“สุดยอดไปเลยนะคะ!”คำชื่นชมของเย่ชิ่นเหยียนฟังดูเรียบง่าย เพียงแต่ในดวงตาของเธอกลับมีประกายที่แปลกไปพาดผ่านอย่างรวดเร็วหลังจากพูดคุยเรื่อยเปื่อยอยู่ไม่นาน เย่ชิ่นเหยียนก็ถามขึ้นอย่างครุ่นคิดว่า “คุณฉู่รักษาคนไข้นอกสถานที่ไหมคะ?”“รักษาคนไข้นอกสถานที่? อาการเล็กๆ น้อยๆ ของคุณไม่ต้องรักษานอกสถานที่อะไรหรอกครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็หยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นก็ทิ่มลงไปที่จุดไป๋ฮุ่ยของเย่ชิ่นเหยียนอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงการกระทำของเขารวดเร็วมากจนเย่ชิ่นเหยียนไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่ท้องน้อยก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็วดวงหน้าเรียวที่สะอาดผุดผ่องของเธอเผยรอยยิ้มประหลาดใจออกมา“ทักษะด้านการแพทย์ของหมอเทวดาฉู่สูงส่งอย่างที่คิดไว้จริงๆ แต่ที่ฉันถามเพราะอยากจะขอให้คุณฉู่ช่วยรักษาให้คุณย่าของฉันน่ะค่ะ”พรวด!ฉู่เฉินเกือบสำลักน้ำส้มในปากออกมา เข้าใจผิดเหรอเนี่ย“ได้สิครับ วันหลังก็แล้วกัน”ฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับดึงเข็มเงินกลับไปเก็บในแขนเสื้อ“งั้น… ค่ารักษาในครั้งนี้คิดยังไงคะ”เย่ชิ่นเหยียนขบกลีบปาก เธอหยิบกระเป๋าถืองานละเอียดใบเล็กที่อ
เช้าวันต่อมา ฟางอวี่เจิ้งกับเจียงไห่ตงมารับฉู่เฉินอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาถึงบ้านใหญ่ตระกูลฉู่“คุณฉู่ ขอโทษด้วยจริงๆ นะครับที่ต้องรบกวนให้คุณตื่นแต่เช้าอย่างนี้”เจียงไห่ตงเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจฉู่เฉินโบกมือยิ้มๆ “ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อนายท่านใหญ่เฉียนมีผลงานด้านการสู้รบที่เลื่องลือ ผมช่วยเขาก็เท่ากับช่วยตัวเอง”พูดจบ ฉู่เฉินเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างในฟางอวี่เจิ้งนั่งตำแหน่งคนขับ รับบทเป็นคนขับให้ฉู่เฉินเขาออกรถ พลางหันไปพูดกับฉู่เฉินว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายท่านใหญ่เฉียว เกรงว่าชีวิตของผู้ว่าการเฉียวคงต้องหยุดชะงักเพียงเท่านี้แล้ว”“ดังนั้น ทั่วทั้งตระกูลเฉียวต่างก็ให้ความสำคัญกับอาการป่วยของนายท่านใหญ่เฉียวมาก หมอชื่อดังหลายคนทั้งในและต่างประเทศเคยมารักษาหมดแล้ว แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งช่วงนี้อาการของนายท่านใหญ่แย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้น…”พูดมาถึงตรงนี้ ฟางอวี่เจิ้งถอนหายใจเบาๆเจียงไห่ตงขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เพื่อนร่วมรบหลายคนของนายท่านใหญ่เฉียวล้วนเป็นคนใหญ่คนโตของมณฑลเจียง หลายคนถึงขั้นรับตำแหน่งสำคัญอยู่ในเขตสงคราม ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ผู้ว่าการเฉียวที่ใส่ใจเป็นพิเศษ แม้แต่พวกผมเองก
