Masukร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
Lihat lebih banyak
สภาพการจราจรยามพลบค่ำยังคงแออัดเช่นเดียวกับทุกวัน อากาศช่วงปลายเดือนเมษายนซึ่งเป็นฤดูร้อน ยิ่งทำให้เมืองที่แออัดไปด้วยผู้คนและตึกรามบ้านช่อง ทวีความร้อนอบอ้าวมากขึ้นไปเป็นเท่าตัว ผู้คนที่อยู่บนยวดยานและสัญจรไปมาบนท้องถนน สีหน้าล้วนแต่ปราศจากรอยยิ้ม หากทว่ากลับเป็นข้อยกเว้นสำหรับชายหนุ่มในชุดกางเกงยีนเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูที่ปักตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง โครงหน้าคมคร้ามหล่อเหลาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเปล่งประกายแห่งความสุขออกมาอย่างน่าอิจฉา เหมือนดั่งว่าสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้
ร่างสูงเกือบหกฟุตก้าวลงจากรถเมล์ แล้วตรงไปยังร้านบะหมี่ข้างทาง ที่มีหญิงวัยกลางคนกำลังจัดวางเก้าอี้อยู่ หนังสือในมือสองสามเล่มกับถุงพลาสติกที่มีต้นไม้ชนิดหนึ่งอยู่ข้างในถูกวางไว้ใกล้ๆ กับรถเข็น ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบกระวีกระวาดไปช่วย ท่าทางการหยิบจับโต๊ะอะลูมิเนียมสีแดงขณะนำมันมากางเป็นไปอย่างคล่องแคล่วและกระตือรือร้น ปราศจากอาการเก้กังเคอะเขินโดยสิ้นเชิง และในอีกไม่กี่นาทีต่อมา โต๊ะสี่ห้าตัวกับเก้าอี้พลาสติกเข้าชุด ก็พร้อมให้ลูกค้าที่เป็นขาประจำและขาจรได้นั่งกินบะหมี่ริมทาง
“สอบกี่วิชาลูก ทำไมวันนี้กลับค่ำจัง” กรองทองถามลูกชายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ได้มีท่าทีเคลือบแคลงระแวงสงสัยหรือตำหนิติเตียนใดๆ เพราะลูกชายของตนเป็นเด็กดีตลอด ไม่เคยทำตัวเหลวไหล เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กกระทั่งเรียนอยู่ปีสาม แม้พฤติกรรมบางอย่างจะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามวัย แต่ก็ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง เหมือนดั่งคนบนฟ้าส่งลูกชายคนนี้มาเป็นของขวัญ ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดในชีวิตของเธอ
“สอบสองวิชาครับแม่ สอบเช้าวิชาหนึ่ง บ่ายวิชาหนึ่ง จริงๆ อิสร์สอบเสร็จตั้งแต่บ่ายสี่โมงแล้วละ แต่ที่ไม่ได้กลับบ้านเลยก็เพราะอิสร์ไปเอาต้นไม้ที่สั่งไว้”
“ต้นอะไรเหรอลูก”
“ต้นไม้ของขวัญวันเกิดน้องเอมน่ะครับ พรุ่งนี้วันเกิดน้องเอม”
“จริงสินะแม่ลืมไปเลย งั้นพรุ่งนี้พาน้องมากินข้าวที่บ้านนะลูก เดี๋ยวแม่จะทำเค้กส้มของโปรดหนูเอมไว้รอ”
“ครับ”
เป็นคำตอบรับสั้นๆ แต่กรองทองรู้ดีว่าลูกชายของตนจะทำตามที่พูด กวินภพกับเอมมาลินคบหากันด้วยความรักแบบบริสุทธิ์และอยู่ในสายตาเธอมาตลอดหลายปี มันเริ่มจากความสัมพันธ์แบบพี่ชายกับน้องสาว ก่อนจะพัฒนาเป็นความรู้สึกลึกซึ้งที่มากกว่าความผูกพัน แม้ตนจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าสักวันความรักของลูกต้องมีอุปสรรค เพราะฐานะทางครอบครัวที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กรองทองก็ไม่ได้คิดจะห้ามปรามใดๆ ด้วยเห็นแก่ความสุขของเด็กสองคน และเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าลูกชายของตนเป็นคนดีและเป็นคนเก่งมากพอ ที่จะฝ่าฟันขวากหนามซึ่งอาจเกิดขึ้นในวันข้างหน้าไปได้
ร้านบะหมี่ข้างทางเริ่มคึกคักเมื่อเวลาล่วงผ่านไปเรื่อยๆ หนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดทำหน้าที่เสิร์ฟบะหมี่ให้โต๊ะนั้นโต๊ะนี้อย่างแข็งขัน โดยไม่มีความเขินอายเลยแม้แต่น้อย ทำให้สายตาของลูกค้าหลายคนต่างมองเขาอย่างชื่นชมและภูมิใจแทนคนเป็นแม่
เวลาผ่านไปจนถึงสามทุ่ม รถสปอร์ตราคาหลายล้านแล่นมาจอดที่หน้าร้านบะหมี่ ดึงสายตาคนทั้งร้านให้หันไปมองด้วยความสนใจ เพราะนอกจากความสวยและราคาของรถแล้ว เด็กหนุ่มสองคนที่ลงมาจากรถคันนั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน คนหนึ่งหล่อเหลาดูดีสะอาดสะอ้าน อีกคนแม้จะเซอร์ๆ แต่ก็เท่และหล่อเข้มชวนมอง ซึ่งจากองค์ประกอบภายนอก ทั้งรถและบุคลิกของทั้งสอง ก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่คงเป็นทายาทของมหาเศรษฐี เพียงแต่คนมองยังไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาทั้งสองคนนั้น มาทำอะไรที่ร้านบะหมี่ข้างทางแบบนี้
กระทั่งสองหนุ่มตรงเข้าไปหาแม่ค้าและยกมือขึ้นไหว้ ก่อนจะขยับมาทักทายชายหนุ่มวัยเดียวกัน คนที่แอบเฝ้ามองดูอยู่เงียบๆ จึงรู้คำตอบ
“มาทำอะไรวะตะวัน ปรัชญ์” กวินภพเอ่ยถามเพื่อนสนิททั้งสองคน หลังจากยกชามบะหมี่ไปเสิร์ฟให้ลูกค้าเสร็จแล้ว
“มาหาแกน่ะสิ จะชวนไปนั่งชิล” คนที่ตอบคือรังสิมันต์ซึ่งเป็นเจ้าของรถหรูที่จอดอยู่ริมฟุตพาท
“ไม่ว่างว่ะ ช่วยแม่ขายบะหมี่อยู่ วันนี้คนเยอะด้วย”
“ก็กะอยู่ว่าแกจะตอบแบบนี้ ฉันกับไอ้ปรัชญ์ก็เลยจะมาช่วยแกขาย ขายหมดแล้วเราค่อยไปกัน” รังสิมันต์กับปรัชญ์พยักพเยิดอย่างกระตือรือร้น บ่งบอกว่าเตรียมตัวล่วงหน้ามาอย่างดี ความจริงเขาหรือปรัชญ์สามารถเหมาบะหมี่หมดร้านได้สบายๆ แต่ก็ไม่ทำ เพราะรู้นิสัยของกวินภพดีว่าเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีมากแค่ไหน หากเขากับปรัชญ์ทำแบบนั้น กวินภพคงโกรธจนไม่มองหน้าแน่ๆ
“เฮ้ย…ไม่ต้องเลย พวกแกสองคนไปนั่งรอ เดี๋ยวฉันกับแม่ขายเอง”
“เหอะน่า แกอยู่เฉยๆ ให้ฉันกับไอ้ปรัชญ์ช่วย รับรองว่าบะหมี่ร้านแกหมดภายในครึ่งชั่วโมง”
“พวกแกจะอะไรนักหนาวะ ไปเที่ยวกันสองคนก็ได้นี่หว่า” กวินภพอดจะบ่นเพื่อนไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก แม้เขาจะมีวิถีชีวิตที่แตกต่างจากเพื่อนสนิท ทว่าก็ไม่ได้ตัดขาดกิจกรรมที่ควรจะมีร่วมกับเพื่อนฝูงเป็นบางครั้งบางคราว ซึ่งแม่เขาเองก็เข้าใจดี
“ไอ้ไปน่ะไปได้ แต่ขาดแกมันก็ไม่ครบแก๊งดิวะ อีกอย่างวันมะรืนฉันกับไอ้ปรัชญ์ก็ต้องไปฝึกงานแล้วนะเว้ย ใจคอแกจะไม่ไปเลี้ยงฉลองสั่งลาฉันสองคนหน่อยเหรอวะ”
“ไปฝึกงานไม่ใช่เหรอ ต้องสั่งลาอะไรกันนักหนา หรือว่าพวกแกจะไม่กลับมา”
“กลับดิวะ ไม่ได้ตายนี่หว่า แต่มันนานไง ตั้งสามเดือนเลยนะเว้ย”
“โอเคๆ ไปก็ไป แต่ขอช่วยแม่ขายบะหมี่กับเก็บร้านก่อน”
“มีฉันสองคนช่วย รับรองว่าแป๊บเดียว”
“ว่าไงตะวัน” “จะโทร.มาถามว่าเรื่องนั้นตกลงแกว่าไง” “แกนี่มันบ้าว่ะตะวัน ลูกฉันยังไม่โตเลยนะเว้ย” กวินภพต่อว่าเพื่อน แต่พร้อมกันนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่รังสิมันต์ที่โทร.มาทาบทามลูกสาวของเขา แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็เริ่มคุยกันเป็นจริงเป็นจังแล้วว่าจะให้ลูกใครคู่กับลูกใครบ้าง “ก็เพราะยังไม่โตนี่แหละเลยต้องรีบจองไว้ก่อน” “แล้วน้องนิลลูกไอ้ปรัชญ์ล่ะ” “คนนั้นพี่กริชจองไว้ให้ลูกชายแล้ว” “แต่ลูกพี่กริชอายุน้อยกว่าน้องนิลไม่ใช่เหรอวะ” “อายุมันใช่ปัญหาที่ไหนล่ะ”“แล้วลูกพี่ปราณต์ล่ะ”“ก็คู่กับน้องโอมลูกชายคนรองแกไง เอาละๆ แกไม่ต้องเฉไฉ ตอบมาคำเดียวว่าแกจะยกหนูอินธ์ให้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้คนโตของฉันหรือเปล่า หรือถ้าไม่ได้น้องอินธ์จะเป็นน้องอัยย์ก็ได้นะเว้ย” คราวนี้รังสิมันต์ข่มขู่แบบจริงจังสุดๆ กวินภพเลยต้องถอนหายใจออกมา “แกนี่มันบ้าเข้าขั้นจริงๆ ว่ะตะวัน ถามจริงแกปรึกษาจันทร์บ้างหรือเปล่า”“จันทร์ตามใจฉันอยู่แล้ว”“แน่ใจเหรอ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้โรคกลัวเมียของแกกำลังกำเริบหนักนี่”“ใครโทร.มาสาระแนเรื่องชาวบ้านล่ะ ไอ้ปรัช
“ไม่เบื่อบ้างหรือไงคะ หอมวันละกี่รอบก็ไม่รู้”“ไม่เบื่อ ไม่มีวันเบื่อ อีกอย่างเดี๋ยวนี้มีลูกๆ มาคอยแย่งหอมแก้มแม่ พี่ยิ่งต้องรีบหอมเวลาที่มีโอกาส”คำพูดนั้นทำให้เอมมาลินหัวเราะออกมาเบาๆ โดยที่ตายังคงทอดมองภาพลูกสาวคนโตอยู่เช่นเดิม ก่อนจะรำพึงออกมากับสามี“ยัยอินธ์ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนน้ากรอง จนบางครั้งเอมอดคิดไม่ได้ว่า น้ากรองคงมาเกิดเป็นลูกของเรา เหมือนที่เอมเคยอธิษฐานไว้ ว่าขอให้เอมได้มีโอกาสได้ดูแลและตอบแทนน้ากรองบ้างไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง”“แม่คงคิดถึงเราสองคน ถึงได้กลับมาอยู่ด้วย”ริมฝีปากอิ่มยิ้มบางๆ กับความสุขที่โอบล้อมอยู่รอบตัวในตอนนี้ เธอมองไปยังลูกสาวคนโตด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักสุดหัวใจ ซึ่งไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่น้ากรองที่มาเกิดใหม่ แต่ทุกวันนี้สิ่งที่เธอทำเป็นประจำก็คือใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้กับน้ากรองกับพ่อเหมือนเดิม และทุกครั้งที่มีโอกาสเธอก็จะให้พี่อิสร์พาไปที่วัดเพื่อเยี่ยมพ่อกับน้ากรองเสมอ“ตาโอมเป็นยังไงบ้างคะ หลับหรือยัง” เสียงหวานเอ่ยถามถึงลูกชายคนรองกับสามี เพราะเขาเพิ่งจะกลับออกมาจากห้องนั่งเล่น ซึ่งเมื่อครู่นี้สองคนพ่อลูกเล่นอยู่ด้วยกันในนั้น“หลับไปแล้วละ
“งั้นวันหลังพี่อิสร์เปิดรูปพวกนั้นให้เอมดูหน่อยนะคะเอมอยากเห็น”“ได้สิ แล้วนอกจากเรื่องต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ เอมมีอะไรอยากจะถามพี่อีกมั้ย รีบถามเลย เพราะหลังจากนี้พี่จะไม่เปิดโอกาสให้ถามแล้วนะ เพราะพี่จะชวนเอมทำอย่างอื่น”ท่าทีและถ้อยคำยั่วเย้าของเขา ทำให้เอมมาลินวาบหวามและอุ่นซ่านในอก รู้ดีว่าสามีต้องการอะไร แต่เธอก็ยังหาเรื่องประวิงเวลาต่อ“มีอีกเรื่องค่ะ เอมอยากรู้ว่าช่วงนี้พี่อิสร์หายไปไหนบ่อยๆ”“ไปดูช่างทาสีบ้านกับตกแต่งสวนใหม่ ตอนนี้บ้านเอมสวยเหมือนเดิมแล้วนะ อีกไม่กี่วันพี่จะปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ มันน่าจะโตไปพร้อมๆ กับลูกคนโตของเรา เอาไว้อาทิตย์หน้าพี่จะพาไปดู”“ทำไมพี่อิสร์ไม่ขายซะล่ะคะ บ้านก็ไม่มีคนอยู่นานแล้ว”“มันเคยเป็นบ้านของเอม พี่ไม่อยากขาย ตอนที่พี่ซื้อบ้านหลังนั้นเอาไว้ ก็เพราะแอบหวังลึกๆ ว่าพี่จะมีโอกาสได้คืนมันให้เอม หรือถ้าไม่มีโอกาสจริงๆ พี่ก็ยังมีของที่ระลึกให้ได้คิดถึงเอม”“ไหนบอกว่าจะเอาไว้ทำเรือนหอ”“แค่คำพูดพล่อยๆ ของคนใจร้ายเท่านั้นเอง เอมจ๋าลืมมันได้มั้ย” กวินภพออดอ้อน พอคิดถึงความเลวร้ายที่ตัวเองเคยทำ หัวใจก็พลอยเจ็บปวดเพราะสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เหลือเก
“สัญญาแล้วต้องทำตามสัญญาด้วย เอมคือหัวใจ คือชีวิตของพี่ พี่อยากทำทุกๆ วันให้เอมมีความสุข เพื่อชดเชยเวลาที่เคยเสียไปกับเรื่องเลวร้ายที่พี่ทำกับเอม”“ทุกวันนี้เอมก็มีความสุขมากแล้ว และความสุขของเอมก็คือการมีพี่อิสร์อยู่ข้างๆ ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ได้ตื่นมาเจอกัน ได้กินข้าวพร้อมกัน และได้นอนพร้อมกัน ขอบคุณที่ดูแลเอมอย่างดี เอมรักพี่อิสร์นะคะ”“พี่ก็รักเอมและรักลูกของเรา ขอบคุณที่ยอมตามใจพี่ ที่ยอมมีลูกกับพี่”กล่าวจบปากหยักอุ่นซ่านก็ประทับจูบลงบนกลีบปากนุ่ม จูบเธออย่างดูดดื่ม รักใคร่ และลึกซึ้ง ซึ่งเอมมาลินเองก็ยอมให้จูบและจูบตอบเขาอย่างเต็มใจเช่นกัน“เรื่องห้องลูก เอมตั้งใจว่าจะทำให้ลูกอยู่แล้ว พี่อิสร์มีหน้าที่จ่ายเงินค่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็พอแล้วค่ะ” เอมมาลินบอกกับสามีอีกครั้งหลังจากจูบอันเนิ่นนานของทั้งคู่ผ่านไป“ไม่เอาค่าจ้างเหรอ”“ไม่เอาหรอกค่ะ ห้องลูกของเรานะคะ เอมจะเอาได้ยังไง”“แต่พี่อยากให้ อยากจ้างเมียตัวเอง”“ทุกวันนี้ก็ให้จนเอมใช้ไม่หมดอยู่แล้วค่ะ”“เอมแทบจะไม่ใช้เลยต่างหาก” กวินภพเอ่ยแย้งพลางยกมือขึ้นไล้แก้มนวลเบาๆ อย่างทะนุถนอม“ไม่รู้จะใช้ซื้ออะไรนี่คะ พี่อิสร์หามาให้หมดทุกอย