จ้าวอีม่านทรุดตัวลงบนโซฟา และหลังจากต่อสู้ภายในใจอย่างขมขื่น ในที่สุดเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขของฉู่เฉินโทรศัพท์ดังอยู่นานก่อนที่ฉู่เฉินจะรับสายและพูดว่า “นี่ใคร?”“สวัสดี ฉันเป็นหมอที่โรงพยาบาลประชาชน ฉันชื่อจ้าวอีม่าน คุณคือคุณฉู่ใช่ไหมคะ?”เมื่อฟังเสียงสั่นเครือของจ้าวอีม่านทางโทรศัพท์ ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงรูปถ่ายที่หลี่จิงจิงแสดงให้เขาเห็นในวันนั้นผมลอนสีทองขนาดใหญ่ที่ไหวปลิวไปตามสายลม ดวงตาที่สดใสและฟันสีขาว และปากเล็กๆ ที่เย้ายวนใจมาก!“อืม ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินถามอย่างตั้งใจ เพราะรู้คำตอบอยู่แล้วโดยไม่ต้องเดา เขาสามารถเดาได้ว่าต้องเป็นผู้หญิงไร้สมองที่มีหน้าอกใหญ่คนนี้แน่ๆ ที่เผลอเอาเข็มเงินออกจากร่างของจางไห่หยางโดยไม่ได้ตั้งใจ“คุณฉู่ ฉัน... ฉันเผลอเอาเข็มเงินออกจากร่างของจาง คุณช่วยมาช่วยฝังเข็มกลับคืนให้หน่อยได้ไหม”จ้าวอีม่านพูดอย่างตรงไปตรงมาในความเห็นของเธอ ฉู่เฉินอาจพยายามเอาใจตระกูลจางเช่นกัน ตราบใดที่เธออธิบายอาการปัจจุบันของจางไห่หยาง ฉู่เฉินก็รีบมาทันที“ไม่ว่างครับ”ฉู่เฉินตอบอย่างเย็นชาอะไรนะ?ไม่ว่าง?!เมื่อได้ยินคำตอบส
หลังจากเรียนต่อต่างประเทศมาหลายปี จ้าวอีม่านก็ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตก และความบริสุทธิ์ก็ไม่สำคัญกับเธอเท่าไหร่นักอย่างไรก็ตาม ให้ยอมจำนนต่อคนที่เหมือนกับหมอเถื่อนทำให้หัวใจของเธอเต็มไปด้วยการดิ้นรนและไม่ยินยอม“คุณหมอจ้าว เวลาของผมมีค่ามาก ถ้าคุณตกลงก็ช่างมันไปเถอะ ถึงยังไงผมไม่จำเป็นต้องพึ่งคุณแค่คนเดียว”ระหว่างที่พูดฉู่เฉินก็เตรียมตัวจะกดวางสายเมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวอีม่านก็ร้อนใจขึ้นมาทันทีและรีบพูดกับฉู่เฉินที่ปลายสายว่า “คุณฉู่! ฉัน... ฉันรับปากค่ะ แต่คุณต้องรับประกันว่าคุณสามารถช่วยจางไห่หยางได้!”เธอไม่สามารถเสียสละตัวเองไปเปล่าๆ สุดท้ายจางไห่หยางก็ไม่รอด แบบนั้นความพยายามทั้งหมดของเธอจะสูญเปล่าใช่ไหม?“ได้”ฉู่เฉินอย่างใจเย็นและพูดว่า “รอผมข้างในห้องผู้ป่วยของเขา”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสาย แล้วพูดกับหลูไคซานที่กำลังขับรถอยู่ว่า “เลขหลู กลับรถ พวกเราไปที่โรงพยาบาลประชาชน”หลูไคซานได้ยินบทสนทนาของฉู่เฉินกับจ้าวอีม่านอย่างชัดเจน หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น และขณะที่เขาเลี้ยวรถกลับ เขาก็ถามหยั่งเชิงว่า “คุณฉู่ ผมอยากทราบว่าเสียวอิ่งช่วยอะไรคุณไว้ในวันนั้นครับ?”อย่าเห็น
เมื่อไม่สามารถรักษาพรหมจรรย์ของตัวเองไว้ได้ ราชันมังกรจะทอดทิ้งเธอเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า?หลิ่วหรูเยียนที่กำลังตกอยู่ในความคิด ก็มีเสียงหลิ่วชิงเหอดังขึ้นมาจากข้างล่าง “หรูเยียน”หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจ คว้าชุดนอนบางๆ จากตู้เสื้อผ้ามาใส่อย่างสบายๆ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกับสะโพกอวบอิ่มที่แกว่งไกว“มีอะไรคะแม่?”หลิ่วหรูเยียนถามอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ตอนนี้หมดหวังกับโครงการที่โรงพยาบาลประชาชนแล้ว จึงได้แต่หาทางออกอื่นอย่างไรก็ตาม เธอไม่เชื่อว่าคนๆ หนึ่งจะสามารถถูกทำให้จนตรอกเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ได้?หากใช้ชื่อเสียงของฉู่ซื่อกรุ๊ปจะต้องมีหนทางอื่นอย่างแน่นอน“นอกจากเรื่องของไอ้ฉู่เฉิน ยังจะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ”ในขณะที่พูด หลิ่วชิงเหอสวมชุดนอนซีทรูสีดำและพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “แม่ให้คนไปถามมาแล้ว ไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่นมันช่วยชีวิตนายท่านใหญ่เฉียวที่เกือบตายเอาไว้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของหลิ่วหรูเยียนก็หล่นตุบอย่างห้ามไม่อยู่หากเฉียวเทียนฉี่ตัดเส้นทางการเงินของฉู่ซื่อกรุ๊ปเพียงเส้นทางเดียว นั่นก็คงจะพอเจรจาได้ แต่ถ้าฉู่เฉินมีบุญคุณใหญ่หลวงต่อตระกูลเฉียวเช่นนั้น เพื่อตอบแ
อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินที่พึ่งถึงหน้าห้องผู้ป่วยของจางไห่หยาง ก็กดรับสายหลิ่วชิงเหอเมื่อมองไปที่หมายเลขผู้โทรและเห็นว่าเป็นหลิ่วชิงเหอ ฉู่เฉินจึงวางสายทันทีและเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ของทั้งหลิ่วชิงเหอและหลิ่วหรูเยียนลงในแบล็กลิสต์ของเขาเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณสายไม่ว่างกะทันหันที่ปลายสาย หลิ่วชิงเหอก็เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมา“บ้าเอ๊ย!”เมื่อเห็นหลิ่วชิงเหอกัดฟัน หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วและถามว่า “แม่เป็นอะไรไปคะ?”“มัน... มันถึงกับบล็อกแม่!”ตอนที่หลิ่วชิงเหอพูดออกมา ใบหน้าของเธอบูดบึ้งไปหมด!ไอ้สารเลวฉู่เฉินนั้น คงเดาได้ว่าเธอกำลังจะขอความช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงบล็อกเธอ เพื่อบังคับให้เธอมาหาเขาถึงที่จะเกินไปแล้วนะ!หลิ่วชิงเหอกำหมัดแน่นและเดินไปเดินมาในห้องนั่งเล่นด้วยขาขาวราวกับหิมะของเธออย่างโกรธจัดเพื่อฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอสามารถให้ฉู่เฉินย่ำยีเธออย่างไรก็ได้ แต่เธอไม่มีทางเอาตัวเองไปหาเขาถึงที่แน่นอนมันจะมีใครบ้างที่เอาตัวเองใส่พานเสนอตัวให้เขาทดลองสินค้าดูก่อน?อีกอย่างตอนนี้เธอเป็นถึงประธานของบริษัท เธอจะไม่รักษาศักดิ์ศรีนี้ไว้เลยเหรอ?“อะไรนะคะ?”หลิ่วหรูเยียนได้ยินเช่นนั
...ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู จ้าวอีม่านรีบลุกขึ้นจากโซฟาและมองไปยังฉู่เฉิน ร่างกายสูงโปร่งกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็น และหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการเมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ จ้าวอีม่านก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสักครู่นี้เธอยังคงกังวล จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีกฝ่ายเป็นชายอายุห้าสิบหรือสี่สิบปี?เธอไม่สามารถปล่อยให้ร่างขาวราวกับหิมะของเธอถูกตาแก่เอาเปรียบหรอกนะแต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าเธอกำลังเอาเปรียบฉู่เฉินแทนเมื่อเห็นผิวที่บอบบางของฉู่เฉินและความจริงที่ว่าเขาดูอ่อนกว่าเธออย่างน้อยสี่หรือห้าปี จ้าวอีม่านก็มีคำว่าวัวแก่เคี้ยวหญ้าอ่อนก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และเธอก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูกทุกครั้งที่เธอนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้“คุณคือหมอจ้าวใช่ไหมครับ?”ฉู่เฉินมองไปที่จ้าวอีม่าน ซึ่งหน้าอกที่ใหญ่โตมโหฬารที่ไม่สามารถปกปิดได้แม้จะสวมเสื้อกาวน์สีขาวของเธอ และถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบจ้าวอีม่านพยักหน้าเล็กน้อยและปลดกระดุมเสื้อกาวน์ของเธอออกขณะที่เธอเปิดหน้าอ
