“หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเขา มันทำให้ผมประทับใจ จากนั้นผมพึ่งรู้ว่าเขาเป็นเสาหลักของผู้กำกับในประเทศจีน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงนับถือในตัวเขา”กาเร็ธพูดประโยคที่มาร์คัสเคยพูดขึ้นมาให้เนลล์ฟังอีกครั้งทำให้เนลล์ถึงกับอีกเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของผู้กำกับหนุ่มเขาพูด “โดยปกติแล้ว ตะวันตกมีชัยเหนือกว่าตะวันออกในด้านของหนังไซไฟอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเราอยากจะยอมแพ้หรอก แต่เพราะว่าเราไม่มีเทคนิคที่สมบูรณ์แบบและความคิดสร้างสรรค์มากพอที่สามารถใช้ในระยะยาวได้ แต่เขาก็มีความหวังที่จะเป็นคนแรกที่จะพังกำแพงพวกนั้นและเป็นคนสร้างหนังไซไฟในตะวันออกให้เข้าตาชาวตะวันตกได้ จากนั้นชาวตะวันออกจะเป็นที่ขนานนามทั่วโลกว่าสามารถทำหนังไซไฟที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน”ในขณะนั้น ทั้งออฟฟิศก็ตกอยู่ในความเงียบชั่วชณะเนลล์ที่กำลังนั่งพิงเก้าอี้โดยที่ไม่ชำเลืองมองที่ไหนเลยแทนที่จะเร่งรัดเธอ กาเร็ธทำรายการงบประมาณพร้อมกับข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นและวางไว้ด้านหน้าของเธอเนลล์ตอบกลับ หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก “ฉันขอเวลาคิดเรื่องนี้ก่อนนะ คุณกลับไปได้แล้ว”อ
แน่นอนว่ากาเร็ธไม่คิดจะปฏิเสธ เขาพยักหน้า “ได้ครับ ตกลง”ดังนั้นทั้งสามคนหาพื้นที่ในคืนนั้น เพื่อที่จะนัดคุยเกี่ยวกับโปรเจกต์บทสนทนาดำเนินการอย่างเรียบง่ายกาเร็ธไม่ได้ส่วนร่วมในโครงการนี้อย่างที่เขาตั้งใจเขารู้ว่าเนลล์จะต้องยอมแบกรับความเสี่ยงหากเธอลงทุนในโปรเจกต์นี้ และความจริงที่ว่าเขาญาติของกิดเดียนที่ไม่มีความสำคัญพอที่จะลงทุนด้วยดังนั้นเขาจึงดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความสุจริตทั้งสามพูดคุยกับเป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนที่จะได้ข้อสรุปตามความเข้าใจอย่างถี่ถ้วน เนลล์รู้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงแต่มันโอกาสที่ควรค่าแก่การเสี่ยงอย่างที่กิดเดียนพูด ถ้าอันนิง อินเตอร์เนชั่นเนล ไม่ตกลงกับความลงทุนที่สูง และการทำงานที่เสี่ยงมากขนาดนี้ นักลงทุนรายอื่น ๆ คงไม่ยอมตะลุยไปกับมันแน่นอนการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมย่อมมีจุดสูงสุดของมัน แต่มันมักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับไว้ในท้ายที่สุด เนลล์อนุมัติโปรเจกต์นี้ที่ถูกเสนอโดยกาเร็ธในเมื่อเธอต้องบินไปทำธุรกิจบางอย่างในสัปดาห์ถัดไป เธอจึงจัดสรรเงินส่วนหนึ่งให้เขาล่วงหน้า และจะจ่ายส่วนที่เหลือให้เขาหลังจากที่เธอกลับมาเรื่องนี้เป็นอันตกลง
