"นี่เธออายุเท่าไรแล้วเนี้ย? ทำตัวเป็นเด็กไปได้”เกรกอรีมองวิกกี้ด้วยความไม่พอใจณ จุดนี้เธอก็รู้สึกขึ้นมาว่า มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?ก่อนหน้านี้ คุณหมอได้บอกกับเธอไว้ว่า เขาอยู่ในช่วงเฝ้าระวังสี่สิบแปดชั่วโมง และถ้าหากว่าเขาสามารถรอดชีวิตมาได้หลังจากสี่สิบแปดชั่วโมงนั้น เขาจึงจะถือว่าพ้นขีดอันตรายโดยสมบูรณ์นั่นคือเหตุผลที่วิกกี้เฝ้าดูอาการของเขา โดยนอนอยู่ข้างเตียงเขาตลอดสองวันที่ผ่านมาในที่สุดเขาก็ฟื้นขึ้นมาสักที เธอจะไม่รู้สึกมีความสุขได้อย่างไร?วิกกี้ไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ได้ และเมื่อเกรกอรีมองไปที่เธอ ดวงตาของเขาก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นมันคงเป็นเรื่องโกหก ถ้าจะบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว แต่เมื่ออารมณ์ที่ท่วมท้นนี้เกิดขึ้น มันกลับทำให้เขารู้สึกซับซ้อนขึ้นมาถึงไม่ต้องบอก วิกกี้ก็รู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ของเขา เธอจึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วงว่า “นายเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายใจตรงไหนหรือเปล่า? นายยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า?”เกรกอรีจับมือเล็ก ๆ ของเธอ ที่กำลังจับตัวของเขาตรงนู้นทีตรงนั้นที แบบสุ่มสี่สุ่มห้า และตอบว่า "ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ฉัน
พ่อบ้านออสบอร์นไม่เพียงแต่เป็นคนที่มีน้ำใจ และรอบคอบมากเท่านั้น แต่เขายังรักวิกกี้มากอีกด้วยเขารู้ว่าเธอเป็นห่วงเกรกอรี แต่ก็ไม่อยากจะเจอหน้า ดังนั้นด้วยความรอบคอบของเขา เขาจึงเข้ามาบอกกับเธอว่า “คุณโทมัส คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ คุณหมอเพิ่งจะตรวจดูอาการของนายน้อยไป เขาไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว จะมีเพียงก็แต่ว่าเขาจะต้องอยู่แต่ในบ้านเพื่อพักฟื้นร่างกายในช่วงเวลานี้เท่านั้นครับ”วิกกี้หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ขณะที่เธอเม้มปากและคิดกับตัวเองว่า ‘ฉันก็ยังไม่ได้ถามสักหน่อย ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ทำไมจู่ ๆ เขาถึงบอกอาการของเกรกอรีกับฉัน?'ในท้ายที่สุด เธอก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “พ่อบ้านออสบอร์นคะ มันคงยากสำหรับคุณนะคะ”พ่อบ้านออสบอร์นตอบเธอด้วยรอยยิ้มว่า “ตราบใดที่คุณและนายน้อยเข้ากันได้ดีทั้งคู่แบบนี้ มันก็ไม่มีอะไรยากไปสำหรับผมเลยครับ”ได้ยินแบบนี้วิกกี้ถึงกับจุกเธอไม่รู้ว่าพ่อบ้านออสบอร์นหมายถึงอะไร "ทั้งคู่เข้ากันได้ดี"เขาหมายความว่า แต่ละคนควรจะมีสุขภาพแข็งแรง และปลอดภัยหรือเปล่า? หรือเขาหมายความว่าทั้งสองคนควรจะดีต่อกัน และเลิกทะเลาะกัน?วิกกี้รู้สึกสับ
คน ๆ นั้นจ้องตากับเขาโดยไม่พูดอะไรออกมาเกรกอรียิ้มออกมาอย่างเย็นชาฮาโรลด์หยิบแส้ขึ้นมา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโมโหว่า “นายน้อยกำลังถามแกอยู่นะ แกไม่ได้ยินที่เขาถามเหรอ? ตอบเขาสิ!”คน ๆ นั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมา ด้วยความเจ็บปวดจากกการถูกเฆี่ยนตี แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังจ้องมองไปที่เกรกอรี ก่อนจะพ่นเลือดที่อยู่เต็มปากของเขาออกมาแววตาของวิกกี้เย็นชาลงช่างเป็นคนที่จัดการได้ยากเย็นซะจริงเกรกอรีไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไรถ้านายไม่อยากพูด เพราะฉันมีวิธีที่จะทำให้ฉันรู้ ในสิ่งที่ฉันอยากรู้อยู่เสมอ”เขามองต่ำก่อนจะพูดออกมาว่า “ฉันจำได้ นายอยู่กับฉันมาตั้งแต่อายุสิบสามแล้วใช่ไหม?”อีกฝ่ายยังปิดปากเงียบเกรกอรีพูดต่อว่า “ครอบครัวของนายถูกกดขี่ข่มแหง โดยบุคคลสำคัญทางการเมืองในท้องถิ่นในปีนั้น พี่สาวของนายเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจ และแม่ของนายก็ป่วยหนัก นายไม่มีเงินซื้อยาและโรงพยาบาลก็ไม่รับแม่ของนายเข้ารักษา ดังนั้นนายจึงขอเข้าร่วมชมรมต่อสู้ที่ผิดกฎหมายตั้งแต่อายุยังน้อย โดยหวังว่านายจะสามารถช่วยแม่ของนายได้ด้วยตัวของนายเอง”“จากนั้นฉันก็ได้เจอกับนายโดยบังเอิญ และช่ว
อยู่ ๆ เขาก็เงียบไป และวิกกี้ก็เช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดจาเย้ยหยันออกมา ด้วยความเย็นชาว่า “แสดงว่าเรื่องราวของชาวนากับงูเห่าก็เป็นความจริงสินะ”เกรกอรีถอนหายใจออกมาเบา ๆ "ก็อาจจะเป็นไปได้สินะ"วิกกี้ยังคงถามต่อไปว่า “แล้วคนเหล่านั้นเป็นใคร?”เกรกอรีขมวดคิ้ว “ฉันสอบปากคำเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้”วิกกี้ขมวดคิ้วเข้าหากันเกรกอรีจึงอธิบายว่า “คนเหล่านั้นติดต่อกับเขาทางอีเมล ฉันได้ให้คนตรวจสอบที่อยู่ของอุปกรณ์นั้นแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เรื่อง เพราะคนเหล่านั้นคงจะทำลายมันไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร เขาได้รับมาแค่เพียงเงิน และคำมั่นสัญญาว่าจะได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นเท่านั้น”“ฉันเดาว่าคน ๆ นั้นคงต้องอยากได้ตำแหน่งจนตัวสั่นสิท่า ไม่แปลกที่เขาจะยอมทำเรื่องเลว ๆ พันธุ์นั้น บอดี้การ์ดที่ทำตัวเลวทรามต่ำช้า จะเทียบกับเจ้าของอาณาจักรคฤหสน์แห่งนี้ได้ยังไง?”วิกกี้เผยยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าของอาณาจักรคฤหาสน์? เขา? สำหรับคนทรยศแบบเขา มันคงเป็นเรื่องแปลกที่จะได้รับความสำเร็จ หลังจากที่หักหลังผู้มีพระคุณของเขา เพราะแค่อีเมล”เกรกอรีไม่มีความคิดเห็นใด ๆ อยู่ ๆ บรรยากาศระหว่างพวกเขาก
วิกกี้ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าเกรกอรีกำลังกวักมือเรียกฮาโรลด์ ที่ยืนอยู่ออกไปไม่ไกลมากนักฮาโรลด์มอบสิ่งของนั้นให้กับเกรกอรีในทันทีเมื่อเกรกอรีได้รับของสิ่งนั้นมา เขาก็ยื่นมันให้กับวิกกี้ "เธอดูนี่สิ"วิกกี้ได้ของสิ่งนั้นมาภายในชั่วพริบตา มันคือแผนที่เกรกอรีกล่าวว่า “แผนที่นี้ถูกสักไว้บนหลังของเขา เราไม่สามารถบอกได้ในตอนแรกว่ามันคืออะไร แต่ฮาโรลด์เป็นคนเชื่อมโยงโครงร่างของรอยสักนี้เข้าด้วยกัน เราได้รับแผนที่นี้มาหลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว และก็พบว่ามีคนที่มีรอยสักแบบเดียวกันกับเขา”วิกกี้ขมวดคิ้ว พลางตรวจดูลายเส้นพวกนี้ก่อนจะถามว่า “สถานที่บนแผนที่นี้คืออะไร?”เกรกอรีส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”“ไม่รู้? นั่นก็แปลว่ามันไม่ใช่ข่าวดี” เธอรู้สึกไม่พอใจเกรกอรีหัวเราะออกมาเบา ๆ “นี่มันคงจะไม่ใช่ข่าวดีแน่ ๆ ถ้าเรารู้เบาะแสแค่นั้น แต่บังเอิญว่าฉันรู้สึกว่ามันดูคุ้น ๆ เมื่อตอนที่ฮาโรลด์ได้เอาแผนที่นี้มาให้ ฉันจึงเอามันมาเปรียบเทียบกับหยกที่เราได้รับมาจากการประมูล เธอลองเดาดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”วิกกี้มองหน้าเขาด้วยความงุนงงเขาหยิบหยกจากด้านข้างอ
