เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากห้องนั่งเล่น ทำให้ธีร์ชะงักก่อนจะหันไปมอง แล้วก็ต้องเบ้ปากทันทีเมื่อเห็นภาพที่คุ้นตา พ่อกับแม่ของเขานั่งเบียดกันอยู่บนโซฟา หัวเราะกันเหมือนโลกนี้มีแค่สองคน
"แม่จ๋า มานั่งตักพ่อหน่อยเร็ว~"
"โอ๊ยพ่อ! ลูกยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ!" แม่ตีแขนพ่อเบาๆ แต่ก็ยังยิ้มแก้มปริ
"มองก็ช่างมันสิ ลูกมันต้องชินได้แล้ว เพราะพ่ออยากรักแม่ตลอดเวลา" พ่อพูดหน้าตาเฉย แถมยังโอบเอวแม่ไว้แน่น ทั้งยังหอมแก้มฟอดใหญ่เสียงดังจนแม่หัวเราะคิกคักเข้าไปอีก
"โอ๊ยย พอเลยพ่อ!" ธีร์กลอกตาแทบจะทันทีที่ได้ยินพ่อพูดอะไรหวานๆ ใส่แม่ ทำไมจะต้องมาโชว์ความคลั่งรักต่อหน้าลูกชายกันด้วยเนี่ย!
หมวยเขินจนหน้าแดง ยกมือทุบอกพ่อแก้เขิน แต่เจ้าตัวกลับไม่สะทกสะท้าน แถมยังยักคิ้วอย่างภาคภูมิใจ
“หึๆๆ ก็ช่วยไม่ได้นี่ คนมันคลั่งรัก” พูดจบก็หอมแก้มหมวยอีกฟอด
ธีร์เบ้ปากพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตรงข้าม พูดเสียงเอือมสุดขีด “ให้ตายเถอะ ทำอย่างกับอยู่กันแค่สองคน”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเอ็งล่ะ ไอ้ลูกชาย?” พ่อของธีร์หันขวับมามองเขา เอียงคอพลางยิ้มกวนๆ ก่อนจะเปรยขึ้นลอยๆ
“แต่บางทีพ่อก็สงสัยนะ ทำไมลูกพ่อถึงได้แห้งแล้งขนาดนี้วะ เล่นกับน้องสาวข้างบ้านมาตั้งแต่เด็ก แต่ยังทำได้แค่มองเขา”
ธีร์ที่กำลังนั่งเอกเขนกถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ยังตีหน้าตาย
“เกี่ยวอะไรกับข้าวหอมล่ะ”
“หื้มมม…” พ่อทำเสียงลากยาว จ้องลูกชายตาเป็นประกายขบขันเต็มที่ “หรือว่าอิจฉา?”
“อิจฉาอะไร?” ธีร์ขมวดคิ้ว ทำหน้าสงสัยสุดฤทธิ์ ทั้งที่ลึกๆ แล้วเริ่มรู้สึกว่าประโยคต่อไปของพ่อมันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
และแน่นอน… พ่อของเขาไม่ทำให้ผิดหวัง
“ก็อิจฉาพ่อไงล่ะ” พ่อพูดหน้าตายเหมือนกำลังถกเรื่องการเมือง “พ่อกอดแม่ได้ หอมแม่ได้ แสดงความรักต่อหน้าลูกชายได้เต็มที่ แต่ลูกชายพ่อ…” เขาหยุดพูดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากแล้วตอกย้ำอย่างเจ็บแสบ “ทำได้แค่มอง…”
“...”
ธีร์รู้สึกเหมือนโดนชกเข้าเต็มอก สมองดับวูบไปชั่วขณะก่อนรีบเสมองไปทางอื่น มือยกขึ้นเสยผมคลายความอึดอัดที่จู่ๆ ก็จู่โจมเข้าใส่
“นี่พ่อ! เลิกยุ่งเรื่องของผมสักทีได้ไหม”
พ่อหัวเราะหึๆ อย่างเจ้าเล่ห์ พอได้แกล้งลูกชายสมใจแล้วก็หันไปหยอดคำหวานกับแม่ต่อ ทิ้งให้ธีร์นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น พลางขบกรามแน่นอย่างอดกลั้น
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!