ย้อนเวลากลับไปเมื่อยี่สิบปีก่อน เธอน่าจะเป็นผู้หญิงสวยตามแบบฉบับมาตรฐานคนหนึ่งเลยทีเดียวเฉียวซูอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่เพียงผิวละเอียดนุ่ม แต่เธอยังมีราศีหยิ่งผยองกระจายอยู่รอบๆ ตัวอย่างบอกไม่ถูกอาจเพราะถูกคนในครอบครัวกล่อมเกลามาตั้งแต่เด็ก หว่างคิ้วของเฉียวซูอวี่แสดงให้เห็นถึงแววตาที่ไม่ยอมให้ใครมาเหยียดหยามง่ายๆถึงจะมีหุ่นที่สูงเพรียวถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร แต่เห็นได้ชัดว่าเส้นชะตาชีวิตตรงหน้าอกขาดความน่าสนใจไปนิดจากการคาดเดาของฉู่เฉิน อย่างมากก็สามสิบห้าซีถ้าไม่ติดเรื่องรอบอก เฉียวซูอวี่ต้องนับว่าเป็นผู้หญิงสวยอันดับต้นๆ คนหนึ่งอย่างแน่นอน“คุณคนนี้คือ?”เฉียวซูอวี่ขมวดคิ้วขณะจ้องพิจารณาฉู่เฉิน“คุณหนูซูอวี่ คุณคนนี้ก็คือหมอเทวดาฉู่ที่ผมเคยพูดให้ฟังครับ”ฟางอวี่เจิ้งแนะนำด้วยสีหน้าจริงจังเจียงไห่ตงยังพยักหน้าเสริมอยู่ข้างๆ ด้วย “ถูกต้องแล้วครับ ถึงหมอเทวดาฉู่จะยังอายุน้อย แต่ทักษะด้านการแพทย์ของเขารับรองว่าหาตัวจับได้ยากแน่นอน”พวกเขาเอ่ยปากชมทักษะด้านการแพทย์ของฉู่เฉินอย่างไม่ขาดปาก แต่เฉียวซูอวี่กลับไม่รู้สึกอย่างนั้นฉู่เฉินอายุน้อยเกินไป ดูท่าแล้วก็น่าจะเพิ
เมื่อเฉียวซูอวี่เอ่ยคำพูดนี้ออกมา เจียงไห่ตงก็ไม่มีคำพูดจะเถียงในพริบตาทั้งสองไม่อาจเทียบกันได้จริง ๆนายท่านใหญ่เฉียวมีฐานะอะไร?ต่อให้มีเจียงรั่วเหยียนสิบคนก็ไม่อาจเทียบได้ ชั่วขณะหนึ่ง เจียงไห่ตงได้แต่กลับไปนั่งลงที่เดิมด้วยความกระอักกระอ่วน“งั้นก็หมายความว่าตระกูลเฉียวไม่เชื่อในวิชาแพทย์ของผมเหรอ?” ฉู่เฉินยิ้มอย่างเย็นชา มองไปทางเฉียวซูอวี่กับซูซิ่วเฟิน“เชื่อคุณเหรอ?”เฉียวซูอวี่หัวเราะ เพียงแต่ว่าเป็นการหัวเราะหยันอย่างดูแคลน“ฉันไม่อยากพูดมากความแล้ว แต่ว่าคุณควรจะต้องเข้าใจเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อมิจฉาชีพได้ง่าย ๆ”“อีกอย่าง รักษาโรคที่รักษาได้ยากแค่ครั้งสองครั้ง มันพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย บางครั้งแมวตาบอดก็ยังบังเอิญเจอหนูตายนะ”เมื่อเห็นฉู่เฉินพูดออกมาตรง ๆ เฉียวซูอวี่ก็ไม่ปิดบังอีกต่อไปเช่นกัน ระบายความไม่พอใจออกมาทั้งหมดเลยฉู่เฉินหัวเราะหยัน วางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยว่า “ประจำเดือนคุณไม่มาสามเดือนแล้วใช่ไหม? ปกติแล้วทางที่ดีต้องระงับความโกรธเอาไว้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คุณก็จะเป็นผู้หญิงไม่ได้แล้ว”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ดวงตางดงามของเฉียวซูอวี่พลันเบิกโตราวกับระฆั
