“ไปจัดการเรื่องชุดแต่งงานไง ก็คุณอยากเลิกงานซะเย็นเชียว ร้านแถวนี้เขาปิดหมดแล้ว ผมจะพาไปหาแถวๆกรุงเทพแล้วกัน” คนฟังตาแทบถลนออกมา
“กรุงเทพ!” พิมพ์รพีพรทวนเสียงดังจนปลัดเมฆาต้องนิ่วหน้า ก่อนจะพยักหน้ารับยิ้มกว้าง
“จอดรถเดี๋ยวนี้ จอดเลย ฉันจะกลับบ้าน”
“อ้าวคุณ ผมนัดร้านเขาไว้แล้ว เขาอุตส่าห์จะรอเราสองคน ผมเป็นผู้หลักผู้ใหญ่นะคุณ จะให้เสียคำพูดได้ยังไง” คือที่จริงก็เป็นร้านของเพื่อนตนเอง ซึ่งปลัดเมฆาได้บังคับให้เพื่อนจัดการทุกอย่างไว้รอ และข่มขู่ว่าห้ามปิดร้านจนกว่าเขาจะไปถึง
“เรื่องของคุณ ฉันจะกลับบ้าน ฉันจะฟ้องย่า”
“ฟ้องอะไรคุณ ย่าพรก็เห็นดีเห็นงาม นี่ผมก็ขออนุญาตย่าพรแล้ว และก็บอกไปแล้วว่าหากดึกมาก ผมจะพาคุณพักที่คอนโดของผมในกรุงเทพเลย” พิมพ์รพีพรตาแทบถลนออกมาเป็นครั้งที่สอง
“ว่าไงนะ” หญิงสาวตะโกนถามสุดเสียง คนตัวเล็กหอบหายใจแรงด้วยความโกรธ
“ก็ผมขับรถตั้งไกล มันเหนื่อยนะคุณ”
“เหนื่อยก็ไม่ต้องไปแล้ว จอดรถเลยนะคุณเมฆ” พิมพ์รพีพรพลิกตัวกลับมานั่งมองชายหนุ่มอย่างโกรธจัด
“คุณพิมพ์ ผมว่านอกจากคุณจะเป็นคนที่เอาอารมณ์อยู่เหนือเหต
“ตามนั้นนะแม็กกี้...เดี๋ยวไปที่ร้านเดิมเลยนะ แกไปก่อน ฉันขอปิดร้านก่อนแล้วจะตามไป” ปลัดเมฆาสบตาของพิมพ์รพีพรอย่างรู้ทัน หญิงสาวจึงเบือนหน้าหนีจากสายตาแวววาวนั้น ทำไมรู้สึกแปลกๆ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาได้นะเวลาถูกปลัดเมฆามองแบบนี้“ช้านม่ายมาว...ช้านเดินเองได้” เสียงอ้อแอ้ของพิมพ์รพีพรทำให้ปลัดเมฆานึกขำ หญิงสาวถูกเหล่าผองเพื่อนของเขามอมเหล้าโดยไม่รู้ตัว เขาเองก็มัวแต่คุยกับเพื่อนๆจึงไม่ทันสังเกตว่า พิมพ์รพีพรดื่มไปหลายแก้ว มาเห็นอีกทีก็อยู่ในสภาพคอพับคออ่อนซะแล้วปลัดเมฆาพยุงคนตัวเล็กเดินเข้าลิฟต์ของคอนโดมิเนียมอย่างทุลักทุเล เพราะพิมพ์รพีพรพยายามขัดขืนตลอด เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกเขาประคองร่างของคนขี้เมาเดินไปตามทางจนถึงประตูห้อง จัดการใช้คีย์การ์ดเปิดห้องแล้ว ชายหนุ่มจึงรวบร่างนุ่มนิ่มขึ้นแนบอก ใช้เท้าปิดประตูอย่างไม่ไยดี เขาพาร่างพิมพ์รพีพรเดินตรงไปยังห้องนอนทันทีคอนโดมิเนียมแห่งนี้เขาซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อน ที่ตัดสินใจซื้อ เพราะเขาชอบมาสังสรรค์กับเพื่อนๆที่กรุงเทพบ่อยๆ แทบจะทุกสัปดาห์ จึงคิดว่าจะหาที่พักไว้ดีกว่าจะต้องไปขอนอนกับคนอื่น เงินปันผลจากกา
ลิ้นร้อนสากตวัดดูดดึงลิ้นเล็กอย่างหยอกล้อ ปลัดเมฆาดูดดึงขบเม้มอย่างหักห้ามใจไม่ได้ มือใหญ่บีบเคล้นทรวงอกอวบอย่างลุ่มหลง ท่อนขาแกร่งแทรกลงตรงกลางระหว่างขาเรียว ตรึงร่างบางไว้ใต้ร่างตน พิมพ์รพีพรรู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังฝันไป ฝันแปลกๆ มันหวามไหวและเหมือนกำลังจมน้ำ เพราะหญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจ เธอจึงพยายามลืมตาขึ้น กะพริบตาเร็วๆและพยายามเรียกสติคืนมา“อื้อๆ” เสียงอู้อี้ในลำคอไม่ได้ทำให้คนตัวโตยกเลิกความตั้งใจ ฝ่ามือร้อนๆที่แนบอยู่กับอกนุ่มหยุ่นที่ดีดเด้งสู้มือเขาอยู่ ส่งผลให้ปลัดเมฆาบอกกับตัวเองว่าต้องเดินหน้าต่อไป คนใต้ร่างเขาเริ่มออกแรงดิ้นประท้วง แต่ไม่นานก็ถูกคนที่ช่ำชองกว่าหลอกล่อไปกับสัมผัสหวามไหวริมฝีปากบางเผยอขึ้นในการช่วยหายใจทันที เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แต่ไม่สามารถเปล่งเสียงห้ามหรือทัดทานคนบนร่างตัวเองได้ เพราะอารมณ์สาวถูกปลุกเร้ากระตุ้นแรงจนเกินจะต้านทาน ปลัดเมฆาลากไล้ลิ้นร้อนสากลงมาตามลำคอระหง ก่อนจะเข้าครอบครองยอดอกสีหวาน พิมพ์รพีพรแอ่นกายรับการรุกรานจากปากร้อนทันที มือใหญ่ลากไล้ไปจนถึงหน้าท้องแบนราบก่อนจะเคลื่อนช้าๆไปยังจุดกลางกายสาว แล้ว
“อื้ม...ผมว่าผมหลงคุณแล้วล่ะพิมพ์ คุณน่ากิน น่ารัก อื้ม...” ปลัดเมฆาคร่ำครวญเมื่อความเสียวกระสันกำลังจะพาเขาและเธอโบยบินไปจนสุดทาง พิมพ์รพีพรยกสะโพกเสยตามทุกจังหวะที่ชายหนุ่มเบียดกดลงมา“อื๊อ...” หญิงสาวกำลังจะไปถึงจุดสุขสมอีกครั้ง ปลัดเมฆาเพิ่มแรงกดเบียดรุนแรงขึ้น เขาใช้วงแขนแกร่งช้อนใต้สะโพกเต่งตึงเพื่อจะได้บดเบียดแนบชิดยิ่งขึ้น คนใต้ร่างบิดเร่าครวญคราง จนในที่สุดก็เกร็งร่างส่ายสะบัดศีรษะจนผมกระจาย ชายหนุ่มเร่งรัวจังหวะไล่ตามไปยังจุดสุดยอดของความสุขสม ร่างแกร่งเกร็งกระตุกทรุดฮวบทับคนใต้ร่าง สายธารรักรินรดไปตามเนินเนื้อนิ่มและหน้าท้องแบนราบ สองร่างหอบหายใจถี่รัวปลัดเมฆาพลิกร่างลงมานอนเคียงข้างคนตัวนุ่ม หากแต่พิมพ์รพีพรหลับตาพริ้มพร้อมกับจังหวะลมหายใจที่สม่ำเสมอ บอกให้รู้ว่าเธอหลับไปแล้ว ปลัดเมฆายิ้มกริ่ม เขาต้องเช็ดตัวให้หญิงสาวอีกครั้งสินะร่างของคนตัวโตสอดตัวลงใต้ผ้าห่มหนาอีกครั้ง ครั้งนี้เขายิ้มปลื้มปริ่มอยู่คนเดียว วงแขนแกร่งรั้งร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอดแนบอก ปลัดเมฆาถอนหายใจเฮือกใหญ่“ไอ้โรคจิต...หึๆ...พรุ่งนี้จะโดนอะไรบ้างล่ะเนี่ย...ไอ้เมฆเอ๊ย!”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวผมจะสำรวจดูให้ทั่วเลยว่าตรงไหนที่มีร่องรอยบ้าง” พูดจบก็ไม่รอให้คนตัวเล็กได้ตอบรับหรือปฏิเสธ มือหนากระชากผ้าห่มออกจากร่างบางแล้วโยนลงไปกองกับพื้นห้อง“กรี๊ด!” พิมพ์รพีพรกรีดร้องเสียงดัง มือเล็กๆพยายามปิดบังส่วนสำคัญของร่างกาย“อย่ามองนะ ถอยไปไกลๆเลย ไอ้โรคจิต ไอ้บ้าหื่นกาม ปล่อยๆ” มือหนาคว้าหมับเข้าที่เอวคอดดึงรั้งให้ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม แล้วพาตัวเองทาบทับลงไปตรึงร่างของหญิงสาวไว้“ถ้าคุณกรี๊ดอีกครั้ง ผมจะไม่ใช้แค่นิ้วจิ้มแล้วนะ จะใช้อย่างอื่นจิ้มแทน” พิมพ์รพีพรเม้มปากเป็นเส้นตรง ถลึงตาใส่คนที่นอนทับอยู่บนร่างของตัวเอง“ไอ้คนทุเรศ ปล่อยนะ ฉันจะฟ้องพ่อ ฟ้องพี่พี ฟ้องย่า ว่าคุณข่มขืนฉัน พ่อจะต้องจัดการคุณแน่” ปลัดเมฆาหัวเราะเบาๆ“ฟ้องเลย...จากที่จะจัดงานแต่งวันอาทิตย์หน้า ถ้าคุณฟ้องนะ เราคงได้แต่งงานกันวันนี้แน่ๆ” พิมพ์รพีพรฮึดฮัดที่จะทำอะไรก็ดูเข้าทางคนชอบเอาเปรียบไปซะหมด“คุณสงบสติแล้วฟังผมนะ เมื่อคืนผมไม่ได้ล่วงเกินคุณ ผมก็แค่เอ่อ...แค่เช็ดตัวให้คุณ แล้วก็ขอค่าแรงนิดหน่อย อะไรๆของคุณยังอยู่ครบทุกอย่างแหละน่า” พิมพ
“วันนี้ออกแต่เช้าเลยนะพี มาทานข้าวต้มกับแม่ก่อนสิ” คุณนายเฟื่องฟ้าเอ่ยกับบุตรชาย ขณะที่พีรพลเดินลงมาจากบันได“วันนี้ผมมีประชุมแต่เช้ากับลูกค้ารายใหญ่ครับแม่ ขอตัวก่อนนะครับ” ลูกชายคนโตยิ้มกว้างให้มารดา แล้วก้มลงจุ๊บเบาๆที่แก้มของมารดา“เจ้าพีทเจ้าแพทเป็นยังไงบ้าง” ท่านรองพลรัตน์ถามถึงหลาน“เห็นหนุงหนิงว่าสนุกกันใหญ่เลยครับ ผมขอตัวนะครับ” พีรพลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วรีบร้อนเดินออกไป“ช่วงนี้ตาพีออกแต่เช้า