โฮ่วเจี้ยนอิงถลึงตาใส่เซียวเสวี่ยอิ๋งแล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “ครั้งนี้เป็นปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพวกเรากับแก๊งมังกร แม้แต่แก๊งมังกรก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณฉู่ คุณยังมีอะไรไม่ยอมอีก!”“จำไว้ว่านี่คือคำสั่ง ผมไม่ได้ขอความเห็นจากคุณ!”โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบก็เอ่ยกับถานเฟยอีกครั้งว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน ถ้าเกิดสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง หรือว่าต้องการกำลังเสริม สามารถโทรหาผมได้ทุกเมื่อ ศูนย์บัญชาการกองทหารรักษาการณ์เจียงจงเตรียมพร้อมรบแล้ว สามารถไปเป็นกำลังเสริมที่ภูเขาเฮยเฟิงได้ตลอดเวลาครับ” ถานเฟยพยักหน้ากล่าวว่า “ขอบคุณผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วที่ให้ความร่วมมือครับ” พอกล่าวจบก็โบกมือให้แก๊งมังกรพลางพูดว่า “ขึ้นรถ” สมาชิกแก๊งมังกรที่ติดอาวุธพรั่งพร้อมหลายสิบคนพากันเข้าไปนั่งในรถตำรวจ เซียวเสวี่ยอิ๋งก็กระโดดขึ้นรถทหารอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “ทั้งหมดออกเดินทางได้!”รถทหารหลายสิบคันและรถตำรวจสิบกว่าคันแล่นไปทางภูเขาเฮยเฟิงอย่างยิ่งใหญ่ จนกระทั่งขบวนรถจากไปแล้ว ถานเฟยถึงค่อยผายมือเชื้อเชิญฉู่เฉินพลางกล่าวว่า “คุณฉู่ พวกเราก็ออกเดินทางกันเถอะครับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเข้าไป
“ฉู่เฉินคนนั้นค่อนข้างน่าสนใจอยู่ อยากให้เขายอมจำนนก็ต้องทำความเข้าใจเขาก่อน การทำความเข้าใจที่ฉันพูดถึงก็คือทำความเข้าใจในทุก ๆ ด้าน เข้าใจหรือเปล่า?”ซ่งหนิงซวงพูดพลางโยนยามทิ้งไปทันที ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถออฟโรดสีดำ เฉินเยว่เอ๋อร์อึ้งไปพักใหญ่ถึงค่อยเข้าใจความหมายของซ่งหนิงซวงมีเพียงรู้จุดอ่อนของฉู่เฉินถึงจะสามารถใช้กลยุทธ์ที่คาดไม่ถึง จู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว มอบ “เซอร์ไพรส์” ใหญ่ให้เข เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเยว่เอ๋อร์ก็รีบเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง “คุณไปเปลี่ยนเป็นชุดลำลองเถอะ ฉันจะขับรถเอง”ซ่งหนิงซวงกล่าวจบก็ไล่เฉินเยว่เอ๋อร์ไปยังที่นั่งข้างคนขับทันที จากนั้นก็เหยียบคันเร่งไปยังเส้นทางลัด แล่นตรงไปยังภูเขาเฮยเฟิง .....เวลานี้เอง ภูเขาเฮยเฟิงที่อยู่ห่างจากเจียงจงไม่ถึงร้อยลี้ ภายในห้องโถงใหญ่ทำจากไม้ที่สร้างขึ้นได้ไม่นาน มีชายชราผมสีเงินสวมชุดคลุมดำกำลังนั่งตัวตรงข้างกายเขายังมีชายสวมชุดคลุมดำสี่คนที่ทั่วทั้งใบหน้าถูกหมวกบดบังไว้ ทำให้มองเห็นหน้าตาไม่ชัด ชายชราผมสีเงินคนนั้นก็คือโจวว่านหลี่เจ้าสำนักรุ่นที่สามของสำนักว่านเซี๋ยมีฉายาเลวร้ายในโลกแห่งการหยั่งรู้ว่าจ
ภายใต้ม่านราตรี ทั่วทั้งภูเขาเฮยเฟิงพลันเกิดม่านหมอกสีเขียวภายใต้แสงจันทร์อันเย็นเยียบ ภูเขาเฮยเฟิงดูมืดมนน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาบนผืนแผ่นดินใหญ่ หมอกสีเขียวที่สังเกตเห็นไม่ง่ายค่อย ๆ ผุดออกมาจากใต้ดิน ต้นไม้รอบด้านแห้งเหี่ยวในพริบตาไม่นานนัก ขบวนรถของพวกฉู่เฉินก็ทยอยกันจอดอยู่ใต้ตีนภูเขาเฮยเฟิง ฉู่เฉินกับพวกถานเฟยพากันกระโดดลงจากรถออฟโรด แล้วเดินไปหาพวกเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่ไม่ไกล“ข้ามสันเขาลูกนี้ไปก็คือภูเขาเฮยเฟิง ฉันคิดว่าพวกเรามากันเยอะขนาดนี้ เคลื่อนไหวมากก็จะไม่สะดวก ไม่สู้แบ่งกำลังออกเป็นสามทาง โจมตีขนาบข้างภูเขาเฮยเฟิงดีกว่าค่ะ” เซียวเสวี่ยอิ๋งกางแผนที่ทางทหารออก แล้วพูดพลางชี้ไปยังจุดสีแดงที่ทำเครื่องหมายไว้ตรงกลางเรียบร้อยแล้ว“แบ่งกำลัง?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณคิดว่านี่เป็นแค่การปราบโจรจริง ๆ หรือไง?”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็กวาดตามองสมาชิกแก๊งมังกรหลายสิบคนกับทหารชั้นยอดจากกองทหารรักษาการณ์หลายร้อยคนที่อยู่รอบ ๆ แล้วเอ่ยเสียงขรึมว่า “ผมยอมรับว่าคนที่พวกคุณพามาเป็นคนชั้นยอดในหมู่คนชั้นยอด แต่ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเพียร พวกเขาไม่ต่างอะไรกับคนธรร
เธอเองก็เคยเข้าร่วมสงครามมาหลายครั้ง และสร้างผลงานมากมาย มีความจำเป็นอะไรต้องเชื่อฟังฉู่เฉินด้วย?โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงบนเวทีประลองในวันนั้นที่โดนฉู่เฉินเอาเปรียบยกใหญ่ เซียวเสวี่ยอิ๋งก็บันดาลโทสะขึ้นมา“ผู้นำเซียว คุณอยากใช้ชีวิตคนหลายร้อยคนที่อยู่ด้านหลังคุณมาซื้อการยอมของคุณเหรอ? ถ้าเกิดคุณดื้อรั้นมาก ตอนนี้ผมจะใช้ฐานะหัวหน้าใหญ่ของแก๊งมังกรถอดถอนอำนาจบัญชาการของคุณ” “คุณ ไปได้แล้ว” ถานเฟยพูดจบก็หันหน้าไปทางฉู่เฉิน ไม่แม้แต่จะมองเซียวเสวี่ยอิ๋งอีกสักแวบหนึ่งนี่...เซียวเสวี่ยอิ๋งตัวแข็งทื่อเธอไม่อยากเชื่อจริง ๆ ว่าถานเฟยกับเซียวเฟิงจะยืนอยู่ข้างฉู่เฉิน“ทุกคนตามผมมา ห้ามเดินแยกเด็ดขาด ไอพิฆาตด้านหน้าน่ากลัวมาก ๆ ถ้าไม่ระวังนิดเดียวจะมีอันตรายถึงชีวิตได้” ฉู่เฉินพูดจบก็วาดยันต์ผนึกวิญญาณขนาดยักษ์กลางอากาศ ครอบคลุมรัศมีร้อยเมตร“ทุกคนตามไป”เซียวเฟิงโบกมือให้ทุกคนในแก๊งมังกรตามหลังฉู่เฉิน เดินไปทางภูเขาเฮยเฟิง“ฮึ!”เซียวเสวี่ยอิ๋งโมโหจนกระทืบเท้า ผู้ช่วยหานหลิงก็มองฉู่เฉินด้วยสีหน้าดูแคลนเช่นกันแล้วเอ่ยว่า “ทำตัวหยิ่งอะไรกัน ก็แค่คนหลอกลวงเท่านั้นเอง พวกเราไม่ต้องต
“ฉัน…”พอเซียวเสวี่ยอิ๋งอึ้งถูกถามก็อึ้งไป จากนั้นน้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุด ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าโศกเศร้า “ฉันแค่…แค่เกลียดความเผด็จการและความเย่อหยิ่งของคุณก็เท่านั้น ใครจะไปคิดว่าจะมีผลลัพธ์แบบนี้”เกลียด?!ฉู่เฉินกัดฟันกรอดและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “แค่เพราะคุณเกลียด คนคนหนึ่งจึงต้องตายไป”“เป็นคุณหนูใหญ่จนเคยชินแล้วสินะ ตามความคิดของคุณผู้ชายทั้งโลกต้องเดินตามจมูกคุณ เคารพนอบน้อมต่อคุณแบบนั้นใช่ไหม?”“คุณจะเกลียดก็ได้ แต่นั่นก็ต่อเมื่อคุณมีคุณสมบัตินั้น”“อยากตาย คุณก็ไม่ต้องตามทุกคนมา ผมไม่ถือสาศพหนึ่งศพที่เกลียดผม”สิ้นเสียง ฉู่เฉินก็ยกมือถอนยันต์สลายผนึกที่ปกป้องเซียวเสวี่ยอิ๋งไว้กลับมาทันที หลังจากตะคอกด้วยความโกรธแล้วก็เดินกลับไปอยู่แนวหน้าของทัพเซียวเฟิงเห็นดังนั้นจึงรีบไปตะโกนใส่เซียวเสวี่ยอิ๋ง “เสวี่ยอิ๋ง เธอยังไม่รีบไปขอโทษคุณฉู่อีก หรือเธออยากตายอยู่ที่นี่จริง ๆ ใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งในเวลานี้สับสนอย่างสิ้นเชิง เธอคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าฉู่เฉินจะใจดำกับเธอได้ขนาดนี้ตั้งแต่เด็กยันโต ไม่ว่าคนในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมชั้น แม้แต่ตอนที่มาถึงศูนย์บัญชาการกองทหารรักษ
เซียวเฟิงจูงเซียวเสวี่ยอิ๋งแล้วรีบไล่ตามฉู่เฉินและถานเฟยตูม ตูม ตูม!ในเวลานั้นเอง รอบข้างเกิดระเบิดจนกลายเป็นกลุ่มก้อนหมอกดำ เสียงระเบิดดังกึกก้องมาจากทั่วทุกสารทิศ “ทุกคนเตรียมพร้อมการต่อสู้”เซียวเฟิงและถานเฟยพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงและมองรอบข้างอย่างระแวดระวังหลังจากหมอกดำสลายไป ก็มีเงาร่างนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอย่างหนาแน่นรอบกายจากนั้นไฟสว่างขึ้น มีชายคนหนึ่งซึ่งสวมชุดเสื้อคลุมยาวสีดำผิวคล้ำค่อย ๆ เดินมือไพล่หลังออกมาจากกลุ่มนั้น“เขานี่เอง!”หูม่านตาถานเฟยหดลงเล็กน้อย รีบเดินไปใกล้และกระซิบกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ เขาก็คือหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสของสำนักว่านเซี๋ย ชื่อว่าเฉินไห่เสวียน”“เท่าที่ผมทราบ กองกำลังหลายกลุ่มที่พวกเราส่งไปยังภูเขาเฮยเฟิงล้วนตายภายใต้น้ำมือของคนคนนี้”พูดถึงตรงนี้แล้วภายในดวงตาของถานเฟยก็มีความแค้นเคืองเผยขึ้นมาชั่วครู่ฉู่เฉินหรี่ตามองสำรวจเฉินไห่เสวียน แล้วพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าวขึ้นว่า “คนของพวกคุณตายอย่างสมศักดิ์ศรี”“อะไรนะครับ?”ถานเฟยมองฉู่เฉินด้วยความแปลกใจ“ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นห้าฆ่าระดับสร้างรากฐานขั้นสองและขั้นสามไม่กี่คนก็ง่า
ฉู่เฉินไม่รีบร้อนและไม่ลนลาน ใช้วิชาเจ็ดก้าวดารา แวบไปแวบมาท่ามกลางเงาทวนมากมายบนท้องฟ้านั้นเพียงเวลาชั่วพริบตาสั้น ๆ เท่านั้น ฉู่เฉินก็หลบการบุกโจมตีอย่างบ้าคลั่งนับร้อยกระบวนท่าของเฉินไห่เสวียนได้ทั้งหมด“มิน่า แกอายุยังน้อยอย่างถึงได้กล้าโอหังแบบนี้”เฉินไห่เสวียนหรี่ตาลงและเริ่มมองฉู่เฉินด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อทวนทรราชของเขาถือเป็นกระบวนท่าที่ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมา อีกทั้งกระบวนท่านั้นเมื่อสักครู่เขาออกแรงทั้งหมดที่มีโดยที่ไม่มีเจตนาดูถูกฝีมือฉู่เฉินแม้แต่น้อย คือใส่ไม่ยั้งเต็มแรงแต่ผลลัพธ์คือฉู่เฉินสามารถรับมือกับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ของเขาได้อย่างง่ายดายเหมือนไม่ได้ออกแรงจนน่าแปลกใจทั้ง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นห้าเหมือนกัน แต่ผู้ชมเหตุการณ์รอบข้างมองดูแล้วเห็นว่าฉู่เฉินเหมือนคนแก่ที่กำลังหยอกเด็กเล่นอย่างไรอย่างนั้น“โอหัง?”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ และกล่าว “นี่เรียกว่ามั่นใจเถอะ?”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ยกมือขึ้น กระบี่เล็กที่ยาวหนึ่งนิ้วก็ปรากฏอยู่กลางฝ่ามือแต่วินาทีต่อมากระบี่เล็กเล่มนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ ภายในชั่วพริบตาก็ได้เปลี่ยนแปลงเ
โดยเฉพาะค่ายกลทหารโบราณนั้นแลดูสมจริงสมจังมากทว่าในช่วงที่ทหารฝ่าหมอกสีขาวออกมาจะไปฆ่าฉู่เฉินอยู่นั้น ค่ายกลทหารทั้งหมดได้กลายเป็นเงาเสมือนจริงแต่ขนาดเซียวเสวี่ยอิ๋งซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปกว่าสิบเมตรก็ยังสัมผัสได้ถึงผลกระทบอย่างชัดเจน“น่าสนใจดีนี่ ยังชำนาญวิชากองพลปัญจทิศด้วย”ฉู่เฉินยิ้มอย่างไม่ยี่หระขณะต้านการโจมตีจากทุกสารทิศที่จริงแล้วนี่ก็คือวิชาดั้งเดิม ซึ่งอยู่คนละระดับกับวิชาหุ่นฟางของสำนักอวี้ซือก่อนหน้านี้กล่าวได้ว่ากองพลปัญจทิศแทบจะเป็นตัวตนที่ระดับบดขยี้เลยทีเดียวแต่สำหรับฉู่เฉินแล้วนั้น วิชากระจอกเหล่านี้ มีบันทึกไว้ในมรดกตกทอดจากมังกรเฒ่าทั้งนั้น แถมฉู่เฉินยังมีวิชาสำหรับแก้เกมโดยเฉพาะ ซึ่งฉู่เฉินคั้นเคยเป็นอย่างดี“สลายทัพ!”เมื่อพวกเฉินไห่เสวียนมีสีหน้าลำพองใจที่สามารถขังฉู่เฉินไว้ในค่ายกลทหารได้นั้น ก็เห็นว่าฉู่เฉิน ขยับมือข้างซ้ายร่ายคาถา และมือขวากวัดแกว่งกระบี่พร้อมกับคำรามเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหันตูม!ค่ายกลทหารที่มุ่งเป้ามายังฉู่เฉินเหล่านั้นก็แตกสลายไปในชั่วพริบตา อีกทั้งเงาเสมือนของค่ายกลทหารนับไม่ถ้วนก็หันกลับไปทางพวกจ้าวเถี่ยซานทันทีแม่งเอ๊ย
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก