าคลั่งหลินซวงเอ๋อร์พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับ รู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในใจเป็นอย่างมาก ทั้งหวานชื่นทั้งทำอะไรไม่ถูกหลังจากที่ดึงดันไปจนถึงเที่ยงคืน จนผ้าปิดหน้าอกสีชมพูยับยู่ยี่จากการพลิกตัวไปมา นางถึงค่อยๆผล็อยหลับไปท่ามกลางความมืดสลัว นางก็ได้ยินเสียงประตูเปิดดัง"เอี๊ยด" หลินซวงเอ๋อร์ลืมตาขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางความมืดสลัว นางก็เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากความมืดอย่างคลุมเครือชายคนนั้นเดินตรงมาที่ตรงหน้าของนาง โน้มตัว เข้ามาใกล้นาง เอาปลายนิ้วอันอบอุ่นลูบไปบนร

Bab terbaru

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status