กลับก็ดึกนะคุณ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง ทำบริษัทเล็กๆก็พอแล้ว จะขยายกิจการขยายตลาดอะไรนักก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็ไม่มีเวลาให้ลูกให้เมียหรอก” คุณนายเฟื่องฟ้าบ่นไปถอนหายใจไป“ไม่มีเวลาให้แม่มากกว่ามั้งคุณ” ท่านรองพลรัตน์กระเซ้าภรรยา“คุณก็...ฉันรู้หรอกน่าว่าลูกเราโตแล้ว เราบังคับอะไรเขาไม่ได้ ก็ได้แต่เป็นห่วง แล้วก็มองอยู่ห่างๆนี่แหละ...นี่ก็ห่วงยายพิมพ์ จะแต่งงานอยู่วันนี้วันพรุ่งแล้ว ยังทำตัวเป็นเด็ก ไม่รู้ปลัดเมฆจะเอาลูกเราอยู่ไหม”“หึๆ...ตอนเป็นสาวคุณก็ร้ายเหมือนยายพิมพ์นั่นแหละ ผมยังเอาอยู่เลย” คุณนายเฟื่องฟ้าค้อนวงใหญ่ให้ส
“พร้อมหรือยังคะพี”... ทำไมเธอรู้สึกคุ้นๆนะ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก หญิงสาวไหวไหล่เล็กน้อย“คิดมากไปหรือเปล่านะเรา”“ไม่นึกเลยนะคะว่าพีจะสร้างบริษัทได้เติบโตได้ขนาดนี้” เสียงหวานยั่วยวนเอ่ยขึ้น หลังจากที่เดินตามชายหนุ่มเข้ามาให้ห้องทำงานของเขา แล้วพาร่างอวบอัดของตนมานั่งอยู่บนขอบโต๊ะทำงานตัวใหญ่ หลังจากประชุมงานกันเรียบร้อยในช่วงเช้าพีรพลยิ้มอย่างสุภาพให้เมธาวี เพื่อนรุ่นเดียวกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่เคยหลงใหลผู้ชายรูปหล่อพ่อมีตำแหน่งใหญ่โตอย่างเขา ถึงขั้นที่เคยเอ่ยปากขอให้นิชาออกจากชีวิตเขาไป“แล้วหนุงหนิงสบายดีไหมคะ” เมธาวีถามหาผู้หญิงโชคดีคนนั้น ที่ได้พีรพลไปครอบครอง ทั้งๆที่เธอทุ่มทุนสร้างมากมาย แต่พีรพลกับเลือกผู้หญิงท่าทางจืดๆฐานะปานกลาง แทนที่จะเลือกดาวมหาวิทยาลัย ลูกสาวเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศอย่างเธอ“หนุงหนิงสบายดีครับ” เมธาวีถามไปตามมารยาท เธอจึงไม่ได้สนใจคำตอบที่ได้รับสักนิด“พีรู้ไหม...ว่าพอคุณพ่อผุดโครงการใหม่ เมก็คิดถึงพีคนแรกเลยนะ นี่เมก็เป็นคนบอกคุณพ่อนะว่าให้ใช้บริ
“เอ๋!...อาพิมพ์เป็นอะไรคะ มีตุ่มแดงๆเต็มคอไปหมดเลย” หลานสาวทักท้วงเสียงดังทำตาโต ชี้ไปยังรอยปื้นแดงหลายจุดบนคอพิมพ์รพีพร“ไหนๆ...จริงด้วย อาพิมพ์ต้องไปหาหมอนะ คุณหมอจะได้ฉีดยา จะได้หายไงครับ” หลานชายจึงร่วมวงมองหาแล้ววินิจฉัยอาการกันใหญ่ พิมพ์รพีพรตกใจที่หลานๆสนใจในจุดที่เธอไม่อยากให้ใครเห็น“เอ่อ...