คุณหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน “คุณเป็นครอบครัวของเธอหรือเปล่าครับ?”ซูซี่ลังเล “หนูเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอค่ะ เธอโอเคไหมคะ?”คุณหมอในชุดขาวมองเธอแบบไม่สู้ดีนัก “รบกวนโทรหาครอบครัวเธอทีครับ”ใบหน้าของซูซี่ซีดลงทันที “คุณหมอมันร้ายแรงมากเลยเหรอคะ?” หัวใจของเธอเต้นแรง ถ้าเจนตาย…นั่นหมายความว่าซูซี่เป็นฆาตกรหรือเปล่า?ไม่ ไม่ เธอไม่ใช่ ไม่ใช่ความผิดของเธอ เจนล้มลงด้วยตัวเธอเอง เธอ- เธอช่วยชีวิตเจนด้วยการพาเจนมาส่งที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำหากใครพบว่าอุบัติเหตุของเจนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ เธอ ... เธอจะต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอนเธอทำงานหนักมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยเอส แล้วเธอจะ ... !ในขณะนั้นซูซี่อยู่ในอาการวิงเวียนศีรษะ จิตใจของเธอเต้นแรงราวกับว่าเธอวิ่งไปหนึ่งไมล์ต่อนาทีโดยพิจารณาถึงผลที่ตามมาหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจน และคนอื่น ๆ พบว่ามันเป็นความผิดของเธอ เธอคิดด้วยซ้ำว่า ไฮด์ โซรอส จะมองเธออย่างไร ถ้าเขาได้รู้ความจริง“คุณหมอคะ เจน ดันน์…นั่นคือชื่อเพื่อนร่วมงานของฉันเธอกำลังจะตายจริง ๆ เหรอคะ?”หมอขมวดคิ้ว และมองซูซี่ด้วยความประหลาดใจ “ใครบอกว่าเธอกำลังจะตาย?”“ละ -
ซูซี่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่เชอร์รี่ เธอไม่ตอบเชอร์รี่แต่ถามกลับแทนว่า “เธอล่ะ? เธอชอบคุณชายโซรอสไหมเชอร์รี่?” เชอร์รี่รีบโบกมือบอกว่า “อ๋อ ไม่ใช่ฉัน มีคนอีกมากมายที่ชื่นชอบคุณชายโซรอส”ความเฉียบคมในการจ้องมองของซูซี่จางหายไป และเธอแนะนำเชอร์รี่แบบตรง ๆ ว่า “ขอบคุณพระเจ้า ที่เธอไม่ได้ชอบเขาเชอร์รี่ ฉันหมายถึงเมื่อพิจารณาว่าเขาเป็นผู้ชายแบบไหน ฉันแน่ใจว่าเขามีรสนิยมที่สูงจริง ๆ ผู้หญิงคนไหนที่จะจับคุณชายโซรอสได้อยู่หมัด คน ๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”"คุณชายโซรอสอยู่ที่นี่ ที่ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ เพื่อความสนุกสนานเพียงเท่านนั้น ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะตกหลุมรักพวกเธอเหล่านั้นหรอก เชอร์รี่ฉันไม่ได้พยายามทำให้ใครขุ่นเคืองนะ แต่ฉันมั่นใจอย่างยิ่งว่าเขามีมาตรฐานที่สูงมาก ๆ อย่าวิ่งแจ้นไปหาเขาแล้วทำตัวง่าย ๆ เชียว มันเหมือนผู้หญิงที่ราคาถูก มิฉะนั้นเธอจะต้องจบลงด้วยความช้ำใจ”ด้วยเหตุนี้เธอจึงเห็นว่าศีรษะของเชอร์รี่ลดลง และเธอก็เงียบไม่พูดอะไร ซูซี่เม้มริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของเธอพร้อมกับจับมือของเชอร์รี่ “เชอร์รี่ฉันพูดทุกอย่างทั้งหมดนี้ ก็เพื่อประโยชน์ของตัวเธอเองเลยนะ ฉันหม
มันเป็นเรื่องปกติ ที่เจนต้องอยู่อย่างไร้ความเข้มแข็ง เธอต้องก้มหน้าก้มตายอมรับคำดูถูกด่าทอที่ไม่สมเหตุสมผลจากซูซี่ รวมไปถึงคำขอต่าง ๆ จากซูซี่ทุกครั้งไปอย่างไรก็ตามในมุมที่ลึกที่สุดของหัวใจ เธอนั้นมีความโลภ - เธอต้องการ "ความเคารพ" ที่เธอเสียไปเมื่อนานมาแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องได้รับการชื่นชมอย่างที่เธอเคยเป็น เธอเพียงแค่ต้องการความเคารพขั้นพื้นฐานที่สุด ที่เธอควรได้รับเหมือน ๆ กับคนปกติทั่วไปในฐานะ “มนุษย์คนหนึ่ง”อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่ามันจะไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับเธอหลังจากนั้นเจนได้ซ่อนหัวใจที่มีรอยแผลเป็นอย่างหนักของเธอไว้ลึกลงไปอีก โดยซ่อนสิ่งที่หัวใจของเธอปรารถนามากที่สุดไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ไม่มีใครเข้าไปถึงที่นั่นได้ ซึ่งมันมืดมิดเงียบสงบและหนาวเหน็บราวกับความเงียบเหงาอันไร้เสียงในท้องทะเลลึกซูซี่จากไป และกลับมา และจากไปอีกครั้ง เธอมักจะมาในช่วงเวลาอาหาร และจากไปทันทีที่เธอทิ้งอาหารไว้ให้เจน“ฉันอยากที่จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว” ในคืนที่สี่หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ซูซี่วางกล่องอาหารที่เธอซื้อมาบนลิ้นชักข้างเตียงในโรงพยาบาลตามปกติอย่างไร้อารมณ์ และเธอก็หันหลังจะเดินออกไป แต่เมื่
