แชร์

Chapter 9.คิดถึงวานวัน

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-15 00:38:59

            เยว่ซินดึงมีดสั้นที่พกติดตัวออกมาตัดเถาวัลย์ที่เกะกะทางเดินเบื้องหน้า ทว่าจิตใจกลับหวนคำนึงถึงวัยเด็กของตน บิดาเป็นบัณฑิตตกยาก  มารดามักพูดด้วยรอยยิ้มเสมอว่า ท่านพ่อเป็นพวกยอมหักไม่ยอมงอ ซื่อตรงจนเกินไป จึงต้องมาอยู่ชนบทเช่นนี้ หากแต่ในความทรงจำของนางนั้น บ้านก็คือกระท่อมหลังน้อยที่อยู่รวมกัน พ่อแม่และพี่ชายทั้งสอง พี่ใหญ่มักฮึดฮัดอยู่เสมอเมื่อพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้  วัยเด็กของนางเติบโตในทุ่งกว้าง ขึ้นเขากับพี่รองที่ชอบล่าสัตว์กับพรานป่า หรือบางครั้งก็เข้าป่าหาสมุนไพร เป็นชีวิตที่เรียบง่ายสงบสุข ท่ามกลางเสียงพร่ำบ่นของบิดาให้นางหมั่นฝึกเขียนอักษรและอ่านตำรา แต่นางสมองทึบไม่เหมือนพี่ชายทั้งสองที่ชาญฉลาด แต่กระนั้นนางก็ได้ทักษะการทำอาหารจากมารดา แม้นางเป็นหญิงชาวบ้าน แต่สองข้างของมารดาดุจมีเวทมนตร์เสกทุกสิ่งรอบกายให้เป็นอาหารแสนโอชะ  หากท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ นางคงได้สืบทอดวิชาความรู้นี้มามากกว่านี้

            ความเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่หัวใจจนหญิงสาวต้องยกมือกดหน้าอกตัวเองไว้ ทุกคราวที่คิดถึง นางเจ็บหัวใจทุกครั้งไป เพียงพริบตา นางกลายเป็นเด็กกำพร้า เหลือเพียงคนเดียวที่รอดอยู่

‘หนีไป ไม่ต้องหันกลับมา’

          ‘ท่านแม่’

          ‘จำที่แม่สอนให้ดี ตามหาพี่ใหญ่ของเจ้า’

          ‘ไป! อย่าหันกลับมา’

มารดาใช้ร่างตนเองปกป้องนาง มือของมารดาปิดปากนางแน่น ไม่ให้ส่งเสียงร้อง จนกระทั้งมือนั้นอ่อนแรงและร่วงลงข้างตัวนาง  นางไม่มีเสียงร้องไห้ ได้แต่ลืมตาโพลงในความมืด ร่างของมารดาปกป้องนางจากทหารพ่ายทัพและยังปกป้องนางจากความหนาวเหน็บของค่ำคืน เหลือเพียงร่างอันเยียบเย็นและไร้ลมหายใจ 

            เด็กหญิงกัดริมฝีปากแน่น นางเจ็บแผ่นหลังมาก แต่บาดแผลที่สาหัสที่สุดคือหัวใจดวงน้อย ร่างเล็กค่อยๆ อาศัยความมืดหลบเร้นกายไม่ให้ผู้ใดพบเห็นแล้วจึงมุ่งหน้าก้าวเท้าออกไป

            ‘พี่ใหญ่ ท่านอยู่ที่ไหน’

            ‘เหตุใดท่านพ่อท่านแม่พี่รองไม่พาข้าไปด้วย’

            นางได้แต่พร่ำเพ้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กหญิงวัยเพียงสิบขวบค่อยๆ ลอบหนีออกมา และพบว่าหมู่บ้านที่เคยอาศัยอยู่จมอยู่ในทะเลเพลิง  เหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่ใช่แค่ครอบครัวของนางที่สูญเสีย  อีกหลายครอบครัวก็เช่นกัน นางตัดสินใจออกจากหมู่บ้าน แต่แอบติดตามขบวนพ่อค้าเร่ เข้าเมืองหลวง แต่สภาพนางในเวลานั้นน่าเวทนานัก กว่าพ่อค้าเร่จะรู้ว่ามีเด็กน้อยแอบอยู่ในเกวียนบรรทุกสินค้า นางก็มีไข้ขึ้นสูง บาดแผลตามตัวเป็นหนอง พวกเขาคิดว่านางไม่รอดแน่แล้ว ทว่าขณะนั้นบังเอิญผ่านวัดแห่งหนึ่งจึงเข้าไปขอความช่วยเหลือ พวกเขาฝากฝังนางไว้ที่นั้น ในค่ำคืนที่นางทุรนทุรายจากบาดแผลบนร่างกาย นางคิดว่าตนเองจะได้พบพ่อแม่และพี่รองแล้ว แต่ไต้ซือรูปหนึ่งกลับยื้อชีวิตนางไว้ได้ 

