เชี่ย!ฉู่เฉินที่เปิดกระจกรถสูบบุหรี่อยู่ริมป่าละเมาะ ได้ยินคำพูดนี้ของเจียงถิงชัดเจนยัยนี่ช่างเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือจริง ๆ การโกหกอาจจะเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้แม้แต่เจียงอิ่งก็พูดโกหกได้ไม่ธรรมดาเช่นกัน แต่ว่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงอย่างเจียงถิงแล้ว ก็ยังห่างชั้นกันมากเกินไปคำโกหกที่ร้ายกาจที่สุดของผู้หญิงก็คือการแสร้งทำตัวน่าสงสารไปด้วย พูดโกหกกึ่งจริงกึ่งเท็จไปด้วยต่อหน้าผู้ชายต่อให้สักวันหนึ่งที่หลูไคหมิงกับจางหมิงเผชิญหน้ากันก็ไม่อาจเปิดโปงเจียงถิงได้เหมือนกันดูเหมือนว่าต้องระมัดระวังผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้นเมื่อคิดได้ดังนี้ ฉู่เฉินก็หรี่ตา โทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของเจียงอิ่งเวลานี้ เจียงอิ่งกำลังนอนอยู่บนโซฟากับหลูไคซานกันสองคน หันหน้าเข้าหากันโดยที่เข่าชนกัน ความเงียบที่นี่ดังก้องยิ่งกว่ามีเสียงเสียอีก ทันใดนั้นเองเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้เจียงอิ่งกับหลูไคซานตกใจจนสะดุ้งโหยง“หลูไคซาน ฉันบอกคุณแล้วตั้งแต่วันที่สองของการแต่งงานว่าฉันไม่ได้เป็นภรรยาของคุณแล้ว”“ตอนนี้ คุณอย่าคิดแตะต้องฉันแม้แต่ปลายนิ้วอีก!”“ถ้าเกิดคุณอยากทำเรื่องแบบนั้นให้ได้ก
เจียงอิ่งพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อสถานที่ตรงนี้ห่างจากคฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลหลูไม่ถึงสามสิบเมตรถ้าเกิดไฟถนนสว่างขึ้นอีกหน่อย แม้แต่คนในรถหน้าตาแบบไหนก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเลยนะ!นี่มันไม่ต่างอะไรกับการเอากับเจียงถิงใต้หน้าต่างห้องของหลูไคหมิงเลยไม่ใช่เหรอ?“อ้อ เมื่อกี้เธอบอกว่ารู้สึกไม่สบาย ผมเลยช่วยเปิดเส้นลมปราณให้เธอ”ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง“แถมยังเปิดจนโล่งมากเลยใช่ไหม”ดวงหน้าเล็กของเจียงอิ่งหน้าซีดเผือด กลอกตาใส่ฉู่เฉินอย่างรุนแรงคราวนี้กลายเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้วจริง ๆ“อืม จริงสิ เรื่องโครงการบูรณะสะพานเจียง ดูเหมือนว่าต่อให้คุณไม่อยากรับก็ไม่ได้แล้วละ ตอนนี้ตระกูลหลูถูกเฉียวเทียนฉี่เพ่งเล็งแล้ว จะต้องมีคนไปรับโครงการนี้ ผมไม่อยากให้คนอื่นมาชุบมือเปิบไป ดังนั้น...”ฉู่เฉินพูดพลางยื่นมือไปโอบเจียงอิ่งเข้ามาในอ้อมแขน“ฮึ!”เจียงอิ่งแค่นเสียงอย่างงอน ๆ กำหมัดนุ่มนิ่มทุบแผงอกของฉู่เฉินพลางกล่าวว่า “คุณใกล้ชิดกับเจียงถิงแบบถึงเนื้อถึงตัวแล้ว ทำไมยังให้ฉันมารับงานอีกล่ะ?” “อีกอย่าง เส้นสายของเธอในวงการต่าง ๆ ของเจียงจงเหนือกว่าฉันเยอะมาก คุณให้เธอมารับงานจะดีกว
