หน้าหลัก / โรแมนติก / นที (โปรด) รัก / บทที่ 15 ไม้อ่อนดัดยาก

แชร์

บทที่ 15 ไม้อ่อนดัดยาก

ผู้เขียน: 23.19น.
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-25 01:15:15

หลายนาทีผ่านไป มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาแขวนผนังที่ดังคล้ายกับจะถ่วงความเงียบเอาไว้ กระทั่งจังหวะที่นทีจัดการกับมื้ออาหารของเขาเสร็จพอดี เหลือเพียงแค่อัจฉราที่ยังกินอยู่ แต่ก็เหลือไม่มากแล้ว ประตูห้องทำงานที่ปิดสนิทเพราะไม่มีใครกล้ารบกวน ก็ถูกเปิดเข้ามาโดยไม่ได้เคาะก่อน

“พี่ที! เนยเป็นไงบ้างคะ?! ณะเอากระเป๋ากับเสื้อผ้าของเนยมาให้แล้ว!”

ณดาวส่งเสียงดังลั่น ปฏิกิริยาของเธอเต็มไปด้วยความลนลานและความกังวลอย่างออกนอกหน้า ทำเอาหญิงสาวที่กำลังตักข้าวเข้าปากถึงกับชะงักค้างต้องวางช้อนลง สายตามองไปยังหญิงสาวรุ่นเดียวกัน น้องสาวของนทีที่จู่ ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามา

“เนย... ฉันไม่รู้ว่าเธอป่วย... ขอโทษนะ”

อัจฉราอ้าปากค้าง หน้าเหวอเล็กน้อยด้วยความตกใจกับปฏิกิริยาที่คาดไม่ถึงของหญิงสาวตรงหน้า รวมไปถึงคำขอโทษจากปากของหล่อนด้วย ทว่ายังไม่ทันจะได้ตั้งรับ อีกฝ่ายก็ปรี่เข้ามาหานั่งลงข้าง ๆ ทันทีโดยที่ไม่สนใจพี่ชายของตัวเองเลยสักนิด

“เป็นไงบ้าง... แล้วหาหมอมาหรือยัง?”

ณดาววางสัมภาระลงบนโต๊ะตรงหน้า เอื้อมมือทั้งสองข้างออกไปทาบแก้มเนียนที่ซูบลงไปเล็กน้อยของอัจฉรา ทำให้เจ้าของร่างกายสะดุ้งถอยหนีอย่างไม่ได้ตั้งใจด้วยความไม่เคยชิน การกระทำนั้นทำให้คนที่มองอยู่กระตุกยิ้มมุมปากออกมาเบา ๆ

“เอ่อ... เนยไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ... คุณนที... พาไปหาหมอมาแล้วค่ะ”

“ไม่จริงอะ... ฉันรู้สึกได้... พี่ทีพาไปหาหมอมายังไงคะ? ทำไมเนยยังตัวร้อนอยู่เลย”

ชายหนุ่มเฝ้ามองสองสาวด้วยแววตาที่พราวระยับอย่างสนใจ เมื่อน้องสาวตัวแสบเปลี่ยนเป้าหมายมาถามเขา คิ้วหนาก็เลิกขึ้นเบา ๆ พลางหันไปมองคนป่วยที่ยังคงทำเมินใส่อยู่ โดยที่ยังคงมีรอยยิ้มเล็ก ๆ แตะมุมปากของเขาอยู่ให้เห็น

“ก็มีคนดื้อ... โดนจิ้มไปเข็มหนึ่ง แล้วคิดว่าจะหายดี... พอไข้กลับให้กินยาก็ไม่ยอมกิน... ข้าวก็เพิ่งจะได้กินพร้อมพี่นี่แหละ”

“.....”

นัยน์ตาสียางไม้กระตุกเล็กน้อยเมื่อถูกแดกดันโดยเจ้าของเสียงทุ้มที่ชัดเจนเต็มสองรูหู แต่เธอกลับไม่หันไปให้ความสนใจหรือแก้ต่างแบบที่มักจะทำกับเขาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แถมครั้งนี้ยังแอบพยศในใจด้วยความรู้สึกขุ่นมัวนิด ๆ อย่างไม่ปิดบังตัวเอง

‘ดื้อ?... ทำไมไม่บอกณดาวไปด้วยล่ะ ว่าพี่ชายอย่างเขารังแกคนป่วย’ ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวอย่างนึกหมั่นไส้ ‘รังแกคนอื่นแล้วยังกล้าเรียกว่าคนดื้ออีกเหรอ’

ณดาวขมวดคิ้ว แววตาที่ฉายความกังวลชัดเจนในตอนแรกหรี่ลงเล็กน้อย ละสายตาจากพี่ชายกลับมามองหน้าอัจฉรา ก่อนจะหันไปดูข้าวกล่องที่เธอเพิ่งจะสังเกตเห็นชัด ๆ เป็นครั้งแรก พลันริมฝีปากสีสวยก็คลี่ยิ้มออกอย่างแฝงความนัย พลางพยักหน้าเบา ๆ กับตัวเอง

“อ๋อ พี่ทีหาอะไรให้กินแล้ว แต่ยังไม่ได้กินยาสินะ... งั้นก็แล้วไป”

“ค่ะ ก็อย่างที่คุณณดาวเห็น”

อัจฉราพยายามฝืนยิ้มออกมา เป็นไปได้ยากยิ่งกว่าการเสแสร้งใด ๆ ที่เคยถนัดทำเสียอีก ณดาวเห็นเช่นนั้นก็ยอมชักมือกลับ หลังจากที่เผลอทาบแก้มอุ่นของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงนานไปหน่อย

ส่วนเจ้าตัวที่อยู่ตรงกลางระหว่างคนพี่และคนน้องจากตระกูลเลิศธารินทร์ก็ทำตัวไม่ถูก นั่งทื่อแบบไม่รู้จะขยับไปไหนดี ความประหม่าของเธอแม้จะเล็กน้อย แต่นทีสังเกตเห็นมันทั้งหมด ทว่าเขากลับไม่มีความคิดที่จะขยับไปไหน... ปล่อยให้เธอทรมานใจเล่น

“จริงสิ ส่วนเรื่องค่าจ้างถ่ายแบบเมื่อเช้า ฉันโอนเข้าบัญชีให้แล้วนะ”

ณดาวเป็นฝ่ายทำลายความเงียบลง เธอพูดเสียงดังจนบรรยากาศที่ตึงเครียดในความรู้สึกของอัจฉราพอที่จะเบาบางได้บ้าง สิ้นประโยคหล่อนก็หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับปากกาด้ามหนึ่ง

“อันนี้คือสัญญาที่เธอต้องเซ็นนะเนย เป็นข้อตกลงจ้างงาน เรื่องสิทธิ์การใช้ภาพของแบรนด์ แค่นั้นเลย นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว”

“อ๋อ... ได้ค่ะ เดี๋ยวเนยเซ็นให้”

อัจฉราคลี่ยิ้มตอบเพียงแค่พอแต้มหน้าเท่านั้น หล่อนทำตัวแทบไม่ถูก ข้าวก็กินไม่อร่อยอีกต่อไป แม้ตอนแรกจะมีคนขู่ว่าให้กินให้หมดก็ตาม กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันเบา ๆ มือทั้งสองข้างที่ประสานกันแน่นบนตักในตอนแรก ยื่นออกไปรับปากกาด้ามนั้นและซองสีน้ำตาล

เธอหยิบเอกสารออกมาจากซอง เลื่อนกล่องข้าวออกไปเล็กน้อย ให้มีพื้นที่วางกระดาษแผ่นสีขาวลงบนโต๊ะกระจก ไล่สายตาหาที่ต้องเซ็นทันทีโดยไม่อ่านเนื้อหาด้วยซ้ำ ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในไม่ถึงห้าวินาที หล่อนก็หันกลับไปหาณดาวพร้อมกับยื่นทั้งสัญญาที่เซ็นแล้วและปากกาส่งคืนให้เธอรับกลับไป

“ถ้าอย่างนั้น ไม่มีอะไรแล้ว... ของก็มาแล้ว... เนยว่าเนยไม่อยู่รบกวนแล้วดีกว่าค่ะ”

หญิงสาวลุกขึ้นพรวดทันที หันไปเก็บเศษซากที่เหลือบนโต๊ะรวมถึงกล่องข้าวของนทีที่หมดไปแล้วด้วย ใส่ถุงขยะเตรียมไปทิ้งด้วยความเคยชิน และเป็นการแสดงออกอ้อม ๆ ถึงสถานะที่ยังคงมีเส้นกั้นระหว่างกัน ก่อนที่เธอจะถอดแจ็กเกตสูทของชายหนุ่มที่เขาให้ยืมใส่คืนไป

“คืนค่ะ”

อัจฉราพูดแค่สั้น ๆ ยื่นเสื้อคืนให้เจ้าของโดยที่ไม่มองหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนยังมีอยู่ แม้เมื่อครู่ณดาวจะเข้ามาเจือจางไปบ้างก็ตาม

“รีบไปเหลือเกินนะ... แต่ก็ตามใจ... แค่เปลี่ยนชุดก่อนออกไปข้างนอกด้วยล่ะ”

นทีเอนหลังพิงโซฟาในท่าทีที่ผ่อนคลาย การแสดงออกนี้ไม่ทำให้อีกฝ่ายที่พูดด้วยประหลาดใจอีกแล้ว ทว่าเหมือนจะเป็นคนน้องสาวของเขามากกว่าที่แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย เพราะภาพจำพี่ชายคือคนที่ไม่เคยเหลียวแล รักษาภาพลักษณ์อยู่ตลอด โดยเฉพาะ... ต่อหน้าอัจฉรา

คนเป็นน้องสาวมองสลับกันระหว่างพี่ชายกับคนใช้สาว ขณะที่ทั้งคู่ยังคงเงียบใส่กันอยู่อย่างไม่มีใครยอมใครหลังจากประโยคนั้น นทีเองก็ไม่ยอมรับคืนเสื้อจากคนตรงหน้าในทันทีเหมือนกัน จนอัจฉราเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง

“ขอบคุณที่เตือน... ทีหลังจะไม่รบกวนแล้วค่ะ... ขอตัวอีกครั้งค่ะ ส่วนชุดของคุณณดาวเดี๋ยวเนยคืนให้พรุ่งนี้นะคะ”

หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาจนแทบจับสังเกตไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับคืนเธอจึงวางเอาไว้ให้บนโต๊ะเสีย พูดจบก็รอให้อีกฝ่ายอนุญาต ก่อนจะหันหลังให้เขาพร้อมกับกระเป๋าและถุงขยะติดมือออกไปจากห้องทำงานใหญ่โตแห่งนี้ทันที

ดวงตาคู่คมเฝ้ามองร่างบางห่างออกไปจนกระทั่งประตูปิดลงเบื้องหน้า ริมฝีปากหยักได้รูปคลายออกเล็กน้อยจนกลายเป็นเส้นตรง สีหน้ากลับมาไร้อารมณ์ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อ่านไม่ออกคลุมเครืออยู่ในนั้น

‘หึ... ไม่รบกวนอีกเหรอ... ปากกล้าขึ้น... แบบนี้สิค่อยน่าสน’

นทีคิดในใจ สายตายังคงจ้องมองบานประตูที่ปิดสนิท ก่อนที่ณดาวจะทำลายความเงียบลงด้วยการขยับเข้ามาใกล้และถามด้วยแววตาที่ฉายประกายเจ้าเล่ห์ปนอยากรู้อยากเห็น

“พี่ที... ยังไง... ไหนว่าไม่สนใจคนพี่?”

“หึ... ว่าแต่เราเถอะ รู้สึกผิดหรือยังไง ที่เขาเป็นลมไปต่อหน้าต่อตาแบบนั้น?”

“ก็นิดหนึ่ง แต่เพราะณะไม่รู้ว่าเขาป่วย แต่ป่วยขนาดนั้นทำไมไม่บอกกันก็ไม่รู้ แถมช่วงหลัง ๆ มานี่... เนยเปลี่ยนไปเยอะนะคะ เหมือนมีเรื่องเครียด ๆ ดูไม่ค่อยเข้าหาพี่เหมือนก่อนด้วย”

นทีไม่ตอบคำถามแสดงความคิดเห็นต่อคำพูดของณดาว เขาทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากเท่านั้น พลางยกมือใหญ่วางบนหัวทุยของน้องสาวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู นัยน์ตาสีนิลเคลือบประกายบางอย่าง ทว่าการกระทำกลับอบอุ่นแตกต่างจากความตึงเครียดที่เย็นเฉียบตอนอยู่กับอัจฉราสองต่อสองอย่างสิ้นเชิง

ราวกับว่า... หญิงสาวผมแดงคนนั้น มีบางอย่างที่ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง แกล้งทำดีด้วยเหมือนอยู่ต่อหน้าคนอื่น กับอัจฉรา... นทีไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจ เขาจะทำจะพูดอะไรก็ได้ ในขณะที่เธอทำได้แค่ ‘ฟัง’ และ ‘ทำตาม’ เท่านั้น

พยศนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร... ดีกว่าตอนที่ทำเป็นไม่กล้า แต่ใจจริงแทบอยากจะถวายตัวให้เป็นไหน ๆ แบบนี้มันทำให้น่าสนใจขึ้นกว่าเยอะ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 21 เสียงใจความเงียบ

    “พลิกตัวหน่อย” เสียงทุ้มออกคำสั่ง ทั้งที่รู้ว่าคนนอนซมอยู่ไม่มีทางที่จะได้ยินเสียงของเขาก็ตาม นทีมองร่างเล็กที่แทบจะจมหายไปกับฟูกนุ่ม ขณะที่เขากำลังคลายความร้อนรุ่มให้กับเธอด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำหมาด “ตัวร้อนขนาดนี้ ไม่ชักก็ดีแค่ไหนแล้ว” เขายังคงพูดกับตัวเอง ลากผ้าเนื้อนุ่มซับลงตามแนวกรามและลำคอระหง ก่อนที่จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ร่างโปร่งลุกขึ้นยืน โยนผ้าขนหนูลงในกะละมังใส่น้ำข้างเตียง แล้วถือวิสาสะพลิกร่างเล็กของให้นอนตะแคงหันหลังให้เขา พร้อมดึงหมอนมากันเอาให้อยู่ในท่าดังกล่าว สายตาที่มองอัจฉราดูรำคาญชัดเจน แต่ว่าก็เยือกเย็นและควบคุมตัวเองได้ดี เมื่อหย่อนกายนั่งลงข้าง ๆ ร่างบางอีกครั้ง เขาก็หยิบผ้าผืนเก่าขึ้นมาบิดน้ำพอหมาด สอดใต้สาบเสื้อ เช็ดย้อนแนวรูขุมขน ความเย็นที่ตัดกับผิวร้อนผ่าวอย่างกะทันหัน ทำให้หญิงสาวสะดุ้งและครางประท้วงออกมาเบา ๆ ตัวสั่นเทาจนนทีต้องหยุดมือ มองเสี้ยวหน้าที่ยังหลับตาพริ้ม แต่ขมวดคิ้วแน่นเพราะความไม่สบายตัว แม้จะยังหลับสนิทเพราะพิษไข้อยู่กับตาม “อดทนหน่อย... ไข้จะได้ลด” เสียงราบเรียบกระซิบกลืนความเงียบ แข็งกระด้าง ทว่ากระนั้นการกระทำของเขากลับตรงกันข้ามโดยส

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 20 พังที่กายไม่ใช่หัวใจ [2/2]

    คำพูดรู้ทันของนทีตัดผ่านความเงียบขึ้นมา ทำให้อัจฉราใจหายวาบ สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจผสมอาย เพราะลืมไปเสียสนิทว่าคนปากร้าย ตาดี หูไว สมกับที่ประกอบวิชาชีพทนายความอันลือชื่อของเขาจริง ๆกระนั้นอัจฉราก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรอีกแล้ว เธอสะกดกลั้นความเจ็บใจเอาไว้ ความอดทนประเภทนั้นทำให้นทีต้องหัวเราะ ‘หึ’ ออกมา มองร่างเล็กกลับเข้าไปในครัว เทข้าวต้มที่เหลืออยู่แทบเต็มชามลงถังขยะตามคำสั่งอย่างน่าพึงพอใจคนร่างบางเดินวนรอบราวกับหนูติดจั่น แต่เป็นหนูที่ยังละทิ้งหน้าที่ของตนเองไปไม่ได้เสียที กลีบปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากัน หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งยังปวดหัวตุบ ๆ อย่างไม่สบายตัวจนต้องสะบัดหัวเบา ๆ เดินไปที่อ่างล้างจานทุกอย่างอยู่ในสายตาของนที ซึ่งกำลังจิบน้ำเปล่าเงียบ ๆ อยู่ที่เดิม ความอ่อนแอของอัจฉราเริ่มชัดเจนมากขึ้น เธอฝืนร่างกายทำงานหนักตลอดทั้งวันและคืนจนเห็นผล ทว่านทีไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยที่ใช้เธอขนาดนี้ ทั้งที่เห็นอยู่ว่าสภาพของหญิงสาวเกินจะรับไหวแล้วกระทั่งชามเซรามิกลื่นฟองสบู่ในมือของหล่อนร่วงลงพื้นเสียงดัง ‘เพล้ง!’ กระเบื้องสีขาวแตกเป็นชิ้นเ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 20 พังที่กายไม่ใช่หัวใจ [1/2]

    อัจฉรายกหม้อข้าวต้มลงจากเตาด้วยมือที่สั่นนิด ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา สุดท้ายก็ทำเสร็จเสียที เธอตักข้าวต้มใส่ชาม โรยต้นหอมและกระเทียมเจียว แล้วนำไปวางลงบนโต๊ะอาหาร ดวงตาที่อ่อนล้าอย่างชัดเจนกวาดมองห้องโล่งหรูที่เงียบผิดปกติ ทีวีจอใหญ่ยังคงเปิดค้างเอาไว้ ฉายรายการข่าวรอบดึก แต่คนที่เคยนั่งดูอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ไร้วี่แววของตัวตน หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาหายไปเมื่อไหร่ ทว่าการไม่เห็นก็ใช่ว่าความหนักอึ้งในอากาศจะหายไป อัจฉราเผลอเม้มปากเล็กน้อย ยังคงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร้อนผ่าวเหนือริมฝีปากจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ตรึงตราอย่างยากที่จะลืมเลือน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามปฏิเสธที่จะรู้สึกถึงมันอยู่ดี หล่อนส่ายหัวเบา ๆ สูดหายใจเข้าลึก เรียกสติให้หยุดเพ้อเสียที “ก็แค่จูบ... จะไปคิดมากทำไม ขนาดจูบกับหมายังไม่เห็นต้องคิดอะไรเลย” แม้ว่าความรู้สึกปวดหนึบผสมกับความขุ่นเคืองมันยังคงกัดเซาะหัวใจของเธออยู่ก็ตาม... “.....” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มหยัน คำพูดของอัจฉรากระทบเข้าสู่โสตประสาทชัดเจนเลยทีเดียว นทียืนอยู่ที่ตีนบันไดทางลงจากช

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 19 รอเห็นเธอพัง [2/2]

    แกร๊ก “เข้ามา” เจ้าของห้องออกคำสั่งอย่างราบเรียบ ร่างสูงเข้าไปในห้องขนาดกว้างครอบคลุมทั้งชั้นก่อน ประตูที่เปิดกว้างเผยให้เห็นด้านในที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำ เทาเข้ม และสีขาว พื้นหินอ่อนวาววับสะท้อนแสงไฟสีนวลจากทั่วทุกมุมห้อง สอดคล้องกับตัวตนของผู้เป็นเจ้าของเพนท์เฮาส์แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ‘ทำไมต้องพามาที่นี่ด้วย... ในเมื่อทุกทีก็เห็นกลับบ้านตลอด’ อัจฉรามองเข้าไปข้างในห้องของนที ก็อดคิดคิดในใจไม่ได้ เธอไม่ได้ตื่นเต้นกับความหรูหราของสถานที่เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นเมื่อก่อนคงจะดีใจมากที่ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เปรียบเสมือนโลกอีกใบของเขา แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม... ก็เหมือนที่เธอมองนทีไม่เหมือนก่อนเช่นกัน สายตาจ้องมองแผ่นหลังกว้างตรงหน้าด้วยความขุ่นเคืองผสมกับความหวาดหวั่นเล็กน้อย จนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างแผ่วเบาเรียกสติ ทำใจดีสู้เสือ ก่อนจะยอมเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง เสียงประตูปิดลงอย่างแผ่วเบาเบื้องหลัง แต่อัจฉราก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ภาพสะท้อนของคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังบนกระจกหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้เผลอกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะนทีคาดหวังว่าจะได้เห็นอ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 19 รอเห็นเธอพัง [1/2]

    “คุณนที... พูดบ้าอะไรออกมา... รู้ตัวบ้างไหม” น้ำเสียงของอัจฉราแผ่วเบา หัวของเธอรู้สึกตื้อไปหมดจนเกือบจะประมวลผลไม่ทัน แววตาที่สั่นระริกและชุ่มชื้นไปด้วยน้ำตา บัดนี้จ้องลึกลงไปที่ดวงตาคู่คม ราวกับจะหาคำตอบว่าใครกันที่พ่นข้อเสนออันแสนจะหยาบคายนั้นออกมา นทีหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอ เขาไม่ละสายตาไปจากแววตาฉ่ำน้ำที่มองมายังเขา เหมือนเป็นการตอบคำถามที่เธออยากรู้โดยที่ไม่ต้องอธิบาย ว่าคน ‘หยาบคาย’ คนนั้น มันก็คือตัวตนของเขาเอง... ด้านที่ไม่เคยเผยให้ใครได้รู้จักมาก่อน “รู้สิ... แต่ถ้าอยากได้ยินอีกครั้งก็จะย้ำให้... ฉันอยากให้เธอ ‘มอง’ แค่ฉัน ‘คนเดียว’ เท่านั้น... เหมือนที่เธอเป็นมาตลอด... อย่าลืมตัวสิ เนย” เสียงทุ้มพร่าว่าพลางเลื่อนมือที่กุมอยู่หลังคอที่ร้อนระอุของหญิงสาว เคลื่อนมาช้า ๆ จนถึงปลายคางเชิด แล้วเชยคางหล่อนให้สบตากับเขาชัด ๆ ก่อนจะไล่สายตามองริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่ออย่างน่าพึงพอใจ “แต่นั่นมันไม่เกี่ยวกัน! นั่นมันเรื่องของเนย เนยรับผิดชอบเองได้ คุณนทีมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง” น้ำเสียงของอัจฉราเจือไปด้วยความสั่นเครือ แม้ว่าจะพยายามเป็นเข้มแข็ง แต่หัวใจของเธอกลับเต้นไม่หยุด ยังคง

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 18 จูบสั่งสอน [2/2]

    เสียงหัวเราะ ‘หึ’ ดังออกมาจากลำคอ ยอมรับว่าเขาถูกใจไม่น้อยเลยที่ทำให้อัจฉราหางโผล่จนได้ แววตาที่เยือกเย็นหันกลับมามองเธอช้า ๆ เป็นแววตาของนักล่าอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน “บ้าเหรอ... หึ... กล้า... กล้าดีนักนะ เนย” สิ้นประโยคฝ่ามือใหญ่ก็กระแทกลงบนแผงควบคุมลิฟต์อย่างจัง เสียงดังจนคนร่างบางสะดุ้งโหยง ถอยหลังไปประชิดกับผนังที่เย็นเฉียบโดยสัญชาตญาณ พร้อมกันนั้นลิฟต์ก็ค้างทันที ชายหนุ่มกดปุ่มหยุดการทำงานเอาไว้ โดยที่สายตาไม่ละไปจากอัจฉราเลย รอยยิ้มร้ายกาจแบบที่น้อยคนจะได้เห็นนักปรากฏขึ้น ขณะที่ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กกว่าที่พยายามชูคอหวังจะฉก แต่มันไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อยเหมือนลูกแมวที่พยายามข่วนกลับมากกว่า “คุณนที... จะทำอะไร... ถอยออกไปนะ!” อัจฉราส่งเสียงขู่อีกฝ่าย แต่กลับสั่นและไร้น้ำหนักอย่างน่าเจ็บใจ ผู้ชายที่รักและเทิดทูนในใจมาตลอดตอนนี้กลับแยกเขี้ยวใส่ น่ากลัวและพร้อมที่จะกัด หญิงสาวขยับหนีเขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่มีพื้นที่ให้ไป ก่อนจะต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาประชิดกะทันหัน ปึง! เสียงฝ่ามือหนากระแทกเข้ากับกำแพงข้างศีรษะ แรงพอที่จะทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและลิฟต

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status