นอกจากนี้ ใครกันที่มีชีวิตโดยที่ไม่มีอดีต? ใครที่ไม่มีความลับปิดบังอยู่บ้างตราบใดที่เธอมั่นใจว่ากิดเดียนรักเธอแค่คนเดียว เธอก็พอใจแล้วในขณะเธอคิดแบบนี้ ริมฝีปากของเนลล์ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจในขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่งภายในห้องทำงานแสงที่สลัวภายในห้อง กิดเดียนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งหนังหลังโต๊ะ สีหน้าของเขาดูเศร้าหมองขณะที่เขาเอนตัวพินเก้าอี้การสนทนาทางวิดีโอกำลังดำเนินการบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผู้ชายที่ปรากฏอยู่ปลายสายกำลังพูดบางอย่างด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่อง อย่างไรก็ตามตลอดเวลาการสนทนา กิดเดียนได้เพียงฟังอย่างเดียวโดยไม่ตอบหลังจากชายคนนั้นพูดมามากกว่าสิบนาทีและทำงานของเขาเกือบจะเสร็จ เขาถามอย่างช่วยไม่ได้เมื่อกิดเดียนไม่ยอมตอบเขา “กิดเดียน แซม ลีย์ เมื่อไหร่ที่คุณจะจัดการคนพวกนั้นสักที? มันยากสำหรับการทำงานของเราโดยที่คนของคุณยังอยู่ อีกอย่างพวกเราไม่อยากจะเปิดเผยตัวจนของคุณ แต่ในเมื่อคนของคุณยังอยู่ เราไม่มีทางเลือกนอกจากเปิดเผยตัวตนของคุณ!” กิดเดียนนั่งนิ่งพร้อมหรี่ตาลง นั่งเรียวยาวของเขาถูกวางลงบนที่พักแขนและค่อย ๆ เคาะลงอย่าเบามืออีกฝ่ายดูเหมือนจะหมดความอดทนอีกเช่นกัน
กิดเดียนถูกเนลล์อ่อยถูกครั้งที่เธอเข้าใกล้เขาเขาเอื้อมแขนของเขาไปกอดรอบเอวของเธอและดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดของเขา“เนลลี่ อย่าประเมินความแข็งแรงของคุณเธอน้อยไป”เขาค่อย ๆ โน้มหัวและยิ้ม ในขณะที่เขาพูดเสียงต่ำและแหบแห้งลมหายใจที่อุ่นของเขากระทบกับใบหน้าของเธอดูเหมือนจะทำให้เธอตื่นเต้นด้วยเหตุผลบางอย่าง เนลล์เขินถึงแม้ว่าสามีของเธอจะไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากพูดประโยคนั้นใบหน้าที่เรียวเล็กของเธอประกายความอมชมพูขึ้นมา ราวกับแสงของตะวันที่กำลังลับขอบฟ้า เธอดูสวบและสง่างามมากกิดเดียนยิ้มพร้อมกับโน้มหัวของเขา และจูบเธอที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยนเนลล์ตัวแข็งและรู้สึกราวกับครึ่งหนึ่งของร่างกายเธอกำลังชาก่อนที่จะเขาจะทำอะไรมากกว่านี้ เนลล์หยุดเขา “อย่านะ ยังมีคนอื่นอีกนะที่ยังอยู่ในบ้าน!”ยังมีแม่บ้าน และเด็กสองคนที่อาศัยอยู่กับพวกเขาแม้ว่าเด็ก ๆ จะหลับไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าพวกเขาจะตื่นขึ้นเมื่อไหร่กิดเดียนเข้าใจเช่นกัน นอกจากจะด่าคนอื่นอย่างเงียบ ๆ ที่อาจจะทำให้เสียอารมณ์ เขาก็ยังก้มตัวและอุ้มเนลล์ขึ้นมาเนลล์ตกใจในการกระทำที่กระทันหันของเขา เธอโอบคอมของเขาอ้าปากค้าง
