LOGINเพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
View More“ฉันก็ไม่ได้หมายความแบบนั้น วาไม่ใช่คนอื่น แต่คุณก็…ฮึ่ย! ช่างเถอะ พูดไปฉันก็ไม่ได้กินอยู่ดี” ศิศิราเม้มปากด้วยความหงุดหงิดขุ่นเคือง ขุ่นเคืองที่ว่าอะไรอีกฝ่ายมากไม่ได้ เพราะเขาเป็นเจ้านาย “อีกนานไหมคะ” ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินไปที่รถด้วยกัน จู่ๆ เธอก็ถามขึ้น ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วและหันมามอง “เนี่ย? อีกนานไหมคะ” เธอย้ำอีกครั้ง พร้อมกับเหลือบไปมองมือเขาที่ยังจับอยู่ที่แขนของเธอ ทำให้คนจับจำต้องรีบปล่อย ซึ่งเป็นตอนที่ถึงที่รถแล้วพอดี คนรถที่เห็นเจ้านายเดินมา ก็รีบเดินมาเปิดประตูรถให้อย่างรู้หน้าที่ “เอ้า! นี่บอสจะขับเองเหรอคะ” เธอร้องถาม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับแทนที่จะเป็นเบาะหลังอย่างที่ควรจะเป็น “อืม! ขึ้นรถสิ เดี๋ยวไม่ทัน” คำตอบของเขาทำให้เธอต้องรีบเดินอ้อมไปเปิดประตูข้างคนขับ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งเคียงข้างกันออกไป กระทั่งรถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง “ฉันจำได้ว่าเรานัดลูกค้าไว้ที่โรงแรมไม่ใช่เหรอคะ แต่นี่มัน…” เธอลงมาหยุดยืนอยู่หน้าภัตตาคารด้วยสีหน้างุนงง “รีบไปเถอะ เดี๋ยวไม่ท
“ผมหมายถึง ผมต้องการให้คุณเข้ามากินข้าวเป็นเพื่อนผม…ในห้องนี้” เธอได้ฟังถึงกับลอบถอนหายใจ แต่แล้วหัวคิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากัน เมื่อได้ทบทวนในสิ่งที่เขาต้องการ “นี่เป็นคำสั่งหรือว่าหน้าที่ที่เลขาต้องทำคะ” นั่นสินะ ก่อนหน้าถ้าเขาไม่ออกไปหาอะไรกินข้างนอก เธอก็มีหน้าที่เตรียมเข้ามาให้เขากินในห้อง เหมือนที่กำลังจะทำตอนนี้ “ก็ถ้าคิดแบบไหนแล้วสบายใจก็แบบนั้นแหละ” สิ้นเสียงเขาก็ก้มลงไปง่วนกับแฟ้มงานต่อ “ตะแต่ว่า…” เธอพยายามจะหาเหตุผลดีๆ สักข้อมาอธิบาย แต่ก็ถูกขัดอีกจนได้ “รีบไปจัดการเถอะ ผมหิวแล้ว” เขาบอกปัด ใช่! ปัดปัญหามาที่เธอนี่แหละ ก็เขาบอกว่าจะกินเหมือนเธอ แล้วเธอก็ดันเสนอข้าวกะเพรา แต่เรื่องของเรื่องคือ…เธอไม่กินใบกะเพรา ฮือ…! นี่สินะที่เขาเรียกว่าอาหารสิ้นคิด ไม่ทันคิดเลยจริงๆ ว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้ แต่ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามชะตากรรม เธอเดินคอตกออกมาด้านนอก เพื่อสั่งอาหารที่ว่าด้วยความทดท้อใจ “ถ้าสั่งกะเพราไก่ แต่ไม่ใส่ใบกะเพราได้ไหมเนี่ย ฮือ! สั่งไปมีหวังโดนด่าสามวันไม่ซ้ำแน่ เอาวะกินก็กินว
บทที่ 1 หลายเดือนก่อนหน้าพนักงานสาวที่ทำงานอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์อย่าง ศิศิราได้ถูกเรียกให้ขึ้นมาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขารองประธานบริษัท ใช่! เธอได้เลื่อนตำแหน่ง ถึงแม้มันจะเป็นตำแหน่งที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ทำหรือทำได้ แต่ก็นะผลตอบแทนที่มันมากขึ้นก็ทำให้เธอฮึกเหิมและมั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ นี่ไม่ได้งกนะ เขาเรียกว่าทำเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น “ขอบคุณมากนะคะพี่ตาที่เลือกศิ” ตอนนั้นเธอจำได้ว่าเธอแทบจะเข้าไปกอดศรุตาด้วยความซาบซึ้งที่อีกฝ่ายเลือกตนมาเป็นผู้ช่วย “อื้อ! ตั้งใจให้มากๆ นะ ให้สมกับที่ถูกเลือก เอาเป็นว่ามีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ตลอด ยังไงเราก็ต้องทำงานด้วยกันไปอีกนาน” ศรุตายิ้มให้ “แน่นอนค่ะ หนูจะตั้งใจ จะไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอนค่ะ” เธอเข้าไปกอด ศรุตาประหนึ่งเด็กขี้อ้อน พลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเทิดทูนบูชา ตัดมาที่ภาพตอนนี้ ที่เธอได้เลื่อนขั้นจากผู้ช่วยมาเป็นเลขาเต็มตัว เพราะเลขาคนเก่าดันลาไปคลอด ใช่! เธอถูกเทรนมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพื่อหน้าที่อันหนักอึ้งที่แทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง แล้วถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เธอได้แห้งเหี่ยวเฉาตายอ
บทนำ กลางคืนที่เงียบสงัด หลายคนอาจหลับไปแล้ว แต่ยังมีอีกหลายคนที่สนใจทำอย่างอื่นมากกว่านอนหลับ หนึ่งในนั้นก็คือเขา ภากร จงวิสุทธิ์รังสรรค์ รองประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันหลงเสน่ห์ ก็ไอ้การนอนหลับมันจะไปสู้การหลับนอนได้ยังไงล่ะ “……..” เสียงหอบหายใจของชายหนุ่มกับหญิงสาวดังกระชั้นสอดประสานกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อชัดเจนอยู่ในโสตประสาท ยิ่งบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดมากเท่าไหร่ เสียงของพวกเขาก็ยิ่งดังมากเท่านั้น “อา…!” เขาครางกระหึ่มขณะกำลังโหย่งขยับตอกอัดใส่บั้นท้ายงามงอนเป็นจังหวะเร็วขึ้น สะโพกผายที่กำลังโก่งยกเปิดทางให้ท่อนเอ็นลำใหญ่ได้ดำดิ่งสู่เนินสาวอวบอูมสมใจอยาก ขณะที่สะโพกสอบโก่งกระแทกเป็นจังหวะเร่าร้อนรุนแรง สะโพกผายที่กำลังดีดเด้งตามจังหวะตอกอัดก็กำลังดึงดูดสายตาให้เขาอดใจไม่ไหว ใช้สองมือบีบขยำความหนั่นแน่นตรงหน้าสลับลูบไล้ความเนียนนุ่มน่าสัมผัสนั้นด้วยความหลงใหล ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นไปสัมผัสโลมเล้าบนแผ่นหลังเนียนละเอียด ที่เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทั้งนุ่มทั้งลื่นจนเขาแทบอยากจะเกลือกกลิ้งใบหน้าลงไป แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาเคย





