เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสนิทที่หลงรักผู้ชายคนเดียวกัน แล้วเกิดการหักหลังกันแอบคบกับ โดยมีฉากหลังเป็นโลกหลังเกิดเหตุการณ์ Covid-19 ระบาด เราเขียนเรื่องนี้ค้างไว้เมื่อครั้งโรคนี้ระบาด ตัดฉากและเหตุการณ์ในสถานที่จริงออกไป ปรับภาษาและย่อหน้าให้อ่านง่ายขึ้น Enjoy! อ่านให้สนุกจ้า
Lihat lebih banyakมลพิษในอากาศพุ่งทะยานสูงไปถึง 3,000 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในยุคนี้เราอาจจะได้ยินคำว่าฝุ่นผง Pm 2.5 แต่เชื่อไหมว่าในขณะที่นิยายเรื่องนี้ดำเนินไปตัวเลขมันพุ่งไปถึง Pm 8.0 เข้าไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ปริมาณฝุ่นในอากาศที่มนุษย์อาศัยได้โดยไม่เป็นอันตรายคือ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
.
ด้วยความสัตย์จริงโลกไม่ได้เกิดสงครามนิวเคลียร์ แต่พวกเรากำลังเผชิญอยู่กับเชื้อร้ายที่แผ้วถางทุกสรรพสิ่งอย่าง "โคโรน่าไวรัส" แล้วก็อาจจะเป็นเพราะจำยากล่ะมั้ง เหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายจึงตั้งชื่อโรคอุบัติใหม่นี้ว่า "covid -19" ซึ่งเกิดจากการรวมคำสามคำ (c)orona , (vi)rus , (d)isease และ starting in 20(19) เข้าด้วยกัน!
.
ไวรัสร้ายกัดกินไปทุกพื้นที่มันแทรกซึมเข้าสู่ผู้คน , สัตว์เลี้ยง , ปศุสัตว์ , หรือแม้กระทั่งแหล่งน้ำ ปลาทะเลสัตว์น้ำจืดต่าง ๆ ล้วนถูกปนเปื้อนหมด การแพร่ระบาดอันหนักหน่วงเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2019 จวบจนถึงปีปัจจุบัน แล้วโลกก็ถึงกาลปาวสานอย่างสมบูรณ์แบบ!
.
ทั่วทุกหัวระแหงกลายสภาพเป็นทะลทราย ตึกรามบานช่องถูกทิ้งร้างเต็มไปด้วยฝุ่นผงและเถ้ากระดูกของซากศพที่ตายแล้วไม่ได้ฌาปนกิจ พวกเขาถูกปล่อยให้เน่าตายอย่างน่าสงสาร การกักตัวอันแสนทรมานทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่ในสภาวะอดอยากขาดของกิน เกิดการจราจลปล้นสะดมไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เงินไม่มีค่าแบงค์พันเป็นปึกก็ไม่ต่างจากเศษกระดาษ เพราะเอาไปซื้ออะไรใครก็ไม่ยอมขาย
.
ซากกระดูกร่างหนึ่งหล่นลงมาจากแง่งระเบียงของคอนโดที่เคยหรู ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นชายหรือหญิง รู้แต่ว่าแห้งผากเหมือนขาดน้ำ อวัยวะภายในระเหยหายไปหมดไม่ต่างจากมัมมี่ วินาทีที่ตกกระทบพื้นจากความสูงระดับตึก 10 ชั้น ทำให้เศษชิ้นส่วนแตกกระจายเกลื่อน ผมเผ้าไม่เหลือสักเส้น แขนไปทางขาไปทางชวนให้จิตตก ก่อนที่จู่ ๆ จะมีฝูงหมาหิวโซราว 3 - 4 ตัว ปรี่เข้ามารุมแทะ
.
"บ๊อก! , บ๊อก! , บ๊อก!"
"งั่ม! , ง่ำ ๆ ๆ , ง่ำ ๆ ๆ , งั่ม!"
.
กระดูกกับหมาล้วนเป็นของคู่กันแต่ทำไมนะทำไมกัน คราวนี้เห็นทีจะไม่ใช่! เมื่อ covid-19 กินลึกเข้าไปถึงไขกระดูก มันยักย้ายถ่ายเทเชื้อจากร่างพาหะหนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง โดยไม่สนว่าจะเป็นคนหรือเป็นหมา ฉะนั้นทันทีที่ฝูงหมาดังกล่าวถอยร่นออกมาหลังกินเสร็จ ร่างของพวกมันก็เริ่มหลอมละลาย
.
covid - 19 พัฒนาการได้เร็วมากใน ค.ศ.นี้ มันไม่ได้เล่นงานแค่ปอดทำให้หายใจลำบากอย่างเดียว แต่มันฆ่าทุกเซลล์ พลาสม่าในกระแสเลือดเหยื่อจะทำปฏิกิริยากับเอมไซม์ทำให้เลือดมีสภาพเป็นกรด
.