“ออกไป!”บอดี้การ์ดสวมชุดสูทสีดำสองคนออกแรงผลักจางหลงจนเขาเกือบล้มลงกับพื้นจางเฉิงหลงยืนตัวตรงด้วยสีหน้าไม่พอใจ และมองไปทางห้องผู้ป่วยอย่างเย็นชาก่อนจะจากไปอย่างโกรธเคืองแม้ว่าเขาจะไม่กล้าตอบโต้ฉู่เฉินโดยตรง แต่จางไห่หยางยังอยู่ในโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ?หากเขาเพิ่มบางสิ่งลงในน้ำเกลือ การฆ่าจางไห่หยางก็ไม่ใช่ปัญหาหากจางไห่หยางตาย จางปินจะปล่อยฉู่เฉินไปง่ายๆ งั้นเหรอ?เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ จางเฉิงหลงก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยและเดินกลับไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วยสีหน้าชั่วร้ายในอีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงเฟอร์นิเจอร์ขยับมาจากห้องผู้ป่วยอีกครั้ง จางปินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาจำได้ว่าครั้งก่อนที่ฉู่เฉินมา เขาก็ได้ยินเสียงคล้าย ๆ กันเป็นไปได้มากว่าฉู่เฉินน่าจะมาถึงแล้วหรืออยู่ระหว่างฝังเข็มให้จางไห่หยาง ดังนั้นเขาจึงหันศีรษะแล้วพูดกับฉินอวี่ซานว่า “อวี่ซาน ไปดูว่าอาการของไห่หยางยังคงที่ไหม”“ค่ะ”ฉินอวี่ซานพยักหน้าอย่างแรงและรีบเดินไปที่ห้องผู้ป่วยเมื่อมาถึงที่ประตู ฉินอวี่ซานเหลือบมองบอดี้การ์ดที่ยังคงยืนอยู่ที่นั่นแล้วพูดว่า “พวกนายถอยออกไปก่อน ฉันจะเข้าไปดูสักหน่อย”บอดี้กา
ฉินอวี่ซานถูกฉู่เฉินจับเอวเล็กๆ ของเธอไว้จากด้านหลัง ร่างกายของเธอเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย โดยปกติแล้วนี่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่เพราะว่าวันนี้อากาศร้อนมาก ฉินอวี่ซานจึงสวมเพียงกระโปรงสั้น และไม่ได้ใส่ถุงน่องด้วยซ้ำท่าตอนนี้ ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างดันที่ขาของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ตกใจจนบหน้าเล็กๆ ของเธอซีดลงฉู่เฉินคงไม่ได้มีพลังเหลือที่จะทำศึกอีกครั้งใช่ไหม?“ตะโกนเรียกคนงั้นเหรอ? ได้สิ”ฉู่เฉินกดใบหน้าของเขาแนบกับใบหน้าเล็กๆ ของฉินอวี่ซานแล้วยิ้ม “อย่างมากคุณก็ค่ตะโกนเรียกคนมา ผมก็แค่กลับไป แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้นจางไห่หยางคงจะอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนะครับ”“ถ้าเขาตาย ความฝันที่จะได้แต่งงานในตระกูลที่ร่ำรวยของคุณก็จะสลาย”“ฉะนั้นผมขอเตือนให้คุณอยู่เงียบๆ แล้วเชื่อฟังผมเถอะครับ”เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เฉิน ฉินอวี่ซานก็ตกตะลึงที่จริงเธอไม่ได้รักจางไห่หยางเลย เธอแค่ต้องการปอกลอกความร่ำรวยของตระกูลจางแค่นั้นเองหากเป็นสถานที่อย่างอื่น เธอจะไม่ลังเลที่จะโถมตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เฉินแต่ตอนนี้ไม่ได้อย่างไรนี่คือโรงพยาบาล จางปินและถานหลิง
ฉินอวี่ซานเมื่อได้ยินเสียงถานหลิงตะโกนมาจากด้านหลัง เธอก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น แทบจะฉี่ราดตรงนั้นเลยถึงแบบนั้นฉู่เฉินก็ไม่สนใจใดๆ และยังคงจับมือเล็กๆ ของเธอฝังเข็มเงินเข็มที่สองเข้าไปในร่างจางไห่หยาง“อย่ากลัวไปครับ ถือซะว่าเธอไม่มีตัวตน เราต่อกัน”ฉู่เฉินพูดพลางราวกับกำลังยั่วยุถานหลิง เขาจูบคอขาวราวกับหยกของฉินอวี่ซานเมื่อเห็นฉากนี้ ถานหลิงก็ทนไม่ได้อีกต่อไป!เมื่อกี้เธอไม่ได้นำปัญหาไปพูดต่อหน้าฉู่เฉินตรงๆ นั่นก็เพื่อเป็นการรักษาหน้าเขาแต่ตอนนี้ ฉู่เฉินกล้าที่จะจูบลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอต่อหน้าเธองั้นเหรอ?นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ!“คุณฉู่ คุณทำอะไรอยู่คะ?”ถานหลิงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและคว้าไหล่ของฉู่เฉินไว้ ตั้งใจจะดึงเขาออกจากฉินอวี่ซาน อย่างน้อยเธอก็ไม่สามารถปล่อยให้เขาแทะโลมลูกสะใภ้ในอนาคตของเธออย่างหน้าด้านๆ แบบนี้ได้“แน่นอนว่าผมกำลังฝังเข็มให้จางไห่หยาง คุณอยากทำแทนไหมล่ะ?”ฉู่เฉินหันศีรษะเล็กน้อยและมองไปที่ถานหลิงด้วยท่าทางยียวนเมื่อเห็นเข็มเงินยื่นให้เธอ ถานหลิงก็โกรธมากจนกลอกตาไปมา ถ้าเธอรู้วิธีทำเธอจะต้องขอร้องฉู่เฉินเหรอ?“ฟู่!”ทันใดนั้น จางไห่หยางก็พ่นเ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก