แม้จะบอกตัวเองว่าเธอเข้าใจสามี เพราะเขาทำงานหนักเพื่อครอบครัว แต่ตอนนี้พรรณดาราก็ชักจะหมดน้ำอดน้ำทนขึ้นมาแล้ว เมื่อขณะนี้นาฬิกาที่โต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียงบอกเวลาสามทุ่ม และสามีของเธอก็ยังไม่โทรมาบอกว่าเขาติดอะไรอยู่ เมื่อไรจะกลับ เธอไม่ได้โกรธที่เขาไม่โทรรายงานตัว แต่โกรธที่เขาช่างไม่รู้เอาเสียเลยว่าการกลับบ้านผิดเวลานั้นทำให้เธอเป็นห่วงเขามากแค่ไหน นี่เพิ่งกลับมาอยู่ด้วยกันไม่ทันถึงสัปดาห์ด้วยซ้ำ เขาก็เริ่มทำตัวน่าสงสัยอีกแล้ว
คนห่วงสามีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในเมื่อเขาไม่ยอมโทรมา เธอก็จะเป็นฝ่ายโทรไปก็ได้ คอยดูเถอะถ้าคิดจะกลับบ้านเกินสี่ทุ่ม เธอจะปิดล็อกห้องไม่ให้เข้ามานอนด้วย ทว่าการพยายามโทรติดต่อสามีหลายต่อหลายครั้ง คนที่เธอโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย หญิงสาวจึงเปลี่ยนไปโทรหาคนติดตามของเขาแทน แต่ก็ไม่มีใครรับสายเธอสักคน
“ไปไหนของเขานะ เดี๋ยวก็ตามไปหาถึงโรงแรมซะหรอก” พรรณดาราพูดอย่างหงุดหงิด หญิงสาววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง เดินไปเดินมาในห้องด้วยความโมโหปนกังวล ก่อนหน้านี้ที่เคยอยู่ด้วยกันมา เขาจะโทรบอกเธอทุกครั้งที่กลับบ้านผิดเวลา จะมีก็แต่ตอนช่วงก่อนจะเก
สองปีที่แล้วธนพลขายหุ้นให้กวี เพราะประสบปัญหาการขาดทุน และขาดสภาพคล่อง ก่อนหน้านั้นเขาได้ขายหุ้นให้มยุรีไปก่อนแล้วสี่สิบเปอร์เซ็นต์ โดยเขามารู้ทีหลังว่ายายนั่นมีเสี่ยศักดิ์สิทธิ์ผู้ทรงอิทธิพลในจังหวัดเป็นผู้ออกเงินให้ในการซื้อหุ้นจากเขา แต่หลังจากนั้นร้านก็ไม่มีอะไรดีขึ้น สถานการณ์ทางการเงินย่ำแย่ลงกว่าเดิม เพราะผู้ถือหุ้นรายใหม่อย่างมยุรีเริ่มเข้ามาวุ่นวายระบบการเงินและการจัดการร้าน ธนพลจึงขอร้องให้กวีเข้ามาช่วยซื้อหุ้นไว้และช่วยจัดการบริหารให้ก่อน ระหว่างที่รอเขาประกาศขายที่ดินเพื่อทำเงินมาซื้อหุ้นคืนจากเพื่อนและมยุรี แต่ความซวยก็มาเยือนเมื่อหลังจากที่กวีซื้อหุ้นและเข้าไปบริหารได้ไม่นาน ยายมยุรีที่จ้องจะคลุกวงในเพื่อนเขาอยู่แล้วก็ก่อเรื่อง หล่อนใช้อภิสิทธิ์ว่าเป็นหุ้นส่วนกิจการร้านด้วยกันขึ้นไปหาเพื่อนเขาถึงห้องส่วนตัวบนโรงแรม โดยที่พนักงานไม่กล้าขวาง เพราะยายนั่นพาบอดี้การ์ดมาด้วยร่วมสิบคน ซึ่งกวีเพิ่งมารู้ทีหลังว่ายายนั่นแอบถ่ายรูปห้องทุกซอกทุกมุมและส่งให้เมียเขาดู เพื่อให้เธอเข้าใจผิด และความวุ่นวายที่มากกว่านั้นก็ตามมาติดๆในคืนเดียวกันคืนนั้นคนของเขาโทรมาบอกว่า มีลูกค้
“พี่มั่นใจว่าไร่ภูอิงฟ้ามีอิทธิพลมากพอที่จะคุ้มครองลูกกับเมียพี่ได้ และคนอย่างไอ้เพลิงไม่มีทางปล่อยให้น้องสาวกับหลานเป็นอะไรไปหรอก”เมื่อเขาพูดถึงพี่ชาย เธอก็มองไปทางห้องฉุกเฉิน“แล้วพี่เพลิงเป็นอะไรมากไหมคะ” พรรณดาราถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลกวีบีบมือนุ่มแน่นขึ้น“บ้าๆอย่างมัน ยมบาลไม่เอาหรอก”“พี่วี! หนูซีเรียสนะคะ”กวีถอนหายใจ เขามองตามสายตาของภรรยา โอบกอดเธอมาแนบกาย“มันไม่เป็นไรหรอกน่า ทำแผลเสร็จแล้วก็นอนค้างโรง’บาลสักคืนสองคืนเดี๋ยวก็หาย”“กระสุนถูกตรงไหนหรือคะ” เมื่อเห็นสามีพูดราวกับว่าอาการของพี่ชายไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย พรรณดาราจึงสอบถามเพื่อความแน่ใจ“โดนแค่ถากๆ แถวต้นขา” กวีบอกแล้วยิ้มให้คนที่ยังไม่คลายกังวลกับอาการพี่ชาย“แค่นี้ไกลหัวใจ คนหนังหนาอย่างมัน ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”“ยังจะมาพูดเล่นอีก พี่เพลิงต้องเจ็บตัวเพราะไปช่วยพี่วีนะคะ สงสารก็แต่น้ำฝน ป่านนี้ไม่ตกใจแย่แล้วเหรอ น้องยิ่งขวัญอ่อนอยู่ด้วย”“ไม่หรอก พี่บอกแล้วว่าแค่โดนถากๆ ไม่เป็นไรมาก”“น้ำฝนครับพี่หิวน้ำ”
“แต่พี่ได้ยินว่าหนูอยากได้ผัวใหม่”“หนูไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย”“ถึงไม่ได้พูด แต่หนูเห็นด้วยกับสิ่งที่ไอ้เพลิงมันพูด”“พี่เพลิงพูดว่าไงหรือคะ” พรรณดาราทำหน้าใสซื่อกะพริบตาปริบๆกวีคำรามในลำคอ เมียเขาช่างกวนประสาทเหมือนพี่ชายเธอเข้าไปทุกวันแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจแรง เขายื่นมือไปด้านหลังศีรษะภรรยา สอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมนุ่ม แล้วรั้งท้ายทอยดึงใบหน้าเธอเข้ามา พร้อมกับก้มหน้าลงไปบดจูบอย่างต้องการลงต้องการลงโทษพรรณดาราครางประท้วงในลำคอ เมื่อสามีไม่ยอมถอนริมฝีปากออกไปสักที แถมมือข้างที่ว่างของเขาก็เริ่มจะซุกซนลูบวนบีบขยำเต้าอวบแรงขึ้นเรื่อยๆกวีตัดใจจากปากหวานๆ ในตอนเมียรักทุบบ่าเขาไปหลายทีแล้ว ชายหนุ่มเอียงคอ เลื่อนใบหน้าต่ำลงมา เปลี่ยนเป้าหมายเป็นซอกคอหอมๆนุ่มๆ ปากร้อนนาบลงซอกคองับเบาๆแล้วดูดจนเจ้าของลำคอระหงเจ็บจี๊ด“พี่วี!” พรรณดาราทุบบ่าสามีไปสุดแรง เขาต้องทำรอยไว้บนลำคอเธอแน่ๆ ทว่าคนถูกทุบช่างหน้าหนานัก เขายังคงลากริมฝีปากร้อนผ่าวไปตามลำคอของเธอ มิหนำซ้ำยังกดจูบย้ำๆไปทั่ว และตบท้ายด้วยการดูดแรงๆใกล้กับรอยเดิมอีกครั้งเมื่อลงโท
หยาดพิรุณมองค้อนสามีอย่างหมั่นไส้ กระนั้นหญิงสาวก็ยอมเดินเข้าสู่อ้อมกอดของเขาอย่างเต็มใจ“ไปเร็วเลยนะทูนหัว ขึ้นมาคร่อมพี่เร็วๆเข้า” หยาดพิรุณทำตามที่สามีบอกอย่างว่าง่าย เขากระซิบสั่งอะไรเธอก็ทำตามไม่อิดออด ร่วมชั่วโมงที่เธอถูกสามีหลอกล่อให้เริงระบำเพลงสวาทอยู่บนตัวเขา กว่าคนหื่นไม่เลือกสถานที่ ไม่เจียมสังขารจะพอใจ คนเฝ้าไข้ก็อ่อนล้าแทบสลบคาอกกว้าง หยาดพิรุณหลับตาลง จำยอมเอนกายลงนอนบนเตียงเดียวกับสามี เพราะไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะพาตัวเองลงไปนอนเตียงตัวเองเช้าวันต่อมาพ่อนนท์ แม่พราวพาเจ้าพุมาเยี่ยมคุณพ่อแต่เช้า ผู้สูงวัยสังเกตเห็นลูกสะใภ้ดูอิดโรยก็เห็นใจ“ได้พักผ่อนบ้างหรือเปล่าน้ำฝน หน้าตาไม่สดชื่นเลยลูก” แม่พราวถามด้วยความเป็นห่วง คนถูกถามสะดุ้งน้อยๆ พักผ่อนอะไรกันล่ะ เธอถูกคนไข้สำออยกวนทั้งคืน“เอ่อ...เมื่อคืนน้ำฝนนอนไม่ค่อยหลับค่ะคุณแม่ สงสัยเพราะแปลกที่” หยาดพิรุณตอบแม่สามี หญิงสาวหลบสายตาท่าน ทำทีเดินไปอุ้มเอาลูกชายจากท่านพาเดินไปหาคนเป็นพ่อเพลิงตะวันยิ้มแต้เมื่อภรรยาเดินอุ้มลูกเข้ามาใกล้ เขายักคิ้วให้เธอ แล้วยื่นสองมือออกไปรับลูกชายมากอด
ท่าทางของเด็กๆทำให้ผู้ใหญ่ที่มองอยู่ยิ้มขัน “ตกลงว่าไงครับ” กวีถามทั้งที่ได้ยินลูกๆพูดคุยกันเต็มสองหู “ตกลงครับ/ค่ะ” คำตอบรับของลูกทำให้กวียิ้มกว้าง เขาหันไปยักคิ้วให้ภรรยา ฝากความหมายไปกับสายตากรุ้มกริ่มว่า เสร็จเขาแน่ทีนี้ “อ่อนว่ะ ใช้ลูกเป็นเครื่องมือ” เพลิงตะวันเบรกอารมณ์ดีๆอย่างน่าหมั่นไส้ของน้องเขย ชายหนุ่มมองอย่างดูถูกดูแคลน “ก็ยังดีกว่าไอ้คนที่ใช้อาการเจ็บป่วยเป็นเครื่องมือหรอก” คำพูดของกวีทำให้คนถือแก้วน้ำอยู่เกือบทำแก้วหลุดมือ หยาดพิรุณมองหน้าสามีอย่างคาดโทษ แม้ไม่รู้ว่ากวีเดาเหตุการณ์เมื่อคืนออกจริงๆ หรือว่าเขาแค่พูดมั่วไม่เกี่ยวกัน แต่เธอก็ยังรู้สึกอายจนแก้มร้อนวูบวาบไปหมด “มันก็ผีเห็นผีนั่นแหละว้า” เพลิงตะวันไม่ยอมลงให้ เขาจ้องหน้าน้องเขยเขม็ง “พอๆ สองคนนี้เป็นอะไรฮึ! เจอกันทีไรเป็นต้องลับฝีปากกันทุกที” แม่พราวส่ายหน้า ปวดหัวกับลูกชายกับลูกเขยที่ไม่ลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คนตัวโตสองคนยอมสงบปากสงบคำตามแม่พราวบ
“อืม...” น้องพริ้งใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารัก เอียงคอเล็กน้อย และมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างดีใจ“ก็เรียกว่าพี่พี่พร้อมไงคะ”“ทำไมต้องเรียกพี่สองทีด้วย”“ก็พี่พร้อมเป็นพี่กว่าน้องพริ้งไงคะ ก็ต้องเรียกว่าพี่พี่พร้อม ส่วนน้องพริ้งเป็นพี่ธรรมดา ให้น้องเรียกว่าพี่ทีเดียวก็พอ...พี่พริ้ง” คนใฝ่ฝันว่าจะมีน้องยิ้มหวาน แค่คิดว่าจะมีน้องมาเรียกพี่พริ้งทุกวันก็ปลื้มปริ่มดีใจเหลือจะกล่าว แต่คนที่จะต้องถูกเรียกว่าพี่พี่พร้อมกลับนั่งเกาหัวแกรกๆ มันมีด้วยหรือเรียกพี่สองทีเนี่ยคุณปู่กัมพลกับคุณย่ากิ่งแก้วฟังที่หลานๆคุยกันแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม หวังว่าอีกไม่นานลูกชายและลูกสะใภ้จะมีเจ้าตัวเล็กเพิ่มมาอีกหลายๆคน มาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ให้ท่านได้เลี้ยงดูใกล้ชิด ได้ยิ้มและหัวเราะไปกับการเฝ้าดูหลานๆเติบโตขึ้นทุกวันอย่างมีความสุขแบบนี้เมื่อรถยนต์แล่นมาถึงจุดหมายคือไร่ภูอิงฟ้า คุณตาคุณยาย ลุงเพลิง ป้าน้ำฝนและเจ้าน้ำพุตัวน้อยก็ออกมายืนรอรับอยู่หน้าบ้านแล้ว วันนี้กวีนัดกับลูกเมียไว้ว่าจะพามาพักผ่อนกางเต็นท์นอนดูดาวที่บ้านลุงเพลิง
บททดสอบนั้นไปได้หรือเปล่า ในวันข้างหน้าเธอกับเขาอาจจะมีเรื่องหนักหนาผ่านเข้ามาในชีวิตคู่อีก แต่เธอเชื่อเหลือเกินว่าเธอกับเขารักกันมากพอที่จะฝ่าฟันมันไปได้แน่นอนพรรณดาราคลี่ผ้าห่มผืนใหญ่ออก แล้วนำไปห่มให้สามีและลูกทั้งสอง กวีหยุดเล่านิทาน เขาหันมายิ้มให้เธอ และเมื่อภรรยาขยับเข้ามานั่งอิงแอบ พิงศีรษะกับต้นแขนฝั่งที่เขากอดลูกสาวอยู่ ชายหนุ่มก็จับชายผ้าห่มผืนใหญ่คลุมลูกเมียและตนเอง และกอดลูกเมียไว้ในอ้อมกอดอบอุ่นน้ำเสียงนุ่มทุ้มของกวีทำให้ภรรยาและลูกทั้งสองนั่งฟังอยู่เงียบๆ สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังโค้งฟ้าเบื้องหน้า อากาศเย็นทำให้ทั้งภรรยาและลูกเบียดกายซุกเข้าหาร่างใหญ่อบอุ่น กวีกอดกระชับดวงใจทั้งสามดวงของตนแน่นขึ้น เขาเล่านิทานมาจนถึงตอนใกล้จะจบแล้ว“...แล้วลูกไก่ก็ไปเกิดเป็นดาวอยู่บนฟ้า ได้อยู่ใกล้กับแม่ตลอดกาล”“ถ้าน้องพริ้งเป็นคุณตาคุณยาย น้องพริ้งจะไปเก็บผักมาทำอาหาร น้องพริ้งจะไม่ฆ่าคุณแม่ไก่” น้องพริ้งฟังนิทานเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่เด็กหญิงก็ทำใจไม่ได้สักทีที่แม่ไก่และลูกไก่ต้องตายตามกันไป ถึงจะไปเกิดเป็นดาวบนฟ้าอยู่ข้างๆกันก็ตามเถอะ“มันเป
เสียงตะโกนลั่นไร่ภูอิงฟ้าทำให้คนที่เพิ่งบอกความลับกับสามีไปต้องส่ายหน้า พรรณดาราหัวเราะคิกกับการกระทำของสามี เขาคงอึดอัดจนต้องตะโกนออกมาเพื่อระบายความดีอกดีใจ จะตะโกนในเต็นท์ก็กลัวว่าลูกจะตื่น เลยต้องรีบวิ่งออกจากเต็นท์ไปตะโกนไกลๆ หญิงสาวนั่งรออีกครู่หนึ่งสามีก็กลับเข้ามาในเต็นท์“กี่เดือนแล้วครับ” กวีคลานเข้ามานั่งตรงหน้าภรรยา เขาหอบหายใจแรง ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือตื่นเต้นกับข่าวดีที่เมียเพิ่งบอก“สองค่ะ”“ทำไมเพิ่งมาบอกพี่”“หนูเพิ่งทราบวันก่อนเองค่ะ ตอนแรกหนูไม่แน่ใจ เมื่อวันก่อนตอนจะไปรับลูกที่โรงเรียน ก็เลยแวะตรวจค่ะ”กวีโอบกอดภรรยามานั่งบนตักอีกครั้ง เขาจูบขมับหอมกรุ่นแรงๆ กระซิบคำรักเสียงหวาน“พี่รักหนู” พรรณดารายิ้มอย่างมีความสุข หญิงสาวเอนหลังพิงแผ่นอกกว้าง จับมือหนาสองข้างมาวางทาบบนหน้าท้องตนเอง แล้ววางมือประกบหลังมือเขา“ตั้งสองคนแน่ะ เลี้ยงไหวไหมคะ” กวีวางคางเกยบ่าเมียรัก เขาลูบหน้าท้องเธอไปมาช้าๆ“ทำไหวก็ต้องเลี้ยงไหวสิ”“นี่ภูมิใจขนาดนั้นเลยหรือคะ”“ใครจะไม่ภูมิใจล่ะ ยิงปืนใหญ่กระบอกเดียวได้ลูกมาตั
“เป็นธรรมดาที่คนสวยอย่างติ๊บจะมีคนมาชอบค่ะ” ตอบแล้วเธอก็เดินกลับไปที่ซิงค์ล้างจาน ลงมือล้างโดยไม่หันมาสนใจคนมีปัญหาคาใจกับแขกที่เข้าพักอีก พบรักรู้สึกถึงความร้อนที่แล่นพล่านอยู่บนหัว เธอรู้ว่าไอ้หมอนั่นชอบ แล้วเธอล่ะชอบมันไหม “แล้วติ๊บชอบมันไหม มันหน้าตาดีนะ” พลอยชมพูสะดุ้งตกใจเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาประชิดด้านหลัง และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นไม่พอใจ “ไม่ค่ะ เฉยๆ ก็บอกแล้วว่าติ๊บทั้งสวยทั้งน่ารัก ก็ต้องมีผู้ชายมาชอบเยอะสิคะ แต่ภูมิต้านทานเรื่องผู้ชายติ๊บสูงค่ะ เพราะที่บ้านมีแต่ผู้ชายหน้าตาดี พ่อติ๊บก็หล่อ ยิ่งพี่ต่ายนี่หล่อแบบ...” พลอยชมพูเงยขึ้นมองหน้าคนที่ยืนหน้าเคร่งอยู่เบื้องหลังตัวเองสายตาครุ่นคิดา “อืม...พี่ต่ายนี่หล่อแบบเอาคุณพบสักสิบคนมามัดรวมกันก็ยังหล่อไม่เท่าพี่ต่ายเลยค่ะ” หัวคิ้วเข้มย่นแทบจะชนกัน เมื่อถูกสาวเปรียบเทียบความหล่อของตนกับพี่ชายของเธอแบบไม่ไว้หน้ากันเลย พบรักขยับตัวเข้าใกล้ ใช้แขนสองข้างกักกันเธอไว้กับเค
พลอยชมพูกะพริบตาปริบๆ รีบลงจากเตียงแล้วเดินไปที่หน้าต่าง พอหญิงสาวเปิดม่านออกก็มองเห็นเขายืนโบกไม้โบกมืออยู่ข้างล่าง เธอปิดม่านแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อกลางวันแค่เธอคุยกับเขานิดเดียว แถมยังมีผู้คนอยู่ด้วยตั้งมากมาย พบรักยังจับเธอไปลงโทษด้วยบทรักเร่าร้อนท้าแสงแดด นี่ถ้ามาเห็นเธอคุยกับเขาที่หน้าบ้าน เธอจะโดนอะไรอีกไหมเนี่ยแต่สุดท้ายแล้วพลอยชมพูก็ต้องลงไปคุยกับเพื่อนชายที่ซุ้มไม้หน้าบ้าน เธออุตส่าห์ทำตัวเป็นผู้ฟัง ไม่ซักไม่ถาม วิศรุตถามคำเธอก็ตอบคำ หวังว่าเขาจะเบื่อแล้วกลับห้องพักไปก่อนที่เจ้าของบ้านจะกลับมา แต่อีตานี่ก็หน้าด้านหน้าทนกว่าที่คิด ขุดเรื่องตั้งแต่สมัยปีมะโว้มาคุยกับเธอได้เป็นคุ้งเป็นแคว แหม...รู้สึกคิดถูกมากๆที่ไม่สนใจเขาตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามาจีบใหม่ๆ เพราะไม่งั้นเธออาจจะเบื่อตายไปเลยก็ได้ เธอไม่ชอบผู้ชายพูดมาก เพราะลำพังตัวเธอเองก็พูดมากอยู่แล้ว เธอชอบคนที่พร้อมจะฟังมากกว่า เหมือนคุณพบนั่นไง พอคิดถึงคนที่ฟังเธอเสียเป็นส่วนมาก เขาก็โผล่มาพอดีพบรักจอดรถกอล์ฟที่หน้าบ้าน แล้วเดินหน้าบึ้งเข้ามาหาเธอกับวิศรุตที่ซุ้มไม้“ที่นี่เป็นที่พักส่วนตัวของผม ไม่
“เดือนนี้ไม่หักแล้ว จะให้เพิ่มด้วย” พบรักบอกยิ้มๆ“ให้เพิ่มทำไม ติ๊บไม่ได้ทำงานอะไรเพิ่มสักหน่อย” คนไม่อยากเอาเปรียบนายจ้างปฏิเสธไม่รับเงินค่าจ้างเพิ่มโดยที่เธอไม่ได้ทำอะไรเพิ่มพบรักถอนหายใจบางเบา เขาลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งเก้าอี้ข้างหญิงสาว ดูเหมือนเธอจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์เร่าร้อนที่เขาและเธอเพิ่งทำกันไปเมื่อครู่ใหญ่“กระติ๊บ” พบรักจับมือบางทั้งสองข้างมากุมไว้ เขามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาดุ ไม่พอใจที่เธอไม่เรียกร้องอะไรจากเขาเลย ทั้งๆที่เขาอยากให้เธอเรียกร้องเอาทุกอย่างจากเขา เอาไปให้หมดเลยก็ได้ ทั้งตัว หัวใจ เงินทอง ทรัพย์สมบัติต่างๆ เขาพร้อมจะยกให้เธอทั้งหมด“อะ...อะไรคะ” พลอยชมพูเอนตัวหลบคนที่อยู่ดีๆก็เดินมาจับมือถือแขนเธอ ที่จริงเธอก็ไม่ควรตกใจอะไรหรอก เพราะมากกว่ามือเขาก็จับมาแล้ว แต่บอกตรงๆว่าเธอยังไม่ชิน ถึงจะไม่ได้รังเกียจเขา แต่ก็ใช่ว่าเธอจะชอบที่เขาเข้ามาใกล้ชิดแบบนี้ เพราะมันทำให้หัวใจเธอสั่น“คุณไม่คิดจะเรียกร้องอะไรจากผมหน่อยหรือ”พลอยชมพูมองหน้าเขานิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนระบายยิ้มหวานสดใสให้เขา“แล้วคุณพบอยากใ
พลอยชมพูหลับตา แหงนเงยหน้าเชิดสูง พร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความซ่านเสียวสะใจ เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่รู้สึกไปกับเขามากมายขนาดนี้ และเมื่อเขาเริ่มโยกกายถอดถอนสลับเติมเต็มในจังหวะเชื่องช้า หญิงสาวก็ครางเบาๆอย่างกับลูกแมวน้อย มันเสียวสะท้านก็จริง ทว่าเธอคิดว่ามันอ่อนโยนเกินไป หญิงสาวจึงโยกสะโพกกลับไปด้านหลัง ในจังหวะที่เขาสอดเสยเข้าหาเธอพอดี เสียงเนื้อสะโพกหนั่นแน่นปะทะกับหน้าขาจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่างคนต่างใส่แรงเข้าหากันไม่มีใครยอมใคร แต่คนแรงน้อยกว่าสูญเสียอธิปไตยในน่านน้ำตัวเองไปหลายครั้ง กว่าเธอจะรีดรัดคนแข็งแกร่งห้าวหาญจนเขายอมพ่ายแพ้ก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง “ไปเดินอีท่าไหนให้หกล้มหัวเข่าถลอกแบบนี้คะ” ลำดวนถามคนที่ตนกำลังทำแผลให้ หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านพักของเจ้าของรีสอร์ตพลอยชมพูตวัดสายตาดุขึ้นมองตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องหัวเข่าถลอก เขายืนกอดอกตีหน้านิ่งอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อสบสายตากับเธอ เขาก็ยิ้มบางบนใบหน้า แถมยังยักคิ้วข้างหนึ่งใส่เธอด้วย คนเจ็บตัวเพราะความหื่นปรอทแตกของเขาจึงสะบัดค้อนให้จนคอแทบเคล็ด
ใบหน้าที่หลับตาพริ้ม อ้าปากเผยอครางเสียงหวานดังผะแผ่ว ทำให้พบรักเร่งมือเพื่อส่งเธอไปสุดปลายทางล่วงหน้าก่อน เขาสอดนิ้วกลางเข้าสู่ร่องสาวคับแน่น ชักเข้าออกกระทุ้งแรง รับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้ออ่อนที่บีบรัดรอบจากปลายสุดโคนนิ้ว ชายหนุ่มสูดลมหายใจยาว เขาแข็งขึงทรมาน อยากจะพาสัดส่วนที่ขยายใหญ่โตสอดลึกในตัวเธอแล้ว ทว่าก็ได้แต่ยับยั้งใจไว้ก่อน ความสดใหม่ของเธอทำให้เขาต้องรีดเค้นน้ำหวานออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เธอต้องเจ็บตัวมากเหมือนครั้งแรก“คุณพบ!” พลอยชมพูหลับตาแน่น เงยหน้าขึ้นครวญครางเรียกชื่อคนที่กำลังปรนเปรอเธอด้วยนิ้วมืออย่างดุดัน เมื่อไม่อาจต้านทานบทเพลงกามาที่บรรเลงโดยนิ้วเรียวยาวที่พร่างพรมลงใจกลางความเป็นหญิง สะโพกสวยก็ขยับเร็วเพื่อจะไปให้ถึงบทสุดท้ายของเพลงรัก เผลอให้ความร่วมมือไปโดยไม่รู้ตัว“กระติ๊บ...” พบรักจับจ้องมองใบหน้าน่ารักไม่วางตา เขากระซิบเรียกเธอซ้ำๆ จูบปลายคางเล็ก แล้วอ้าปากงับเบาๆ เร่งขยับซอยนิ้วมือกระทั่งส่งเธอข้ามพ้นขอบเขตความอดกลั้น หญิงสาวระเบิดตัวเองหยาดน้ำใสฉีดล้นซอกขาเปรอะเปื้อนเต็มหน้าตักเขาพลอยชมพูหอบหายใจแฮกๆ หญิงสาวเอนกายซวนซบอกกว
“อุ๊ย!” พลอยชมพูมัวแต่โมโหคนที่ไม่ยอมปล่อยเธอสักที หญิงสาวเลยมองเมินไปยังพื้นที่สีเขียวโล่งกว้างตรงหน้า โดยไม่ทันระวังตัว พบรักก็รวบเอวคอดดึงตัวเธอขึ้นไปนั่งบนตักเขา แล้วกักกอดไว้แน่น แผ่นหลังนุ่มแนบไปกับอกกว้างกำยำ“คุณพบ! จะทำอะไรคะ ปล่อยนะ” พลอยชมพูหันหน้าไปต่อว่าเขา ใบหน้าสาวบูดบึ้งไม่พอใจอย่างที่สุด“นั่งพักสักหน่อย เดี๋ยวค่อยกลับ”“จะนั่งก็นั่งดีๆสิคะ ทำไมต้องมากอดคนอื่นแบบนี้”“คนอื่นที่ไหน เมียทั้งคน”ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง มองหน้าคนที่เรียกตัวเองว่าเมียด้วยสายตาแตกตื่น พบรักมองสีหน้าตกใจของเธอแล้วยิ้มขำ พอเห็นคนที่เอาแต่ตกตะลึงตาค้างกับตำแหน่งใหม่ที่เขามอบให้ แถมริมฝีปากอิ่มที่เผยอน้อยๆนั่นก็ยั่วใจเขาเหลือเกิน ชายหนุ่มจึงอดใจไม่ไหว เขาโน้มใบหน้าลงไปใกล้อีกนิด หวังจะชิมความหวานจากปากนุ่ม แต่ดูเหมือนคนกำลังจะถูกเขารังแกจะรู้ตัวเสียก่อน มือบางสองข้างจึงถูกยกขึ้นมาปิดกั้นปากเขาไว้แล้วดันออกสุดแรงจนหน้าแทบหัน“จะทำอะไรคะ” พลอยชมพูถามเสียงขุ่น หญิงสาวดึงมือกลับมาเช็ดๆถูๆกับกางเกง มองค้อนคนจ้องจะเอาเปรียบเธอปากเขานุ่มชะมัด บ้าจริ
“ไอ้หมอนั่นใคร”เสียงเข้มไม่พอใจที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้พลอยชมพูสะดุ้ง หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหมุนตัวกลับไปยืนประจันหน้ากับเจ้าของรีสอร์ตนิสัยเสียที่กล้าเรียกลูกค้าว่าไอ้หมอนั่น“ลูกค้าค่ะ”“รู้แล้วว่ามันเป็นลูกค้า มันรู้จักกระติ๊บด้วยเหรอ”“เป็นเพื่อนกันสมัยเรียนปอโทค่ะ”“เมื่อกี้มันขอเบอร์ด้วย”“ค่ะ” พลอยชมพูตอบแล้วหันไปคว้าถาดมาถือ เดินหนีคนช่างซัก“จะไปไหน” พบรักเดินตามติดต้อยๆ“เอาถาดไปเก็บค่ะ”“ผมช่วย” พบรักแย่งถาดจากมือบาง แต่ลูกจ้างสาวไม่ยอม พลอยชมพูดึงเอาไว้แน่น“ไม่ต้องค่ะ”“ต้อง” พบรักใช้แรงที่มีมากกว่าดึงถาดมาจากมือเธอจนได้ พลอยชมพูมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ คนบ้าอะไรเนี่ย คนจะทำงาน เขาจะมาวุ่นวายวอแวอะไรกับเธอนักหนา“งั้นก็ฝากไปเก็บด้วยนะคะ ติ๊บจะไปช่วยพี่น้ำตาลค่ะ” พลอยชมพูสะบัดหน้าเดินหนีเอาดื้อๆ พบรักมองตามเธอ แล้วก้มมองถาดในมือ เรื่องอะไรจะเอาไปเก็บ เธอไม่ไป เขาก็ไม่ไป ชายหนุ่มพยักหน้าเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มารับถาดไปเก็บ แล้วเดินตามไปยังเคาน์เตอร์ที่พลอยชมพูยืนอยู่กับกลุ่
“ผมก็เป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเหมือนกัน” คนไม่อยากให้สาวทำงานลำบากรีบเอ่ยอ้างพลอยชมพูเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึก นี่เธอกำลังคุยกับผู้ใหญ่อายุสี่สิบหรือเด็กอายุสิบขวบกันแน่นะ“ติ๊บจะไปช่วยงานคนอื่นแล้ว ห้ามตามมานะคะ ไม่อย่างงั้นติ๊บจะหนีกลับบ้านจริงๆด้วย” พลอยชมพูหันหลังเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ คนที่ถูกเธอขู่ไม่กล้าลุกเดินตามไป พบรักทำได้เพียงถอนหายใจมองตามตาละห้อย เขากลัวเธอหนีกลับบ้าน กลัวเธอไม่อยู่ให้เขารับผิดชอบเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเจ้าของรีสอร์ตได้แล้ว พลอยชมพูถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก บางทีเธอก็ไม่เข้าใจว่า การที่เธอเอาเรื่องนี้มาขู่เขานี่ถูกต้องแล้วใช่ไหม คือเธออดสงสัยไม่ได้ว่าตรรกะการได้เสียระหว่างเธอกับเขามันดูเพี้ยนๆ เขาต้องการรับผิดชอบ ในขณะที่เธอยังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น และยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอเสียใจ แต่ที่มากกว่าความเสียใจคือ เธอกลัวครอบครัวรู้ กลัวพวกท่านจะผิดหวังในตัวเธอ แต่จะให้ร้องไห้คร่ำครวญจมอยู่ในห้วงทุกข์ตลอดเวลาก็ดูจะไม่ใช่ ไม่น่าทำ เธอโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น มีภูมิคุ้มกันภาวะจิตใจและอาร
“ยังไม่หิวค่ะ” พลอยชมพูบอกเสียงเบา หญิงสาวไม่รู้จะทำตัวเช่นไร จึงได้แต่ยืนขัดเขินทั้งกังวลอยู่กลางห้อง รอให้เขาเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นก่อน“กระติ๊บ”“คะ” คนถูกเรียกสะดุ้ง หันไปมองเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ปลายเตียงของเขา“มานั่งตรงนี้ เราต้องคุยกัน” พบรักตบมือลงข้างๆที่ตัวเองนั่งอยู่“คุณพบพูดมาเลยค่ะ ยืนอยู่ตรงนี้ ติ๊บก็ได้ยิน”“ถ้าไม่มานั่งดีๆ ผมจะเดินไปอุ้ม”คำขู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้ใบหน้างามงอง้ำ พลอยชมพูพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะยอมเดินไปนั่งข้างเขา ซึ่งหญิงสาวทิ้งระยะห่างพองาม พบรักเองก็ไม่ได้คะยั้นคะยอให้เธอมานั่งชิดตัวติดกัน“กระติ๊บอยากให้ผมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง” พบรักเอ่ยถามตรงๆไม่อ้อมค้อม คนที่ต้องตอบคำถามอึ้งไปไม่เป็น รับผิดชอบอย่างไรงั้นหรือ แต่งงานคงไม่ใช่คำตอบที่ดีเท่าไรนัก เพราะหากชีวิตคู่ของเธอเริ่มต้นจากการเสียตัวเพราะความเมา มันก็คงจบไม่สวยเท่าไรหรอกมั้ง เธอกับเขายังรู้จักกันไม่ดีพอ ยังไม่มากพอที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน“อย่าเพิ่งปฏิเสธความรับผิดชอบจากผม เราค่อยๆเรียนรู้กันไปก่อนได้ไหม”พลอยชมพูเ