หลักฐานคือการหอนแบบแหบแห้งที่ไม่ต่างจากการไอ กลุ่มเจ้าตูบผู้หิวโหยนอนเอาหัวพิงกันตะกุยตะกายแช่มช้า แล้วต่อมาขนของพวกมันก็เริ่มหลุดร่วง ผิวหนังปริแตกออกเป็นเยื่อบาง ๆ เปื่อยยุ่ยไหลลงมากองรวมกันบนพื้นอย่างน่าขนลุก มีเลือดกรดไหลซึมออกมาพร้อมกับฟองอันฟดฟู่ ช่างเป็นภาพที่น่าหดหู่แต่ก็ยังดีที่ไม่กี่อึดใจต่อมา สัตว์ทั้งหลายก็สูญสลายกลายเป็นไอละออง
.
"ฟู่~~~!"
.
เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นทุกตารางเมตรบนโลก ไม่ว่าจะในเมืองหลวงหรือชนบท มนุษย์โลกลดปริมาณลงอย่างรวดเร็วนับจากการระบาดเมื่อ 3 ปีก่อน ณ ปัจจุบันเราเหลือจำนวนประชากรโลกเพียง 1 ใน 3 หรือ 2 พันล้านคนจาก 7 พันล้านคนเมื่อปี 2019 แล้วก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุดลงเลย นับวันคนก็ยิ่งตาย สภาวะอดอยากเข่นฆ่าแย่งทรัพยากรมีปรากฏให้เห็นในทุกประเทศ ไม่ว่าจะชาติไหนหรือนับถือศาสนาอะไร
.
พระเจ้าไม่อาจช่วย อัลเลาะห์ก็ไม่แยแส ส่วนเจ้าชายสิทธัตถะจากอินเดียน่ะเหรอ ต้นโพธิ์ที่พระองค์นั่งตรัสรู้ตอนนี้ก็น่าจะถูก covid -19 กัดกร่อนลงไปยังรากลึกแล้ว โลกกำลังจะตายโดยไม่ต้องสืบ วิกฤตโลกร้อน Climate Change , ปรากฏการณ์เอลนินโญ่ , พายุหมุน , สึนามิ , สกิลการทำลายของภัยพิบัติเหล่านั้นช้าเป็นเต่าคลาน เมื่อเทียบกับความตะกละตะกลามของไวรัสร้ายนามว่าโควิด
.
.
ณ แอ่งน้ำอันแห้งขอดแห่งหนึ่ง สันนิษฐานจากสายตาคิดว่าน่าจะเป็นบ่อบำบัดน้ำเสียของโครงการบ้านจัดสรรสักที่ ทว่ากลับไม่มีใครสน ฝ่าเท้าที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้าบูธหุ้มข้ออย่างดีย่างกายไต่ขอบตลิ่งลงไปสู่ก้นบ่อด้านล่าง เศษธุลีดินโบยบินเศษหินปลิวว่อนฟุ้งโขมง บ่งบอกว่าความเหือดแห้งกลางใจเมืองนั้นแสบทรวงขนาดไหน
.
หล่อนย่ำเท้าไปข้างหน้า 30 ก้าว กว่าจะค้นพบแหล่งที่มีความชื้นปรากฏ สักพักรองเท้าบูธก็เริ่มมีรอยบุ๋มและมีเศษดินโคลนเปื้อนติด นั่นทำให้เธอพอจะมีความหวัง
.
"ได้การณ์ล่ะ! ตรงนี้พอจะมีน้ำแฮะ!"
หญิงสาวพูดกับตัวเอง พลันซ่อนรอยยิ้มสวยเอาไว้ภายใต้หน้ากากกันฝุ่นรุ่นพิเศษ
.
จากนั้นจึงค่อย ๆ ย่อตัวลงช้อนฝ่ามือทั้งสองข้างแหวกผ่านมวลโคลนตม เพื่อตักเอาน้ำอันน้อยนิดขึ้นมาซดเสียงดัง โครกกกก!! ลงสู่ลำคอ
.
"อึก ๆ , อึก ๆ , อึก...ก...ก..ก , อึก ๆ"
.
"อ่าาาาาา~!"
.
ไม่ถึงกับชื่นใจแถมยังฝืดคอเป็นที่สุด อย่างที่รู้ว่ามันคือบ่อบำบัดน้ำเสียแล้วจะไปเอาความสะอาดสดใสเหมือนน้ำดื่มตราสิงห์ในขวดพลาสติกได้ยังไง เม็ดทรายนับล้านกลิ้งกลอกลงลำคอ แต่ก็ช่างมันเถอะ! ในเมื่อความกระหายกำลังจะฆ่าเธอกับเพื่อน ๆ ให้ตายอยู่รำไร เจออะไรก็ต้องกระดกเอาไว้ก่อน
.
