นที (โปรด) รัก

นที (โปรด) รัก

last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-15
โดย:  23.19น.อัปเดตเมื่อครู่นี้
ภาษา: Thai
goodnovel18goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
5บท
5views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

ทั้งที่ 'ไม่โปรด' แต่กลับทำตัวเหมือนเป็น 'เจ้าของเธอ' ทั้งที่เขาเฉยชาแต่เธอกลับเลิก ‘โปรด’ ไม่ได้ ทั้งที่ไม่เคย ‘ชัดเจน’ แต่ก็ยัง ‘อ้อนวอน’ ขอให้เขาช่วย ‘โปรดรัก’

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

บทที่ 1 อัจฉรา

“แม่ พ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอ”

น้ำเสียงเจือความเหนื่อยเอ่ยถามผู้เป็นมารดา หลังจากที่เดินเข้าบ้านมาแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นบิดาเลยแม้แต่น้อง

“ไม่รู้มัน สงสัยไปตายห่าตายโหงที่ไหนแล้วล่ะมั้ง”

คนถูกถามตอบ น้ำเสียงไม่ใส่ใจกับคำถามซ้ำซากนั้น ราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันจนเคยชิน สายตาของหล่อนมองตามลูกสาวที่พึ่งกลับมาถึงบ้าน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู บัดนี้กลับส่องประกายความไม่ได้ตั้งใจผิดจากเมื่อก่อนจนรู้สึกได้

“แล้วนี่ไปไหนมา กลับมาซะค่ำมืดเชียว”

หล่อนถามเสียงแข็งเล็กน้อยแต่ก็ยังมีแววเกรงใจอยู่บ้าง สายตากวาดมองลูกสาวที่กำลังจะเดินเข้าครัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะไปหยุดที่หัวอีกครั้ง

“แล้วนี่ทำผมสีอะไรของเอ็งวะ อีเนย แดงแรดขนาดนั้นไม่ห่วงว่าคุณอัญแกจะว่าอะไรหรือไง”

อัจฉราหยุดกึก มือที่ยื่นออกไปจับฝาชีครอบอาหารบนโต๊ะลอยค้างอยู่กลางอากาศ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปิดฝาชีออกเผยให้เห็นแกงสองถุงกับข้าวสวยอีกหนึ่งจาน มื้อเล็ก ๆ ที่เพียงพอแล้วสำหรับบ้านที่อยู่มีอยู่กันแค่สองคน หล่อนไม่ได้ตอบคำถามของแม่ในทันที แกะยางรัดถุงแกงออกเงียบ ๆ ก่อนจะตักแบ่งใส่เป็นจานเดียว

“แม่... เนยแค่ทำสีผม”

อัจฉราหันกลับไปมองผู้เป็นแม่ของหล่อน เดินออกจากห้องครัวไปหาอีกฝ่าย สาวเจ้าหย่อนกายนั่งลงบนพื้นวางจานไว้ตรงหน้าตน ความหิวทำให้เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ ตั้งใจว่าจะกินข้าวเงียบ ๆ แต่กินไปแค่สองสามคำอรไพลินก็เอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง

“เออ กูรู้อยู่ว่ามึงแค่ทำสีผม แต่ที่กูถามเนี่ยกูแค่ไม่เข้าใจว่ามึงจะไปทำมาทำไม ผมดำก็ดีอยู่แล้ว เดี๋ยวคุณอัญเธอก็แดกกระบาลให้หรอก เธอยิ่งจะเริ่มไม่ค่อยชอบกูอยู่ด้วย ตั้งแต่แยมมันไปก่อเรื่องใหญ่มานั่นนะ”

ช้อนลอยอยู่ห่างจากริมฝีปากของอัจฉราอยู่ไม่เท่าไหร่ สายตาของเจ้าหล่อนเพียงแค่มองลงไปยังจานข้าว ความอยากอาหารหมดสิ้นลงในพริบตา จนต้องวางช้อนลงอย่างเก่า สาวเจ้าเงยหน้าและหันไปมองแม่ตนเองที่ยามนี้กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอทีวี แทะเม็ดแตงไปพลาง ๆ แต่ทว่าบรรยากาศในตอนนี้กลับไม่สามารถปฏิเสธความตึงเครียดออกไปได้เลย

“เนยรับงานมา เพื่อนมันหาให้เลยต้องเปลี่ยนสีผม...”