            น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ก่อนเกิดเหตุร้ายในคืนนั้น ‘พี่ใหญ่’ ของนาง แอบหนีออกจากบ้าน พ่อกับพี่ใหญ่มีความคิดไม่ลงรอยกันมานาน  ส่วนพี่รองนั้นมักเอนเอียงไปทางบิดาเสียทุกเรื่อง ส่วนนางเอาแต่เล่นซุกซนไปวันๆ  พี่ใหญ่หนีออกจากบ้านไปก่อน เขาไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้ ไม่อย่างนั้น พี่ใหญ่ไม่มีวันทอดทิ้งนางแน่นอน

            ที่สำคัญ นางมีคำสั่งเสียสุดท้ายของบิดาส่งถึงพี่ใหญ่

นี่คงเป็นเหตุผลให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปกระมัง?

            ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงผลักดันให้นางใช้ชีวิตเร่ร่อนเพื่อตามหาพี่ใหญ่ เมื่อชีวิตไม่ต่างจากขอทาน ถูกความหิวโหยโบยตีจนทนไม่ไหว นางลักเล็กขโมยน้อยเพื่อประทังชีวิต

            เยว่ซินระบายลมหายใจเบาๆ ดวงตาเหลือบเห็นต้นโสมคน แรกทีเดียวไม่มั่นใจนัก แต่เมื่อทรุดตัวลงนั่ง พิจารณาดูลักษณะใบและลำต้นแล้วจึงค่อยๆ ลงมือขุด  เป็นภูเขาที่อุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง ได้โสมคนต้นนี้กลับไปนางจะนำไปปรุงเป็นอาหารให้ชายผู้นั้น

            เพียงคิดถึงเขา นางก็ทำหน้าตึงขึ้นมา เหตุใดต้องมาเสียเวลาดูแลชายใบหน้าน้ำแข็งเช่นนั้นด้วยนะ หรือเพราะเขามีท่าทางคล้ายบิดาของนาง คนจำพวก ‘ยอมหักไม่ยอมงอ ซื่อตรงเกินไป’ อย่างที่มารดาเคยพูดไว้บ่อยๆ ที่จริงนางก็ทำอาหารได้แค่อาหารชาวบ้าน แต่เขาเป็นถึงราชครู ยอมกินอาหารฝีมือนางก็นับได้ว่าไม่ใช่คนหัวแข็งยากเกินเยี่ยวยา  จากที่เคยได้ยินเรื่องของฉู่ห่าวหรานมาบ้างนับได้ว่าตรงจากที่ร่ำลือกัน แต่เรื่องที่นางไม่รู้ คือเหตุใดจนป่านนี้เขายังไม่มีภรรยา ไม่มีแม้กระทั้งอนุหรือสาวใช้ข้างห้อง  มีแค่ ‘หันซู’ คนสนิทเพียงคนเดียว  หันซูมีวรยุทธ์แม้ไม่สูงส่งแต่ปกป้องผู้เป็นนายได้แน่นอน

หรือว่าคนทั้งสองรักใคร่กันจริงๆ

            อืม

            ก็น่าจะเป็นไปได้นะ

            ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การที่นางสลับตัวกับ ‘เหอเยว่ซิน’ ก็นับว่าเป็นเรื่องดีแล้ว ต่อให้ ‘เหอเยว่ซิน’ ไม่มีคนรัก นางไม่ควรมาใช้ชีวิตจมปลักกับคนที่ไม่อาจรักนางได้ 

            เรื่องเช่นนี้ นางเข้าใจและไม่คิดจะเข้าไปขัดขวางแต่อย่างใด

             “โอ๊ะ!”  นางร้องอย่างตื่นตกใจ ไม่คิดว่าโสมคนที่ขุดได้จะหัวใหญ่ขนาดนี้  ใหญ่ขนาดนี้เอาไปขายได้หลายตำลึงแน่ๆ แต่...นางตั้งใจหาโสมคนไปบำรุงฉู่ห่าวหรานนี่นะ

            เจ้าตัวหิวเงินในท้องโต้เถียงกันไปมา นางได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางต้องบำรุงชายผู้นั้นให้แข็งแรง นางเพียงมีหน้าที่ที่ต้องทำ ตามที่รับปาก ‘พ่อบุญธรรม’ ไว้

            อา... นางจะเถลไถลมิได้แล้ว มิเช่นนั้นหาก ‘แม่บุญธรรม’ ส่งคนมาตามหานาง ความสงบสุขของที่นี้ก็คงหายไปหมดสิ้น.

          หันซูมองอาหารตรงหน้าของตนแล้วเงยหน้ามองใบหน้าของหญิงสาวที่ยกอาหารมาบริการด้วยตนเอง นางยิ้มกว้างและคะยั้นคะยอให้เขากินอาหารที่นางทำ

            “กินเยอะๆ สิท่านพ่อบ้าน” เยว่ซินคะยั้นคะยอ “หมั่นโถนี่กินตอนร้อนๆอร่อยนะ”

            “แม่นางเยว่ซินมีอะไรต้องการใช้ข้าน้อยหรือขอรับ”

            “ใช้อะไรกัน พ่อบ้านก็พูดเกินไป” นางหัวเราะคิกคัก “หมั่นโถวสี่ห้าลูกจะเอามาหลอกล่อพ่อบ้านได้อย่างไรกัน”

            หันซูกระตุกยิ้ม  หากนางพูดจามีหางเสียงสักนิด ไม่ชอบทำหน้าเจ้าเล่ห์อีกสักหน่อย หรือแม้แต่ยกยอว่าตัวเองเลิศเลอเพียงใด ก็นับได้ว่านางเป็นสตรีที่น่าคบหาไม่น้อย มือใหญ่เอื้อมมือไปหยิบหมั่นโถว แต่เยว่ซินหยิบตัดหน้าไปก่อน นางอ้าปากคำโตกัดหมั่นโถวเนื้อนุ่มขาวเนียน หันซูได้แต่ทำตาปริบๆ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 46. บทส่งท้าย 2 (จบ)

    “แล้ว...ท่าน...ท่านพี่ชอบข้าตรงไหน ทำไมท่านอยากแต่งงานกับข้า”‘ถามเอาตอนนี้มิช้าไปหน่อยหรือเจ้าลิงน้อย’ฉู่ห่าวหรานคลี่ยิ้มอ่อนโยน “ข้าชอบเวลาที่มีเจ้าอยู่ข้างกาย”แม้มีบิดาเป็นบัณฑิต แต่เยว่ซินไม่ได้ลึกซึ้งกับถ้อยคำที่ต้องคิดสลับซับซ้อน ขณะที่นางคิดทบทวนคำพูดของเขา ปลายนิ้วของชายหนุ่มก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกที่ละชิ้น กว่านางจะรู้ตัว บนร่างก็เหลือเพียงเอี๊ยมสีแดงปิดบังบัวตูมคู่งาม“อ๊ะ!” เยว่ซินได้สติรีบยกมือขึ้นปิดทรวงอกแล้วหันหลังให้ เขาไม่เคยฝึกยุทธ์ไม่ใช่หรือ? เหตุใดเปลื้องเสื้อผ้ารวดเร็วถึงเพียงนี้เพราะหันหลังให้ เขาจึงเห็นรอยแผลเป็นสีชมพูจางๆ บนแผ่นหลังของนาง เด็กอายุสิบขวบได้รับบาดแผลขนาดนี้ นางต้องอดทนมากกว่าเขาหลายร้อยหลายพันเท่ากว่าจะผ่านมันมาได้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำลายรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของนางได้เลย นั้นคือสิ่งที่เขาเรียนรู้จากนางฉู่ห่าวหรานโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากกับรอยแผลของนางเบาๆ เยว่ซินสะดุ้งแต่ไม่กล้าเอี้ยวตัวกลับมามอง นางลืมไปเสียสนิทใจว่าตนหันหลังให้เขา“แผลอยู่ด้านหลังคงใส่ยาลำบากสินะ” เขาพูดเสียงพร่าชวนให้คนฟังหวั่นไหวพลางแกะสายเอี๊ยมเส้นเล็กด้านหลังขอ

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 45. บทส่งท้าย 1.

    ‘คุณชายฉินฝากบอกคุณหนูว่า เมื่อถึงเวลาขายผลผลิตจะเป็นคนรับซื้อไว้เองขอรับ’ หม่าเจียนอี้รายงานตามที่ฉินเฟยหลงกำชับไว้ ‘เขาจะต้องการไปทำไมเยอะแยะ’ แรกทีเดียวนางไม่เข้าใจนัก แต่หลังจากมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงเดินทางจากไปได้ราวสองเดือน นางได้ข่าวว่าในวังหลวงเกิดก่อกฎบ แต่ครั้งนี้ไม่สูญเสียเท่าที่ผ่านมา เนื่องจากหลายฝ่ายทนพฤติกรรมฮ่องเต้ทรราชไม่ไหว รวมทั้งต้องการโคนล้มอำนาจเสนาบดีฝ่ายซ้าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ถึงเวลานี้นางคาดเดาได้แล้วว่าฉินเฟยหลงแท้จริงแล้วเป็นใคร แต่ช่างเถอะ อย่างไรนางอยู่ที่นี่ไกลเมืองหลวงมาก หากไม่เพราะการข่าวของโรงรับจำนำเจิ้งจิงดีเยี่ยม นางคงไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปที่กว่าจะรู้ข่าวก็ผ่านมานานนับเดือน เพราะความใจลอยคิดเรื่องอื่น ทำให้เยว่ซินเผลอเหยียบชายกระโปรงตนเอง นางเสียจังหวะเล็กน้อย แต่มือข้างหนึ่งยืนมาประคองนางไว้ก่อน “ไหวหรือไม่” น้ำเสียงอ่อนโยนเจือนความห่วงใย ทำให้เยว่ซินรู้ว่ามือที่ประคองนางอยู่คือใคร ทว่านางมองที่พื้นเห็นรองเท้าบุรุษยืนใกล้ม

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 44. เจ้าจะไปไหน

    มู่หงเทียนคืนหยกชิ้นนั้นให้เซียงเริ่นเจิน “หยกชิ้นนี้เป็นหยกลายเมฆที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประทานให้” ฉินเฟยหลงปรายตามองเล็กน้อยก่อนเผยรอยยิ้ม “เอาเป็นว่า วันข้างหน้า หากพวกเจ้าต้องการล้างมลทินหาคนผิดมาลงโทษ ข้าจะช่วยเจ้าเต็มที่” เซียงเริ่นเจินไม่รู้ว่าที่แท้ฉินเฟยหลงเป็นใคร รู้เพียงว่าเขามีลักษณะโดดเด่นเหนือคนทั่วไป แต่ลึกๆ เขากลับรู้สึกมีความหวัง การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แม้เขาเป็นขุนนางแต่ก็คาดหวังเห็นความสุขของชาวบ้านเหนือสิ่งอื่นใด “เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว พวกเราต้องเดินทาง” มู่หงเทียนเอ่ยกับทุกคน แต่สายตาหยุดที่ฉู่ห่าวหราน “ข้าหวังใจว่าเจ้าจะกลับไปช่วยงานอีกครั้ง” ฉู่ห่าวหรานไม่ได้ปากตอบรับ เขาเพียงส่งยิ้มน้อยๆ แล้วประสานมือคารวะ “ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย” หลังจากสิ้นสุดการสนทนา ทั้งหมดออกมาส่งมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงขึ้นรถม้า ทว่ายังมีรถม้าโกโรโกโสคุ้นตารออยู่ไม่ไกล เยว่ซินจำได้ดีว่าเป็นรถม้าของฉู่ห่าวหราน “ทำไมรถม้าของท่านมาอยู่ตรงนี้” “ข้าเองก็ต้องกลับคฤหาสน์เชิงเขาแล้ว” “

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 43. ไขว่คว้าความสุข

    ฉู่ห่าวหรานตื่นจากภวังค์พลิกฝ่ามือหงายขึ้นแล้วประสานมือกับนางแล้วส่งยิ้มอ่อนโยน “ข้าไม่ได้เป็นอะไร เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย” ท่าทีสนิทสนมและอาการห่วงใยเต็มเปี่ยมนี้ ทำเอาพ่อและแม่บุญธรรมรวมทั้งฉินเฟยหลง นั่งยิ้มกริ่มแม้แต่หันซูที่เคยไม่ชอบนิสัยไร้มารยาทของนางยังยอมรับว่า ทั้งคู่เหมาะสมกันยิ่ง คู่สวรรค์สร้างเช่นนี้ไม่แต่งงานกันได้อย่างไร เยว่ซินเพิ่งรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาจึงคิดชักมือกลับแต่ฉู่ห่าวหรานบีบมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย จะว่าไป นางมีเรี่ยวแรงมากกว่าเขา แต่ทำไม นางไม่สามารถดึงมือตนเองกลับมาได้ การที่เขากุมมือไว้มันรู้สึกดีเหลือเกิน “เด็กโง่” มู่ยี่หัวเราะร่า พอใจที่เห็นว่าที่ลูกเขยใส่ใจลูกสาวบุญธรรมอย่างดี “บุรุษที่ดีเช่นนี้ต้องรีบคว้าไว้สิ ” “พวกท่านไม่เข้าใจ” นางหมายถึงบาดแผลไฟไหม้บนแผ่นหลังของนาง เป็นสามีภรรยา ยามร่วมหอต้องเปลือยกายแล้วเขาเห็นแผลเป็นของนางจะไม่หมดเสน่หาไปหรือ? แม้ฉู่ห่าวหรานยืนยันว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่นางยังเป็นกังวลอยู่ดี “แผลเป็นของฉู่ห่าวหรานรักษาได้ แผลเป็นของเจ้าก็รักษาได้เช่นก

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 42. พี่เขย

    “ขออภัยแม่นางเหอ ตอนนี้จิตใจของข้าอยู่ที่การดูแลซินเอ๋อร์ คงไม่มีใจไปทำสิ่งอื่นได้” “ซะ...ซิน...ซินเอ๋อร์” เยว่ซินทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าเขาจะเรียกนางสนิทสนมอย่างนี้ “คุณชายฉินเรียกเจ้าว่าซินเอ๋อร์ได้แล้วข้าเรียกไม่ได้รึ” ฉู่ห่าวหรานยังคงน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาจ้องเขม็งที่นางทำให้หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าหงุดจนคางแทบชิดอก ท่าทางของเยว่ซินทำให้ฉินเฟยหลงหัวเราะด้วยความพอใจ “เรียกซินเอ๋อร์นั้นเหมาะสมแล้ว” ฉินเฟยหลงพอใจที่เห็นฉู่ห่าวหรานแสดงท่าทีชัดเจนเช่นนี้ ก็คงมีลิงน้อยโง่งมของเขาที่ดูไม่ออกหรือไรว่าอีกฝ่ายมีใจให้นาง “เอาล่ะ ข้ามาเพื่อกล่าวลา และหวังใจว่าจะได้พบท่านราชครูฉู่ที่เมืองหลวง ท่านมิต้องรีบให้คำตอบข้า แค่เมื่อถึงวันนั้น ข้าจะถามท่านอีกครั้ง” “ขอบคุณคุณชายฉิน” ฉินเฟยหลงผงกศีรษะให้เล็กน้อย แล้วจับท่อนแขนของเหอเยว่ซิน กึ่งลากกึ่งจูงออกมาทันที ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาเตือนนางแล้ว แต่นางยังกล้าทอดสะพานให้ฉู่ห่าวหรานอีก สตรีผู้นี้น่าชังยิ่งนัก “เอ๊ะ!” “ยังจะอยู่อีกเรอะ” เหอเยว่ซินกัดริมฝีปากไม่กล้าโต้เถียงอะไร ได้แต่ปล่อยให้เขาลากออกมา ฉู่ห่าวหรานถอนใจเบาๆ ในห้องเหลือเพียงเขา

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 41. คนมีแผลอยู่ด้วยกันไม่ดีหรือไร

    “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรไม่รู้ มาช่วยข้าเตรียมอาหารเถิด” “ได้เจ้าค่ะ ฮูหยิน” “เชี่ยวเมิ่น!” เสียงหัวเราะหวานใสของทั้งสองคนทำให้ห้องครัวเล็กๆ ดูอบอุ่นขึ้น เชี่ยวเมินติดตามจางฮุ่ยเหมยมานาน ลำบากมาด้วยกันก็มาก นางได้แต่หวังว่านายของตนจะพบความสุขเสียที. ฉินเฟยหลงเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของหญิงสาวก็เดาความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายได้ แม้ใบหน้าระบายยิ้มแต่ดวงตาเปล่งประกายความไม่พอใจอยู่หลายส่วน “แม่นางเหอ” เจ้าของชื่อตัวจริงถึงกับสะดุ้ง เหอเยว่ซินที่ยืนอยู่หลังบานประตูที่แง้มอยู่ มือที่ประคองถาดขนมหวานสั่นน้อยๆ เมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใคร นางก็คลี่ยิ้มอ่อนหวานแล้วเอ่ยทักทาย “คุณชายฉินเฟยหลง” แม้เขาจะยิ้มแต่ดวงตาไม่ยิ้ม ชายหนุ่มไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตน เขาคลี่พัดในมือโบกเบาๆ แสร้งทำเป็นมองเข้าไปด้านใน“อ่อ...ท่านราชครูฉู่อยู่กับซินเอ๋อร์ที่นี่เองหรือ? แหม...ดูเอาใจใส่ซินเอ๋อร์ดีเหลือเกิน” ชายหนุ่มลอบสังเกตสีหน้าของเหอเยว่ซินแล้วพูดต่อ “เจ้าคงคิดสินะว่า ที่ตรงนั้นควรเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status