หญิงสาวอยู่ในชุดผ้าคลุมสีเขียวขี้ม้า เธอมีผมตรงยาวประบ่าสีส้มอมแดงแถมยังเต็มไปด้วยคราบเขม่า เนื้อตัวสกปรกมอมแมมตามสไตล์ของผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายซึ่งละม้ายคล้ายกับซอมบี้มากกว่าจะเป็นคน แต่ก็ไม่ใช่เพราะเธอยังมีจิตใจเมตตาเป็นกุศลอยู่ หลังจากซดน้ำล้างคอเสร็จ ก็เลยตัดสินใจลงมือทำแบบเดิมซ้ำอีกรอบ
.
ทว่าคราวนี้ต่างจากเดิมหน่อยเพราะน้ำในอุ้งมือที่ช้อนมาได้จู่ ๆ ก็ถูกเทเข้าไปในกระเป๋ากางเกงซะอย่างงั้น! เธอนั่งลงตักอีกสามสี่ทีจนกระเป๋ากางเกงตุงได้ที่ จึงได้ยืนขึ้นแล้วก็เอื้อมมืออีกข้างมาตบลงที่กระเป๋าเสียงดัง "เพลี๊ยะ!" ทำให้มีน้ำกระฉอกออกมาเล็กน้อย
.
สิ่งนี้คือนวัตกรรมล้ำโลก เป็นเทคโนโลยีที่ถูกผลิตขึ้นในปีปัจจุบันโดยบริษัทสัญชาติไทยยักษ์ใหญ่นามว่า "AP" ซึ่งมีเจ้าของเป็นเจ้าสัวคุมกิจการการค้าและสินค้าทางการเกษตรของทั้งภูมิภาค
.
การตบเมื่อครู่ทำให้ตัวเลขดิจิตอลแสดงขึ้นที่ตะเข็บกระเป๋ากางเกง ก่อนที่สาวเจ้าจะหลุบสายตาลงไปมองแล้วก็ใส่ตัวเลข 70 เข้าไป แล้วก็กดปุ่ม "Enter" ไม่ช้าไม่นานกระเป๋ากางเกงลายพรางที่มีน้ำ 3 อุ้งมือก็เริ่มสั่นไหว! กระบวนการแยกกรดเบสท์ออกจากอนุภาคไอออนเกิดขึ้นในกระเป๋า จนกระทั่งผ่านไปราวครึ่งนาทีเสียงสัญญาณเตือนดัง "ติ๊ด!" ก็ดังขึ้น
.
"อืม..เรียบร้อยแล้วสินะ!"
.
เธอพูดหลังจากยืนเหม่อลอยอยู่ท่ามกลางอ่างเก็บน้ำอันเวิ้งว้างและแห้งแล้ง ก่อนจะใช้มือเปล่า ๆ สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วก็ได้ออกมาเป็นแคปซูลบรรจุน้ำจำนวน 70 เม็ดตามที่ได้คีย์ข้อมูลเอาไว้ จัดว่าเป็นอะไรที่พกง่ายกินตอนไหนก็ได้ แถมยังง่ายต่อการจำหน่ายจ่ายแจก
.
"โอเคเท่านี้ก็ย้อนกลับขึ้นไปหาทุกคนข้างบนได้แล้ว ต้องขอบคุณบริษัท AP กับเจ้าสัวคนรวยพวกนั้นล่ะนะ ที่ผลิตของเจ๋ง ๆ แบบนี้ออกมาในยามที่ชาติวิกฤต แต่จะดีกว่านี้มากถ้า AP ช่วยขจัดเชื้อ covid -19 ให้ออกจากประเทศเราไปเลย!"
.
จบประโยคปลายนิ้วสวยก็ได้กดปุ่มเล็ก ๆ บริเวณหลังหู แล้วทันใดนั้นเอง! ครอบแก้วขนาดพอเหมาะก็พับตัวขึ้นมาเหวี่ยงสะบัดงับปิดใบหน้า "แกร็ก!" เว้นแค่ลูกตาเอาไว้เหมือนใส่หน้ากาก พอกดปุ่มเดิมซ้ำอีกทีใบพัดสีแดงสะท้อนแสงแวววับที่อยู่ภายในก็เริ่มหมุน มันจะทำการฟอกอากาศทุกอณูที่เข้าไปให้เป็นอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่มีพิษและปลอดเชื้อ ซึ่งหน้ากากแก้วตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ทางบริษัท AP คิดค้นขึ้นเพื่อช่วยคนในชาติเช่นกัน
.
"ฮืดดด....ฮาดดดด....ฮืดดดด.....ฮาดดดดด"
.
"ใกล้แล้วทุกคน.. ใกล้แล้ว.. ฉันจะเอาน้ำขึ้นไปให้เดี๋ยวนี้แหละ.. อดทนหน่อยนะ.. แฮ่ก ๆ แฮ่ก ๆ"
.
แพรว อิสรา คือชื่อของเธอ ด้วยบุคลิกและท่าทางในตอนนี้ผู้อ่านอาจจะคิดว่าเธอเป็น "อลิส" ในหนังเรื่อง Resident evil แต่ความจริงนั้นตรงกันข้าม! แพรวก็แค่นักศึกษาหญิงธรรมดาคนหนึ่งที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก โลกหลังการระบาดของ covid- 19 เปลี่ยนโฉมหน้าไปโดยสิ้นเชิง มันทำให้คนรวยเปลี่ยนเป็นคนโลภ , คนจนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว , แล้วก็เปลี่ยนคนใจดีให้เป็นฆาตกร ไม่เว้นแม้แต่เธอ ที่เปลี่ยนสถานภาพจากนักศึกษากลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้?
.
"เฮือกกกกก! "
"ถึงแล้ว! แฮ่ก ๆ , ถึงสักที! แฮ่ก ๆ"
.
หน้ากากครอบแก้วเต็มไปด้วยฝ้าละออง ใบพัดฟอกอากาศทำงานหนักมากเพราะต้องแข่งกับการหายใจที่หอบรัว แพรวยิ้มอยู่ภายในโดยไม่ให้ใครเห็น การทำความดีคงไม่ต้องอวดเบ่งคือสิ่งที่เธอคิดหลังก้าวขึ้นมาบนขอบตลิ่งได้สำเร็จ นั่นเผยให้เห็นภาพเบื้องหน้าที่เป็นคาราวานรถออฟโร้ดจำนวน 4 คัน จอดเรียงกันอยู่ รอยกระสุน , เศษดินโคลน , กระจกกระจังหน้าที่แตกร้าว , บวกกับความสมบุสมบันสารพัด ล้วนบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนกลุ่มนี้ผ่านอะไรร่วมกันมาบ้าง
.
ผู้คนเริ่มทยอยออกมาจากหลังรถ พวกเขากระชับพานท้ายปืน กำมีดกำไม้กำด้ามกระทะทำทุกอย่างเพื่อเตรียมปะทะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น กะจากสายตาน่าจะมีกันราว 15 ชีวิตเห็นจะได้ ดูจากชุดที่แต่งก็บอกได้อีกเช่นกันว่ามีกันหลายอาชีพ ไล่มาตั้งแต่นักศึกษา , พยาบาล , คนขายล็อตเตอรี่ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก!
.
พวกเขาน่าจะหนีตายกันมาแล้วก็ถูกแพรวช่วยไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้กลุ่มค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นเป็นคาราวานที่รักและคอยปกป้องซึ่งกันและกัน หลักฐานก็คือเสียงตะโกนของเด็กชายคนหนึ่งที่แว่วดังออกมาจากกลุ่ม
.
"พี่แพรวมาแล้วววววว!! , น้ำมาแล้ว!!"
หัวกลมผมชี้วิ่งพรวดออกมากระโดดกอดแพรวอย่างน่าเอ็นดู หนุ่มน้อยรายนี้น่าจะอายุราว 8 - 9 ขวบเท่านั้น เทียบกันแล้วก็น่าจะอยู่ราวป. 2 - ป. 3 แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อโรงเรียนทั้งหมดล้วนถูกสั่งปิดไปตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน
.
"หมับ!"
พวกเขาสวมกอดกัน ด้วยสภาพที่โคตรจะมอมแมมสกปรก
.
"อย่าวิ่งเร็วนักสิโบ๊ท! เอ้านี่! แบมือมาเอาน้ำไปกิน!"
แพรวส่งแคปซูลน้ำที่เพิ่งเก็บมาให้ 1 เม็ด หนูน้อยไม่รอช้าอ้าปากงับทันทีในเสี้ยวอึดใจ
.
"ง่ำ ๆ , อ่าาาาาา~ ชื่นใจจังครับพี่แพรว , พี่แพรวใจดีที่สุดเลย!"
.
"..........."
เธอไม่ตอบอะไรบุคลิกขี้อายกับรอยยิ้มสวย ๆ ล้วนถูกซ่อนไว้ใต้หน้ากากครอบแก้ว ก่อนจะกวักมือเรียกทุกคนออกมา วางอาวุธแล้วเอาน้ำไปกินแก้กระหายกัน พวกเขากินน้ำกันครั้งสุดท้ายก็เมื่อ 2 - 3 วันที่แล้ว
.
.
