หญิงสาววัยแรกแย้มได้ยินว่าฉู่เฉินเป็นคนตรวจโรคให้นายท่านใหญ่เฉียว สีหน้าที่สงบนิ่งพลันแย้มรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ขึ้นมาทันที ก่อนจะยื่นมือเรียวสวยให้ฉู่เฉิน “สวัสดีครับ”ฉู่เฉินจับมือเธออย่างใจกว้างมาก “หมอเทวดาฉู่คะ ท่านนี้คือพี่สะใภ้ของฉัน เจียงถิง เป็นพิธีกรสถานีโทรทัศน์เจียงจงของพวกเรา”ฉู่เฉินพยักหน้าหนัก ๆ แล้วกล่าวว่า “พวกคุณแซ่เดียวกันเหรอ?” หืม?หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็อึ้งกับคำถามของฉู่เฉิน แซ่เดียวกัน?ฉู่เฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนวิธีถามว่า “ผมหมายถึงแซ่เจียงกันทั้งนั้นเลย บังเอิญมากเลยนะครับ”“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ ฉันแซ่เจียงที่มาจากคำว่าแม่น้ำค่ะ” เจียงถิงรีบอธิบาย “อ้อ หมายถึงตัวเจียงที่มีน้ำมากมาย” ฉู่เฉินเอ่ยยืนยันอีกครั้ง“แค่ก!” เจียงอิ่งกระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดกับเจียงถิงที่กำลังตกตะลึงว่า “คุณฉู่คนนี้พูดจาตลกมากเสมอ คุณอย่าคิดมากเลยนะ” เจียงถิงพยักหน้าเล็กน้อย ยังนึกว่าตัวเองถูกฉู่เฉินมองออกแล้ว คำถามนี้มันมหัศจรรย์เกินไป ที่สำคัญคือฉู่เฉินรู้ได้อย่างไรว่าเป็นปัญหาเรื่องน้ำ?“ได้ งั้นพวกคุณคุยกันก่อนเถอะ ผมยังมีธุระ ถ้ามีวาสนาค่อยพบกันใหม่” ฉู่เฉินก
“กรี๊ดดด...” หลิ่วชิงเหอเจ็บจนหนีบขาสองข้างแน่น มือเล็ก ๆ ที่เดิมทีตั้งใจจะปกป้องสวนลูกแพร์ก็กดลงบนต้นขาขาวดุจหิมะทันทีการลอบโจมตีครั้งนี้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว“แกมันไอ้เดรัจฉาน! ฉันจะฆ่าแกให้ได้!” หลังจากเสียงร้องตะโกนของหลิ่วชิงเหอ หลิ่วหรูเยียนที่กำลังเทียบขนาดหน้าอกกับหญิงสาววัยเดียวกันตรงชั้นบนก็ทำหน้าแข็งทื่อฉับพลัน หรือว่าเป็นฉู่เฉิน?!เขาถูกจับตัวไปแล้วไม่ใช่หรือไง?หรือว่าเกิดข้อผิดพลาดทางการแพทย์อะไรขึ้นอีก? เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิ่วหรูเยียนก็รีบสวมชุดนอนกระโปรงแล้วลนลานกระโดดลงจากเตียง เธอถึงขนาดไม่มีเวลาพอที่จะสวมรองเท้าแตะ เท้าขาวนวลเล็ก ๆ วิ่งลงไปข้างล่างด้วยเท้าเปล่าหญิงสาวที่เทียบขนาดหน้าอกกับหลิ่วหรูเยียนคนนั้นก็เอาเสื้อมาคลุมง่าย ๆ ก่อนจะวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นฉู่เฉินที่หน้าประตู หลิ่วหรูเยียนกับหญิงสาวคนนั้นแทบจะตกตะลึงไปพร้อมกัน หลิ่วหรูเยียนไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองจริง ๆ วันนี้เธอเห็นกับตาว่าฉู่เฉินถูกเจียงอิ่งพาขึ้นรถเจ้าหน้าที่ตรงหน้าประตูตึกออฟฟิศของซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลตะวันยังไม่ตกดิน ทำไมถึงปล่อยตัวออกมาแล้วล่ะ? ห
