ภาพที่ณัชญ์เห็นสร้างความไม่พอใจ บวกรวมกับความหึงหวงที่พลุ่งพล่านในอก ตอนนี้เขาต้องการรู้ว่า ชายหนุ่มเจ้าของดอกไม้ช่อนี้คือใคร นึกไม่ชอบหน้าขึ้นมาทันทีทันใด
ส่วนรุ่งรุจีมองกัมปนาทด้วยสายตาทึ่งและไหววูบ หัวใจสาวกระตุกรัวทันทีที่เห็นรอยยิ้มของเขา น่าแปลกเธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับรอยยิ้มของชายคนใดมาก่อน พลันในเสี้ยววินาทีเธอก็ปรับสายตาให้เป็นปกติ ความสงสัยในตัวของชายตรงหน้าเข้ามาแทนที่
“คุณเอคะ ผึ้งจะแนะนำให้คุณเอรู้จักเพื่อนสนิทของผึ้งนะคะ ณัชญ์กับจีค่ะ ณัชญ์ จีนี่คุณเอจ้ะ”
วชิราภรณ์เป็นสื่อกลางให้บุคคลทั้งสามรู้จักกัน กัมปนาทโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นการทักทาย รุ่งรุจีพนมมือไหว้เพราะเธอคาดคะเนว่า เขาน่าจะมีอายุมากกว่า ณัชญ์ทำในลักษณะเดียวกับเพื่อนใหม่
“เราไปกันดีกว่านะคะ ไปทานอาหารร้านแถวๆ นี้ก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เสียเวลามาก” วชิราภรณ์พูดขึ้นเมื่อทั้งสามได้ทำการรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อย
“ผมตามใจคุณผึ้งครับ” กัมปนาทพูดเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้ม
“งั้นตามผึ้งมาเลยค่ะ”
วริราภรณ์ส่งสายตาหวานเยิ้มประกอบกับรอยยิ้มแสนหวานที่ตั้งใจโปรยให้ชายตรงหน้า กัมปนาทชอบรอยยิ้มของเธอมากที่สุด ยามที่เธอยิ้มโลกนี้ช่างสดใส หัวใจของเขาเบิกบานตามไปด้วย อีกทั้งยังส่งผลให้ดวงหน้าน่ารักของเธอชวนมองมาขึ้น
“ไปครับ” กัมปนาทรับคำก่อนจะเดินเคียงคู่ไปพร้อมกับวชิราภรณ์ ปล่อยให้ณัชญ์กับรุ่งรุจียืนมองตามหลังทั้งคู่ไปด้วยความฉงนสงสัยกับที่มาที่ไปของเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักเมื่อสักครู่
“ฉันว่านะณัชญ์งานนี้มันต้องมีอะไรแหงๆ เลย ปกติผึ้งจะไม่สนิทกับผู้ชายแปลกหน้าไวขนาดนี้ ยกเว้นผู้ชายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขม” รุ่งรุจีสันนิฐาน
“ใช่ ณัชญ์ก็ว่ามันแปลกๆ อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่กล้าพูด” ณัชญ์เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนสาว
“เราไปกินข้าวกันดีกว่า บ่ายนี้จีจะถามผึ้งให้รู้เรื่องเอง คิดเองเออเองตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ไป ไปกินข้าวกันดีกว่า” สองเพื่อนสนิทตัดความสงสัยออกไปก่อน เดินเคียงคู่กันออกไปจากตัวตึกเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
ภายในร้านอาหารไม่ใหญ่ไม่เล็กข้างๆ อาคารสำนักงานที่ทั้งสองทำงานอยู่ กัมปนาทกับวชิราภรณ์นั่งรับประทานอาหารอยู่มุมในสุดของร้าน ทั้งสองคุยไปด้วยทานอาหารไปด้วยอย่างถูกคอ ฝ่ายชายหมั่นเพียรตักอาหารใส่จานของฝ่ายหญิงตลอดเวลา บ่อยครั้งที่เขาแอบลอบมองใบหน้าหวานๆ น่ารักๆ ของเธอยามเผลอ ในความรู้สึกของกัมปนาท เขาไม่รู้สึกเบื่อกับภาพตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว
“คุณเอไม่ทานข้าวเหรอคะ หรือว่าจะกินหน้าผึ้ง ผึ้งเห็นคุณเอเอาแต่นั่งมองหน้าผึ้ง”
คนที่ถูกมองทักขึ้น ทำให้กัมปนาทรู้สึกตัวว่าตนเอง สะดุ้งกายเล็กน้อย ปรับท่าทีให้กลับมาเป็นปกติ ยิ้มเจื่อนกับการกระทำของตนเอง
“ผมขอโทษครับที่มองคุณผึ้งนานไปหน่อย ผมเจอผู้หญิงมาเยอะแต่ไม่มีใครน่ารักและน่ามองเหมือนคุณผึ้งเลยครับ”
เขาพูดออกมาจากใจจริง และเป็นจริงตามที่ได้พูดออกไป วชิราภรณ์ยิ้มเต็มใบหน้า รู้สึกสะใจเล็กๆ ในอกกับการหว่านเสน่ห์ที่ได้ผลดีเกินคาด
“น่ารักแล้วรักหรือเปล่าล่ะคะ”
เธอพูดหยิกแกมหยอก กัมปนาทมองหน้าคนที่พูดนิ่ง “ผึ้งล้อเล่นน่ะคะ เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกคุณเอจะรักผึ้งได้ยังไง อีกอย่างเราสองคนก็คบกันแบบเพื่อนด้วย” เธอกล่าวคำหยอกเย้ากับกัมปนาทอีกครั้ง
“ถ้าผมรักคุณผึ้ง คุณผึ้งจะรับรักผมหรือเปล่าครับ”
น้ำเสียงของเขาจริงจัง ดวงตาจับจ้องไปยังดวงหน้าตรึงใจของวชิราภรณ์ คนที่ได้ยินยิ้มละไม ปลื้มใจกับการหว่านเสน่ห์ของตนเองอยู่ในอก...เหยื่อติดกับเธอแล้ว
“ข้อนี้ผึ้งตอบตอนนี้ไม่ได้นะคะ มันขึ้นอยู่กับว่าความรักของคุณเอเป็นแบบไหน ถ้าแบบเพื่อน แบบพี่น้องผึ้งมีให้อยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นมันก็ต้องใช้เวลากันบ้าง เราเพิ่งรู้จักกันวันนี้เป็นวันแรกนะคะ คำว่ารักดูมันจะห่างไกลเกินไป”
เธอพูดเป็นกลาง ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ วชิราภรณ์ไม่อยากให้เขาคิดว่าตนเองเป็นคนใจง่าย รับรักเร็วโดยที่ไม่รู้จักกันให้ดีมากพอ แบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปน่าจะดีที่สุด
“คุณผึ้งเชื่อคำว่ารักแรกพบหรือเปล่าครับ แต่ก่อนผมไม่เชื่อจนมาเจอกับตัวเอง ตอนนี้ผมเชื่อเกินร้อยเลยครับ”
กัมปนาทคิดว่าเขาได้เจอรักแรกพบที่ไม่คิดว่าจะได้เจอมาก่อนในชีวิต และไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงในโลกใบนี้ แต่สำหรับวชิราภรณ์ เธอไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบเลย เพราะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ลมปากเป่าของผู้ชายที่มักใช้จีบผู้หญิงเท่านั้น
“เราทานข้าวกันต่อดีกว่านะคะ พูดนอกเรื่องมานานแล้ว” หญิงสาวพูดตัดบทแสร้งทำท่าทางเหนียมอาย หลบแววตาของกัมปนาทที่มองมา
การรับประทานอาหารดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น มีเสียงหัวเราะเบาๆ เคล้ากับเสียงพูดคุยจากเรื่องราวต่างๆ ที่กัมปนาทสรรหามาเล่าให้วชิราภรณ์ฟัง จนกระทั่งอาหารมื้อเที่ยงได้เสร็จสิ้นลง ทั้งสองลุกเดินจากโต๊ะก่อนจะพากันเดินเคียงคู่กลับไปยังที่ทำงานของฝ่ายหญิง
“ตอนเย็นผมจะมารับคุณผึ้งกลับบ้านนะครับ” กัมปนาทเอ่ยบอกวชิราภรณ์เมื่อมาส่งเธอที่ลิฟต์ภายในอาคารเอ
“จะดีเหรอคะ รบกวนคุณเอแย่เลย แค่เลี้ยงข้าวเที่ยงก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว” เธอออกตัวพองาม
“ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมเต็มใจเป็นที่สุดครับ”
“อย่าดีกว่าค่ะ บ้านผึ้งอยู่ไกล เกรงใจคุณเอน่ะคะ” เธอยังอิดออดเล็กน้อย
“บอกแล้วไงครับว่าผมเต็มใจ นะครับ ตอนเย็นให้ผมมารับนะครับ ผมจะรออยู่หน้าลิฟต์ตอนห้าโมงเย็นนะครับ” กัมปนาทไม่ยอมแพ้ เขายึดมั่นคำว่า ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก
295หนึ่งปีผ่านไป หลากหลายเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างมากมายในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา มีทั้งสุขและทุกข์แตกต่างกันไป ณัชญ์ได้แต่งงานกับอรุณวรรณหลังจากที่เธอหายป่วย มีความสุขตามประสาครอบครัวที่อบอุ่น คงจะขาดอยู่อย่างหนึ่งที่ณัชญ์เพียรพยายามทำมาตลอดก็คือ การผลิตทายาท แต่สุดท้ายความพยายามของณัชญ์ก็สัมฤทธิ์ผล เขาสามารถเสกทารกน้อยเข้าไปอยู่ในท้องของภรรยาได้สำเร็จ ณ วันนี้อรุณวรรณท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว ตัณติกรกับรุ่งรุจีก็มีความสุขไม่ยิ่งหย่อนกว่าใคร หลังจากที่แต่งงานได้เพียงสองเดือน ข่าวดีก็เกิดขึ้นกับคนทั้งคู่ ข่าวที่ว่านั้นก็คือ รุ่งรุจีตั้งครรภ์หนึ่งเดือน นั่นเท่ากับว่า เคล็ดลับและเทคนิคที่ตัณติกรศักษามาเห็นผล ความดีใจไม่ได้มีเพียงเขาและเธอเท่านั้น คนที่ดีใจจนออกนอกหน้าประหนึ่งว่าตัวเองกำลังตั้งท้องเองก็คือ อัชฌา ที่ขนซื้อของบำรุงร่างกายไปให้พี่สะใภ้ จนคนที่ท้องทานแทบไม่หวาดไม่ไหว และแล้วอัชฌาก็ได้หลานชายสมใจ ธัญญ์กับวชิราภรณ์ครองคู่กันอย่างมีความสุข ธัญญ์ดูแลเอาใจใส่ลูกเมียและแม่ยายเป็นอย่างดี และตอนนี้ความบาดหมางระหว่างกัญญากับธัญญ์ก็ต่อกันสนิท ไม่หลงเหลือควา
294หน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสิ่งนั้น สิ่งที่ทำให้หญิงสาวรู้ว่าเขาปรารถนาเธอมากเพียงใดหลังจากที่ธัญญ์ก้าวขึ้นมาบนเตียง เขาไม่รีรอที่จะฝังร่างสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับกายสาว แต่กว่าจะฝ่าความคับแน่นที่ไม่เคยล่วงล้ำเข้าไปจนสุด เหงื่อของเขาก็ไหลชโลมกาย ผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ หลายครั้ง เช่นเดียวกับเธอที่รู้สึกอึดอัดและเจ็บเล็กน้อยธัญญ์จูบเธออีกครั้งหลังจากที่นำพาร่างกายฝังลึกสุดทาง จุมพิตอย่างดื่มด่ำ เรียกร้องและเร้าอารมณ์ มือนุ่มๆ ลูบไล้ไปตามร่างกายแข็งแกร่งของธัญญ์อย่างเบามือ ใช้ปลายเล็บกรีดเป็นทางตรงกลางแผ่นหลังจนถึงเอว ลากปลายเล็บขึ้นๆ ลงๆ ไปมา จนเกิดเสียงครางเล็กๆ ในลำคอหนา“คุณธัญญ์ คุณธัญญ์” ทันทีที่ปากนุ่มได้รับอิสระ วชิราภรณ์ก็ปลดปล่อยเสียงครางรัญจวนออกมา เพราะเขาเริ่มบรรเลงเพลงรักแบบเต็มรูปแบบ เอวใหญ่ออกแรงขับเคลื่อนจากจังหวะเบา ช้าๆ แต่เน้นในจุดเชื่อมต่อในช่วงนาทีแรกจากนั้นค่อยๆ เพิ่มความแรงในเวลาต่อมา ความร้อน อาการเสียวสะท้านเดินทางมาย่ำเยือนกายสาวยามที่เขาขับจังหวะเข้าใส่ ส่งผลให้เธอส่ายร่อนสะโพกรับแรงกระชั้น ความหฤหรรษณ์ในการเสพสมในครั้งนี้จึงเพิ่มพูน แน่นในทรวง