"โอเคๆ พอแกล้งลูกแล้วก็ได้เวลาข่าวดี" แม่ของธีร์พูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
ธีร์ที่กำลังทำหน้าเซ็ง แอบถอนหายใจโล่งอกที่รอดจากการถูกพ่อแซวแล้ว
"เมื่อกี้แม่เพิ่งคุยกับพ่อแม่ของข้าวหอมมา เขาฝากขอบคุณที่ลูกจะช่วยรับส่งน้องไปเรียน แล้วก็อยากชวนลูกไปกินข้าวที่บ้านเป็นการตอบแทน"
คำพูดนั้นทำให้ธีร์ที่แสร้งทำเป็นไม่สนใจอยู่ถึงกับชะงัก แต่เขาต้องรีบตั้งสติ ตีหน้าเรียบเฉยไว้ก่อนที่จะหลุดอาการออกมาให้พ่อแม่จับได้
"อืม..." เสียงตอบรับในลำคอของเขาฟังดูเฉยชาแบบสุดๆ แต่ถ้ามีใครมาวางมือบนอกตอนนี้ล่ะก็ คงสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักจนแทบกระเด้งออกมาข้างนอก
แน่นอนว่าเขาไปบ้านนั้นบ่อยอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้ใช้เวลากับข้าวหอมมากขึ้น มันก็เหมือนเป็นของขวัญที่เขาแอบหวังมาตลอด
"ทำเป็นเล่นตัว" พ่อแซวเสียงยานคาง ขยับตัวพิงโซฟาอย่างรู้ทัน "ในใจนี่คงดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ล่ะสิ"
ธีร์เด้งตัวลุกขึ้นยืนแทบจะทันที "ขี้คร้านจะเถียงกับพ่อ ผมขึ้นห้องล่ะ"
"เอ้า! ไปแล้วเหรอ?" พ่อร้องตามหลัง แต่ยังไม่วายส่งคำพูดแสบๆ คันๆ ตามมาอีกระลอก "อ๋อ หรือจะขึ้นไปคิดแผนว่าพรุ่งนี้จะแกล้งน้องสาวยังไงให้เนียนที่สุด?"
ฝีเท้าของธีร์ที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดถึงกับหยุดกึกไปเสี้ยววินาที แต่เขาไม่หันไปตอบอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้เสียงหัวเราะของพ่อแม่ดังไล่หลังไปแทน
...แต่ก็ใช่ พ่อพูดถูกทุกอย่างนั่นแหละ!
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ธีร์ก็เดินออกจากบ้านมุ่งตรงไปยังบ้านข้างๆ ตามความเคยชิน ประตูรั้วเปิดแง้มรออยู่แล้ว เขาจึงก้าวเข้าไปโดยไม่ลังเล บรรยากาศรอบตัวอบอุ่นและคุ้นเคยเหมือนทุกครั้ง แสงไฟจากในบ้านส่องสว่าง ขับให้ตัวบ้านดูน่าอยู่และเป็นกันเอง
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร สายตาก็ปะทะเข้ากับพ่อของข้าวหอมที่นั่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มือหนึ่งไถโทรศัพท์อย่างสบายอารมณ์ ส่วนแม่ของข้าวหอมยังคงวุ่นอยู่กับการจัดจานและวางอาหารลงบนโต๊ะด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ทุกอย่างดูเป็นภาพที่เขาเห็นมานับไม่ถ้วน แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นเสมอ
“เจ้าธีร์มาแล้วเหรอ มาๆ มานั่งเลย” พ่อของข้าวหอมละสายตาจากโทรศัพท์ พร้อมกับตบที่เบาะเก้าอี้ข้างตัว
“สวัสดีครับลุง สวัสดีครับป้า” ธีร์ยกมือไหว้อย่างสุภาพ แม้จะไม่ได้มีพิธีรีตรองมากนักเพราะสนิทสนมกับครอบครัวนี้มานาน
แม่ของข้าวหอมยิ้มกว้าง ขณะจัดสำรับอาหาร “โอ๊ย ไม่ต้องไหว้เยอะลูก นั่งเลยๆ กินข้าวด้วยกันบ่อยจนเป็นลูกบ้านนี้ไปแล้ว กันเองทั้งนั้น”
ธีร์ยิ้มรับก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง “ขอบคุณครับป้า”
พ่อของข้าวหอมวางโทรศัพท์ลง หันมามองเขาด้วยสายตาอบอุ่น “ขอบใจมากนะธีร์ ที่ช่วยดูแลข้าวหอมให้ลุง”
“ใช่จ้ะ” แม่ของข้าวหอมเสริม “ข้าวหอมน้องมันขี้ลืม แถมบางทีเหม่อลอยจนป้ากลัวว่าจะเดินหลงไปไหน พอได้ธีร์ช่วยรับส่งก็สบายใจไปเปราะนึง”
ธีร์ยกยิ้มบางๆ พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด “ไม่เป็นไรเลยครับป้า ผมเต็มใจ”
“หื้ม?” พ่อของข้าวหอมเลิกคิ้ว มุมปากกระตุกเหมือนเจออะไรน่าสนใจ “เต็มใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
คำถามนั้นทำให้ธีร์ชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนจะรีบหัวเราะกลบเกลื่อน “หมายถึงพี่ชายที่เต็มใจช่วยดูแลน้องสาวน่ะครับ”
พ่อของข้าวหอมไม่พูดอะไรต่อ แต่สายตาของเขากลับบอกทุกอย่าง เป็นสายตาของคนที่ ‘มองออก’
ธีร์พยายามไม่แสดงอาการอะไรออกมา ทั้งที่ในใจเริ่มร้อนรนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยคิดว่าความรู้สึกที่เก็บไว้มันจะถูกจับได้ง่ายขนาดนี้ พ่อของข้าวหอมรู้เหรอ? หรือแค่แซวไปเรื่อย? แล้วถ้ารู้จริงๆ ล่ะ… พวกเขาจะโอเคกับเรื่องนี้ไหม?
เขาต้องทำตัวให้เป็นปกติ ห้ามหลุดพิรุธเด็ดขาด
“ธีร์” เสียงแม่ของข้าวหอมดังขึ้น เรียกให้เขาหลุดจากภวังค์ “หนูช่วยขึ้นไปเรียกข้าวหอมให้ป้าหน่อยสิ บอกน้องมันให้ลงมากินข้าวได้แล้ว”
ธีร์รีบพยักหน้ารับ “ได้ครับป้า” แล้วลุกขึ้นทันที