การรับแจกแคปซูลดำเนินผ่านไปด้วยดีตามวัตถุประสงค์ แต่ทว่าเมื่อถึงคิวคนสุดท้ายพี่พยาบาลวัยกลางคนที่ไม่ได้สวมชุดพยาบาลก็ได้ป้องปากบอกกับแพรวว่า คาราวานมีปัญหาบางอย่างที่เธอไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ด้วยตัวคนเดียว
.
"ซุบซิบ ๆ , ซุบซิบ ๆ "
.
"ห๊ะ! เป็นไปได้ไงคะพี่! หนูอุตส่าห์กำชับกับพี่ไว้แล้วว่าอย่าให้เรื่องนี้เกิดขึ้น! พี่คือหมอที่เก่งที่สุดที่เรามีแล้วนะคะ!"
.
"ใจเย็นค่ะน้องแพรว อย่าเสียงดังไปเดี๋ยวคนอื่นได้ยิน เอาเป็นว่าน้องมาดูกับพี่ก่อน.."
.
"ค่ะ...เอางั้นก็ได้"
.
ปล่อยให้ชาวแก๊งค์คนอื่น ๆ ดื่มด่ำกับน้ำแคปซูลที่เก็บมาจากบ่อบำบัดไป ส่วนสองสาวผู้กุมความลับไว้ก็ได้เดินอ้อมกลุ่มรถออฟโร้ดมายังรถคันที่อยู่หลังสุด สีของมันดำขลับตัวถังเต็มไปด้วยร่องรอยเฉี่ยวชนและการบุบจากการโดนกระแทก กระบะหลังมีการเชื่อมโครงเหล็กทำเป็นลูกกรงเอาไว้ พลางใช้ผ้าใบสีดำคลุมทับอีกทีราวกับเป็นของสำคัญมากๆ ที่ต้องปกป้อง แต่สุดท้ายก็ต้องโดนแพรว อิสรา กระชากออกอยู่ดี
.
"พรึบบบบ!!!!"
.
สว่างจ้าแสบตาเป็นยองใยเมื่อภาพที่เห็นคือกลุ่มเด็ก ๆ อายุราว ๆ กับโบ๊ทนั่งเว้นระยะห่างกันประมาณ 1 ช่วงแขนตามทฤษฎี Social Distancing เป๊ะ! ๆ ดูจากสายตาน่าจะมีราว ๆ 10 กว่าคนแล้วก็มีทั้งเพศชายและเพศหญิง พวกเขาไม่ได้มีท่าทางตกใจอะไรแต่แค่แสบตาเล็กน้อย มิหนำซ้ำยังยิ้มให้พี่แพรวใจดีของพวกเขาด้วย
.
"แล้วไงคะพี่..แพรวก็เห็นว่าทุกคนปกติดี"
.
"ไม่ค่ะ!?"
พยาบาลตอบเสียงสั่น เธอเอื้อมมือไปข้างหลังเพื่อหยิบเอาปืนวัดอุณหภูมิออกมาถือไว้ ก่อนจะพูดต่อ
.
"หมายเลข 013 ออกมาที่หน้ากรงด้วย.."
.
เด็กหญิงผูกผมเปียตาบ่องแบ้วคนหนึ่งค่อย ๆ แหวกขอทางเพื่อนออกมา สีหน้าเธอเป็นกังวลผิดวิสัยมิหนำซ้ำยังตัวสั่นเป็นลูกนก ราวกับรู้ตัวว่าตนเองผิดปกติ
.
สอดคล้องกันกับคุณพยาบาลที่จัดแจงยิงปืนวัดอุณหภูมิเข้าที่หน้าผาก ตัวเลขสูงปรี๊ดขึ้นไปถึง 39.7 ทั้งที่อุณหภูมิปกติกของคนเราอยู่แค่ 37 องศาเท่านั้น สิ่งนี้บ่งบอกว่าแม่หนูหมายเลข 013 กำลังเป็นไข้ แล้วแพรวผู้เป็นหัวหน้าก็ต้องทำอะไรสักอย่าง
.
"นะ...หนูขอโทษพี่แพรว...หนู....ฮือ...ฮือ...ฮือ...."
ร่างจิ๋วร้องไห้เกาะลูกกรงอย่างน่าสงสาร แม้แต่พี่พยาบาลเองก็ต้องเดินเลี่ยงออกไปน้ำตาคลอเบ้า หลังจากสังเกตเห็นสิ่งที่แพรวกำลังจะทำ
.
เธอเอื้อมมือไปที่ด้านหลัง สอดฝ่ามือขวาล้ำเข้าไปใต้ชายเสื้อกล้ามสีเขียวขี้ม้า พลันควักเอาปืนพก 9 มม. กร็อก 18 Burst Fire ความจุกระสุน 33 นัด ขึ้นมาถือไว้ในมือ ก่อนจะหันปลายกระบอกปืนไปจ่อเข้าที่กึ่งกลางหน้าผากเด็ก!
.
"ปัง!!!!!!!"
หนึ่งนัดเข้าหน้าผาก
.
"ปัง!!! , ปัง!!! , ปัง!!!! , ปัง!!!!"
โหมด Burst Fire ทำให้ที่เหลือเป็นการยิงรัวกราดซ้ำจนหมดแม็ก! ศพเด็กกองอยู่ใต้ลูกกรง!
.
.
เสียงปืนดังกล่าวดังสนั่นหวั่นไหว! จนทำให้ทุกคนที่เคยกระโดดโลดเต้นเพราะได้น้ำกินหันมองเป็นตาเดียวกัน ไม่มีคนพูดอะไร สักพักถึงมีวัยรุ่นในกลุ่ม 3 - 4 คนเดินมาเก็บศพราวกับรู้หน้าที่ พวกเขาโยนร่างอันไร้วิญญาณลงไปในบ่อน้ำอันแห้งเหือดดด..
เคี้ยวฟันกรามตุ้ย ๆ เม็ดยาแหลกละเอียดกระซาบฟันขมแผ่ซ่านไปทั่วกระพุ้งแก้ม รสขมและรสขื่นคือสิ่งที่แพรวกำลังแบกรับ เธอเลี่ยงที่จะดื่มน้ำตามด้วยซ้ำ และจงใจจะให้สิ่งที่ทำนั้นติดตราตรึงใจไปตลอดกาลจะได้ไม่เชื่อใครง่าย ๆ อีก.“กร๊อบ , กรุ๊บ , กร๊อบ , กรุ๊บ”.“โง่อย่างมึงมันต้องโดนแบบนี้!”แพรวด่าตัวเองในใจ.ในปากเธอคือยาคุมชนิดเม็ดที่เพิ่งได้รับมาจากเภสัชกรประจำร้าน แพรวจับมันโยนเข้าปากไปแล้วก็เคี้ยวบดขยี้เคล้ากับน้ำตาให้สาสมกับความแค้นที่ตนเองโดนกระทำ เธอมันโง่ เธอมันโดนสวมเขา บางทีหญ้าที่วัวกินอาจจะเฝื่อน ๆ แบบยาคุมที่เธอกำลังเขมือบอยู่ก็เป็นได้.และในระหว่างที่ยังไม่กลืนลงคอแพรวก็ได้กลับหลังหัน พลางเดินออกมาจากช็อปของบริษัท ภารกิจสำเร็จแล้วเธอไม่มีทางท้องกับพีแน่ ๆ แค่ต้องกินยาคุมให้ตรงกับเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด แต่ทว่าทันทีที่เดินผ่านประตูหน้าออกมา ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่อย่างที่แพรวและพีคิดเอาไว้ในตอนแรกเลย.จากที่เดาว่าผู้คนที่ยืนอออยู่หน้าร้าน คือทีมแพทย์ที่ปลอมตัวมาจะจับกระเทยไปทำยาต้านเชื้อ พวกเขาน่าจะมีการวางกำลังอย่างเป็นระบบ มีเครื่องไม้เครื่องมือเป็น ปืนช็อตไฟฟ้า ปืนตาข่าย ห
พ่นลมหายใจพรูออกจากริมฝีปากที่ทั้งสั่นและแตกระแหง มิวท์ในลุคคุณหนูแทบจะเก็บอาการโศกเศร้าไว้ไม่อยู่ เธอถึงกับวางโพยแถลงการณ์ลงบนโพเดียม พลางยื่นมือทั้งสองข้างออกมาจับกระชับด้านข้าง ก้มหน้าก้มตาปิดบังสีหน้าที่เหยเกบิดเบี้ยวเอาไว้.“แชะ! , แชะ! , แชะ! , แชะ! , แชะ!”เสียงชัตเตอร์จากนักข่าวรัวรันพัลวัน ยังไม่นับภาพเคลื่อนไหวกับไฟล์วีดีโอและ Live สดบนอินเตอร์เน็ต.กว่า 30 ชีวิตอัดกันอยู่ในห้องส่งแห่งนี้ นักข่าวแต่ละคนล้วนสวมหน้ากากครอบแก้วของบริษัท AP ป้องกันเชื้อ ใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กลัวก็กลัวแต่ทว่าข่าวที่มิวท์บุตรสาวคนเดียวของบริษัทกำลังจะแถลงนั้น เป็นอะไรที่สำคัญกว่าชีวิตของพวกเขาซะอีก นี่คือข่าว ๆ เดียวที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าคร่าตาของประเทศนี้ไปเลย.“เอิ่ม.. ม.. ม..”“ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา ดิฉันพร้อมแล้วค่ะ”“ก่อนอื่นต้องเรียนให้ทราบว่าถ้อยแถลงที่ดิฉันจะพูดต่อไปนี้ จะกล่าวเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ได้โปรดตั้งใจฟังและห้ามตั้งคำถามใด ๆ ทั้งสิ้นนะคะ""หึ.. หึ.. ฮือ.. ฮือ.. อ.. อ~!”.เสียงสะอึกสะอื้นหลุดออกอากาศแบบสด ๆ ช่างเป็นการยืนบนโพเดียมที่น่าสงสารที่สุดแล้วเท่าที่แพรวเคยเห็นมา ขนาดมองผ
ผู้คนขวักไขว่ยืนเต็มหน้าช็อป ด้านหน้าเป็นโซนขายยาแต่ด้านหลังเป็นอาคารสำนักงานหลังเบ่อเริ่ม คะเนจากสายตาน่าจะมีพื้นที่มากกว่า 20 ไร่ ตัวอาคารสูงโด่ราวกับหำช้างที่จ้องจะแยงท้องฟ้าให้เป็นรูเพื่อขอฝน และแน่นอนว่าบริษัท AP คงไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไป นอกเสียจากบริเวณช็อปขายยาที่เปิดไว้สำหรับต้อนรับลูกค้าจากภายนอก .ผู้คนพวกนั้นไม่ใช่ชาวบ้าน ไม่ใช่ชาวเมือง แล้วก็ไม่ใช่ประชาชนปกติ มองปราดเดียวด้วยสัญชาตญาณพีก็ทราบทันทีว่าพวกเขาคือเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ที่แฝงตัวมาเพื่อเตรียมจะตะครุบกระเทยทุกคนที่เผลอเข้ามาซื้อยาคุม ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องรีบแจ้งสิ่งนี้ให้แพรวทราบ.“กูคงมาส่งมึงได้ไกลสุดแค่นี้ล่ะเพื่อน”.“…..”หญิงสาวเงียบชักสีหน้างง แต่ก็ยังอุตส่าห์ก้าวขาลงจากมอเตอร์ไซต์.“มึงว่าไงนะพี?”.“กูบอกว่ากูเข้าไปกับมึงไม่ได้”“พวกหมอมีเครื่องแสกนกูโดนรวบตัวแน่ มึงต้องจัดการที่เหลือเอาเองเข้าใจไหม? ทำได้ใช่ไหม?”.แพรวทอดสายตาผ่านหน้ากากกันแก๊สออกไปรอบ ๆ พลางพยักหน้าตอบรับ เนื่องจากเธอเองก็ดูออกเช่นกันว่านี่คือกับดัก ลำพังหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และภาพถ่ายในโทรศัพท์เธอคงจะแฟนตาซีเกินไป กว่าจะตรวจสอบหรืออ
คนที่น่าสงสารที่สุดสำหรับเคสนี้เห็นทีจะเป็นคุณพ่อ แกยังคงนอนฟุบหน้าคาสายน้ำเกลืออยู่บนโต๊ะอาหาร เมาหัวราน้ำโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยว่าความลับที่อุตส่าห์ปกปิดไว้ ได้ถูกเฉลยออกไปหมดแล้วโดยสตรีที่ไหนก็ไม่รู้ มิหนำซ้ำยังโดนขโมยมอเตอร์ไซต์ออกไปจากโรงจอดอีกต่างหาก แต่ก็อย่างว่าล่ะ! ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นเทพที่ไม่มีคนคอยดูคอยฟัง กี่หมื่นสัญญาณเตือนดังก็คงไม่มีประโยชน์.จอภาพวงจรปิดในแล็บสว่างโพลงชัดยิ่งกว่าชัด มันซูมเข้าซูมออกได้ปรับโฟกัสให้หน้าชัดหลังเบลอก็ได้ แถมยังส่องได้มากกว่าแค่ป้ายทะเบียน กดคีย์บอร์ดปุ่มเดียวเลนส์นี่ยื่นซูมเข้าไปจนเห็นกากจุลินทรีย์บนชั้นหนังกำพร้าเลยทีเดียว เสียดายที่ไม่มีใครอยู่ดูสักคน พ่อเมาเกินกว่าจะได้สติ พลางปล่อยให้พีกับแพรวสองหัวขโมยคนใกล้ชิดแว๊นซ์รถออกไปสู่โลกภายนอกแบบไม่ยี่หระ .“บรี๊นนน! , บรื้นนน! , บรื้นนน!”.ควันโขมงโฉงเฉงพีขับแพรวซ้อนหมวกกันน็อคไม่ต้อง เพราะลำพังหน้ากากกันเชื้อที่ใส่อยู่ก็รูปร่างเหมือนหมวกนิรภัยอยู่แล้ว อาศัยพื้นที่เล็ก ๆ บนทางเท้าวางพาดล้อยางลงไป กระเทยหนุ่มทำการบังคับทิศทางหักแฮนด์ซ้ายบ้างขวาบ้างฉวัดเฉวียนเสียวไส้ เจตนาจะไปให้ถึงท
คนเป็นผัวรีบถลาตัวเข้ามาดูอาการ พีสอดแขนเข้าที่แผ่นหลังพยุงให้แพรวชันกายขึ้นมาได้ ก่อนจะวางมือข้างที่ว่างลงบนหน้าท้องอันแบนราบ ซึ่งยังคงเกร็งสะบั้นจนขึ้นเป็นรอนเลขสิบเอ็ด.หุ่นแพรวดีเหลือเกิน มันสวยราวกับนางแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสาร หรือไม่ก็หุ่นของพวกนางงามที่ถ่ายภาพโชว์สัดส่วนลงในไอจี ลำตัวด้านข้างทรงตัว s สอดรับกับฝ่ามือกร้านของกระเทยหนุ่มที่โคตรจะกลมกลึง เพียงแค่พีลูบคลึงผ่านลงมาช้า ๆ เขาก็สัมผัสได้ว่าแกนแข็งของตัวเองนั้นชักจะตื่นตัวขึ้นมาอีกคำรบ ไหนจะกลิ่นน้ำหอมที่แพรวฉีดพรมลงมาอีก เสียงครางหอบหายใจจากความเจ็บปวด ช่างเป็นอะไรที่ทำให้ฉุดคิดถึง ภาพเหตุการณ์เมื่อตอนมีเซ็กส์กันเหลือเกิน.“เหี้ย!”“แม่งต้องเป็นเพราะเสปิร์มที่กูปล่อยในใส่มึงแน่ ๆ กูว่าเราต้องรีบแล้วล่ะแพรว ลืมเรื่องพ่อกูสักพักแล้วหายาคุมแดกก่อน!”“เผิน ๆ กูว่ามึงอาจจะต้องฉีดเลยด้วยซ้ำ ชนิดกินอาจจะไม่ทันเวลาแล้ว!”พีตั้งข้อสังเกตเขาเองก็เรียนคณะเภสัชมาเหมือนกัน จึงพอจะมีความรู้อยู่บ้าง แม้จะไม่เก่งเท่าเปรมแต่ถ้าเป็นเรื่องคุมกำเนิดแล้วล่ะก็ ยุคนี้สมัยนี้เพศชายดูจะช่ำชองกว่าเพศหญิงซะอีก.พูดไม่พูดเปล่ายังอุตส่าห์โอบเอา
“มึงเป็นไงบ้างแพรว กูห่วงมึงแทบแย่! พ่อกูได้ทำอะไรมึงไหม? แกเมารึเปล่า? แล้วพูดอะไรกับมึงบ้าง? มึงอย่าเชื่อแกเชียวนะเว๊ย!”ลิ้นพันกันเป็นระวิงพียิงคำถามใส่แพรวแบบไม่มีเว้นวรรค พลางจับหัวไหล่เธอเขย่าโครม ๆ.ทำเอาสาวเจ้าถึงกับต้องออกปาก ภายใต้หน้ากากกันแก๊ซกับหน้ากากครอบแก้วจากบริษัท AP ที่พีสวมอยู่ ศีรษะพวกเขาแทบจะโขกกัน เห็นแต่ดวงตาจึงเดาไม่ถูกว่าต่างคนต่างเก็บอะไรไว้ในใจบ้าง ฝ่ายหญิงจึงได้โพล่งคำออกไปก่อน.“กูไม่เป็นไรหรอก! พ่อมึงเมาชิบหาย! กูก็เลยปล่อยให้แกหลับคาโต๊ะกินข้าวอยู่ในห้องใต้ดินโน่น!”.“ห้องใต้ดิน?! มึงลงไปแล้วเหรอ?!" .“อ่า~! กูรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวมึงหมดแล้ว ว่าแต่มึงเหอะไม่เป็นไรใช่ไหม? กูถามพี่เจ้าหน้าที่มูลนิธิคนหนึ่งเขาบอกว่าหน่วยคัดกรองโรคตรวจหากระเทยกันเข้มมาก กูล่ะเสียวมึงจะโดนจับ!”.พีเป่าปากถอนใจเฮือกใหญ่ แววตาเขาดูมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับห้องใต้ดินมาก จึงรีบเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองให้แพรวฟัง เพื่อที่เสร็จแล้วจะได้รีบถามเธอกลับไปว่า ที่บอกว่ารู้ความจริงน่ะคือรู้เรื่องอะไร ไปรับสาส์นมาแบบบิดเบือนข้อเท็จจริงรึเปล่า.แล้วภาพเหตุการณ์ก็ถ
Komen