293ธัญญ์กล่าวคำมั่นสัญญากับวชิราภรณ์ต่อหน้าฟ้าเบื้องบน ทะเลเบื้องล่าง เป็นคำมั่นที่เขาตั้งปฎิญาณไว้ในใจว่า ทำได้อย่างแน่นอน เธอน้ำตาปริ่มเมื่อได้ยินคำพูดหนักแน่นและสัญญาจากปากได้รูป“ผึ้งรักคุณค่ะ รักยังไงก็รักอยู่อย่างนั้นและจะรักตลอดไป”“เรามาเข้าหอกันเถอะ ผมทนไม่ไหวแล้ว”เขาพูดกระซิบอยู่ที่ใบหูสะอาดของเธอ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างสวยขึ้นสูง ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องนอน บรรจงวางร่างของวชิราภรณ์บนเตียงหนานุ่มอย่างเบามือ“ผมรักผึ้งครับ”ดวงตาพราวระยับของธัญญ์จ้องมองดวงตาประกายสวยของเธอนิ่งหลังจากที่กล่าวคำรักจบ ก้มใบหน้าลงจูบหน้าผากมน เรื่อยมาถึงดวงตาทั้งสองข้าง อ้อยอิ่งอยู่นานบนพวงแก้มนวลที่ถูกเขาสูดดมความหอมข้างละหลายครั้ง ก่อนจะมาแนบสนิทริมฝีปากบนกลีบปากสีชมพูอ่อนของเธอปลายลิ้นใหญ่แทรกซอนเข้าไปค้นหาความหวานหอมในช่องปากสาว ที่มีดีกรีรสชาติยอดเยี่ยมอยู่ทุกอณู แน่นอนว่าคนที่ร้างลา ร้างสัมผัสมานานเป็นปี ต้องรีบกอบโกยหารสหวานที่รสชาติยังคงติดค้างอยู่ในรู้สึก ฝ่ายหญิงก็ไม่ได้ปบ่อยให้เขารุกรานเพียงคนเดียว ตอบสนองจูบกลับไปจนเกิดเสียงครางครึ้มในลำคอหนาลิ้นเล็กนุ่มที่กล้าหาญตวัดพันพัวลิ้นใหญ่ ดู
292การจดทะเบียนสมรสในวันนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเขาและเธอ เพราะวชิราภรณ์บอกกับธัญญ์ว่า เธอไม่ต้องการพิธีแต่งงาน ขอเพียงเขาใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงในการจดทะเบียนสมรสและรักเธอด้วยหัวใจที่แท้จริงเท่านั้นก็พอแล้ว ซึ่งคำขอของวชิราภรณ์นั้น ธัญญ์ให้ได้ทุกข้อทั้งคู่ก้าวเดินมายังรถตู้ราคาหลายล้านที่จอดอยู่บนลานจอดรถของสำนักงานเขต ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถคันนั้น พอทุกคนนั่งประจำที่ กำพลสารถีได้ทะยานรถออกสู้ถนนสายหลัก มุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลสงฆ์เพื่อเลี้ยงภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุสามเณรที่พักรักษาตัวอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นทั้งคู่ได้เดินทางไปทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา ถวายสังฆทานเพื่อเป็นสิริมงคลของการดำเนินชีวิตคู่ ตบท้ายด้วยการเลี้ยงฉลองชีวิตคู่กันสองต่อสองด้วยการล่องเรือเดินทางจากเมืองไทยไปประเทศญี่ปุ่น พอถึงที่นั่นทั้งสองจะอยู่ท่องเที่ยวหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะเดินทางไปยังประเทศอังกฤษเป็นลำดับต่อไปบนเรือสำราญขนาดใหญ่ที่บรรจุนักท่องเที่ยวพร้อมลูกเรือกว่าหนึ่งพัน กำลังแล่นอยู่บนทะเลสีฟ้าครามในยามพลบค่ำมุ่งหน้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในขณะที่เรือกำลังแล่นวชิราภรณ์ได้เดินออกมาจากห้องพักที่อยู่ชึ้นบนสุดของเรือส
291สองเดือนครึ่งต่อมาธัญญ์กับวชิราภรณ์เดินลงมาจากสำนักงานเขตหลังจากที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนหน้าที่จะจดทะเบียนดังกล่าว ธัญญ์ได้ให้เจ้าของบัตรประชาชนตัวจริงที่เขาจ้างวานให้ไปเปลี่ยนชื่อและนามสกุลจากเดิมคือนายพุฒิพงศ์ คงถาวร มาเป็น ธัญญ์ ซันแมคควีน อมรวัฒนา มาทำการจดทะเบียนหย่ากับวชิราภรณ์ เมื่อขั้นตอนดังกล่าวเสร็จเรียบร้อย ธัญญ์ได้จดทะเบียนสมรสกับเธอทันทีบ้านที่ห่างหายจากความสุขมานานเป็นปี ได้พลิกฟื้นกลับมาใหม่เต็มไปด้วยความสุขอีกครั้ง หลังจากที่ธัญญ์ออกจากโรงพยาบาล เขาก็กลับมายังบ้านที่เคยอยู่ร่วมกับวชิราภรณ์ แล้วเขาก็ได้พาคนที่เคยหนีจากที่นี่ไปให้หวนกลับมาอยู่ร่วมบ้านอีกครั้ง แต่มีอีกสองชีวิตที่เข้ามาพักพิงอาศัยด้วยคือ กัญญากับกวินทร์ ธัญญ์คิดว่าบ้านหลังนี้เล็กเกินไปสำหรับครอบครัวของเขา เพราะคิดว่าตนเองต้องมีทายาทเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เขาจึงคิดว่าจะหาบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่านี้ ความบังเอิญเกิดขึ้นเมื่อบ้านข้างๆ ติดป้ายประกาศขาย เนื่องจากจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ธัญญ์ตัดสินใจซื้อในทันที เนื้อที่ของบ้านหลังนี้กว่า 250 ตารางวา สามารถปลูกบ้านหลังใหญ่ เนื้อที่
290“เป็นอะไรคนดีของผม” เขาถามเมื่อก้าวขึ้นเตียงแล้วทอดกายลงนอนข้างร่างของสาวสวยที่มีท่าทางเหมือนคนกำลังร้องไห้“จี จีกลัว” เธอตอบเสียงสั่น“กลัวอะไรครับ” ตัณติกรเอ่ยถาม กรีดน้ำตาสาวที่เอ่อล้นตรงขอบตาอย่างแผ่วเบา“จี จีไม่บริสุทธิ์ จีกลัวคุณอาร์มไม่มีความสุข” รุ่งรุจีบอกสามีตามตรง“คิดอะไรโง่ๆ ความสุขของผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจีจะมีความสาวให้ผมหรือเปล่า ความสุขของผมคือได้อยู่ใกล้ๆ จี ได้รัก ได้ดูแล ได้เอาใจใส่และได้รับความรักจากจีต่างหาก อย่างอื่นผมไม่สนใจ ต่อให้จีผ่านผู้ชายมาเยอะกว่านี้ผมก็ไม่สน ผมรักจีที่เป็นจี รักที่ปัจจุบัน ไม่ใช่อดีต”ตัณติกรกล่าวความรู้สึกที่กลั่นออกมาจากใจให้คนที่เขารักได้รับฟัง คำพูดของเขาทำให้สาวขี้กลัว หากยจากอาการดังกล่าวเป็นปลิดทิ้ง ความประหม่าเหือดหายไปจนสิ้น“จีรักคุณอาร์มค่ะ คุณอาร์มจะเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่จีจะมอบหัวใจให้”“แค่นี้แหละครับที่ผมต้องการ ผมรักจีนะครับ”เขามอบจุมพิตหวานๆ ทาบทับเรียวปากสวยเป็นอันดับแรกหลังจากที่พูดจบ ตามมาด้วยมือแกร่างที่เริ่มสำรวจเรือนร่างอรชรของภรรยา ไล่ตั้งแต่โคนขาสาวที่ถูกลูบไล้อย่างแผ่วเบา ทำเอาเธอรู้สึกเสียววาบร้อนวูบข