แต่ทว่าเธอไม่มีอะไรต้องปิดบัง ดังนั้นแอนเดรียจึงพยักหน้า และบ่นว่า “เขาไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกของฉันจริง ๆ หรอกค่ะ เพราะฉันเองก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขา”เธอหยุดพูด พลางมองไปที่วิกกี้ด้วยสายตาคาดหวัง จากนั้นเธอก็กระซิบว่า “คุณวิกกี้คะ ผู้หญิงจะเอาชนะใจผู้ชายที่เธอชอบได้ยังไงเหรอคะ?”เธอไม่รู้เรื่องพวกนี้จริง ๆ เพราะเธอไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบนี้กับใครมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตกหลุมรักผู้ชาย ในสายตากับความคิดของเธอมันมีแต่เขาเท่านั้นเธออยากจะเจอหน้าเขาทุก ๆ วัน แต่ก็กลัวว่าเขาอาจจะรำคาญ ดังนั้นเธอจึงใช้สมองเพื่อคิดหาข้ออ้างที่จะมีโอกาสได้เจอกับเขาแต่เธอก็เริ่มรู้สึกไม่มั่นคงกับสถานะในตอนนี้ แอนเดรียมีความรู้สึกว่าความรักนี้ครั้งนี้ มันเป็นแค่เพียงรักข้างเดียวเท่านั้นเพราะว่าเขาไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าแม้กระทั่งว่าเธอชอบเขา มันจึงไม่มีความเป็นไปได้เลย ที่พวกเขาจะได้คบกันในทางกลับกัน เธอควรจะรวบรวมความกล้าที่จะสารภาพความรู้สึกของเธอออกไป แต่เธอกลับไม่มีความกล้าเลยแม้แต่น้อยไม่ต้องสงสัยเลยว่า แอนเดรียกำลังรู้สึกสองจิตสองใจ เธออาจจะอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้วก็จริง แต่ก็มีไม่กี่
วิกกี้หัวเราะคิกคักออกมาอย่างอดไม่ได้เธอส่ายหัวหลังจากที่ครุ่นคิดอย่างหนัก “เธอไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก ชีวิตเป็นของเธอ และเธอมาที่นี่เพื่อทำงานเท่านั้น เธอจะทิ้งทั้งชีวิตของเธอเพื่องานที่เธอทำได้ยังไง?”แอนเดรียเก็บเงียบคำพูดของเธอเอาไว้ใบหน้าของหญิงสาวดูสงบลง ท่ามกลางท้องฟ้าในยามค่ำคืน สีหน้าที่ว่างเปล่าบนใบหน้าของเธอ ทำให้เกิดภาพลวงตาของความไม่แยแสกับทางโลก ซึ่งตรงกันข้ามกับตัวตนที่ร่าเริงและอ่อนเยาว์ตามปกติของเธอเนื่องจากว่าวิกกี้กำลังนอนหลับตาอยู่ เธอจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติในการแสดงออกของแอนเดรียเธอพูดต่อว่า “ในตอนสุดท้ายฉันหวังว่าเธอจะมีความสุข ได้เจอกับคนที่ชอบเธอ และเธอก็ชอบเขาด้วย ได้แต่งงาน มีความมั่นคง มีลูก และใช้ชีวิตอย่างปกติสุขเหมือนกับคนทั่วไป นี่เป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของคน ๆ หนึ่งเลยก็ว่าได้”แอนเดรียมองไปที่วิกกี้ พลางถามขึ้นมาทันทีว่า “การมีชีวิตที่แสนจะธรรมดา เป็นหนทางแห่งความสุขที่แท้จริงหรือเปล่าคะ?”วิกกี้เลิกคิ้ว และเปิดตาข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “แน่นอนสิจ้ะ”แอนเดรียขดริมฝีปากของเธอขึ้นโดยไม่พูดอะไรสักคำวิกกี้หลับตาล
ไม่นานหลังจากที่เกรกอรีได้รับข้อความ เขาก็ส่งคนมาหาเธอทันทีวิกกี้รอได้ไม่นาน ฮาโรลด์ก็มาถึงเขาเคาะประตูด้านนอกอย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าเป็นเขาวิกกี้จึงลุกไปเปิดประตูให้ทันที จากนั้นเธอก็ส่งขวดน้ำมันหอมระเหยให้กับเขาไปบางทีอาจจะเป็นเพราะเธอกำลังอยู่ในชุดนอน และพวกเขาก็อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวซึ่งเป็นห้องนอนของเธอ ฮาโรลด์จึงก้มหน้าลง และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเธอมากนักหลังจากได้รับขวดน้ำมันมาแล้ว เขาก็รับฟังคำสั่งของวิกกี้มาว่า “คุณช่วยตรวจสอบส่วนผสมของน้ำมันขวดนี้ให้ฉันหน่อย และแจ้งฉันทันทีหลังจากที่ผลออกมาแล้ว”ฮาโรลด์พยักหน้าตกลงอย่างนุ่มนวล ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปจากนั้นวิกกี้ก็ปิดประตูลงหลังจากส่งขวดน้ำมันออกไปแล้ว เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้เธอรู้สึกง่วงนอนมาก ในขณะที่เธอนอนลงบนเตียง เธอก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ววันรุ่งขึ้น ตอนทานอาหารเช้า ในห้องอาหารมีเพียงแค่เกรกอรีกับวิกกี้เท่านั้น ทั้งสองคนถูกปลูกฝังมาว่าไม่ให้พูดคุยกันในขณะที่รับประทานอาหาร ดังนั้นบนโต๊ะอาหารจึงเงียบกริบจนกระทั่งหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ วิกกี้ก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันมีอะไรจะคุยกับนาย”เกรกอรี