ไม่นาน เนลล์ก็สามารถถอดรหัสได้เธอดาวน์โหลดอีเมลและอ่านเนื้อหาทั้งหมดภายในอีเมลมีคำอธิบายเฉพาะของสมาคมจีน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกก่อนที่อาวุโสเคจะเสียมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ถ้าเธอสามารถชี้เน้นประเด็นสำคัญที่น่าสงสัย ขอบเขตของการสืบสวนคงมีขนาดใหญ่แต่ถึงอย่างไร ใครที่เป็นคนส่งอีเมลฉบับนี้มา คงเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการสืบสวนก็สำคัญเหมือนกัน ดังนั้นแทนที่จะพูดถึงชื่อของผู้ต้องสงสัยที่ไม่อยากจะถูกเกี่ยวโยง จึงหันมาเน้นเพียงแค่ไม่กี่คนที่เกี่ยวข้องกับอาวุโสเคเท่านั้นดีกว่าเนลล์ไม่สนใจผู้ต้องสงสัยคนอื่น ๆ และมุ่งความสนใจต่อคนใดคนหนึ่งชายคนหนึ่งมีใบหน้าผอมแห้งและซีดเซียว เขาไม่สูงมาและคงจะสูงประมาณ 1.74 เมตร ถึง 1.75 เมตร เขาสวมใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีดำ เขาหัวโล้น และดูค่อนข้างซีดใบหน้าของเขาดูไม่มีเนื้อมากและมีลักษณะคล้ายคนเอเชียทั่วไป เขาไม่ได้ดูดึงดูดมากเกินไปและไม่น่าเกลียด เป็นเป็นคนที่สามารถกลมกลืนกับฝูงชนได้อย่างง่ายดายมากไปกว่านั้น คงเป็นสายตาของเขาที่ดูไม่ปกติสายตาคู่นี้ดูไม่ธรรมดา ชายคนนี้ผอมแต่ดวงตาของเขาไม่ได้มีสุขภาพที่ย่ำแย่ ในทางตรงกันข้าม สายตาของเขาเ
ทันทีที่ลิซซี่พูดอย่างนั้น ทุกคนต่างพากันตะลึงเนลล์ที่เป็นคนแรกที่ตอบสนองทันที เธอรีบก้มลงเพื่อปิดปากของลิซซี่จากนั้นใบหน้าของเธอปรากฎรอยยิ้มที่แสนอึดอัดให้ลูซี่และพูด “ฉันขอโทษจริง ๆ เด็กมักจะชอบพูดตรงไปตรงมาเสมอ เธอไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่น่ะ”จากการพิจารณาน้ำเสียงของลูซี่ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมรับว่าเธอกำลังมีความสัมพันธ์กับโจเอล ในเมื่อพวกเขาไม่ได้คบกันการมีลูกก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันเนลล์ซึ่งเป็นหัวหน้าของลูซี่ แต่เธอรู้สึกว่าคำพูดของลูกสาวของเธอที่พูดออกมาอย่างกระทันหันทำให้ทั้งคู่รู้สึกขุ่นเคืองใจหน้าของลูซี่แดงก่ำไปด้วยความเขินอายเช่นกัน เธอรีบส่ายหน้าทันที “ไม่เป็นไรเลย”โจเอลดึงสติกลับมาเช่นกัน เขาไออย่างอึกอัก และรีบเปลี่ยนเรื่องรีบทีเปลี่ยนหลักเลี่ยงกับคุยเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวต่อหน้าเด็ก“สายแล้วนะ พี่สะใภ้ เดี๋ยวพวกเราจะไปทางนั้นกันต่อ”เนลล์พยักหน้า“ไปสิ ขอให้สนุกกันนะ”จากนั้นโจเอลก็ได้เดินนำทางลูซี่ไปเมื่อพวกเขาเดินจากไป เนลล์ก็ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกในขณะเดียวกันหลังจากออกไปนิทรรศการศิลปะ ลูซี่และโจเอลก็ไปเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ใกล้เคียงโจเ
“เฮอะ! ลูกขอทานจะมีปัญญาซื้อได้ยังไง?”ผู้หญิงข้างเออซูล่าเยาะเย้ย “อย่ามาเหยียบที่นี่ถ้าเธอไม่มีปัญญาจะซื้ออะไรได้! เธอมันแค่คนไร้ค่า”ลูซี่ขมวดคิ้ว “ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์…ของครอบครัวเธอเหรอ?”หญิงสาวหัวเราะ “ไม่ใช่ แต่ตอนที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้น ครอบครัวของฉันบริจาคไปเกือบห้าสิบล้าน ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าคนอย่างเธอจะเคยเห็นเคยจำนวนมหาศาลเท่านี้มาก่อนในชีวิตหรือเปล่า!”“ฉันแนะนำให้เธอออกไปเดี๋ยวนี้เลย ถ้าเธอมาทำให้พี่แชนนอนรำคาญใจละก็ เธอจะส่งคนมาเตะเธอออกไปหรืออาจจะทำยิ่งกว่า!”ลูซี่ขยับริมฝีปากของเธอ ที่จริงแล้วคนพวกนี้ชอบที่จะใช้อำนาจของอีกคนเพื่อมารังแกคนอื่นเธอรู้ดีเกี่ยวกับหารบริจาคของครอบครัวของแชนนอล เธอยังจำได้อีกว่าโจเอลเป็นคนปล่อยให้ครอบครัวปีเตอร์ ดำเนินเรื่องเกี่ยวกับการบริจาคแต่ถึงอย่างไร คนพวกนี้กลับแสดงเหมือนว่าพวกเขาเป็นคนใจกว้าง เธอรู้สึกแดกดันขึ้นมาเมื่อเธอนึกถึงเรื่องนี้“นี่! ฉันกำลังคุยกับเธออยู่นะ ได้ยินหรือเปล่า?”หนึ่งในหญิงสาวรู้สึกโกรธ เมื่อลูซี่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรต่อคำพูดของเธอ ดังนั้นจึงผลักลูซี่บาดแผลที่ขาของลูซี่ที่เธอได้มาจากอุบัติเหตุตอ
แต่โจเอลได้ยอมรับหรือเปล่าว่าผู้หญิงคนนี้คือแฟนของเขา?ข่าวที่ได้ยินมาก็เปรียบเหมือนกระสุนและกลุ่มผู้หญิงดังกล่าวพบว่ามันยากที่จะเชื่อ“คุณไปยืนทำไมตรงนั้น? คุณจะไล่ผู้หญิงพวกนี้ออกไปไหม?” โจเอลตะโกนใส่คุณบาร์เน็ตต์ที่กำลังเหงื่อไหล เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วเขาจึงขึ้นเสียงใส่แชนนอนและกลุ่มของเธอ “ไม่ได้ยินเหรอ? สถานที่นี้ถูกซื้อโดยนายน้อยฟอสเตอร์แล้ว ออกไป!”แชนนอนและญาติของเธอสบตากันก่อนที่จะเดินจากออกไปจากนั้นคุณบาร์เน็ตต์ยิ้มด้วยความขอโทษ “นายน้อยรองฟอสเตอร์ครับ ช่วยดูเอกสารของพิพิธภัณฑ์…”“จัดการตอนนี้เลย!”“ครับ! ครับ! ผมจะให้คนมาจัดการให้ทันทีเลยครับ”คุณบาร์เน็ตต์หยิบโทรศัพท์ของขึ้นมาโทรพร้อมกับปาดเหงื่อของเขาที่หน้าผาก ลูซี่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงจับไปที่แขนเสื้อของโจเอลและลดเสียงของเธอลง “อย่าซื้อที่นี่เลยนะ โจเอล”โจเอลเหลือบมองไปที่เธอ และเม้มริมฝีปากของเขา“โจเอล…” ลูซี่เรียกเขาอีกครั้งโจเอลเงียบเธอไม่มีทางเลือกนอกจากจะใช้กลของเธอ เธอยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “โจเอล…”และใช่ ริมฝีปากของชายหนุ่มค่อย ๆ คลายลงและท่าทีของเขาดูอ่อนลง เขากระซิบ “ผมบอกแล้วว่าคุณเ