ธีร์พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ แม้ในใจจะแอบพองโตอย่างห้ามไม่ได้ การถูกขอให้ไปเรียกข้าวหอม มันเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษ แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างประหลาด
ร่างสูงชะงักไปชั่วขณะราวกับลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ ก่อนที่ความร้อนแรงจะปะทุขึ้นในอกอย่างไม่อาจสกัดกั้นดวงตาคมเข้มฉายแววหิวกระหาย บางอย่างในแววตานั้นทำให้ข้าวหอมรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกกลืนทั้งตัว“ข้าวหอม...”เขาเรียกชื่อเธอเสียงต่ำ ลึก แหบกระซิบเหมือนกำลังสะกดกลั้นความต้องการสุดขีดแล้วริมฝีปากก็ทาบลงมา...ริมฝีปากของธีร์กดลงมาอย่างเอาแต่ใจ จูบคราวนี้ไม่มีความนุ่มนวลอีกต่อไปข้าวหอมสะดุ้งเฮือก ก่อนจะปล่อยให้สัญชาตญาณพาเธอล่องลอยไปกับสัมผัสที่ลึกซึ้งนั้นลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาอย่างชำนาญ รุกล้ำในจังหวะรุนแรงแต่ไม่เร่งรีบปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดลิ้นของเธออย่างเป็นจังหวะ รุกเร้าและดูดดึงจนแทบไม่มีช่องว่างให้หายใจข้าวหอมหลับตาแน่น ร่างกายเหมือนถูกดูดกลืนไปในโลกที่มีแค่เขา สัมผัสจากธีร์ทำให้เธอลืมวิธีจะหายใจ ลืมแม้กระทั่งการควบคุมสติริมฝีปากของเขาทั้งดูด กลืน ไล้เลียทุกซอกมุมของริมฝีปากเธอ แล้วเกี่ยวลิ้นของเธอไว้อีกครั้งแรงกดจากปลายลิ้น รสชาติจากความลึกของการจูบ… มันทำให้เธออ่อนระทวยจนเกือบหลุดเสียงครางในลำคอน้ำลายหวานปนร้อนไหลซึมออกมาจากมุมปากของเธอธีร์เห็นสีหน้าเคลิ้มจูบแบบนั้นก็ยิ่งบ
ความรู้สึกกังวลเริ่มก่อตัวขึ้น เขาตัดสินใจเปิดประตูรถ ก้าวลงมาเดินตรงไปที่บ้านของฟ้าใสพอเปิดประตูเข้าไป กลิ่นแอลกอฮอล์ตีขึ้นจมูกทันที บรรยากาศภายในบ้านพักเต็มไปด้วยความวุ่นวาย บ้างเมาหลับแน่นิ่งอยู่บนพื้น บ้างโวยวายร้องเพลงเสียงแปร่ง บ้างหัวเราะกันอย่างสุดเหวี่ยง ไม่ต่างจากสนามรบที่เต็มไปด้วยเด็กปีหนึ่งที่สติหลุดเขาก้าวเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าว ทุกอย่างกลับหยุดชะงักราวกับกดปุ่มปิดเสียง ดวงตาหลายคู่หันมาจับจ้องเขาแทบจะพร้อมกัน สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง บางคนถึงกับชะงักมือที่กำลังยกแก้วขึ้นดื่มเฮ้ย! นั่นมันพี่ธีร์!เสียงกระซิบดังขึ้นจากหลายมุม บางคนถึงกับถลึงตาใส่เพื่อน กระซิบกระซาบกันว่า “พี่เขามาได้ไงอ่ะ!?” บ้างก็สะกิดกันด้วยความตื่นเต้นแบบคุมไม่อยู่ไม่แปลก… ใครจะคิดว่าอยู่ๆจะมีพี่วิศวะสุดฮ็อต เดือนคณะปีสี่ที่สาวๆทั้งมอรู้จักในฐานะหนุ่มหล่อเนื้อหอมโผล่มาที่นี่ เพราะข้าวหอมไม่ได้บอกเพื่อนๆว่าพี่ธีร์มาส่งเธอแถมในชุดเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงขาสั้นลุยๆยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูแตกต่างจากปกติจนทำให้หลายคนมองกันตาค้างแต่เขาไม่สนใจ กวาดสายตาหาคนที่เขาตามหา และแล้วสายตาก็ไปหยุดที่ร
"ใช่ค่ะ เป็นเตียงเดี่ยวสวีทริมทะเลนะคะ เหมาะกับคู่รักมากเลยค่ะ วิวสวยมากค่ะ" พนักงานสาวยิ้มหวานขณะอธิบายข้าวหอมชะงัก หันไปมองพี่ธีร์ที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างๆ สีหน้าของเขาดูเรียบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ข้างในของธีร์กลับ โคตรไม่ปกติเขาไม่คิดว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้ ไม่คิดว่าเขาจะต้องแชร์เตียงเดียวกับเธอจริงๆเวรเอ๊ย… แค่คิดหัวใจก็เต้นแรงเหมือนระเบิดออกมาแล้วถึงภายนอกจะดูนิ่ง แต่ความจริงข้างในเขาปั่นป่วนสุดๆ ธีร์ต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีกดความรู้สึกของตัวเองลงไปให้ลึกที่สุด ไม่ให้แสดงพิรุธออกมาแม้แต่น้อย"เอ่อ…" ข้าวหอมอ้าปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับกลืนคำลงคอ"ทำไมเหรอ? หรือว่าตัวเล็กกลัวพี่?" ธีร์พูดเสียงเรียบ พยายามทำตัวให้ดูปกติที่สุด ทั้งที่ใจอยากเผ่นไปสงบสติอารมณ์ข้างนอกสักสิบนาที"พี่ไม่มีปัญหาอะไรนะ" โกหกชัดๆปัญหามีแน่! ให้นอนเตียงเดียวกับคนที่ตัวเองพยายามหักห้ามใจมาตลอด มันจะไม่เป็นปัญหาได้ยังไง!ข้าวหอมเม้มปากแน่น ดูเหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง"ม..ไม่ได้กลัวนะ!!…แต่มันเป็นเตียงเดียวนะพี่ธีร์" เธอพูดจากตะกุกตะกักเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด"ก็ใช่" เขาตอบเรียบๆ"แ
ข้าวหอมเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก พอรู้ตัวว่าเผลอจ้องนานเกินไป เธอก็รีบสะบัดหน้าหนีแทบไม่ทันแต่ไม่ทันแล้ว ธีร์เห็นหมดแล้วริมฝีปากเขายกขึ้นน้อยๆอย่างนึกสนุก“จ้องขนาดนี้พี่ต้องเก็บค่าเข้าชมแล้วมั้ง” เสียงทุ้มๆที่มีแววกลั้วขำดังขึ้นข้างหูข้าวหอมสะดุ้ง ก่อนจะหันไปแหวใส่ทั้งที่หน้ายังร้อนฉ่า “ใครจ้องกันเล่า!?”“อ๋อเหรอ?” ธีร์เลิกคิ้วสูง เท้าแขนกับขอบประตูอย่างสบายๆ เหมือนไม่รู้ตัวเลยว่าสภาพตัวเองตอนนี้มันชวนให้คนมองขนาดไหนข้าวหอมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะลุกเป็นไฟ เธอเลยรีบหมุนตัวหันหลังให้ ก่อนจะโบกมือไล่เขาอย่างลุกลี้ลุกลน “ไปใส่เสื้อผ้าก่อนเลยพี่ธีร์! ข้าวมีเรื่องจะคุยด้วย”เสียงหัวเราะขำดังขึ้นจากด้านหลัง“ก็ได้ๆ”เธอได้ยินเสียงฝีเท้าเขาเดินกลับเข้าไปในห้อง ก่อนที่ประตูจะถูกปิดลงอีกครั้งข้าวหอมเม้มริมฝีปากแน่น พยายามสลัดภาพเมื่อครู่ให้ออกไปจากหัว แต่มันก็ยากเหลือเกินภาพหยดน้ำที่เกาะอยู่ตามแผ่นอกแกร่ง ภาพกล้ามท้องแน่นๆที่ดูแข็งแรง และสำคัญที่สุด ภาพรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาตอนที่แซวเธอเมื่อกี้!นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!?เธอไม่ควรจะมาหวั่นไหวกับพี่ธีร์แบบนี้สิ!แต่พอคิด
“พี่ธีร์! จะพาข้าวหอมไปไหนอ่ะ!?”ข้าวหอมพยายามจะดึงมือออก ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่เป็นผลก็ตาม “พี่ธีร์! ทำอะไรของพี่เนี่ย!”เขาไม่ได้ตอบในทันที แต่หัวเราะและยิ้มให้เธอ“ก็แค่… ไม่อยากให้ตัวเล็กเสียเวลาคุยกับคนที่เธอไม่สนใจ”ข้าวหอมชะงักไปครู่หนึ่ง หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว คำพูดของธีร์…หมายความว่ายังไงกันแน่? เขารู้ได้ยังไงว่าเธอไม่สนใจ? หรือเขากำลังแค่พูดไปเรื่อยเปื่อยกันแน่?เธอเม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจลองเชิงอีกฝ่าย “พี่ธีร์จะรู้ได้ไงว่าข้าวหอมสนใจหรือไม่สนใจใคร?”ธีร์มองเธอนิ่งๆก่อนจะกระตุกยิ้มเล็กน้อย แล้วจูงมือเธอออกจากโรงอาหารไปโดยไม่พูดอะไรข้าวหอมเริ่มหงุดหงิดจริงๆแล้ว ทำไมถึงเอาแต่ทำแบบนี้นะ? ถามอะไรก็ไม่ตอบ!“พี่ธีร์ เดี๋ยวสิ จะพาข้าวหอมไปไหน?”“ไปหาอะไรกิน” เขาตอบเรียบๆในขณะที่จูงมือเธอก้าวเดินต่อไปโดยไม่สนใจเสียงท้วงของเธอ“แต่ข้าวหอมยังไม่ได้ตกลงเลยนะ!”เธอดึงมือออกอีกครั้ง แต่ธีร์ไม่ยอมปล่อย มิหนำซ้ำเขายังจับแน่นขึ้นไปอีก“ทำไม? ตัวเล็กกลัวมีข่าวลือกับพี่แล้วไม่มีคนมาจีบหรือไง?” น้ำเสียงเขาเจือแววเย้าแหย่ข้าวหอมถึงกับตาโตก่อนจะรีบเถียงกลับ “เปล่าสักหน่อย!”"แต่
เขายังคงไม่ขยับตัว ข้าวหอมเลยเอียงคอน้อยๆ ก่อนจะทำเสียงอ้อน “นะ~ นิดเดียวเอง ข้าวหอมอยากให้พี่ธีร์กินของอร่อยด้วยกัน”เสียงใสๆของเธอแผ่วลงคล้ายอ้อนวอน ตากลมกะพริบมองเขาเหมือนลูกแมวที่อยากให้เจ้าของสนใจธีร์ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะโน้มตัวไปงับขนมจากช้อนเธอ ท่ามกลางรอยยิ้มพอใจของข้าวหอม“เป็นไง อร่อยไหม?”เขาเคี้ยวไปช้าๆแล้วกลืนลงคอแล้วพยักหน้ารับ ข้าวหอมยิ้มกว้างอย่างภูมิใจอารมณ์ของธีร์ค่อยๆคลายลงทีละนิด จนสุดท้ายเขาก็เลิกตีหน้านิ่ง ข้าวหอมเองก็รู้สึกได้ เธอจึงวางช้อนลงแล้วเอามือเท้าคาง มองเขาด้วยสายตาจริงจัง“พี่ธีร์... อย่าเป็นแบบนี้เลยนะ ข้าวหอมไม่ชอบเลย” เธอเอ่ยเสียงอ่อน แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่จริงใจ “ข้าวหอมไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นจริงๆนะ พี่ธีร์อย่าโกรธข้าวเลย”ธีร์มองเธออยู่นาน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเธออย่างแผ่วเบา“พี่ไม่ได้โกรธ” เขาพูดช้าๆ สายตายังคงอ่อนโยน “แล้วก็ขอโทษที่วุ่นวายกับเรามากเกินไป ถ้าข้าวหอมไม่ชอบ... พี่จะไม่วุ่นวายอีก”ข้าวหอมชะงัก ใจเธอโหวงแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกไม่วุ่นวายอีกเหรอ... หมายถึง จะไม่มายุ่งกับเธอเท่าเดิมแล้วใช่ไหม?เธอเม้มปากแน่น ก่อนจะรีบพู