บนรถเกิดความเงียบเป็นเวลานาน
ป๋อจิงโจวหันศีรษะมาและมองดูเธอ “ก็เพราะว่าคุณโง่ ป่วยทางจิต และตาบอดไง”
“จริง ๆ ฉัน……” เสิ่นหว่านฉือยิ้มด้วยความโกรธ “ทำไมต้องเสียเวลาคุยกับคนไม่มีสติกันน่ะ?”
เธอหันกลับไปจะเปิดประตูรถ แต่ป๋อจิงโจวคว้าเธอไว้ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจ
หลีไป๋ที่อยู่ข้างนอกเห็นว่าด้านในรถไม่มีความเคลื่อนไหว เขาจึงเคาะกระจกรถอย่างร้อนใจ “หวานหว่าน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“หวานหว่าน?” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ยังไม่ทันหย่าคุณก็อดใจรอไม่ไหวอยากจะไปหาผู้ชายคนอื่นซะแล้วเหรอ? แต่สเปคการเลือกผู้ชายของคุณนี่ลดลงไปเยอะเลยนะ”
ประโยคสุดท้าย ป๋อจิงโจวกัดฟันพูดด้วยความโกรธ
เสิ่นหว่านฉือขี้เกียจที่จะอธิบายความเข้าใจผิดของเขา อย่างไรก็แล้วแต่มันไม่สำคัญอยู่แล้ว
“ใช่น่ะสิ การเลือกผู้ชายของฉันมันแย่ ไม่ใช่ว่าฉันก็เลือกแต่งงานมาแล้วคนหนึ่งเหรอ? ฉันกับหลีไป๋เป็นแค่เพื่อนร่วมงา....เพื่อนกัน ตัวคุณเองสกปรก อย่าคิดว่าคนอื่นจะสกปรกเหมือนกับคุณสิ”
เธอทำให้เขาสำลักได้ แต่คุณไม่สามารถลากคนที่เขาไม่ได้ผิดอะไรไปเดือดร้อนได้หรอกนะ
เธอไม่ได้บอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เพราะไม่อยากจะเถียงกับป๋อจิงโจวอีกแล้ว อีกอย่างเรื่องพวกนี้ไม่ควรเป็นหัวข้อสำคัญที่พวกเขาสองคนควรจะต้องมาคุยกัน?
“คุณว่างเมื่อไหร่ เราจะไปที่สำนักงานอำเภอกันเพื่อดำเนินเรื่องหย่าร้างให้เสร็จสิ้น”
เมื่อได้ยินเธอพูดถึงเรื่องการหย่าอีกครั้ง ป๋อจิงโจวก็ขมวดคิ้วอย่างแรง
เสิ่นหว่านฉือไม่สนใจว่าเขาจะสีหน้าเป็นอย่างไร เธอยืนยันจะพูดว่า “ถ้าหากว่าเพราะสัญญายังไม่หมดอายุเรื่องนี้ล่ะก็ ฉันสามารถชดเชยค่าเสียหายล่วงหน้าให้คุณได้นะ”
ไม่รู้ว่าประโยคไหนที่ไปกระตุ้นทำให้ป๋อจิงโจวหงุดงหงิด ดวงตาของเขาแทบจะลุกเป็นไฟ
“คนรักใหม่คุณรู้ไหมว่าคุณแต่งงานแล้ว? ถ้าเขามาเห็นว่าคุณกับผมทำอะไรกันบนรถล่ะก็ เขาจะว่ายังไงนะ?”
เสิ่นหว่านฉือ ให้ตายเถอะ เขาได้ฟังที่เธอพูดบ้างหรือเปล่าเนี่ย?
แต่เมื่อสังเกตเห็นความเข้าใจอันลึกซึ้งในสายตาของเขา ใจของเสิ่นหว่านฉือก็เต้นอย่างแรง!
ช่วงเวลาต่อมา ป๋อจิงโจวบอกเธอผ่านการกระทำว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
มือของเขาจับเอวเรียวของเธอแล้วโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา แล้วก็ก้มหน้าลงจูบเธอ——
มีที่วางของกั้นระหว่างกลางของพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถหยุดการกระทำของเขาได้เลยแม้แต่น้อย
มือของเขาข้างหนึ่งแตะที่ปุ่มด้านล่างเบาะนั่ง มืออีกข้างประคองเอวของเสิ่นหว่านฉือ เบาะนั่งถูกปรับให้ราบลงไป แล้วตัวของเธอก็ถูกตัวเขาทับเอาไว้
เป็นครั้งแรกที่เสิ่นหว่านฉือเห็นป๋อจิงโจวควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้ เธอดิ้นแล้วพูดว่า “คุณปล่อยฉันนะ!”
การที่เธอดิ้นนั้น ทำให้รถแกว่งไปมา และเสียงเคาะกระจกด้านนอกก็หยุดกะทันหัน
ฉากแบบนี้……
จะไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิดนั้นคงจะยากหน่อย!
เสิ่นหว่านฉือไม่กล้าขยับตัวทันที เธอจ้องป๋อจิงโจว ดวงตาของเธอแดงและริมฝีปากที่ถูกจูบนั้นบวมแดงเหมือนถูกรังแกอย่างหนัก
เมื่อเห็นเธอเช่นนี้ อารมณ์ของป๋อจิงโจวก็ผ่อนคลายลง เขายกมือขึ้นกดระหว่างคิ้ว “เขาไปแล้ว ผมไม่แตะต้องคุณแล้ว”
ทันทีที่เขาถอยออกไป เสิ่นหว่านฉือก็วุ่นกับการรีบจัดเสื้อผ้าและผมที่ยุ่งของเธอให้เรียบร้อย จากนั้นเปิดประตูและลงจากรถ เสียงปิดประตูกระแทกอย่างแรง!
ป๋อจิงโจว……
หลีไป๋ที่อยู่นอกรถเห็นประตูเปิดออกแล้วรีบเดินเข้ามา “หวานหว่าน คนบนรถได้รังแกคุณหรือเปล่า?”
ทันทีที่ประตูรถปิด เขาเห็นผู้ชายที่อยู่บนรถ ดวงตาคู่นั้นแวววาวและชัดเจนราวกับสระน้ำที่ไม่มีก้นบึ้ง
แถมเสื้อผ้าที่เขาสวมนั้น หลีไป๋เคยเห็นในนิตยสารซึ่งราคาอย่างน้อยต้องหลักล้านได้
แถมรถคนนี้ยัง……
ไม่ว่าจะมองอย่างไรคนดังกล่าวก็ไม่น่าเป็นคนขับแท็กซี่ได้
เสิ่นหว่านฉือรู้ถึงความสงสัยของหลีไป๋ เธอแค่ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณไปกินข้าวเถอะค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เธอเรียกรถแท็กซี่ โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูด เธอบอกที่อยู่ชุมชนเล็ก ๆ ที่เช่าใหม่ แล้วรถก็ขับออกไปท่ามกลางฝุ่นควัน……
เมื่อกลับถึงบ้าน เสิ่นหว่านฉือไปห้องอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็โทรหาทนายความที่เคยช่วยเธอเตรียมข้อตกลงในการหย่าร้าง——
“ทนายลู่คะ กรณีของฉันนี่ ถ้าฉันต้องการฟ้องหย่า จะมีโอกาสชนะคดีมากแค่ไหนคะ?”
“ถ้าคุณต้องการแบ่งทรัพย์สินตามที่ต้องการก่อนหน้านี้……ก็คงยากครับ” ทนายลู่รู้สึกประทับใจกับคดีของเสิ่นหว่านฉือเป็นพิเศษ ประการแรกคือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องมีจำนวนมาก และประการที่สองคือตัวตนของฝ่ายชาย
“แล้วถ้าไม่สนเรื่องทรัพย์สินล่ะคะ?”
เดิมทีเสิ่นหว่านฉือไม่คาดหวังที่จะได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินของป๋อจิงโจวด้วยซ้ำ ตอนนั้นที่จดรายการไว้ เธอเพียงแค่อยากทำให้เขารู้สึกรังเกียจเธอ
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูว่าประธานป๋อต้องการหย่ามากแค่ไหนครับ คดียังสู้ได้ แต่ถ้าหากว่าประธานป๋อไม่เห็นด้วย เวลาก็จะยิ่งยืดเยื้อไปอีกนานครับ หากไม่มีความรุนแรงในครอบครัวหรือความขัดแย้งที่เข้ากันไม่ได้ ปกติแล้วผู้พิพากษามักจะสนับสนุน-จบแบบสันติ หากในครั้งแรกไม่ได้พิพากษาหย่าร้าง การยื่นอุทธรณ์ต้องรออีกสามเดือนครับ”
เสิ่นหว่านฉือคิดว่าเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่ป๋อจิงโจวยึดถือเธอก็คือเธอเริ่มการหย่าร้างก่อน ซึ่งเป็นการไม่ให้เกียรติเขา และจังหวะเวลานั้นก็บังเอิญเกินไป ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดได้ง่ายว่าเจี่ยนเวยหนิงเป็นเมียน้อย
แต่ว่าพวกเขาแต่งงานกันแบบไม่เปิดเผย หากว่าขึ้นศาล ทุกคนจะรู้เรื่องการแต่งงานของพวกเขา และเจี่ยนเวยหนิงที่ถูกติดป้ายว่าเป็นเมียน้อยนั้นก็คงไม่สามารถเอาออกได้!
เพื่อเจี่ยนเวยหนิง ป๋อจิงโจวต้องยอมหย่าแน่ ๆ
เสิ่นหว่านฉือเม้มริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “ทนายลู่คะ รบกวนช่วยฉันร่างจดหมายทวงถามและส่งให้เขาก่อนทีนะคะ”
หลังจากวางสาย เธอก็ถอนหายยาว……
ทนายลู่ทำงานรวดเร็วมาก ในเช้าวันรุ่งขึ้นป๋อจิงโจวก็ได้รับจดหมายทวงถามแล้ว
ทุกครั้งที่ส่งพัสดุด่วนไปที่ป๋อจิงโจว เฉินสวี่ต้องดูผ่าน ๆ ตาก่อนสักรอบ ขณะที่เขาเห็นสิ่งนี้เขาก็คิดว่าท่าไม่ดีแน่ ๆ
เป็นอย่างที่คิด ขณะนี้บรรยากาศภายในสำนักงานนั้นเคร่งขรึมอย่างมาก เขาเห็นประธานป๋อสีหน้าเย็นชาเหมือนกับน้ำแข็ง เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทาว่า “ประธานป๋อครับ คุณหนูเสิ่นเธอน่าจะล้อเล่นแหละครับ”
ป๋อจิงโจวเงยหน้า มองไปที่เฉินสวี่อย่างเย็นชา “ไปดูหน่อยว่าช่วงนี้เสิ่นหว่านฉือเธอกำลังทำอะไร”
เธอได้งานที่รายได้ดีหรือว่าไปคบกับคนที่มั่นคงแล้วกันแน่ เธอถึงได้มั่นใจกล้าส่งจดหมายทวงถามมาหาเขาขนาดนี้!
ถ้าจะหาที่ที่เสิ่นหว่านฉือไปนั้นไม่ยาก เมื่อกลางวันเฉินสวี่ได้รับข่าวที่แม่นยำ “ตอนนี้คุณหนูเสิ่นทำงานที่จิงหยวนสตูดิโอครับ”
“จิงหยวน?”
“สตูดิโอที่เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม มีชื่อเสียงมากในแวดวงนั้น โครงการที่ทำล้วนเป็นโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมระดับสูง คนที่เข้าร่วมที่นี่ได้คือคนที่มีความสามารถชั้นยอดและเป็นสมบัติของชาติเลยครับ”
ป๋อจิงโจวขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเห็นเสิ่นหว่านฉือทำอะไรพวกนี้มาก่อน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะจบการศึกษามหาวิทยาลัยจากคณะศิลปกรรมศาสตร์อะไรสักอย่าง
“เธอยังมีความสามารถด้านการฟื้นฟูโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมด้วยเหรอ?”
“นั่นไม่ใช่ครับ คุณหนูเสิ่นกำลัง……ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดที่นั่นครับ”
เรื่องนี้ เฉินสวี่ไปที่นั่นด้วยตัวเอง เห็นเสิ่นหว่านฉือกำลังกวาดพื้นด้วยตาของเขาเอง เขาก็กลัวว่าจะเข้าใจผิด เลยตั้งใจถามใครสักคนและยืนยันว่าเธอเป็นพนักงานทำความสะอาด
“พนักงานทำความสะอาด?” ป๋อจิงโจวหัวเราะเยาะและโยนจดหมายทวงถามในมือทิ้งไป——
“เป็นเรื่องจริงที่เธอเป็นภรรยาที่อยู่บ้านไม่เคยต้องซักผ้าถูบ้านมามากพอแล้ว ว่างเกินจนต้องไปสัมผัสชีวิตจริง ผมไม่ควรตามใจเธอในช่วงสองปีที่ผ่านมา ปล่อยให้เธอทำงานทั้งวันเพื่อหาเลี้ยงชีพ เธอก็ไม่คิดไปทำอะไรแบบนั้นแล้ว”
เฉินสวี่ “……”
อันที่จริง เขาคิดว่าคุณหนูเสิ่นดูน้อยใจมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา ในฐานะภรรยาของประธานตระกูลป๋อ เธอต้องทำงานบ้าน เช่น เสิร์ฟชาและน้ำ แม้ว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลย แม้แต่อาหารเดลิเวอรี่ที่เธอสั่งก็ยังถูกโยนทิ้งลงถังขยะ
ถ้าเป็นคนอื่นคาดว่าคงเอากล่องอาหารเดลิเวอรี่ตบที่หน้าผากประธานป๋อไปแล้ว!
“ออกไปได้” หลังจากโบกมือให้เฉินสวี่ออกไป ป๋อจิงโจวก็กดหมายเลขโทรศัพท์ของเสิ่นหว่านฉือ……
ในขณะนี้เสิ่นหว่านฉือกำลังทำงานซ่อมแซมที่ละเอียดอ่อน และเสียงโทรศัพท์สั่นทำให้เธอเกือบจะทำผิดพลาด
เดิมทีก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งมาเห็นชื่อบนหน้าจอที่กำลังสั่นนั้น เธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดหนักมากกว่าเดิม
เธอรู้ว่าทำไมป๋อจิงโจวถึงโทรมาหาเธอ เวลานี้เขาคงจะได้รับจดหมายทวงถามแล้ว
เมื่อรับสายโทรศัพท์นั้น เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงเหน็บแนมของเขาก็ดังขึ้นก่อน——
“เสิ่นหว่านฉือ เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ราคาที่อยู่อาศัยในจิงตูอยู่ที่เท่าไหร่?”
“อะไรนะ?”
“ด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดจากการกวาดพื้นของเธอน่ะ เกรงว่าแค่ค่าเช่าก็คงจ่ายไม่ไหวน่ะสิ?”
รู้สึกเหน็บแนมได้พอหอมปากหอมคอแล้วน้ำเสียงของป๋อจิงโจวก็อ่อนลง “การทะเลาะกันระหว่างสามีภรรยาเป็นอรรถรส แต่หลังจากทะเลาะกันเสร็จมันก็ไม่สนุกแล้ว ผมไม่มีเวลาเล่นละครหย่าร้างและแต่งงานใหม่แบบนี้กับคุณหรอกนะ ถ้าคุณย้ายกลับมาคืนนี้ ผมจะไม่ถือสาเรื่องที่คุณแสร้งทำในช่วงนี้”
เสิ่นหว่านฉือไม่ได้ฟังคำพูดของเขาอย่างละเอียด ยิ่งไม่คิดเรื่องที่เขาพูดถึง ‘การกวาดพื้น’ นั้นว่าหมายความว่าอะไร เธอได้ยินเพียงเขาวิพากษ์วิจารณ์เธอเรื่องเงินเดือนที่ต่ำของเธอ เรื่องที่เธอไม่มีกำลังพอจะเช่าบ้านและยังบอกด้วยว่าเธอแสร้งทำ!
“ป๋อจิงโจว คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ?” ไม่ว่าเงินเดือนของฉันจะต่ำแค่ไหน หรือแม้ต้องนอนใต้สะพานกัดหมั่นโถวกิน ฉันก็ไม่ย้ายกลับไปเด็ดขาด เอาอย่างนี้ไหม คุณรีบไปทำเอกสารกับฉันให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นก็เจอกันที่ศาล!”
เธอวางสายแล้วก็บล็อกเบอร์เขาไป——