ฉู่เฉินและเจียงอิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องแล้วได้เห็นอาหารและเครื่องดื่มจัดวางเต็มโต๊ะไว้ก่อนแล้วหลูไคซานนี่คือจัดงานเลี้ยงเพื่อพูดคุยสัพเพเหระเหรอะ?“คุณฉู่ เชิญนั่งครับ”หลูไคซานลากเก้าอี้แล้วนั่งลงเองในขณะพูดฉู่เฉินไปนั่งตรงข้ามหลูไคซานอย่างเฉยเมย เจียงอิ่งทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มานั่งข้างฉู่เฉิน จงใจเว้นระยะห่างจากหลูไคซาน“คุณฉู่น่าจะแปลกใจมากสินะ?”หลูไคซานฝืนยิ้มกล่าวพร้อมเทเหล้าให้ฉู่เฉินฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยกล่าว “ที่จริงก็แปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ตามที่คาดไว้”ได้ยินแล้วหลูไคซานเลิกคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นัยน์ตาเผยความเย็นชาครู่เดียว และก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลูไคซานคำนวณสักพักแล้วจึงกล่าวตามที่ครุ่นคิด “คุณฉู่ ผมคิดอย่างละเอียดแล้ว เรื่องระหว่างคุณกับเจียงอิ่งนั้น ผมจะไม่คัดค้าน กลับกันจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วย”“กระทั่งว่าถ้าคุณฉู่สะดวกมาพักที่บ้าน ผมก็ยอมรับได้”ซี้ดๆ!บัดซบ คำพูดของหลูไคซานทำเอาแม้แต่ฉู่เฉินยังต้องสูดลมเย็นเข้าปากนี่มันคำพูดโหดร้ายอะไร?“คุณฉู่ ผมมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ นั่นก็คือทำให้ผมกลับไปทำงานข้างกายผู้ว่าการเฉียวอีกครั้ง ส่วน
แต่ทันทีที่ข่าวการล่มสลายของตระกูลหลูแพร่กระจายไปทั่วเมืองเจียงจง อนาคตที่รอคอยตระกูลหลูอยู่นั้นอาจจะน่าอัปยศอดสูมากกว่าสิบเท่าพันเท่าเมื่อเทียบกับการสละภรรยาดังสุภาษิตที่ว่า จงแสวงหาข้อดีและหลีกเลี่ยงข้อเสีย แม้ว่าจะมีผลเสียอยู่สองประการ แต่ต้องเลือกผลเสียที่น้อยกว่า“เขาก็ไม่น่าทำแบบนี้เลย”เจียงอิ่งกำหมัดกัดฟันกล่าว“งั้นเธอลองช่วยเขาคิดสิ ควรจะทำยังไง?”ขณะฉู่เฉินพูดอยู่ก็ยื่นมือไปลูบต้นขาเรียวสวยของเจียงอิ่ง“ไปซะ!”เจียงอิ่งกลอกตาใส่ฉู่เฉินพร้อมกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ให้ฉันไปข้างบ้านเรียกเจียงถิงมาให้คุณไหม?”แค่กๆ…ฉู่เฉินกระแอมขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เมื่อผู้หญิงหึงหวงขึ้นมาความกล้าทวีคูณจริงๆ นี่เป็นลานใหญ่ของตระกูลหลูเชียวนะแม้ว่าหลูไคซานไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหลูไคหมิงจะไม่ใส่ใจนะ เขาไม่ใช่พวกชอบเพศเดียวกันสักหน่อย“เวลาก็ผ่านไปสักพักใหญ่แล้ว หลูไคซานไปเดินเล่นที่ลานบ้านแล้ว พวกเราก็ต้องทำเวลากันหน่อย เผื่อคนอื่นๆ ในตระกูลหลูบุกเข้ามา นั่นจะเป็นการผิดต่อความตั้งใจดีของหลูไคซานได้นะ?”ฉู่เฉินกล่าวเสร็จก็อุ้มเจียงอิ่งขึ้นแล้วมุ่งไปยังห้องนอน“คุณ