รถแท็กซี่ขับไปที่ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ และเจนก็ก้าวออกมาจากรถยืนอยู่ที่หน้าประตูของ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์สถานบันเทิงนานาชาติ สถานที่แห่งนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุง แต่ก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่อย่างคึกคักเธอไม่รีบร้อนที่จะเข้าไป แต่กลับยกมือขึ้นและจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่อย่างพิถีพิถันจัดระเบียบของตัวเอง จากนั้นเธอก็ฉีกผ้าพันแผลที่หน้าผากออก และใช้ผมหน้าม้าปิดแผลที่ถูกเย็บสามหรือสี่เข็มนั้นไว้เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็ยืดหลังให้ตรง แม้ว่ากระดูกสันหลังของเธอจะโค้งงอมาสามปีแล้ว แต่เธอก็พยายามยืดออกเพื่อให้มันดูดี ดวงตาของเธอมองตรงไปข้างหน้า เจนยกขาขึ้นแล้วเดินเข้าไปใน อีสต์ เอ็มเพอเรอร์สถานบันเทิงนานาชาติ ที่มีแสงสีสว่างจ้าอยู่ข้างในด้านหลังของเธอมีรถเฟอร์รารีสีน้ำเงินจอดอยู่ที่ประตู อีสต์ เอ็มเพอเรอร์สถานบันเทิงนานาชาติ ภายใต้กระจกรถเผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลามาก ชายนิรนามคนนั้น คนที่ได้เห็นการสนทนาทั้งหมดระหว่างเจนและซูซี่ที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ตอนนี้ใบหน้าอันหล่อเหลาน่าทึ่ง และดวงตาที่เย้ายวนนั้นเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นของการล่า ... และความซาดิสม์!“เจน ดันน์หรอ?” สายตาของเขาจั
ใบหูของเจนร้อนผ่าว ลมหายใจของชายนิรนามคนนี้ใกล้และชัดเจนมาก ลมหายใจของเขาเข้าไปในหูของเธอ เธอไม่สามารถเพิกเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการที่จะมีปัญหาก็ใด ๆ ก็ตามแต่"ได้โปรดปล่อยดิฉันเถอะค่ะ" เธอกล่าวสิ่งที่เธอไม่คาดคิดคือ แทนที่ชายคนนี้จะปล่อยตัวเธอ ชายคนนี้กลับไม่แม้แต่จะถอยหลังออกไปด้วยซ้ำ อีกทั้งเขายังจงใจจะแกล้งเธอด้วยการพูดอย่างมีนัย ๆ ว่า "ได้สิ"ด้วยเหตุนี้เขาจึงปล่อยมือของเขาจากการจับตัวเจน ... เพียงแต่ว่าเขากลับงับไปที่ใบหูของเธออย่างทะเล้นแทนเจนตกตะลึง เธอได้พบกับผู้คนมากมาย แต่ก็ไม่มีใครเคยทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและลำบากใจได้ขนาดนี้มาก่อนเขาปล่อยเธอ…นั่นเป็นเรื่องจริงหรอ!อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หยุดเขา เขาเปลี่ยนมาจับเธอด้วยริมฝีปากของเขาแทนในเวลาเดียวกัน เจนไม่คุ้นเคยกับเสียงของผู้ชายคนนี้เลยเจนรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น…เธอมั่นใจว่าเธอไม่รู้จักผู้ชายนี้ เธอไม่คุ้นเคยกับเขาเลยจากนั้นเธอก็จำคำเตือนของผู้จัดการโคลที่หน้าประตูห้องได้ แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่เธอก็อดทนต่อการปฏิบัติของเขาที่มีต่อเธอเธอค่อย ๆ เอียงศีรษะอย่างระมัดระวัง พยายามมองไ
"จูบผม"เสียงทุ้มพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติดวงตาของคาลเลนเต็มไปด้วยความขบขันเขาไม่สามารถปกปิดมันได้ แต่เขากลับต้องรู้สึกผิดหวังเขารู้สึกว่าชีวิตของเขามันน่าเบื่อเกินไป ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเติมชีวิตชีวาให้กับมันตลอดสามเดือนที่เขาจะอยู่ที่นี่ในเมืองเอส เจน ดันน์ จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือเติมเต็มสีสันในชีวิตที่น่าเบื่อของเขาคาลเลนอยากเห็นผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง อยากเห็นเธอต่อสู้กับความขัดแย้งภายในตัวของเธออีกครั้ง อย่างไรก็ตามครั้งนี้เขากลับต้องผิดหวังหญิงสาวเพียงกระพริบตาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเงียบ ๆ และถามเขาด้วยใบหน้าที่จริงจัง "นั่นเป็นเรื่องตลกใช่ไหมคะท่าน?""ไม่" เขายิ้มเล็กน้อยสีหน้าของเขาสงบ อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมารอยยิ้มของเขาก็หุบนิ่งบนใบหน้าอันหล่อเหลา และดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลยเขามองไปที่ใบหน้าที่สวยงามของเธอตอนนี้ที่อยู่ห่างจากเขา …จากนั้นเขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกอบอุ่นแต่แห้งบนริมฝีปากของเขาเอง เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อความรู้สึกนั้นได้ เพราะริมฝีปากของเขาไม่เคยสัมผัสกับปากของหญิงสาวที่แห้งแตกขนาดนี้ "ค
“เจน อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้สิ!” คนอย่างอโลร่า เธอจะไม่ยอมถูกหลอกง่าย ๆ อย่างนี้แน่นอน ใบหน้าสวยของเธอเย็นชา “เธอกำลังบอกว่า เธอไม่ได้ใช้เวลาว่างที่หยุดไป เพราะเหนื่อยใช่ไหม?”ทันทีที่เธอพูดอย่างนั้น อโลร่าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและมองไปที่เจน “โอเค ถ้าเธอไม่ยอมบอก ฉันจะโทรหาคุณชาย สจ๊วต”ถึงมันจะไม่ใช่คำขู่ที่ดีนัก แต่อโลร่าคิดอะไรไม่ออกในตอนนี้“อโลร่าคะ คุณชายสจ๊วตจะไม่มีทางสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันหรอกค่ะ”อโลร่ากระพริบตา คราวนี้เจนพูดความจริงแน่นอนอโลร่านึกถึง ฌอน สจ๊วต เขาเป็นคนที่ปฏิบัติต่อเจนอย่างทารุณที่สุดถ้าตอนนี้เธอโทรหาเขาจริง ๆ และบอกเขาว่าเจนบาดเจ็บที่หัว เขาก็คงไม่สะทกสะท้านหรือมาสนใจใยดีอะไร“โอเคเจน เธอจะไม่ยอมบอกจริง ๆ หรอ ฉันจะไม่โทรหาคุณชายสจ๊วตแล้วก็ได้ แต่ฉันจะโทรหาผู้จัดการแผนกต้อนรับลูกค้าของคุณ และขอให้เธอมาที่นี่”เจนหน้าซีด “อย่าเรียก คุณโคลนะคะ” อโลร่าค่อนข้างผงะและแปลกใจ เจนกลัวโคลจริง ๆ หรือ? ใบหน้าของเจนขาวซีดขณะที่เธอมองอโลร่าอย่างอ้อนวอน“อย่าเรียกคุณโคล มาที่นี่นะคะ ได้โปรดค่ะอโลร่า”โคลไม่ค่อยชอบเจนตั้งแต่แรกแล้วเป็นทุนเดิม ถ้าเธอรู้ว่าเจนสร้
หลังจากเจนทำงานเสร็จเธอก็เดินกลับบ้านคนเดียวในตอนกลางคืนตามปกติซูซี่จะไม่มีทางไปทำงาน และกลับพร้อม ๆ กับเธอแน่นอนเมื่อเจนกลับมาถึงหอพัก เธอก็ต้องรู้สึกประหลาดใจที่เห็นไฟในห้องนั่งเล่นเปิดอยู่ ซูซี่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นนั้นและเล่นโทรศัพท์ของเธออยู่เมื่อเจนเข้ามาในห้องซูซี่ก็วางโทรศัพท์ของเธอลงทันที และยืนขึ้น“กลับมาแล้วเหรอ?”เจนรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วซูซี่จะหมกตัวอยู่แต่ในห้องนอนของเธอและคงนอนหลับไปแล้ว แต่วันนี้เธอนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เธอกำลังรอเจนอยู่หรือเปล่านะ?"อืม" เจนปกติเป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรอยู่เป็นทุนเดิมกล่าวตอบซูซี่สั้น ๆ ในช่วงสามปีที่เธออยู่ในคุกชีวิตของเธอก็ไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึงมากนักความเงียบจึงกลายมาเป็นโหมดปกติของเธอ“ฉันได้ยินมาว่ามีลูกค้าถามหาเธอในห้องวีไอพีที่ชั้นหก เขาคือใคร?"ซูซี่กำลังพยายามพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเธออยู่ใช่ไหมนะ? เจนเงยหน้าขึ้นมองซูซี่ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองอย่างไม่เห็นคุณค่า…ใช่ราวกับว่า“ลูกค้าใหม่” เจนพูดช้า ๆ ในใจของเธอรู้ดีราวกับว่าเธอสามารถเข้าไปในความคิดของซูซี่ได้ สิ่งที่ซูซี่อยากถามจริง ๆ แล้วค