เนื่องจากตอนบ่ายมาถึงบ้านตระกูลหลิ่ว เธอยังคิดจะฉีดน้ำหอมใส่หน้าของฉู่เฉิน แกล้งฉู่เฉินเล่นสักรอบ แต่หาจนทั่วหนึ่งรอบก็ไม่พบเงาของฉู่เฉินเลย เธอถึงได้ถามหลิ่วหรูเยียนว่าฉู่เฉินอยู่ที่ไหนหลิ่วหรูเยียนไม่ขบคิดอะไรทั้งนั้นก็บอกเธอว่าฉู่เฉินตายไปแล้วตอนนั้นตู้เสี่ยวเยวี่ยยังนึกเสียดาย พอนึกถึงเหตุการณ์ที่สาดน้ำหอมใส่หน้าของฉู่เฉิน เธอก็เพลิดเพลินใจอย่างมาก ฉู่เฉินตายไปแล้วได้อย่างไรกัน?แต่ตอนนี้พอเห็นฉู่เฉินที่ทำสีหน้าเย็นชา ใบหน้ามีรัศมีอำมหิต ตู้เสี่ยวเยวี่ยก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาราง ๆ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณน้ารอง ญาติผู้พี่และฉู่เฉินจะไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เธอจินตนาการไว้โดยเฉพาะเสียงกรีดร้องสองครั้งของหลิ่วชิงเหอเมื่อครู่นี้ ในนั้นยังแฝงความหมายมากเกินไปจริง ๆ “ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปฟังเขาพูดจาส่งเดช!” หลิ่วหรูเยียนกัดฟันกรอดจ้องมองฉู่เฉิน แต่ร่างกายกลับถอยหลังติดต่อกันอย่างควบคุมไม่อยู่ฉู่เฉินหัวเราะหยัน มองไปทางหลิ่วหรูเยียนแล้วพูดว่า “เธอน่าจะไม่ได้บอกขั้นตอนการถอนพิษให้เขาฟังใช่ไหม? ไม่เป็นไร ทางฉันมี”ฉู่เฉินพูดพลางล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกร
ฉู่เฉินหัวเราะหยัน หันหน้าไปมองตู้เสี่ยวเยวี่ยที่อยู่ทางด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “เธอแต่งงานมาสองปีแล้วแต่ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยใช่ไหม?” “นะ...นายรู้ได้ยังไง?”ตู้เสี่ยวเยวี่ยเบิกตาโต มองมาทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเธอแต่งงานกับหลี่โย่วถังมาเกือบสองปีแล้ว แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อยท่าทีของตระกูลหลี่ที่มีต่อเธอก็ไม่ได้อบอุ่นเหมือนในตอนแรกแล้วถึงขนาดที่มีบางครั้ง มารดาหลี่ยังพูดเหน็บแนมเยาะเย้ยใส่ เช่นคำพูดที่ว่า ต่อให้อุ้มแม่ไก่แก่ ๆ กลับมา สองปีก็น่าจะวางไข่ได้แล้วครั้งนี้ตู้เสี่ยวเยวี่ยกลับมาที่เจียงจง ฉากหน้าคือมาเยี่ยมญาติ แต่ความจริงคือเพื่อมาตรวจรักษา เธอไปโรงพยาบาลใหญ่ต่าง ๆ ทั่วเมืองหมอตู ตรวจไปตรวจมาก็ตรวจหาสาเหตุไม่ได้ นี่ถึงทำให้เธอคิดจะกลับมาที่เจียงจงเพื่อหาหมอเทวดาซุนให้ช่วยตรวจโรคให้ นี่ยังไม่ทันได้เจอหมอเทวดาซุนก็ถูกฉู่เฉินมองออกก่อนแล้ว “เพราะเธอเองก็เคยใช้น้ำยาที่ตัวฉันเคยแช่ไว้ น่าเสียดายที่คุณสมบัติร่างกายของเธอพิเศษ ไม่สามารถเพลิดเพลินกับกายาโอสถสวรรค์ได้ ดังนั้นเธอถึงกลายเป็นหมัน”เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ตู้เสี่ยวเ
“ขึ้นมานั่งสิ” ฉู่เฉินเอนตัวนอนบนโต๊ะด้วยใบหน้ายิ้มร้าย แล้วค่อย ๆ หลับตาสองข้าง ภายใต้สายตาตกตะลึงพรึงเพริดอย่างยิ่งของตู้เสี่ยวเยวี่ยกับหลิ่วหรูเยียน หลิวชิงเหอทำตามคำพูดของฉู่เฉินจริง ๆ “ไม่! นี่มันไม่จริง!”หลังจากเสียงตะโกนที่ข่มกลั้นเอาไว้เนิ่นนาน หลิ่วชิงเหอส่งเสียงออกมาจากในลำคอ หลิ่วหรูเยียนเอามือสองข้างกุมหัวนั่งยอง ๆ ลงมา เธอไม่อาจยอมรับความจริงข้อนี้ได้เลย สวะไร้ค่าอย่างฉู่เฉินกลับทำตัวเหิมเกริมแบบนี้กับหลิ่วชิงเหอต่อหน้าเธอ สิ่งที่ทำให้เธอไม่อาจยอมรับได้ยิ่งกว่านั้นคือ หลิ่วชิงเหอยังเป็นฝ่ายเริ่มเองอย่างไรก็ตาม เสียงตะโกนของหลิ่วหรูเยียนถูกเสียงกลองรบที่เร่าร้อนกลบมิดอย่างรวดเร็ว และเสียงกลองรบนี้ยังเป็นสิ่งที่หลิ่วชิงเหอตีขึ้นมาเองตั้งแต่ต้นจนจบ ฉู่เฉินไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย เขาเอาศีรษะหนุนมือสองข้าง ระหว่างที่หลับตาพักผ่อนก็ทำให้หลิ่วชิงเหอทะยานสู่สวรรค์ตู้เสี่ยวเยวี่ยที่ดูอยู่ทางด้านข้างอดกลืนน้ำลายไม่ได้ สบายขนาดนี้เลยเหรอ?อย่าเห็นว่าเธอแต่งงานมาแล้วสองปี แต่เธอไม่เคยลืมตัวแบบหลิ่วชิงเหอ ส่งเสียงร้องดังก้องแบบนี้เลยสักครั้งถึงขนาดที่มีบางครั้งเธอจำ
เวลานี้ ป้าอู๋ที่ซ่อนตัวอยู่ในสวนดอกไม้หลังบ้านตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด ขาเรียวยาวที่ขาวดุจหิมะทั้งสองข้างหนีบเข้าหากันแน่น ๆ เสียงกลองรบต่อสู้พัวพันกันอย่างดุเดือดภายในห้องก็เหมือนกับการอัญเชิญที่อันตรายถึงแก่ชีวิตที่สุดสำหรับนักรบเลือดบริสุทธิ์อย่างเธอแต่เธอจำเป็นต้องอดทน ความทรมานเช่นนี้กินเวลาไปสองชั่วโมงกว่าเต็ม ๆ เสียงร้องโวยวายรอบข้างถึงค่อยกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง “ไปแล้วเหรอ?” ป้าอู๋ตัวสั่น ชะโงกหน้าออกมาจากในพุ่มดอกไม้ มองไปยังลานหน้าบ้านด้วยความร้อนใจจากความปรารถนา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏสู่สายตากลับเป็นยอดเขาสูงตระหง่านที่บดบังสายตาของเธอไว้ “ว๊าย!”ป้าอู๋ตกใจจนสะดุ้งยกใหญ่ ฉู่เฉินมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาหาเธอเจอได้อย่างไร? ยังไม่ทันที่เธอจะได้สติกลับมา ก็เหมือนถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับไว้ข้างล่าง.....จนกระทั่งตะวันลับฟ้า ฉู่เฉินถึงค่อยสวมเสื้อผ้าพลางพูดกับหลิ่วชิงเหอและหลิ่วหรูเยียนสองแม่ลูกว่า “ครั้งนี้แค่สั่งสอนพวกเธอเบา ๆ ฉันไม่อยากให้มีครั้งต่อไปอีก” หลิ่วชิงเหอกัดฟันกรอด จ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉินโดยไม่พูดอะไรสักคำส่วนตู้เสี่ยวเยวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบกอด
พรืด! อวี้ลู่หัวเราะคิกคักออกมาแล้วเอ่ยว่า “นั่นเป็นเพราะว่าคนอื่นเขาไม่ชินกับการใช้โทรศัพท์มือถือไม่ใช่หรือไง? เอาละ อย่าโมโหเลย ต่อไปจะไม่ทำแล้วตกลงไหม?”ฉู่เฉินถอนหายใจ เขาอยากพูดว่าไม่ แต่ดูเหมือนว่าไม่สามารถต่อต้านได้เลย ในเมื่อต่อต้านไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงจำยอม“พูดมาเถอะครับ มาหาผมมีธุระอะไร?”“ก็เพราะเรื่องดอกอัสนีอยู่แล้วสิ”อวี้ลู่เอ่ยอย่างจริงจังมาก “ข้าได้รับข่าวมาแล้วว่าพรุ่งนี้บริษัทประมูลของตระกูลหลินในเมืองหลวงจะมีการประมูลดอกอัสนีหนึ่งต้น เจ้าสามารถไปประมูลมันมาได้เลย”อะไรนะ?ฉู่เฉินมองอวี้ลู่อย่างพิจารณา เขาได้กลิ่นกายที่หอมเย้ายวนของเธอ ก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพื่อนสาวครับ พี่ก็พูดง่ายมากว่าให้ประมูลมันมา แต่พี่รู้ไหมว่าเจ้านั่นมีราคาเท่าไหร่?” ถึงแม้ตอนนี้ฉู่เฉินจะรวยมาก นอกจากนี้เงินฝากในบัญชีส่วนตัวยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ปัญหาคือต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถโยนทิ้งลงในน้ำได้นะ “เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” อวี้ลู่ตัดส่วนสำคัญที่สุดในคำพูดของฉู่เฉินทิ้งไป และขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เพื่อนสาวไงครับ? หรือจะให้เรียกพี่ว่ายัยนี่?”ฉู่เ
ยาเก้าตะวันไม่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้เป็นอันขาด อวี้ลู่ได้แต่สูดลมหายใจลึกอย่างจนปัญญา เรื่องสำคัญแบบนี้ เธอทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น เมื่อคิดเช่นนี้ อวี้ลู่ถึงค่อยจำใจเอ่ยว่า “ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” เดิมทีนึกว่าคราวนี้ฉู่เฉินคงจะพอใจแล้วสินะ แต่ใครจะคาดคิดว่าเมื่อคำพูดนี้ออกมา ฉู่เฉินก็กลอกตาใส่เธอ ส่ายศีรษะจนเหมือนกลองป๋องแป๋ง เอ่ยติดต่อกันว่า “ไม่เหมาะ ๆ” “เช่นนั้นเจ้าต้องการอย่างไรกันแน่?” อวี้ลู่เดือดดาลแล้วจริง ๆ!นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ เห็นเธอไม่มีอารมณ์โกรธจริง ๆ หรือไง?“ผมหมายความถึงการแต่งตัวของพี่ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะออกจากบ้านตอนกลางคืนละก็ ใครเดินคู่กับพี่จะต้องซวยหนักมากแน่ พี่เข้าใจหรือเปล่า?”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนสั่งสอนเด็กเล็ก “ทำไมเล่า?”อวี้ลู่มองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ต่อให้อยู่ในดินแดนเซียน เธอก็แต่งตัวแบบนี้มาตลอด อีกทั้งร่างเซียนไม่กลัวความหนาวและความร้อน ทำไมถึงใส่ไม่ได้ล่ะ?หากพูดถึงเรื่องโป๊ หญิงสาวในโลกมนุษย์ยังแต่งตัวโป๊มากกว่าเธอเสียอีก นอกจากนี้ ส่วนสำคัญของเธอก็ปกปิดไว้มิดชิดทั้งหมด ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรเลย
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่