อะไรนะ?!ถูกฉู่เฉินคาบไปกินแล้ว?!คำพูดสั้นๆของเจียงถิง ราวกับเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ต่อเนื่องสำหรับหลูไคหมิงจริงๆการโทรสามสี่สายของฉู่เฉินทำให้ตระกูลหลูพังทลาย ตอนนี้แม้แต่ภรรยาก็ถูกฉู่เฉินคาบไปกินแล้วแม่มันสิ!กลิ่นเหล้าของหลูไคหมิงโชยขึ้นรอบกายทันทีพร้อมกับความโมโหในทรวงอกที่เดือดปุดๆ เช่นกัน สายตาแดงก่ำด้วยความแค้นจ้องเจียงถิงพร้อมกล่าว “หญิงชั่ว กล้าทำให้ฉันเป็นคนโง่!”เมื่อเห็นว่าหลูไคหมิงเริ่มควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้แล้ว เจียงถิงก็เริ่มกลัวหน้าซีดไปเล็กน้อยจึงรีบกล่าวเสริม “นายคิดว่า ทำไมฉู่เฉินจะต้องช่วยตระกูลหลูของพวกนายเอาโปรเจกต์ฟื้นฟูสะพานเจียงล่ะ?”อะไรนะ?หลูไคหมิงได้ยินแล้วสมองก็สั่งให้ใจเย็นลงทันทีใช่แล้ว!ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าฉู่เฉินไม่ได้มีส่วนสำคัญในหลายๆ เรื่องของตระกูลหลู แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉู่ซื่อกรุ๊ปก็ทำให้เขาได้เข้าใจที่แท้ไม่ว่าการเลื่อนตำแหน่งเลขาธิการผู้ว่าการของไคซานหรือโครงการฟื้นฟูสะพานเจียง เบื้องหลังล้วนมีเงาของฉู่เฉินอยู่แต่ฉู่เฉินไม่มีเหตุผลที่จะช่วยตระกูลหลูโดยไร้เงื่อนไขนี่“ปล่อยฉันนะ!”เจียงถิงรีบผลักตัวหลูไคหมิงออกใ
น้ำเสียงของฉู่เฉินมีความเย็นชา ไม่มีอารมณ์อื่นใดแม้แต่น้อยหลูไคซานฟังแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวเขารู้ดีถึงความหมายในคำพูดนี้ เบื้องหลังฉู่เฉินยากหยั่งถึงยิ่งเสียกว่าเขาจะจินตนาการได้มากนัก!และถ้าวินาทีที่เขาได้กลับสู่จุดสูงจุดในชีวิตของเขาอีกครั้งก็ต้องเป็นสุนัขเชื่องติดตามข้างกายฉู่เฉินอย่างเชื่อฟัง สุนัขไม่มีสิทธิ์เป็นอิสระได้อีกแล้ว“ผมเข้าใจ ผมยินยอมเป็นสุนัขของคุณ”หลูไคซานกัดฟันพูดเสียงทุ้มฉู่เฉินได้ยินแล้วเผยยิ้มบางเดินเข้ามาตบไหล่พร้อมกล่าวต่อหลูไคซาน “คุณรู้ความดีมาก เก่งกว่าพี่ชายของคุณเป็นไหน ๆ รีบพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน”ฉู่เฉินพูดแล้วก็เดินออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลหลูทันทีหลูไคซานรอจนกระทั่งแผ่นหลังของฉู่เฉินเดินจากไปไกลแล้วจึงทิ้งก้นบุหรี่ในมือ จากนั้นก้าวกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว สายตาจดจ้องเจียงอิ่งที่อ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงภายในห้องนอนอย่างไม่ละสายตา ภายในใจเขาก็รู้สึกซับซ้อนยากที่จะกล่าวได้……วันถัดมาทันทีที่ฉู่เฉินเพิ่งจะรับประทานอาหารเช้าเสร็จในตอนเช้าตรู่ กู้รั่วเสวี่ยก็โทรเข้ามาฉู่เฉินกลืนซาลาเปาคำสุดท้ายลงคอแล้วก็รับสายทันที “ทำไมวันนี้
เห็นได้ชัดว่าใบสั่งยาอันนี้ของอวี้ลู่มีประสิทธิผลช่วยเสริมความฉลาดได้อย่างไม่ธรรมดาจริงๆถ้าพัฒนาปรับปรุงสูตรยานี้ต่อไปแล้วมอบให้กับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาโดยกำเนิดฟรีๆ คงจะได้บุญเพิ่มอีกแน่นอนไม่ใช่หรือ?พูดตามตรง ฉู่เฉินได้สัมผัสมากับตัวเองถึงพลังบุญและพลังความศรัทธาแต่เมื่อเทียบกันแล้ว หลังจากแปลงพลังบุญเป็นพลังวิญญาณก็มีผลช่วยในการบำรุงเส้นลมปราณของฉู่เฉินอีกทั้งหลังจากได้รับพลังบุญตั้งแต่การแข่งขันแพทย์แผนจีนครั้งก่อนเป็นต้นมา จุดตันเถียนและทะเลปราณของฉู่เฉินก็ขยายเป็นเท่าตัวด้วยเหตุนี้ช่วงนี้ฉู่เฉินจึงอยากทำสาธารณะกุศลเพื่อรับพลังแห่งบุญโดยเร็วสักหน่อยฉู่เฉินคิดคำนวณระหว่างขับรถ ควรจะเปลี่ยนชื่อโอสถสุคนธ์ของอวี้ลู่เป็นอะไรดี“ใช่แล้ว! ให้เรียกว่ายาเสริมสติปัญญา!”ฉู่เฉินคิดได้แล้วก็เร่งเครื่องพุ่งทะยานราวลูกศรคันธนูมุ่งสู่ทิศทางคฤหาสน์ตระกูลกู้กู้รั่วเสวี่ยคิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินมาถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง เธอยังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำนะฉู่เฉินนั่งกินองุ่นพลางชื่นชมร่างอรชรอันน่าหลงใหลของกู้รั่วเสวี่ยผ่านกระจกใสของห้องน้ำต้องกล่าวว่าตั้งแต่ที่กู้รั่วเสวี่ยกลายเป็น
“นี่คือเอฟเฟกต์ของคนดัง แม้ว่าจางม่านจะมีเรื่องอื้อฉาวอยู่ตลอดเวลา แต่มีเพียงศิลปินที่มีการข่าวซุบซิบถึงจะปรากฏต่อสายตาสาธารณชนได้ตลอด”“ดังจากข่าวฉาวก็ถือว่าดัง และศิลปินแบบเธอก็ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับแท้หรือแอนตี้แฟนคลับ เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวเธอก็จะต้องเกิดความสงสัยไหมล่ะ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าว “อือ พูดมีเหตุผล พรุ่งนี้เอาแผนฉบับนี้ให้โจวเทียนเฟิ่งอ่าน ให้เธอเริ่มดำเนินการทันที”กู้รั่วเสวี่ยได้ยินก็หรี่ตาจ้องเขม็งฉู่เฉินพร้อมกล่าว “พี่นี่ก็สั่งการอย่างเดียว ไม่ลงมือทำสักนิดเลยนะคะ”“ฮ่า ๆ ๆ…”ฉู่เฉินหัวเราะฮาลั่นในขณะที่สวมกอดและลูบสัมผัสผิวอันเกลี้ยงเกลาของกู้รั่วเสวี่ยและพูดว่า “คุณไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่ามีอะไรก็ให้เลขาจัดการ ถ้าไม่มีอะไรก็จัดการเลขาเหรอ?”“อ๊ะ… ฉันไม่ใช่เลขาพี่สักหน่อย…”กู้รั่วเสวี่ยแค่ขัดขืนตามสัญชาตญาณเพียงครู่เดียว ในจังหวะที่ปากหนาของฉู่เฉินประทับริมฝีปากบางสีเชอร์รี่ของเธอสนิท จากที่เคยขัดขืนก็เปลี่ยนเป็นสอดรับประสานในเวลาอันรวดเร็ว……ไม่นาน ข่าวการเป็นพรีเซนเตอร์ยาบำรุงปราณของดาราดังจางม่
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก