น้ำเสียงที่แสนเยือกเย็นของเขา ทำให้มาเดลีนหยุดการกระทำของเธอ เพื่อตอบกลับว่า “ซักผ้า”เจเรมี่เดินเข้ามามองสำรวจไปที่เสื้อเชิ้ตสีดำในมือของเธอ ทันใดนั้นเหมือนมีพายุถูกก่อเกิดขึ้นภายใต้ดวงตาของเขา "นี่เธอกำลังซักเสื้อผ้าของคนอื่นที่บ้านงั้นเหรอ?"เขาดูโกรธมากก่อนจะเตะถังซักผ้าพวกนั้นกระจายต่อหน้ามาเดลีนน้ำกระเซ็นโดนตัวของมาเดลีน ทำให้เธอเปียกโชกทันทีมาเดลีนยืนขึ้นด้วยความกลัว เสื้อบางสีขาวของเธอเกาะติดแนบกับร่างกายขณะที่ส่วนโค้งของรูปร่างที่สวยงามถูกประกฏในดวงตาของเจเรมี่ดูเหมือนว่าน้ำแข็งและไฟกำลังปะทะกันในดวงตาของเขา สัญชาตญานป่าเถื่อยถูกกระตุ้นให้เดือดพล่านในร่างกายของเขาเจเรมี่เอื้อมมือไปดึงมาเดลีนเข้ามาในอ้อมแขน จากนั้น เขาบีบคางเธอ บังคับให้มองไปที่เขา“ดูเหมือนว่าเวลาสามปีในคุกที่ผ่านมาเธอ ไม่เพียงแต่ไม่เรียนรู้วิธีปฏิบัติตัว แต่เธอยังได้เรียนรู้วิธียั่วยุผมด้วยงั้นหรือ ฮืม?”ลมหายใจของเขาถูกผ่อนปรนมาบนใบหน้าของเธอมาเดลีนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “นี่คุณวิทแมน ฉันยังไม่อยากตาย ดังนั้นฉันจะไม่ท้าทายความตายโดยการยั่วยุคุณหลอก ไม่หนำซ้ำฉันยังไม่อยากซักเสื้อผ้าให้ผู้ชายค
เจเรมี่จ้องมองมาเดลีนอย่างเขม่นพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ไฟที่เคยโหมกระหน่ำในดวงตาของเขาดูเหมือนจะหายไปมนทันทีเขาย่อตัวลงเพื่อเข้าใกล้เธอมากขึ้น จากนั้น เขาก็ปัดปอยผมที่หลุดออกจากหน้าผากของเธอไปด้านหลัง น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเมื่อเขาพูดว่า “เธอบอกว่าเธอท้องลูกของผมก่อนที่เธอจะถูกขังคุก เธอสูญเสียลูกไปได้อย่างไร?”คงจะดีไม่น้อยหากเขาไม่เอ่ยถามเธอ คำถามของเขา กำลังเปิดบาดแผลที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาในหัวใจของมาเดลีนให้เปิดกว้างออก เลือดไหลออกมาอย่างล้นเหลือเธอมองไปที่เจเรมี่ที่ตั้งถามคำถามนี้กับเธอในทันทีด้วยความสนุก “ก็อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ คุณวิทแมน เธอตายแล้ว ทำไมต้องถาม? เธอจะฟื้นกลับมามีชีวิตอีกเหรอไง?”"มาเดลีน ตอบผมที”เจเรมี่มองไปที่มาเดลีนที่มีรอยยิ้มปลอมบนใบหน้าของเธอ หัวใจของเธอถูกบีบแน่นด้วยคีมที่มองไม่เห็น"คุณท่านวิทแมน คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในการโรยเกลือลงบนบาดแผลสดของคนอื่น “มาเดลีนยิ้มอย่างประชดประชัน ดวงตาสีแดงของเธอชุ่มไปด้วยน้ำตา เธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเจเรมี่ได้อีกต่อไป "เจเรมี่ มันเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ฉันสามารถผ่านพ้นช่วงที่คุณตะคอ
มาเดลีนยิ้มออกมา เธอกำลังจะเดินออกไป เธอเห็นเจเรมี่มองมาที่เธอ “มาทานอาหารเช้ากันก่อน”อะไร?มาเดลีนหยุดเดินด้วยความไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเขาเคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่และเมื่อไหร่กันที่เธอกินข้าวกับเขาด้วยกันสองต่อสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันดูเหมือนเป็นอาหารเช้าที่จริงใจไร้การเสแสร้งใดๆ“คุณผู้หญิงคะ อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ” แม่บ้านฮิวจ์ยิ้มให้มาเดลีนอย่างเมตตาหลังจากลังเลสักพัก มาเดลีนหมุนตัวกลับไปเธอมองไปที่โต๊ะอาหาร มีชามซีเรียลและขนมปังปิ้งหนึ่งจานพร้อมกับขนมปังโฮมเมด มาเดลีน ชอบอาหารเช้าง่ายๆทั่วไปแบบนี้“นั่งนี่สิ” เจเรมี่ดึงเก้าอี้ข้างๆเขาออกเธอเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “ไม่ มันใกล้เกินไปแล้ว ฉันเกรงว่าจะทำให้คุณสกปรกค่ะ คุณวิทแมน”จากนั้น เธอก็นั่งลงตรงข้ามเจเรมี่ใบหน้าของเจเรมี่มืดลงทันทีราวกับว่าพายุกำลังจะมาเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเธออดไม่ได้ที่รู้สึกประหม่า เธอก้มหน้าลงเพื่อกินซีเรียลของเธอต่อและไม่พูดอะไรเจเรมี่มองใบหน้าประหม่านั้นก่อนจะเอ่ยเย้ยหยัน “เธอดูไม่เต็มใจอยู่กับสามีมากเลยนะตอนนี้ อดใจที่จะเจอผู้ชายคนนั้นไม่ไหวหรือไง ฮะ?”ผ
เมื่อเมเรดิธได้ยินแบบนั้น เธอก็ไม่สามารถอดทนให้สถาณการณ์เช่นนี้ได้อีกต่อไป “เจเรมี่ ฉันมาตามหาคุณตอนที่ฉันตื่น ฉันยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า ฉันควรทำอย่างไรถ้าคุณออกไป?”เจเรมี่ ไม่ได้หันกลับมามองหล่อนแต่อย่างไร “เธอสามารถใช้เวลานี้เพื่อรับประทานอาหารเช้าได้นิ”"... " เมเรดิธยืนนิ่งอยู่บนพื้นด้วยท่าทางงุนงง เธอเฝ้ามองดูขณะที่ เจเรมี่แสดงท่าทีไม่สนใจเธอและเดินไปหามาเดลีนแทน เธอกำกระเป๋าไว้แน่น รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจะระเบิดมาเดลีนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเกี่ยวกับปฎิกิริยาของเจเรมี่เช่นกัน ดูเหมือนว่า เขาพูดจริง เมื่อเขาเดินผ่านเธอ เขาจงใจชะลอความเร็วและมองไปที่เธออย่างลึกซึ้ง “มากับผม”มาเดลีนไม่เข้าใจว่าทำไมเจเรมี่ถึงทำแบบนี้ แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่ขึ้นสีของเมเรดิธ เธอยิ้มออกมาและให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ เธอเข้าไปในรถของเจเรมี่เพื่อป้องกันการโต้เถียงที่ไม่จำเป็น มาเดลีนไม่ได้พูดอะไรเลย เจเรมี่ก็ไม่พูดอะไรเช่นกันมาเดลีนจ้องมองไปที่เจเรมี่ใบหน้าด้านข้างที่งดงามของเขาเป็นน้ำแข็งอย่างผิดปกติเธอนึกถึงครั้งที่เธอจ้องมองเขาสมัยที่พวกเขาอยู่มหาวิทยาลัย เธอไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธ
กลับกลายเป็นมาเดลีนเองที่รู้สึกเสียใจในขณะนี้ เขาจะรู้สึกสำนึกผิดอย่างไร?แม้ว่าเขาจะรู้สึกเช่นนั้น แต่มันก็สายเกินไปแล้ว…มาเดลีนปรับตัวคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่ของเธออย่างช้าๆ เพื่อนร่วมงานของเธอเป็นมิตรอีกทั้งพวกเขากำลังคุยกันเรื่องการเฉลิมฉลองสำหรับมาเดลีนมือใหม่ในช่วงพักกลางวันเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ทุกคนคุยกันว่าอยากกินอะไร เมื่อผู้จัดการแผนก อลิซาเบธ สโนว์ เดินผ่านมาอลิซาเบธจัดว่าเป็นคนที่สวยมากและยังเด็กอีกด้วย เธอแต่งตัวในชุดที่มีสไตล์เช่นกัน เมื่อเธอเดินเข้ามา เธอปรบมือและกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง “เราเพิ่งยอมรับทำโครงการที่สำคัญมาก ผู้ที่กำลังมีอิทธิพลในขณะนี้ ลอว์ลี่ แทต กำลังจะหมั้นหมายกับแฟนหนุ่มของเธอ พวกเขาเข้าพบ ท่านประธานวิทแมนและขอให้เราออกแบบแหวนคู่สร้อยคอและสร้อยข้อมือให้ โดยพวกเขาวางเงินค่าปรับแต่งมูลค่าสิบล้านดอลลาร์ หากเราได้ข้อตกลงนี้มาแผนกของเราจะได้รับโบนัสรางวัล 10%”"ว้าว!"“หมายความว่าพวกเราทุกคนจะได้รับเงินเป็นหมื่นๆเหรอ?”ทุกคนตื่นเต้นและมาเดลีนรู้สึกตื่นเต้นเช่นกันกับพวกเขา เธอชอบงานออกแบบเครื่องประดับเธอชอบสิ่งของเหล่านั้นเพียงเพรา
มาเดลีนจับแก้มขวาข้างที่พึ่งโดนตบอย่างปวดร้าว เธอรู้งงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอันรวดเร็วนี้“มาเดลีน ยัยผู้หญิงสารเลว! ยัยแม่มดชั่วร้าย!” เอโลอิสกรีดร้องขณะที่เธอชี้ไประยะจมูกของมาเดลีนมาเดลีนไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงรู้สึกอกสั่นขวัญผวาเมื่อเห็นการจ้องมองที่กินเลือดกินเนื้อของ เอโลอิส“คุณนายมอนต์โกเมอรีเหตุใดคุณถึงตบฉัน?” มาเดลีนพยายามสงบสติอารมณ์แต่หัวใจของเธอกลับเต้นแรง“เธอยังมีหน้าจะถามฉันอีกหรอว่าทำไม?” เอโลอิสชี้ไปที่มาเดลีนอย่างโกรธเกรี้ยว “เธอร่วมมือกับคนอื่นลักพาตัวหลานชายของฉันไปหนำซ้ำเธอยังกล้ารังแกลูกสาวที่แสนเลอค่าของฉัน เมเรดิธ! และตอนนี้ เธอกำลังยั่วยุผู้ชายอีกคนเพื่อให้เขาอยู่ข้างเธอ เขาส่งจดหมายของทนายความให้เมอร์และบอกว่าเธอจงใจทำร้ายคนด้วยกาแฟร้อน!”หลังจบประโยคเพียงเสี้ยววินาที จดหมายถูกโยนไปที่ใบหน้าของมาเดลีนด้วยความโกรธ “มาเดลีน เธอมันเป็นหญิงที่ร้ายกาจ! ขอบคุณพระเจ้าที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตเร็ว ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องตายเพราะความอับอาย! หากเธอเป็นลูกสาวของฉันล่ะก็นะ ฉันคงตัดหางปล่อยวัดไม่เหลียวแลเธออีกต่อไป!”เมื่อมาเดลีนได้ยินเอโลอิสตะคอกใส่เธอ คำพ
มาเดลีนอดคิดสงสัยไม่ได้ว่าอลิซาเบธมีความซับซ้อนผิดปกติทางบุคลิกภาพที่หลากหลายของเธอ วิธีที่หล่อนปฏิบัติต่อเธอนั้นดูไม่สอดคล้องกันมากนักในขณะนี้ร่างสูงและเพรียวปรากฏขึ้นที่ประตูดวงตาของอลิซาเบธลุกวาวทันที “คุณวิทแมน ทำไมคุณถึงมาที่นี่?”อาการของเธอเปลี่ยนไป ตอนนี้หล่อนดูอ่อนโยนมากเมื่อพนักงานที่เหลือได้ยิน ดังนั้นพวกเขาวางกระเป๋าที่ถือลงและยิ้มให้เฟลิเป้อย่างเคารพ “คุณวิทแมน”ในที่สุดมาเดลีนดึงสติของเธอกลับมา จากนั้น การทักทายจากพนักงานที่เหลือสิ้นสุดลง มันจะเหมือนกับว่าเธอพยายามที่จะโดดเด่นถ้าเธอเอ่ยทักทายเขาตอนนี้ ดังนั้น เธอจึงพยักหน้าและยิ้มให้เฟลิเป้เท่านั้นเฟลิเป้ยิ้มให้มาเดลีนก่อนจะเดินเข้าไป เขามีลักษณะที่มีภูมิฐานที่ดี อีกทั้งความหล่อเหล่าและสง่างามมาก“ทุกคน ขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก ขอให้โชคดีกับโครงการใหม่” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอลิซาเบธมองเพื่อนร่วมงานของเธอทันทีและทุกคนก็เข้าใจความหมายทันที “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย คุณวิทแมน เราจะทำให้ดีที่สุด!”“ดีมาก” เฟลิเป้พยักหน้าอลิซาเบธเล่นกับผมยาวและหยิกของเธอ เธอม้วนมันไปมาขณะที่เธอเฝ้ารอให้เฟลิเป้เดินเข้าใกล้เธ
เมื่อเห็นเฟลิเป้ยืนอยู่คู่กับมาเดลีน ความหนาวเย็นได้ปรากฏในดวงตาของเจเรมี่เขาช้อนสายตาอันเย็นชานั้นขึ้นมองและมาเดลีนรู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะในทันทีแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่เธอสนใจ แต่ร่างกายของเธอยังคงบอกเป็นนัยว่าเธอยังไม่สามารถไปจากเงาของเขาได้“เจเรมี่?” เฟลิเป้เดินออกจากลิฟต์ด้วยความประหลาดใจ “นายมาที่นี่เพื่อรับแมดดี้งั้นหรอ?”“มันไม่ใช่ธุระของคุณ” น้ำเสียงของเจเรมี่เย็นชา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของมาเดลีน “ทำไมเธอถึงตัดสายผม?”“เมื่อกี้เป็นนายเองหรอที่โทรเข้าหาแมดดี้?” เฟลิเป้กล่าวพร้อมกับหัวเราะ “แมดดี้พูดที่เล่นว่าเป็นเบอร์ของนักล่อลวงก่อนจะตัดสายทิ้งไป ทั้งสองคนทะเลาะกันงั้นหรอ?”หลังจากที่เขาได้ยินในสิ่งที่ลุงตัวเองพูดออกมา มาเดลีนเห็นใบหน้าของเจเรมี่มืดลงอย่างน่ากลัวเขาพุ่งสายตาจ้องมองเธอ “รออะไรอยู่? กลับกัน”เจเรมี่พูดพร้อมจับมือมาเดลีนเป็นฤดูหนาวในขณะนี้ที่จริงมันควรจะหนาวมาก แต่นั้นทำให้ มาเดลีนรู้สึกได้ว่ามือของเจเรมี่กำลังไหม้เเผดเผาอากาศภายนอกทั้งหมดนี้สิ้นไปเธอจินตนาการถึงเขาที่จับมือเธอเพื่อพาข้ามถนนหลายครั้งก่อนหน้านี้มันก็แค่เมื่อ