…อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินเพิ่งส่งคนตระกูลจินกลับไปได้ไม่นาน โจวเทียนเฟิ่งก็ส่งรูปมาให้เขารูปหนึ่งรูปนั้นเป็นรูปของโจวเทียนเฟิ่งเองเพียงแต่โจวเทียนเฟิ่งที่อยู่ในรูป แทบจะทำให้เห็นความที่สุดของคำว่ายั่วยวน ผมลอนใหญ่ม้วนยาวสง่า สวมหมวกพยาบาลแบบเฉียงๆ อีกด้วยท่อนบนสวมชุดพยาบาลซีทรู เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งครึ่งวงกลมสีขาวสองส่วนกระโปรงซีทรูปกปิดท้องน้อยที่กระชับและเรียบเนียนไว้ มองขึ้นไปตามกระโปรงซีทรู หน้าอกอวบอิ่มคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นราง ๆกระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ กึ่งปิดกึ่งเปิด เห็นขอบลูกไม้ด้านในได้ชัดเจน เข็มขัดถูกผูกเป็นโบสีชมพู แล้วมัดไว้ด้านข้างขาเรียวยาวสองข้างยังสวมใส่ถุงน่องตาข่ายสุดเซ็กซี่ไว้ เท้าเล็กๆ สีชมพูคู่นั้นยังสวมใส่รองเท้าแก้วไว้อีกด้วยเชี่ยเอ๊ย!เป็นชุดเครื่องแบบที่ยั่วสวาทจริงๆ !ฉู่เฉินที่ผ่านการรบติดต่อมาเป็นเวลานาน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ“เฉินเฉิน... วันนี้อยากจะมานอนบนเตียงกับฉันไหมคะ?”ในขณะที่ฉู่เฉินกำลังดื่มด่ำกับวิวสวยตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา“เป็นอะไรไป ไม่ได้เจอกันแค่วันเดียวเอง คุณอยากอีกแล้วเหรอครับ?”ฉู่เฉินส่งข้อ
“ปรมาจารย์ฉู่ ผมได้นัดเจ้าใหญ่นายโตไม่กี่ท่านไว้แล้วครับ วันนี้นัดพบเจอกันที่ภัตตาคารพาราเมาท์ตอนกลางวันครับ เมื่อถึงเวลานั้นคุณมอบยาบำรุงปราณให้ผม แล้วผมจะลองนำไปให้พวกเขาดูครับ”“ผมเชื่อว่าพวกเขาก็จะเหมือนผมที่อยากจะแย่งชิงยาบำรุงปราณมา”จงอาหู่พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นแม้ว่าเขาจะกินไปแค่เม็ดเดียว แต่ว่าก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังของตนเองนั้นมีการยกระดับขึ้นก็เหมือนกับที่ฉู่เฉินพูดว่าจำเป็นต้องกินให้ถึงสิบเม็ด ถึงจะสามารถยกระดับพลังได้ ตอนนี้กินไปแค่เม็ดเดียวก็เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนแบบนี้ จงอาหู่ก็พอใจมากๆ แล้วฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าวขึ้นมาว่า “อืม ก็ได้นะ เอาอย่างนั้นแหละ ฉันจะเขียนใบเสร็จให้หนึ่งใบ นายก็รีบซื้อวัตถุดิบยาตามจำนวนและชนิดที่เขียนไว้บนใบเสร็จกลับมาก็แล้วกัน”“หลังจากนั้นก็ลองไปสืบดูว่าสามารถซื้อหญ้าเทียนเซียงได้จากที่ไหนบ้าง”พูดจบฉู่เฉินก็ยกปากกาขึ้นมา เขียนวัตถุดิบและจำนวนที่ต้องใช้หลอมยาลงไปบนกระดาษ หลังจากนั้นจึงส่งมอบใบสั่งยานั้นให้จงอาหู่น้ำหนักที่ฉู่เฉินเขียนลงไป ล้วนแต่มีหน่วยเป็นร้อยชั่ง อีกทั้งเขาก็ไม่ได้เขียนอั
“หืม?”โจวเทียนเฟิ่งที่เคยสังเกตฉู่เฉินมาโดยตลอด หลังจากที่เห็นฉู่เฉินเดินขึ้นไปบนเนินเขาแล้ว ตามมาด้วยเงาเพียงแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็หายไปไม่เห็นอีกเลย ไม่เพียงแต่ตกใจจนอ้าปากค้าง เธอยังรีบสวมเสื้อคลุมแล้วรีบวิ่งไปทางเนินเขาหลังจากที่เธอมาถึงยอดเขา กลับเห็นแค่ความว่างเปล่าในบริเวณรอบๆ ไม่มีแม้แต่เงาของฉู่เฉินโจวเทียนเฟิ่งช็อกไปเลยหรือว่านี่จะเป็นข้อแตกต่างระหว่างผู้บำเพ็ญเต๋าและนักสู้เหรอ?“เฉินเฉิน? คุณอยู่ไหมคะ?”โจวเทียนเฟิ่งตะโกนถามหยั่งเชิงขึ้นมาแต่นอกจากเสียงคำรามของลมและภูเขาแล้ว ก็ไม่มีเสียงใครตอบกลับมาเลยในขณะนั้นเอง ฉู่เฉินที่ซ่อนอยู่ในค่ายกล เขามองไปที่โจวเทียนเฟิ่งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและไม่พูดอะไร“ตู้ม!”ตามมาด้วยหมอกจางๆ ที่คลุ้งออกมา ยาลูกกลอนหม้อแรกอยู่ในมือของฉู่เฉินตามมาด้วยหม้อที่สอง หม้อที่สาม...ระยะสั้นๆ เพียงแค่ตอนเช้า ฉู่เฉินสามารถหลอมยาได้ร้อยหม้อภายในลมหายใจเดียวยาบำรุงปราณหนึ่งพันเม็ดเต็มๆ ถูกฉู่เฉินหยิบขึ้นมา หลังจากนั้นก็ใส่เข้าไปที่ถุงหนังงู“เฮ้อ!”ฉู่เฉินถอนหายใจออกมาเบาๆ ค่ายกลล่องหนรอบๆ ก็ค่อยๆ หายไป ร่างของฉู่เฉินเหมือนกับแวบขึ้นมา
ซี้ดจงอาหู่ขมวดคิ้ว ถามชายคนนั้น มองจากสีหน้าของเขา เขาไม่มีทางโกหกแน่นอนเมื่อนึกถึงส่วนนี้ เขาก็พยักหน้าพูดขึ้นมาว่า “ไป พาฉันไปดูหน่อย”ทั้งสองคนที่เพิ่งถึงบริเวณเนินเขา ห่างออกไปแสนไกล จงอาหู่ก็ได้ยินเสียงจากทางยอดเขา เสียงดังลั่น ราวกับว่าจะทำให้หูดับได้เลยนะ!แต่ว่าเสียงนั่น ทำไมไม่ว่าจะฟังอย่างไรมันก็ฟังคุ้นหูล่ะ?ซี้ด!ไม่ใช่ว่าอาเจ๊กับปรมาจารย์ฉู่กำลังทำอะไรบนเขา...แม่งเอ๊ย!อาเจ๊กับปรมาจารย์ฉู่นี่โรแมนติกจริงแม้ว่าจะนึกถึงความเป็นไปได้นี้ได้ แต่จงอาหู่ก็ยังเดินตามอยู่ข้างหลังชายคนนั้น เดินมุ่งยังไปเนินเขา“พี่หู่ พี่ได้ยินแล้วใช่ไหมครับ แต่ว่า... พวกลูกน้องก็ต่างพากันตามหารอบๆ นี้ไปแล้ว แต่กลับไม่พบใครเลยครับ นี่... นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วนะครับ”ชุดของหัวหน้าบอดี้การ์ดเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขามองดูจงอาหู่ด้วยสายตาว่างเปล่าไม่ได้การแล้ว ภูเขานี้สกปรกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาดูเสียแล้ว“ช่างมันเถอะ หาไม่เจอก็ไม่ต้องหาแล้ว ทุกคนกลับไปเถอะ”จงอาหู่ขมวดคิ้ว พร้อมโบกมือไปที่ทุกคนยิ่งเข้าใกล้เขาก็ยิ่งได้ยินชัดขึ้น ที่มันเป็นการปลดปล่อยของอาเจ๊กับป
...ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หน้าประตูห้องเทียนจื้อเบอร์หนึ่งของภัตตาคารพาราเมาท์ จงอาหู่ผลักประตูเข้าไปขณะนั้นเอง ภายในห้องได้มีคนอยู่ห้าคนได้นั่งล้อมรอบโต๊ะกลมเอาไว้แล้ว“โอะ นี่มันพี่หู่ของเราไม่ใช่เหรอ? ช่วงนี้สีหน้าดูไม่เลวเลยนี่ เจ๊เฟิ่งขึ้นเงินเดือนให้นายเหรอ?”ชายวัยกลางคนที่มีร่างกายอ้วนตุ๊ต๊ะ หัวโตหูใหญ่ หน้าตาผิดปกติ พร้อมรอยยิ้มที่ร้ายกาจกำลังมองมาที่จงอาหู่พร้อมพูดขึ้นมาเขาเป็นลูกชายของท่านประธานเจียงจงฟาร์มาซูติคอลกรุ๊ป ชื่อว่าสวี่เทียนหลายหนึ่งในนั้นเขาเป็นคนที่มีเบื้องหลังลึกซึ้งที่สุด อีกทั้งอย่าเห็นว่าเจียงจงฟาร์มาซูติคอลเป็นแค่บริษัทยา แต่เบื้องหลังนั้นกลับเป็นความมั่นคงทางการเงินของประเทศบริษัทเล็กๆ ทั่วไป ไม่มีทางที่จะเข้าตาเจียงจงฟาร์มาซูติคอลอย่างแน่นอน!แม้แต่ผู้ว่าการหลี่ยังต้องให้เกียรติเจียงจงฟาร์มาซูติคอล เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วยาบำรุงของเจ้าใหญ่นายโตในมณฑล ล้วนผลิตมาจากเจียงจงฟาร์มาซูติคอล“คุณชายสวี่ล้อผมเล่นอีกแล้ว ผมเป็นแค่คนขับรถต่ำต้อยจะมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือนได้อย่างไรครับ”จงอาหู่หัวเราะอย่างเหน็บแนม ลากเก้าอี้แล้วนั่งลงไป“คนขับรถข
“กินข้าวเหรอ?”ฉู่เฉินเหลือบมองไปที่นาฬิกาข้อมือ เที่ยงพอดี นี่ก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว เขาจึงพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ได้ครับ คุณเลือกเลยครับว่าจะทานที่ไหน ส่งที่อยู่มาให้ผมก็พอครับ”ซูซูเห็นว่าฉู่เฉินตอบรับทันที ภายในใจก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก รีบตอบกลับไปว่า “โอเคค่ะ เดี๋ยวเจอกันนะคะคุณฉู่”พูดจบก็วางสายไปเวลาผ่านไปไม่นาน ซูซูก็ส่งโลเคชั่นมาให้ฉู่เฉินเธอเลือกเป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นชื่อนาราอิซากายะ ค่าใช้จ่ายที่นี่จะค่อนไปทางสูง แต่สไตล์การตกแต่งมีเอกลักษณ์ร้านอาหารร้านนี้ไม่มีห้องโถง แต่เป็นการแบ่งห้องแต่ละห้องเป็นห้องเล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่นภายในห้องเต็มไปด้วยเสื่อทาทามิ มีโต๊ะรับประทานอาหารขนาดเล็กยาวกว่าหนึ่งเมตรตั้งอยู่ตรงกลาง ข้างๆ ยังมีห้องเล็กๆ เพื่อให้แขกได้พักผ่อนอีกด้วยข้างในมีเครื่องนอนทุกชนิด ซูซูมาทานข้าวร้านนี้เป็นประจำ หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ ยังสามารถงีบกลางวันได้ด้วยวันนี้ที่นัดฉู่เฉินมาที่นี่ก็เพื่อความก้าวหน้าในอนาคตของเธอแม้ว่าเธอจะเป็นแค่พิธีกรตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ก็มองออกได้ไม่ยากผ่านรายการไลฟ์สดวันนั้น ผู้อาวุโสฮว่าได้ให้ความสำคัญต่อฉู่เฉินไม่แน่ในอนา
เวลาผ่านไปไม่นาน พนักงานก็นำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ ตอนที่เขาออกจากห้องไปยังปิดประตูอีกด้วย“คุณฉู่ มาค่ะ ฉันดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว”ซูซูเทสาเกเต็มแก้วให้ฉู่เฉิน หลังจากนั้นก็เทให้ตัวเองแก้วหนึ่ง แขนหยกขาวราวหิมะยกแก้วเหล้าพร้อมพูดขึ้นมาฉู่เฉินยกแก้วขึ้นมาพร้อมยิ้มเล็กน้อย ชนแก้วกับซูซู หลังจากนั้นก็ดื่มจนหมดแก้วซูซูลุกขึ้นมาชนแก้ว เข็มขัดของกระโปรงเอวสูงเกี่ยวโดนมุมโต๊ะพอดี หลังจากที่เธอลุกขึ้นมา เสียงดังแควก กระโปรงถูกเกี่ยวจนฉีกกลายเป็นรอยฉีกรอยใหญ่ในตอนนั้นเอง ซูซูก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ สาเกที่อยู่ในแก้วเหล้าก็หกใส่ร่างของเธอจนหมด“โอ๊ย คุณฉู่ น่าอายจริงๆ เลยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”ซูซูพลางอธิบายให้ฉู่เฉิน พลางดึงทิชชูมาเช็ดเสื้อผ้าที่เลอะเหล้าอยู่“ผมช่วยครับ”ฉู่เฉินหยิบผ้าขนหนูมาหนึ่งผืน ลุกเดินมายังที่นั่งของซูซูแต่ว่าไม่เช็ดก็ดีนะ พอเช็ดแล้วเหล้าก็กระจายไปหมด ชุดหน้าปกติก็บางอยู่แล้ว เวลาแค่แป๊บเดียวก็ถูกน้ำหกจนเปียกไปทั่วชั่วขณะหนึ่ง ผิวขาวราวกับหิมะของซูซู พร้อมทั้งส่วนโค้งเว้าที่น่าภูมิใจก็ถูกฉู่เฉินเห็นหมดในคราเดียวแม้แต่กางเกงในสีชมพูนั้นก็เห็นได้อย่างชัดเจนซูซูร
“ฉันคือฉู่เฉิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”ฉู่เฉินเดินมาที่มุมทางเดิน พูดขึ้นใส่จงอาหู่ที่อยู่ปลายสาย“คุณฉู่ พวกเพื่อนของผมต้องการซื้อยาบำรุงปราณบางส่วน ไม่มีคำอนุญาตจากคุณ ผมจะกล้าตัดสินใจได้อย่างไรครับ? คุณว่าขายได้ไหมครับ?”ปลายสาย จงอาหู่พูดด้วยน้ำเสียงเคารพฉู่เฉินพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ได้ แต่ต้องควบคุมให้ขายแค่สิบเม็ดนะ ส่วนเรื่องราคานายก็ลองพิจารณาเองแล้วกัน”พูดจบฉู่เฉินก็วางสายลง เดินกลับไปยังห้องเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินกลับมาแล้ว ซูซูลูบไหล่ของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “คุณฉู่คะ ทักษะการแพทย์ของคุณดีขนาดนั้น ช่วยสอนฉันนวดหน่อยได้ไหมคะ”“พวกเราที่ทำงานเป็นพิธีกรเป็นโรคกระดูกสันหลังหนักมาก เพียงแค่นั่งนานหน่อย คอและไหล่ก็ปวดไปหมดเลยค่ะ”ฉู่เฉินได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอย่างเรียบนิ่งแล้วพูดว่า “ง่ายนิดเดียวครับ เขยิบมาครับ เดี๋ยวผมจะสอนคุณ”เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซูซูก็ยิ้มออกมา คลานเข่าไปข้างๆ ฉู่เฉิน แผ่นหลังหยกเนียนทั้งหมดปรากฏต่อหน้าของฉู่เฉิน “ขอบคุณค่ะคุณฉู่”ฉู่เฉินนำพลังวิญญาณโคจรไว้ในมือ กดเข้าไปที่คอหยกอ่อนนุ่มของซูซูด้วยแรงกดและการถูที่ปลายนิ้วของฉู่เฉิน ในเวลาแค่แพล็
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่