“ทนรับทรมานขนาดนี้ไม่ไหวหรอกนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ไหว?!”ซูซิ่วเฟินที่อยู่ทางด้านข้างก็เอ่ยเห็นด้วย “ใช่แล้ว เทียนฉี่ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้พ่อของเราก็ยังไม่ได้แตะข้าวแตะน้ำเลยสักคำ ถ้าเกิดเรื่องข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาอีก ผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินกว่าจะจินตนาการได้เลยนะ”เมื่อฟังพวกเธอสองคนพูดจบ เฉียวเทียนฉี่ก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ถึงค่อยมองไปทางประธานฟางกับเจียงไห่ตงแล้วกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ายังไงครับ?”สองคนนี้เรียกได้ว่าเป็นแขนซ้ายแขนขวาของเฉียวเทียนฉี่ ใคร ๆ ก็อาจจะทรยศตระกูลเฉียวได้ แต่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่ทำประการแรก แม้เส้นสายของฟางอวี่เจิ้งอยู่ที่เมืองเอกของมณฑล แต่ว่าในเจียงจงกลับล่องลอยไร้ที่พึ่งพิง หากต้องการนั่งตำแหน่งได้อย่างมั่นคง เขาจำเป็นต้องพึ่งพาตระกูลเฉียว ส่วนพ่อของเจียงไห่ตง เดิมทีก็เป็นลูกน้องเก่าของนายท่านใหญ่เฉียวพูดได้ว่าทั้งสองครอบครัวมีความสัมพันธ์ตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นลูก การทำร้ายตระกูลเฉียวไม่มีประโยชน์อะไรกับเจียงไห่ตงอย่างแน่นอน“ผู้ว่าการเฉียว ไหน ๆ ก็มาแล้ว ให้คุณฉู่ลองตรวจนายท่านใหญ่สักหน่อยก็ไม่
“คุณพูดอะไร!”เฉียวเทียนฉี่และน้องสาวจ้องมองแผ่นหลังของฉู่เฉินด้วยความเกรี้ยวกราดแทบจะพร้อมกัน“พวกคุณดูสิ นี่ก็คือหมอเทวดามั่วนิ่มที่พวกคุณหามาให้ผม”ครั้งนี้เฉียวเทียนฉู่โกรธแล้วจริง ๆ ฉู่เฉินช่างใจกล้ามากนัก ถึงขนาดกล้าสาปแช่งผู้อาวุโสของบ้านพวกเขา?! มองไปทั่วทั้งมณฑลเจียงคงหาคนที่สองไม่ได้อีกแล้ว“ผู้ว่าการเฉียว คุณใจเย็น ๆ นะครับ ถึงยังไงน้องฉู่ก็ยังเด็กเกินไป พูดจาไม่มีกาลเทศะ คุณอย่าลดตัวไปถือสาหาความเขาเลย ผมขอโทษแทนน้องฉู่ด้วยครับ” ฟางอวี่เจิ้งกล่าวพลางประสานมือโค้งให้กับเฉียวเทียนฉี่เจียงไห่ตงก็รีบลุกขึ้นมาพูดเกลี้ยกล่อมว่า “ผู้ว่าการเฉียว คุณฉู่ไม่มีเจตนาร้ายอย่างแน่นอน ผมคิดว่าหาทางทำให้นายท่านใหญ่ฟื้นขึ้นมาโดยเร็วที่สุดถึงจะเป็นสิ่งสำคัญนะครับ”เฉียวเทียนฉี่แค่นเสียงด้วยความโกรธเกรี้ยว สะบัดแขนเสื้อกล่าวว่า “ฮึ! ต่อไปอย่าให้ผมเห็นหมอนี่อีก!” เฉียวเทียนฉี่กล่าวจบก็เดินจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมา หลังจากที่มองแผ่นหลังของเฉียวเทียนฉี่ ฟางอวี่เจิ้งกับเจียงไห่ตงต่างก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา แม้พวกเขาเชื่อในวิชาแพทย์ของฉู่เฉิน แต่ปัญหาคือภาพเอกซเรย์ไม่มีทางโกหก นั่น
นอกจากนี้ยังมีสาวสวยสวมชุดว่ายน้ำบิกินีและแว่นกันแดดยืนอยู่ข้างกายเธอ ดูจากอายุแล้วน่าจะอายุประมาณสามสิบห้าสามสิบหกปี เรียวขางดงามขาวนวลดุจหิมะสองข้างยิ่งดูขาวผ่องภายใต้แสงอาทิตย์ส่องสว่างเพียงแต่ว่าเนินอกอวบอิ่มยังด้อยกว่าหลี่จิงจิงอยู่หนึ่งระดับ แต่ถึงอย่างไรก็นับว่าเป็นสาวงามได้โดยไม่ต้องฝืน“คุณฉู่ ประธานฟาง ปล่อยให้พวกคุณรอนานแล้ว”เมื่อเรือยอร์ตเทียบท่า หลี่จิงจิงกลับทักทายฉู่เฉินกับฟางอวี่เจิ้งโดยไม่มีความลำบากใจเลยสักนิดเดียวสาวสวยในชุดว่ายน้ำที่อยู่ข้าง ๆ หลี่จิงจิงก็ทักทายฟางอวี่เจิ้งว่า “ประธานฟาง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”ฟางอวี่เจิ้งหรี่ตา ค่อย ๆ เบนความสนใจจากร่องอกขาวนวลของสาวสวยในชุดว่ายน้ำมาที่ใบหน้า จากนั้นถึงค่อยฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “โอ้ จางหลิง” เมื่อเรือยอร์ตเทียบท่า ฉู่เฉินกับฟางอวี่เจิ้งก็ขึ้นไปบนเรือยอร์ตแม้ว่าเรือยอร์ตลำนี้ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ถือว่ามีพื้นที่กว้างขวาง ด้านในยังมีห้องพักที่ตกแต่งไว้เรียบร้อยแล้วสองห้อง แม้ว่าการตกแต่งด้านในจะเรียบง่ายไปบ้าง แต่เครื่องครัวก็ครบครัน เมื่อเรือยอร์ตค่อย ๆ ออกตัว หลี่จิงจิงพาพวกฉู่เฉินเดินเข้าไปในห้องพักโดยสารท
“อื้อ...” จางหลิงกับฟางอวี่เจิ้งที่กำลังคุยเล่นกันอยู่ด้านในห้องพักโดยสารพลันได้ยินเสียงครางยาวออดอ้อนดังมาจากบนดาดฟ้าเรือ จึงมองไปทางด้านบนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย นี่คงไม่ใช่ว่าเริ่มกันแล้วนะ?ฟางอวี่เจิ้งกลืนน้ำลายหนัก ๆ เขารู้ดีถึงพละกำลังของฉู่เฉิน หลายวันก่อนเขาเพิ่งเปิดประตูต้อนรับฉู่เฉินเองชั่วขณะหนึ่ง ฟางอวี่เจิ้งพลันเกิดความรู้สึกดูถูกตัวเองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแรกเริ่มเสียงนั้นยังไม่ชัดเจนมากนักเพราะเสียงเครื่องยนต์ของเรือยอร์ตแต่เมื่อเรือยอร์ตจอดอยู่บนผืนทะเลที่ห่างออกจากฝั่งหลายสิบไมค์ ไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวน เสียงนั้นก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆฟังจนฟางอวี่เจิ้งรู้สึกเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายในใจ! ดวงหน้าเล็กของจางหลิงก็แดงระเรื่อเช่นกัน ท้องน้อยกระเพื่อมขึ้นลง ค่อย ๆ หายใจถี่กระชั้นขึ้นมา .....เวลานี้ฉู่เฉินกำลังเอาเท้าเหยียบราวจับ ยืนอย่างองอาจอยู่บนหัวเรือ หลี่จิงจิงก็คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฉู่เฉิน ปากเล็ก ๆ ขะมักเขม้นไม่หยุด แสงแดดสาดส่องบนผืนทะเล ภายใต้ฟ้าสีคราม ทั้งสองคนที่อยู่บนหัวเรือยอร์ตก็ค่อย ๆ เข้าสู่ภวังค์“ตึง ๆๆ!”เสียงกระแทกกระทั้นดัง
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่