หน้าหลัก / โรแมนติก / บรรณาการเย้ารัก / Chapter 10. เจ้าดื้อหัวแข็ง

แชร์

Chapter 10. เจ้าดื้อหัวแข็ง

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-15 00:39:23

            แววตาของนางมีรอยขบขัน แต่ยังทำหน้าใสซื่อแล้วเอ่ยต่อ “อันที่จริงข้ารู้ว่าอาหารที่ข้าทำ พ่อบ้านล้วนชิมเองก่อนให้ใต้เท้า  ข้าก็เลยกิน หมั่วโถวนี้เอง พ่อบ้านจะได้สบายใจ”

            “เจ้า!”

            “อยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาร่วมเดือน พ่อบ้านเรียกข้าเยว่ซินก็ได้ ข้าไม่ถือสาหรอก” อันที่จริงนางไม่อยากให้ใครต่อใครเรียกนางว่า ‘เหอเยว่ซิน’ เพราะนางคือ ‘เซียงเยว่ซิน’ แต่เพราะหลายปีมานี้ นางแทบไม่เคยบอกแซ่กับใคร เพียงแค่นางไม่อยากคิดถึงเรื่องบิดามารดา และนางทำตัวไม่ดี เกรงจะทำให้สกุลของบิดาแปดเปื้อน  

            “เจ้าต้องการอะไรกันแน่”  เขากัดฟันกรอด ความอดทนของเขามีจำกัด ไม่เหมือนนายท่านที่อดทนต่อเจ้าลิงน้อยซุกซนเช่นนางได้

            “ที่ข้าทำหมั่นโถวมาให้ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้น นอกจากตั้งใจดูแลพ่อบ้าน ท่านเองก็ต้องใช้ร่างกายและจิตใจรับใช้ใต้เท้าฉู่  ก็ต้องบำรุงร่างกายให้แข็งแรงถึงจะถูก”

            ที่นางกล่าวมาก็ถูกอยู่หลายส่วน แต่เหตุใดฟังแล้วแปลกหูพิกล

            เยว่ซินไม่หยอกพ่อบ้านเล่นอีกจึงพูดเข้าประเด็น “ข้าเพียงอยากสอบถามอาการบาดเจ็บเรื้อรังของใต้เท้าฉู่”

            “แม่นาง...เอ่อ...เจ้าอยากรู้ไปทำไม” ในเมื่อนางไม่อยากให้เรียกแค่ชื่อก็ย่อมได้เขาก็ไม่ขัดนางก็แล้วกันและอยู่ร่วมกันมาได้ระยะหนึ่ง เขาเองก็ไม่อยากถ่อมตัวต่อนางนัก  เพราะนางเองก็ชอบปีนเกลียวเสียเหลือเกิน

            “พ่อบ้านไม่อยากให้ใต้เท้าหายดีหรือ?”

            “หายดี? เจ้าคิดว่าข้าดีใจที่เห็นนายท่านสภาพนี้หรือ ข้าดูแลรับใช้นายท่านมาเป็นสิบปีไม่มีเลยที่จะต้องทนเห็นชีวิตนายท่านลำบากเช่นนี้”

            “ใช่ๆ ใต้เท้าฉู่เป็นคนดียิ่ง ไม่ควรต้องเป็นเช่นนี้เลย” นางรีบพูดขึ้น รินน้ำชาแล้วส่งให้พ่อบ้านด้วยท่าทีนอบน้อม  หันซูคล้อยตาม รับน้ำชามาดื่มแล้วหยิบหมั่นโถวมากินพลางเล่าเรื่องในเมืองหลวง

            “หากไม่เพราะนิสัยของใต้เท้าเป็นคนเถรตรง ชีวิตคงไม่เป็นเช่นนี้”

            “เถรตรงไม่ดีตรงไหนรึ” นางยังแสร้งโง่ รินน้ำชาไม่ได้ขาด

            “เถรตรงเป็นเรื่องดี แต่บุรุษเราก็ต้องรู้จักยืดได้หดได้ บางครั้งนายท่านก็ไม่ยอมคล้อยตามผู้อื่น ยึดมั่นอุดมการณ์ แม้ถูกยึดทรัพย์ก็ไม่คิดตอบโต้แต่อย่างใด”

            “ยึดทรัพย์? เป็นไปได้หรือ?  ข้าได้ยินว่าใต้เท้าฉู่ไม่ยึดติดลาภยศสรรเสริญ เดินทางออกจากเมืองหลวงตัวเปล่า” 

จะเรียกว่าตัวเปล่าก็ไม่ถูก เพราะที่ขนมาคือหนังสือหลายสิบหีบต่างหากล่ะ นางลอบค้นห้องหับต่างๆ ดูแล้ว ต่อให้งัดกระเบื้องออกทุกแผ่นก็มั่นใจได้ว่า ฉู่ห่าวหรานไม่มีทรัพย์สินมีค่าใดเลย สิ่งที่เขาหวงแหนคงมีแต่ตำราเหล่านั้น

            หมั่นโถวกับน้ำชานี่ไม่เลวเลยจริงๆ แม้จะเทียบกับอาหารที่กินในวังหลวงมิได้ แต่ก็นับว่าดีมากแล้วในชนบทเช่นนี้

            “ใช่ที่ไหน แท้จริงเพราะฮ่องเต้ไม่ทรงไว้ใจใต้เท้าฉู่ต่างหาก ถึงได้...”

            “หันซู”

            “ขอรับ!”

            น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยเรียกนั้นทำให้หันซูถึงกับดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เยว่ซินลอบเบ้ปากใส่ น่าจะรอให้หันซูเล่าให้หมดไส้หมดพุงก่อนค่อยเข้ามานะ ใต้เท้าฉู่!

            “ที่ข้าให้เตรียมอุปกรณ์สอนเด็กๆ เหล่านั้น เจ้าเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือ?”

            “เอ่อ... บ่าวกำลังจะไปทำให้เรียบร้อยขอรับ”

            “ก็ไปสิ”

            “ขอรับ”  หันซูรีบเดินไปทันที แต่ไม่ยังใช้สายตาบอกเยว่ซินให้เก็บหมั่นโถวให้ไว้ให้ด้วย นางขยิบตาส่งสัญญาณว่า ‘ได้’

            หันซูเดินจากไปลับตาแล้ว ฉู่ห่าวหรานเข็นรถเข้ามาใกล้นางแล้วเอ่ยขึ้น “หากเจ้าอยากรู้อะไรก็ถามข้าได้โดยตรง ไม่ต้องอ้อมค้อมหรือหลอกหันซูเช่นนี้”

            “ข้าไม่ได้หลอกเสียหน่อย” นางโต้กลับทันทีแล้วรีบยกจานหมั่วโถวขึ้น “ข้าตั้งใจทำเชียวนะ”

            ฉู่ห่าวหรานคร้านจะต่อปากต่อคำจึงได้แต่ส่ายหน้าไปมา

            “แต่ข้าเตรียมชาดีบัวไว้ให้ท่านด้วย ช่วยแก้อาการหงุดหงิดนอนไม่หลับ บำรุงหัวใจ เหมาะกับท่านที่สุด”

            “เจ้าเป็นหมอหรือไร เหตุใดรู้เรื่องพวกนี้”  เขาขมวดคิ้ว ท่าทางนางไม่ดูเฉลียวฉลาดอะไรนัก ติดจะซุกซนเหมือนเด็กชายเสียมากกว่า  ดูอย่างไรก็ห่างไกลคำว่า ‘คณิกาอันดับหนึ่งของเมืองหลวง’

            “ไม่ใช่หมอ” นางหัวเราะร่า “พ่อบุญธรรมสอนข้าว่า ความรู้มีอยู่รอบตัว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นความรู้ได้ทั้งสิ้น ข้าเองก็ท่องเที่ยวในยุทธภพมาไม่น้อย เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องเป็นความลับอันใด ใครๆ ก็รู้กัน”

            “แม่นาง..”

            “เยว่ซิน เรียกข้าว่าเยว่ซิน” นางพูดแก้ให้เขา เมื่อไหร่เขาจะเรียกชื่อนางอย่างสนิทสนมเสียทีนะ

            ฉู่ห่าวหรานกระแอมไอเล็กน้อยแล้วเริ่มพูดใหม่ “เจ้าดูอายุยังน้อย รู้จักท่องยุทธภพแล้วหรือ?”

            หญิงสาวหัวเราะร่าแล้วชี้นิ้วใส่หน้าเขาอย่างไม่เกรงมารยาท

            “ท่านว่าข้าหลอกถามพ่อบ้านหันซู ท่านเองก็กำลังหลอกถามข้าอยู่ อันที่จริง ข้ารอเจรจากับท่านอยู่พอดี แต่ท่านก็ไม่ว่างเอาเสียเลย”

            “เจรจากับข้า?” 

            “ใช่” นางลุกขึ้นแล้วเดินไปด้านหลังออกแรงดันรถเข็นไปด้านหน้า รถเข็นคันนี้เคลื่อนที่ได้ยากเย็นนัก ท่านฉู่คงต้องออกแรงมากกว่าจะหมุนล้อให้เคลื่อนที่ได้ ท่าทางเขาก็บอบบางอยู่แล้ว ยังต้องลำบากเข้าไปอีก

“ข้าเตรียมน้ำชากับของว่างไว้ให้แล้ว ท่านจิบน้ำชาไปแล้วเรามาเจรจาตกลงกันด้วยดีเถอะนะ”

            “เจ้าว่ามาเถอะ ข้าคงไม่กระอักเลือดระหว่างฟังเจ้าพูด”

            เยว่ซินกลับแหงนหน้าหัวเราะ ไม่คิดว่า ‘บุรุษใบหน้าน้ำแข็ง’ จะรู้จักพูดจาประชนประชันเช่นนี้

            “แม่บุญธรรมสอนว่า การเจรจาการค้า ควรให้อีกฝ่ายสบายใจค่อยเสนอเงื่อนไขที่เราต้องการ”

            “แล้วถ้าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการล่ะ” 

            “ค่อยทุบหัวบีบคอหรือหักนิ้วแล้วขู่บังคับให้จำนน”  นางยังคงพูดเสียงใสเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ

            “เจ้าเป็นใครกันแน่” คราวนี้ฉู่ห่าวหรานถามตรงไปตรงมา

            “ชื่อของข้าคือเยว่ซิน” นางน้ำเสียงมั่นคง “แต่ข้าไม่ใช่เหอเยว่ซินที่ฮ่องเต้ส่งมา”

            “ข้าเคยเข้าใจว่านักฆ่าไม่บอกชื่อเสียงเรียงนามให้ผู้อื่นรู้เสียอีก”

            “ข้าไม่ใช่นักฆ่า และข้าก็ไม่เคยฆ่าคนด้วย”  นางหัวเราะไม่เกรงใจ “ข้าเป็นสหายกับเหอเยว่ซิน แต่นางไม่อาจเดินทางมาพบท่านได้ และด้วยไม่อยากผิดพระบัญชากับองค์ฮ่องเต้ ข้าจึงมาแทนนาง”

            ดูท่าทางว่าเขาจะคาดเดาไว้แล้วจึงไม่แสดงท่าทีประหลาดใจนัก

            “เหอเยว่ซินเป็นคนดี แม้นางเป็นหญิงคณิกา แต่ขายศิลป์ไม่ขายเรือนร่าง นางมีชายในดวงใจที่มั่นรักต่อกัน  ข้าจึงเสนอตัวมาแทนเพื่อให้นางได้ใช้ชีวิตกับคนรัก”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 46. บทส่งท้าย 2 (จบ)

    “แล้ว...ท่าน...ท่านพี่ชอบข้าตรงไหน ทำไมท่านอยากแต่งงานกับข้า”‘ถามเอาตอนนี้มิช้าไปหน่อยหรือเจ้าลิงน้อย’ฉู่ห่าวหรานคลี่ยิ้มอ่อนโยน “ข้าชอบเวลาที่มีเจ้าอยู่ข้างกาย”แม้มีบิดาเป็นบัณฑิต แต่เยว่ซินไม่ได้ลึกซึ้งกับถ้อยคำที่ต้องคิดสลับซับซ้อน ขณะที่นางคิดทบทวนคำพูดของเขา ปลายนิ้วของชายหนุ่มก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกที่ละชิ้น กว่านางจะรู้ตัว บนร่างก็เหลือเพียงเอี๊ยมสีแดงปิดบังบัวตูมคู่งาม“อ๊ะ!” เยว่ซินได้สติรีบยกมือขึ้นปิดทรวงอกแล้วหันหลังให้ เขาไม่เคยฝึกยุทธ์ไม่ใช่หรือ? เหตุใดเปลื้องเสื้อผ้ารวดเร็วถึงเพียงนี้เพราะหันหลังให้ เขาจึงเห็นรอยแผลเป็นสีชมพูจางๆ บนแผ่นหลังของนาง เด็กอายุสิบขวบได้รับบาดแผลขนาดนี้ นางต้องอดทนมากกว่าเขาหลายร้อยหลายพันเท่ากว่าจะผ่านมันมาได้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำลายรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของนางได้เลย นั้นคือสิ่งที่เขาเรียนรู้จากนางฉู่ห่าวหรานโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากกับรอยแผลของนางเบาๆ เยว่ซินสะดุ้งแต่ไม่กล้าเอี้ยวตัวกลับมามอง นางลืมไปเสียสนิทใจว่าตนหันหลังให้เขา“แผลอยู่ด้านหลังคงใส่ยาลำบากสินะ” เขาพูดเสียงพร่าชวนให้คนฟังหวั่นไหวพลางแกะสายเอี๊ยมเส้นเล็กด้านหลังขอ

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 45. บทส่งท้าย 1.

    ‘คุณชายฉินฝากบอกคุณหนูว่า เมื่อถึงเวลาขายผลผลิตจะเป็นคนรับซื้อไว้เองขอรับ’ หม่าเจียนอี้รายงานตามที่ฉินเฟยหลงกำชับไว้ ‘เขาจะต้องการไปทำไมเยอะแยะ’ แรกทีเดียวนางไม่เข้าใจนัก แต่หลังจากมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงเดินทางจากไปได้ราวสองเดือน นางได้ข่าวว่าในวังหลวงเกิดก่อกฎบ แต่ครั้งนี้ไม่สูญเสียเท่าที่ผ่านมา เนื่องจากหลายฝ่ายทนพฤติกรรมฮ่องเต้ทรราชไม่ไหว รวมทั้งต้องการโคนล้มอำนาจเสนาบดีฝ่ายซ้าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ถึงเวลานี้นางคาดเดาได้แล้วว่าฉินเฟยหลงแท้จริงแล้วเป็นใคร แต่ช่างเถอะ อย่างไรนางอยู่ที่นี่ไกลเมืองหลวงมาก หากไม่เพราะการข่าวของโรงรับจำนำเจิ้งจิงดีเยี่ยม นางคงไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปที่กว่าจะรู้ข่าวก็ผ่านมานานนับเดือน เพราะความใจลอยคิดเรื่องอื่น ทำให้เยว่ซินเผลอเหยียบชายกระโปรงตนเอง นางเสียจังหวะเล็กน้อย แต่มือข้างหนึ่งยืนมาประคองนางไว้ก่อน “ไหวหรือไม่” น้ำเสียงอ่อนโยนเจือนความห่วงใย ทำให้เยว่ซินรู้ว่ามือที่ประคองนางอยู่คือใคร ทว่านางมองที่พื้นเห็นรองเท้าบุรุษยืนใกล้ม

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 44. เจ้าจะไปไหน

    มู่หงเทียนคืนหยกชิ้นนั้นให้เซียงเริ่นเจิน “หยกชิ้นนี้เป็นหยกลายเมฆที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประทานให้” ฉินเฟยหลงปรายตามองเล็กน้อยก่อนเผยรอยยิ้ม “เอาเป็นว่า วันข้างหน้า หากพวกเจ้าต้องการล้างมลทินหาคนผิดมาลงโทษ ข้าจะช่วยเจ้าเต็มที่” เซียงเริ่นเจินไม่รู้ว่าที่แท้ฉินเฟยหลงเป็นใคร รู้เพียงว่าเขามีลักษณะโดดเด่นเหนือคนทั่วไป แต่ลึกๆ เขากลับรู้สึกมีความหวัง การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แม้เขาเป็นขุนนางแต่ก็คาดหวังเห็นความสุขของชาวบ้านเหนือสิ่งอื่นใด “เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว พวกเราต้องเดินทาง” มู่หงเทียนเอ่ยกับทุกคน แต่สายตาหยุดที่ฉู่ห่าวหราน “ข้าหวังใจว่าเจ้าจะกลับไปช่วยงานอีกครั้ง” ฉู่ห่าวหรานไม่ได้ปากตอบรับ เขาเพียงส่งยิ้มน้อยๆ แล้วประสานมือคารวะ “ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย” หลังจากสิ้นสุดการสนทนา ทั้งหมดออกมาส่งมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงขึ้นรถม้า ทว่ายังมีรถม้าโกโรโกโสคุ้นตารออยู่ไม่ไกล เยว่ซินจำได้ดีว่าเป็นรถม้าของฉู่ห่าวหราน “ทำไมรถม้าของท่านมาอยู่ตรงนี้” “ข้าเองก็ต้องกลับคฤหาสน์เชิงเขาแล้ว” “

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 43. ไขว่คว้าความสุข

    ฉู่ห่าวหรานตื่นจากภวังค์พลิกฝ่ามือหงายขึ้นแล้วประสานมือกับนางแล้วส่งยิ้มอ่อนโยน “ข้าไม่ได้เป็นอะไร เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย” ท่าทีสนิทสนมและอาการห่วงใยเต็มเปี่ยมนี้ ทำเอาพ่อและแม่บุญธรรมรวมทั้งฉินเฟยหลง นั่งยิ้มกริ่มแม้แต่หันซูที่เคยไม่ชอบนิสัยไร้มารยาทของนางยังยอมรับว่า ทั้งคู่เหมาะสมกันยิ่ง คู่สวรรค์สร้างเช่นนี้ไม่แต่งงานกันได้อย่างไร เยว่ซินเพิ่งรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาจึงคิดชักมือกลับแต่ฉู่ห่าวหรานบีบมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย จะว่าไป นางมีเรี่ยวแรงมากกว่าเขา แต่ทำไม นางไม่สามารถดึงมือตนเองกลับมาได้ การที่เขากุมมือไว้มันรู้สึกดีเหลือเกิน “เด็กโง่” มู่ยี่หัวเราะร่า พอใจที่เห็นว่าที่ลูกเขยใส่ใจลูกสาวบุญธรรมอย่างดี “บุรุษที่ดีเช่นนี้ต้องรีบคว้าไว้สิ ” “พวกท่านไม่เข้าใจ” นางหมายถึงบาดแผลไฟไหม้บนแผ่นหลังของนาง เป็นสามีภรรยา ยามร่วมหอต้องเปลือยกายแล้วเขาเห็นแผลเป็นของนางจะไม่หมดเสน่หาไปหรือ? แม้ฉู่ห่าวหรานยืนยันว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่นางยังเป็นกังวลอยู่ดี “แผลเป็นของฉู่ห่าวหรานรักษาได้ แผลเป็นของเจ้าก็รักษาได้เช่นก

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 42. พี่เขย

    “ขออภัยแม่นางเหอ ตอนนี้จิตใจของข้าอยู่ที่การดูแลซินเอ๋อร์ คงไม่มีใจไปทำสิ่งอื่นได้” “ซะ...ซิน...ซินเอ๋อร์” เยว่ซินทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าเขาจะเรียกนางสนิทสนมอย่างนี้ “คุณชายฉินเรียกเจ้าว่าซินเอ๋อร์ได้แล้วข้าเรียกไม่ได้รึ” ฉู่ห่าวหรานยังคงน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาจ้องเขม็งที่นางทำให้หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าหงุดจนคางแทบชิดอก ท่าทางของเยว่ซินทำให้ฉินเฟยหลงหัวเราะด้วยความพอใจ “เรียกซินเอ๋อร์นั้นเหมาะสมแล้ว” ฉินเฟยหลงพอใจที่เห็นฉู่ห่าวหรานแสดงท่าทีชัดเจนเช่นนี้ ก็คงมีลิงน้อยโง่งมของเขาที่ดูไม่ออกหรือไรว่าอีกฝ่ายมีใจให้นาง “เอาล่ะ ข้ามาเพื่อกล่าวลา และหวังใจว่าจะได้พบท่านราชครูฉู่ที่เมืองหลวง ท่านมิต้องรีบให้คำตอบข้า แค่เมื่อถึงวันนั้น ข้าจะถามท่านอีกครั้ง” “ขอบคุณคุณชายฉิน” ฉินเฟยหลงผงกศีรษะให้เล็กน้อย แล้วจับท่อนแขนของเหอเยว่ซิน กึ่งลากกึ่งจูงออกมาทันที ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาเตือนนางแล้ว แต่นางยังกล้าทอดสะพานให้ฉู่ห่าวหรานอีก สตรีผู้นี้น่าชังยิ่งนัก “เอ๊ะ!” “ยังจะอยู่อีกเรอะ” เหอเยว่ซินกัดริมฝีปากไม่กล้าโต้เถียงอะไร ได้แต่ปล่อยให้เขาลากออกมา ฉู่ห่าวหรานถอนใจเบาๆ ในห้องเหลือเพียงเขา

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 41. คนมีแผลอยู่ด้วยกันไม่ดีหรือไร

    “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรไม่รู้ มาช่วยข้าเตรียมอาหารเถิด” “ได้เจ้าค่ะ ฮูหยิน” “เชี่ยวเมิ่น!” เสียงหัวเราะหวานใสของทั้งสองคนทำให้ห้องครัวเล็กๆ ดูอบอุ่นขึ้น เชี่ยวเมินติดตามจางฮุ่ยเหมยมานาน ลำบากมาด้วยกันก็มาก นางได้แต่หวังว่านายของตนจะพบความสุขเสียที. ฉินเฟยหลงเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของหญิงสาวก็เดาความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายได้ แม้ใบหน้าระบายยิ้มแต่ดวงตาเปล่งประกายความไม่พอใจอยู่หลายส่วน “แม่นางเหอ” เจ้าของชื่อตัวจริงถึงกับสะดุ้ง เหอเยว่ซินที่ยืนอยู่หลังบานประตูที่แง้มอยู่ มือที่ประคองถาดขนมหวานสั่นน้อยๆ เมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใคร นางก็คลี่ยิ้มอ่อนหวานแล้วเอ่ยทักทาย “คุณชายฉินเฟยหลง” แม้เขาจะยิ้มแต่ดวงตาไม่ยิ้ม ชายหนุ่มไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตน เขาคลี่พัดในมือโบกเบาๆ แสร้งทำเป็นมองเข้าไปด้านใน“อ่อ...ท่านราชครูฉู่อยู่กับซินเอ๋อร์ที่นี่เองหรือ? แหม...ดูเอาใจใส่ซินเอ๋อร์ดีเหลือเกิน” ชายหนุ่มลอบสังเกตสีหน้าของเหอเยว่ซินแล้วพูดต่อ “เจ้าคงคิดสินะว่า ที่ตรงนั้นควรเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status