อัจฉราตอบเสียงเหนื่อยระคนระอา หล่อนรู้ดีว่าแม่จะไม่ฟังหล่อนเหมือนเดิมแล้ว ตั้งแต่หายแม่ที่เคยเอ็นดูหล่อนเมื่อก่อน ไม่เคยพูดหยาบใส่ก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน

“งานอะไร? หวังว่ามึงคงไม่ได้คิดจะเจริญตามทางอีแยมล่ะ ดูสิ... มันขายตัวจนได้ดี แต่เอาเถอะตอนนี้กูปลงแล้วล่ะ มึงจะทำกูก็ไม่ว่าหรอก อย่างน้อยก็ได้ผัวรวย... กูจะได้สบายสักที”

อัจฉราถอนหายใจออกมาเบา ๆ ละสายตาจากคนเป็นแม่ พลางลุกขึ้นเก็บจานข้าวที่ยังกินไม่หมดไปไว้ในครัว จำต้องทิ้งลงถังขยะและล้างจานเก็บและหันหลังขึ้นห้องตนไป ดวงหน้าของหล่อนในตอนนี้แม้จะยังสวยสด แต่ประกายในดวงตากลับฉายแววเหนื่อยล้าชัดเจน หญิงสาวขบริมฝีปากตัวเองเบา ๆ

เหนื่อย... ตอนนี้อัจฉรารู้สึกเหนื่อยจนสะเอวแทบจะขาดอยู่แล้ว ทำไมทุกอย่างมันถึงได้มาตกที่เธอแบบนี้ได้นะ

อัจฉราได้แต่ถอนหายใจระบายความอึดอัดใจอย่างทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้งานเดียวไม่พอเลี้ยงชีพตัวเองและครอบครัวอีกแล้ว ด้วยเสียงหายใจยาว ๆ อีกครั้ง สาวเจ้าคว้าผ้าขนหนูและตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที... หวังจะคลายความเหน็ดเหนื่อยที่ต้องเผชิญและผ่านมันไปแต่ละวัน แม้จะเป็นแค่กิจวัตรประจำวันก็ตาม

เพล้ง! โครม!!

ดวงตาของอัจฉราเบิกกว้าง เสียงของแตกและหล่นอย่างแรงดังขึ้นมาจากชั้นล่างจนถึงหู สาวเจ้ารีบคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบตัวเองแล้วรีบเปิดประตูวิ่งออกไปจากห้องน้ำ ตรงดิ่งลงไปยังชั้นล่างของบ้านทาวน์เฮ้าส์ซอมซ่อทันที เมื่อเท้าแตะพื้นหัวใจของหล่อนก็กระตุกวูบด้วยความตกใจกับฉากตรงหน้าทันที

“นี่! กูบอกว่าอย่าเอาของกูไปไงวะ!”

แม่ของหล่อนโวยวาย ขณะที่กำลังยื้อทีวีจอแบนตกรุ่นกับชายฉกรรจ์ร่างโตอย่างสุดกำลัง

ภาพที่เห็นนั้นไม่จำเป็นต้องคำอธิบายอะไร อัจฉราก็เข้าใจได้ในทันที... เจ้าหนี้ของพ่อมาอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อขู่อีกแล้ว

“มึงแต่ไม่จ่าย! ของมึงกูก็ต้องเอาไปสิวะ! ถ้ามึงไม่อยากให้กูเอาไปมึงก็ไปเรียกผัวมึงให้มาใช้หนี้ซะ!”

“พี่! ใจเย็น ๆ ก่อนนะจ๊ะ คุยกับหนูก่อนได้ไหม!”

อัจฉราไม่ได้สนใจตัวเอง หล่อนรีบปรี่เข้าไปยืนประกบข้างอรไพลินทันที มือบางยกขึ้นไหว้อีกฝ่ายอย่างขอร้อง การปรากฏตัวของเธอทำให้คนมาทวงหนี้ยอมชะงัก หันขวับไปมองหล่อนแทน แววตาดุดันไม่ยอมอ่อนข้อพลันวูบไหว เบิกกว้างอย่างตกตะลึง

สายตาไล่มองเรือนกายของสาวเจ้าอย่างเปิดเผย เผลอผ่อนแรงจนอรไพลินดึงทีวีคืนกลับไปได้ แต่เขากลับไม่ได้สนใจอีกต่อไป กลืนน้ำอึกใหญ่พลันแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากคล้ำเบา ๆ ตาเป็นมันวับวาว จนอัจฉรารู้สึกตัวขยะแขยงในสายตาคู่นั้น จำต้องคว้าผ้าที่บังเอิญวางอยู่บนโซฟามาคลุมไหล่เอาไว้

“ลูกสาวเจ๊เหรอ...”

ชายทวงหนี้กะพริบตาถี่ ๆ อย่างได้สติ รีบกลับไปควบคุมมาดเข้ม พร้อมกับหันขวับกลับไปมองอรไพลินอีกครั้ง ดวงตาดุดันฉายแววชั่วร้ายที่ซ่อนไม่มิด แต่อรไพลินนั้นสนใจทรัพย์สินตนเองมากกว่าลูกสาวเสียอีก นั่นทำให้คนเป็นลูกรู้สึกเจ็บอยู่ในใจลึก ๆ อย่างอดไม่ได้

“ใช่ค่ะ พี่เคยเจอหนูมาบ้างแล้ว”

อัจฉราตอบแทนผู้เป็นแม่ คำพูดอ่อนหวานแต่ฉะฉานพอสมควร มือบางจับผ้าคลุมไหล่แน่นราวกับกลัวว่าจะหลุดให้คนมองแทะโลมเล่น สายตายังคงตรึงอยู่ที่ชายฉกรรจ์ผิวเข้มตรงหน้า

“พี่ใจเย็น ๆ หน่อยได้ไหม... ตอนนี้พ่อไปไหนหนูกับแม่ยังไม่รู้เลย พวกพี่อย่าพึ่งมายึดของไปเลยนะจ๊ะ หนูขอร้อง”

ชายทวงหนี้หันไปหาอัจฉรา เมื่อสาวเจ้าเอ่ยปากขอร้องด้วยตัวเอง แววตาดุดันไล่มองเจ้าหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง ก่อนจะไปหยุดที่ดวงตาของหล่อนซึ่งไม่มีการหลบตาเขาอย่างใด จนอดไม่ได้ที่จะยิ้มกระหยิ่มใจในความกล้าของเจ้าหล่อน

“หนูจะให้พี่ผ่อนผันเหรอจ๊ะ?”

ชายทวงหนี้ถาม ท่าทางยังคงขึงขังอยู่บ้าง เขาก้าวเข้าไปหาอัจฉรา ยื่นมือออกมาหมายจะขู่ให้อีกฝ่ายกลัว แต่หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบไปได้ทัน ทำให้มือที่ยื่นออกมานั้นเฉียดเส้นผมสีแดงชื้นไปนิดเดียว ชายทวงหนี้จึงหัวเราะออกมาอย่างเสียงดังจนน่ารังเกียจ บรรยากาศตึงเครียดขึ้นอีก

“ไม่ได้หรอก พี่มาทวงหนี้! ไม่ได้มาขอความเมตตา!”

พูดจบก็หันไปกระชากทีวีคืนมาจากอรไพลินทันที ด้วยแรงที่น้อยกว่าทำให้หญิงวัยกลางคนเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น อัจฉราต้องรีบถลาลงไปพยุงทันที

“เฮ้ย! มึงจะเอาของกูไปไม่ได้นะโว้ย!”

“แม่! เป็นอะไรหรือเปล่า!”

อัจฉราถาม แม้ว่าแม่ของหล่อนจะยังคงโวยวายไม่สนใจตัวเองหรือว่าเธอที่เข้ามาพยุงเอาไว้ก็ตาม อัจฉราคิ้วขมวด สีหน้าเคร่งเครียด แหงนหน้าไปมองชายทวงหนี้ แววตาเจือความไม่พอใจแต่ในขณะเดียวกันก็ทำอะไรไม่ได้

“ทำไม?! มองกูทำพระแสงอะไรอีหนู! ถ้ามึงไม่อยากให้พวกกูมายึดของไปแบบนี้ มึงก็บอกให้พ่อมึงกลับมาใช้หนี้ซะ! ครั้งนี้กูเห็นใจมึง! กูจะเอาไปแค่ของก็แล้วกัน แต่ครั้งหน้า...”

ชายทวงหนี้เว้นช่วง สายตามองลงไปยังอัจฉรา มองผ่านสาบผ้าขนหนูคลุมไหล่ที่แยกออกเผยให้เห็นไหปลาร้าและเนินอกอิ่มอย่างจาบจ้วง เขาเลียริมฝีปาก ก่อนจะช้อนสายตากลับไปสบตากับแม่สาวเนื้อเนียนอีกครั้ง พร้อมกับทิ้งคำพูดด้วยน้ำเสียงเด็กขาดที่ทำให้คนฟังใจหายวาบ ตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกได้อย่างง่ายดาย

“ครั้งหน้าไม่ได้ตัวเงิน... ก็ต้องเป็นตัวมึงไง ไปกลับเว้ย! อย่าลืมขนของที่พอใช้ได้ออกไปให้หมดด้วย!”

“เฮ้ย! หยุดนะโว้ย! พวกมึงจะเอาของกูไปไม่ได้! กลับมา! โธ่เว้ย!”

อรไพลินโวยวาย สลัดตัวเองหลุดออกจากอ้อมแขนของลูกสาว รีบลุกขึ้นหมายจะวิ่งตามไปแต่ก็อืดอาดด้วยแรงจนไม่ทันการณ์ทรัพย์สินของหล่อนถูกขนออกไปหมดแล้ว ทำได้แค่ยืนโหวกเหวกห้าม เกาะแขนขาเกาะเหล่าชายฉกรรจ์เอาไว้

ขณะที่อัจฉรา... สาวเจ้าช็อกไปแล้วกับคำขู่สุดท้ายที่ชายทวงหนี้ฝากเอาไว้ ‘เป็นตัวเธอ...’ ความหมายมันชัดเจนมากว่าถ้าหากไม่มีเงินไปใช้หนี้ คนที่ต้องใช้หนี้แทนจะต้องกลายเป็นหล่อนเสียเอง อัจฉรามองไปหน้าบ้านผ่านประตูที่เปิดอ้าอยู่ แม่ของหล่อนร้องโวยวาย โมโหจนน้ำตาไหล ถูกฝ่ายเจ้าหนี้สะบัดแขนขาใส่

ทนดูภาพนั้นไม่ได้อีกต่อไป อัจฉรารีบลุกและตรงเข้าไปหาแม่ของหล่อนที่ล้มลุกคลุกคลานไปแล้วทันที ก่อนจะยื่นแขนออกไปโอบเอวรั้งตัวผู้เป็นแม่เอาไว้แน่น กระบอกตาร้อนผ่าว สุดท้ายทนกลั้นไม่ไหว ทั้งเครียดและกดดันจากความอัปยศนี้จนห้ามไม่อยู่อีกแล้ว

“แม่!... ฮึก... พอเถอะแม่!”

เสียงสะอื้นให้เล็บออกมากว่าที่จะควบคุม อัจฉรากอดร่างแม่ของหล่อนแน่น แม่อีกฝ่ายจะไม่ยอมให้รั้ง แต่ก็ดิ้นรนต่อไปไม่ไหวเพราะแรงของลูกสาวไม่ยอมปล่อย ความโมโหเปลี่ยนเป็นความโกรธจนหน้าดำหน้าแดง

“พออะไร!?... พออะไร! มึงเห็นไหมอีเนยว่ากูฉิบหายหมดแล้ว! พ่อมึงมันทำเหี้ย!... โว้ย! ไม่เหลืออะไรแล้ว!”

อัจฉรากอดรั้งคนเป็นแม่เอาไว้ไม่ยอมปล่อย น้ำตาของเจ้าหล่อนไหลพรากเป็นเขื่อนแตก ร่างบางสั่นระริก ผ้าผ่อนก็หลุดลุ่ยจนแทบจะเปลือย แต่หาได้สนใจไม่ ชีวิตของหล่อนมันอัปยศยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ไม่เคยตกต่ำขนาดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่ามันก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหนกัน... หลังจากที่น้องสาวของเธอไปได้ดี หลุดพ้นจากครอบครัวนี้ หลังจากที่พ่อของหล่อนหนีหนี้ไป

มันตั้งแต่ตอนไหนกันแน่ ที่อัจฉราต้องกลายมาเป็นคนที่ต้องแบกรับทุกอย่างในชีวิต... เหมือนเป็นเวรกรรมที่ถึงคราวหล่อนจะต้องชดใช้มันแล้ว

แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

บทอื่นๆ

ความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น
5
บทที่ 1 อัจฉรา
“แม่ พ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอ” น้ำเสียงเจือความเหนื่อยเอ่ยถามผู้เป็นมารดา หลังจากที่เดินเข้าบ้านมาแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นบิดาเลยแม้แต่น้อง “ไม่รู้มัน สงสัยไปตายห่าตายโหงที่ไหนแล้วล่ะมั้ง” คนถูกถามตอบ น้ำเสียงไม่ใส่ใจกับคำถามซ้ำซากนั้น ราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันจนเคยชิน สายตาของหล่อนมองตามลูกสาวที่พึ่งกลับมาถึงบ้าน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู บัดนี้กลับส่องประกายความไม่ได้ตั้งใจผิดจากเมื่อก่อนจนรู้สึกได้ “แล้วนี่ไปไหนมา กลับมาซะค่ำมืดเชียว” หล่อนถามเสียงแข็งเล็กน้อยแต่ก็ยังมีแววเกรงใจอยู่บ้าง สายตากวาดมองลูกสาวที่กำลังจะเดินเข้าครัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะไปหยุดที่หัวอีกครั้ง “แล้วนี่ทำผมสีอะไรของเอ็งวะ อีเนย แดงแรดขนาดนั้นไม่ห่วงว่าคุณอัญแกจะว่าอะไรหรือไง” อัจฉราหยุดกึก มือที่ยื่นออกไปจับฝาชีครอบอาหารบนโต๊ะลอยค้างอยู่กลางอากาศ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปิดฝาชีออกเผยให้เห็นแกงสองถุงกับข้าวสวยอีกหนึ่งจาน มื้อเล็ก ๆ ที่เพียงพอแล้วสำหรับบ้านที่อยู่มีอยู่กันแค่สองคน หล่อ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-11
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 2 นที
ก๊อก ๆ ๆชื่อของ นที เลิศธารินทร์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อ หากแต่เปรียบเสมือนกับตราประทับแห่งความสำเร็จในวงการกฎหมาย ไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของเขาในวงการนี้ หนึ่งในทนายฝีมือดีที่สุด คดีไหนที่ว่ายาก คดีไหนที่ว่าดัง คดีที่ใหญ่ที่เขารับมาถ้าไม่ได้ตั้งใจทำให้แพ้... ก็ไม่มีคดีไหนที่เขาไม่เคยชนะเพราะในศาล ชัยชนะไม่ใช่คำตอบทุกครั้งไป แต่เป็นแค่ ‘หมากตัวหนึ่ง’ บนกระดานที่เขาเลือกเดินเท่านั้น“เข้ามาครับ...”เสียงทุ้มเรียบเปล่งออกไปโดยไม่เงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้า ปลายนิ้วเรียวดันกรอบแว่นขึ้นอย่างเคยชิน สีหน้าไร้อารมณ์ใดเป็นพิเศษ แผ่นหลังยังคงตั้งตรงราวกับไม่รู้จักคำว่าล้าแสงจากโคมไฟเหนือโต๊ะทำงานส่องกระทบเนื้อผ้าสูทเรียบเนียนไร้รอยยับ ชุดที่ตัดได้อย่างพอดีตัวจนยากจะเชื่อว่าเป็นแค่ ‘สูททำงาน’ ปากกาด้ามสีเงินเงาวับเคียงข้างร่างสัญญา สิ่งที่สำหรับเขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่สำหรับคนบางคนอาจหมายถึงราคาเงินเดือนทั้งหมดในชีวิตพวกเขาแม้ท่าทางจะดูสุภาพและไม่เร่งรีบ แต่ในทุกการเคลื่อนไหวของเขากลับแฝงไปด้วยแรงกดดันบางอย่าง ราวกับมีเส้นกั้นที่มองไม่เห็น เส้นที่ใครก็ไม่อาจก้า
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-12
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 3 เลิศธารินทร์
อรุณรุ่งส่องแสงไปทั่วหล้าสุดขอบฟ้า ปลุกทุกสรรพชีวิตให้ตื่นจากค่ำคืนที่ยาวนานอีกครั้งในวันใหม่ ภายในห้องครัวกว้างสุดหรูหรา เต็มไปด้วยเครื่องครัวใช้สำหรับการประกอบอาหาร หม้อแกงสเตนเลสอย่างดีกำลังตั้งเตาร้อนระอุ ส่งกลิ่นอายจากข้าวต้มที่เพิ่งปรุงเสร็จได้ไม่นาน ทั้งในห้องอาหารก็เช่นกัน ถ้วยข้าวต้มหมูร้อน ๆ บนโต๊ะหินอ่อนสีขาวตัวยาวส่งกลิ่นอบอวลในอากาศ ถูกจัดวางเอาไว้ตามจำนวนคนในครอบครัวเสียงช้อนกระทบถ้วยกระเบื้องเป็นระยะ รวมไปถึงเสียงพูดคุยกันอย่างเป็นกิจวัตรขับเน้นบรรยากาศที่เป็นกันเองบนโต๊ะอาหาร ทว่าเมื่อย้อนกลับเข้ามาในครัวนั้นกลับเงียบเหงาเสียจนใจหาย มีร่างบอบบางร่างหนึ่งซึ่งกำลังนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้เป็นตัวละครประกอบฉาก ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้แยกย้ายออกไปทำหน้าที่ของตนกันหมดแล้วมีเพียงแค่อัจฉราเท่านั้นที่ยังคงอยู่ งานก้นครัวในตอนเช้า เที่ยง เย็น คือหน้าที่ของเธออยู่แล้ว เมื่อตอนนี้ยังไม่เลยช่วงเวลาดังกล่าวไป หญิงสาวจึงถือโอกาสแอบมางีบหลับสักพัก ขอบตาดำคล้ำ ผิวขาวซีดผิดไปจากปกติ คือหลักฐานชัดเจนว่าหล่อนอดหลับอดนอนมาแทบจะทั้งคืน ผล็อยหลับไปก็แค่พักเดียวเท่านั้น เพราะข่มตานอนไ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-13
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 4 มรสุม
“หนูขอร้องนะคะเฮีย ตอนนี้หนูกับแม่ลำบากกันมากจริง ๆ”เสียงสั่นเครือออกมาจากปากของหญิงสาวที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องยอมก้มหัวให้ใครมาก่อน แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วในขณะที่อัจฉรากำลังเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ของพ่อเป็นการส่วนตัว ณ จุดนี้หล่อนยอมลดศักดิ์ศรีที่มันค้ำคอลงบ้าง อย่างไรเสียหล่อนก็แทบไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว ยิ่งถ้าต้องเป็น ‘ตัวของเธอ’ ยิ่งไม่มีทาง“แล้วหนู... มั่นใจได้ไงว่าจะไม่บิดเฮีย?”เฮียโจ้ ชายหน้าโหด รูปร่างผอมบางแต่สักเต็มตัว คำพูดของเขาห้วนสั้น ไม่กรรโชกแต่แฝงไปด้วยความกดดันอย่างผู้ที่รู้ว่าตัวเองเหนือกว่าชัดเจน การแสดงออกนั้นดูไม่ยากที่จะสังเกตได้จากสายตาที่มักจะจ้องอัจฉราด้วยความพึงพอใจบางอย่างตั้งแต่หล่อนกล้าก้าวขาเข้าในรังของเขาตั้งแต่แรกแล้ว“หนูสัญญาว่าหนูไม่เบี้ยวเฮียแน่นอนค่ะ นะคะเฮีย... ให้หนูใช้หนี้แทนพ่อนะ”“โอ๊ย พูดมันก็พูดกันได้ง่าย ๆ หนู ตอน ‘ไอ้ยศ’ มันก็แทบจะคลานเข่ามาขอเฮียด้วยซ้ำ แต่ดูตอนนี้มันหนีไปไหนแล้วล่ะ?”เจ้าหนี้หนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย้ยหยันระคนขบขัน ทำให้คนฟังใจหายวูบ เขามองอัจฉราที่หน้าเริ่มถอด
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-14
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 5 นกปีกหัก
ความเงียบภายในรถยนต์ที่กำลังแล่นไปบนท้องถนนท่ามกลางพายุที่ยังไม่สงบนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องได้ นอกจากเสียงเครื่องยนต์ที่ยังคงทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไร ทำให้บรรยากาศเหมือนคนแปลกหน้าสองคนที่บังเอิญอยู่ในรถคันเดียวกันมากกว่าคนที่รู้รักกันเสียอีกสายตาของนทีจับจ้องไปยังทัศนวิสัยเบื้องหน้า ร่องรอยของความหงุดหงิดเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นเล็กน้อยผ่านการแสดงออก ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัยเป็นจังหวะเบา ๆ เพราะฝนที่ดูเหมือนจะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ ตกหนักขึ้นจนทำให้เร่งความเร็วล้อไปมากกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้ แต่นทีไม่ใช่คนประมาท ต่อให้ใจร้อนเพียงใดแต่เขาก็รู้ตัวว่าไม่ควรทำอะไรที่ไร้การยั้งคิดลงไปยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคนอื่นอยู่ในรถคันเดียวกันแล้ว เขาก็ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบ แม้ว่าความรับผิดชอบนั้นมันจะน่าอึดอัดเพียงใดก็ตาม อีกอย่างท่าทีของคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนจะอึดอัดไม่น้อยไปกว่ากัน แต่หล่อนควบคุมได้แย่กว่า เขามองออกว่าหล่อนเกรงใจเขาจนนั่งตัวเกร็งแทบจะเป็นก้อนหินที่หายใจได้ของแม่คุณนั่น มันก็ช่าง... น่ารำคาญจริง ๆอัจฉราแอบชำเลืองหางตามองนที ยิ่งเห็นว่าเขาเคา
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-15
อ่านเพิ่มเติม
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status