อาพิมพ์ไม่เป็นไรหรอก แค่โดนมดกัดนิดหน่อย” คนที่ยืนกอดอกมองดูอาหลานคุยกันได้ยินคำตอบ จึงหัวเราะเบาๆ“ผมก็บอกแล้วว่ามดกัด คุณก็ยอมรับแล้วใช่ไหมว่ามดกัด” ปลัดเมฆาพูดยิ้มๆ พิมพ์รพีพรสบสายตาชายหนุ่มราวจะกินเลือดกินเนื้อ“พี่พีท น้องแพท มาทานขนมเร็วลูก” เสียงนิชาเรียกลูกทั้งสองคนจากนอกห้อง คำว่าขนมทำให้เด็กทั้งสองกระโดดลงจากเตียงวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ปลัดเมฆาปิดประตูลงกลอนเบาๆตามหลัง คนที่นั่งหันหลังให้ประตูเลยไม่ทันสังเกต“ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาในห้องของฉัน” ใบหน้าเชิดหยิ่งๆของพิมพ์รพีพรทำให้ปลัดเมฆายิ้มน้อยๆ“ย่าพรอนุญาตให้ผมมาปรับความเข้าใจกับคุณ” ปลัดเมฆาเดินเข้าใกล้หญิงสาวแล้วทรุดตัวนั่งลงข้างๆ พิมพ์รพีพรสะดุ้งโหยง กระเถิบตัวหนีทันที แต่ก็ช้
“ฉันจะมีแผนอะไร ฉันก็แค่ดีใจที่จะเห็นหลานสาวได้คนดีๆมาดูแล”“แล้วก็ได้อยู่ใกล้ๆด้วยใช่ไหมจ๊ะ” นางสมใจต่อให้แล้วหัวเราะคิกคัก“รู้ดีนะแม่สมใจ”“กับข้าวถูกปากไหมจ๊ะหนูพิมพ์” นางนภาเอ่ยขึ้นหลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว และมานั่งรวมตัวกันที่ชุดโต๊ะเก้าอี้รับแขกไม้สักบริเวณระเบียงหลังบ้าน บ้านกำนันเสือเป็นบ้านไม้สักหลังใหญ่ใต้ถุนโล่ง คล้ายกับบ้านของย่าพร บริเวณบ้านมีไม้ยืนต้นปลูกให้ร่มเงา ทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่รู้สึกเย็นสบาย“อร่อยมากค่ะป้านภา” พิมพ์รพีพรตอบพร้อมกับยิ้มหวาน “อุ๊ย! ต่อไปต้องเรียกแม่นะจ๊ะ หนูพิมพ์จะได้มาเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้แล้ว ต้องเรียกว่าพ่อกับแม่นะจ๊ะ”“เอ่อ...ค่ะ แม่นภา พ่อเสือ” กำนันเสือยิ้มกว้างถูกใจลูกสะใภ้คนนี้นัก“ตาเมฆพาน้องไปดูห้องหอสิ จะจัดกันยังไง จะเอาอะไรเพิ่มหรือเปล่า เดี๋ยวแม่จะเปลี่ยนชุดเครื่องนอนใหม่ให้ จะเอาแบบไหนก็บอกพี่เขาเลยนะลูกไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวหนูพิมพ์ก็จะได้มาอยู่ที่นี่แล้ว บ้านหลังนี้คงน่าอยู่ขึ้นเยอะ ปกติแล้วตาเมฆไม่ค่อยกลับบ้านหรอก นานๆจะโผล่มาให้พ่อกับแม่เห็นที นี่ถ้ามีเมียมาอย
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน