“ปละ...เปล่าไม่มีอะไร ไปทำงานกันเถอะ เดี๋ยวยักษ์มากินตับ”
คนที่กำลังร้องไห้คลายอ้อมกอดออกจากร่างของรุ่งรุจี ปาดน้ำตาทิ้งราวกับเด็กๆ พูดติดตลกถึงผู้จัดการจอมเฮี้ยบที่เนี้ยบเกินพอดี ไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งผู้ช่วยรองประธานหากทำผิดกฎระเบียบ
“ไม่มีอะไรแล้วทำไมตาบวมอย่างนั้นล่ะ อาการอย่างนี้มันร้องไห้ชัดๆ เลย” ณัชญ์ไม่เชื่อในคำพูดที่ได้ยิน เขารู้ดีว่ามันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่นอน
“ผึ้งไปบ้านพ่อมาน่ะณัชญ์ คงไปเห็นภาพเดิมๆ มาก็เลยเป็นแบบนี้”
รุ่งรุจีเป็นคนตอบคำถามแทนคนที่เริ่มร้องไห้หนักขึ้น คนที่ได้ยินคำตอบถึงกับอึ้ง ความเศร้าโศกเสียใจถ่ายเทมาหาเขาด้วยน
“ณัชญ์บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้ไป ไปทีไรก็เป็นอย่างนี้ทุกที การให้อภัยมันเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดนะผึ้ง พ้นทุกข์ พ้นโศก ณัชญ์กับจีอยากให้ผึ้งคิดใหม่นะ เริ่มต้นใหม่ก็ยังไม่สายนะผึ้ง”
ณัชญ์กล่าวเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี เมื่อใดที่วชิราภรณ์มีความสุข หลุดพ้นจากวังวนความแค้นและความริษยา วันนั้นเขาจะมีความสุขมากที่สุด
“ผึ้งขอบใจในความหวังดีของจีกับณัชญ์ แต่จีกับณัชญ์ก็รู้ดีนี่ว่า ผึ้งไม่มีวันทำได้อย่างที่ณัชญ์พูด เราเลิกพูดเรื่องนี้กันซะที ได้เวลาทำงานแล้วนะ”
วชิราภรณ์พูดตัดบทก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานที่วางอยู่บนโต๊ะ ทำให้เพื่อนสนิทอีกสองคนได้แต่มองหน้ากัน และถอนหายใจออกมาดังๆ อย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของตนเอง
ก่อนเที่ยงราวห้านาทีณัชญ์เดินออกมาจากห้องผู้ช่วยรองประธานบริษัท ตรงดิ่งไปยังห้องฝ่ายการตลาดที่อยู่อีกชั้นหนึ่ง พอถึงห้องนั้นเขาเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของวชิราภรณ์ทันที
“ผึ้งกลางวันนี้ไปกินข้าวที่ไหนดีล่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถาม
“กลางวันนี้ผึ้งมีนัดแล้ว ณัชญ์ไปกินกับจีสองคนก็แล้วกันนะ” คนที่ถูกชวนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“นัดกับใคร” น้ำเสียงของณัชญ์ค่อนข้างเข้ม จนวชิราภรณ์เงยหน้ามองคนที่ถาม
“ทำไมต้องทำเสียงอย่างนั้นด้วย ณัชญ์เป็นเพื่อนผึ้งนะไม่ใช่แฟน ไม่ต้องมาทำน้ำเสียงแบบนี้ผึ้งไม่ชอบ” สีหน้าของคนที่พูดฉายชัดถึงความไม่พอใจ ทำให้ณัชญ์เริ่มรู้สึกตัวผ่อนระดับความหึงหวงให้ลดน้อยลง
“ณัชญ์ขอโทษ ณัชญ์แค่เป็นห่วงผึ้งเท่านั้นเอง แล้วผึ้งนัดกับใครไว้ล่ะ”
“นัดกับคุณเอไว้ ผึ้งไปก่อนนะเที่ยงพอดีเลย”
วชิราภรณ์ลุกขึ้นยืนหลังจากที่จัดเอกสารบนโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ ก่อนจะเดินห่างณัชญ์ที่ยืนทำสีหน้างุนงงกับชื่อที่ตนเองไม่รู้จักเพียงคนเดียว
“จี แกรู้จักคนที่ชื่อเอหรือเปล่า” ณัชญ์ถามรุ่งรุจีทันทีที่เพื่อนสาวเดินมาสมทบจุดที่เขายืนอยู่
“เอไหนล่ะ ฉันรู้จักคนที่ชื่อเอตั้งหลายคน” รุ่งรุจีถามสวน เบนสายตาไปยังเก้าอี้ทำงานของเพื่อนสาวที่ไร้ร่างของเจ้าของเก้าอี้ “แล้วผึ้งไปไหนล่ะเที่ยงแล้วนะ”
“ชื่อเอที่ณัชญ์ถามคือคนที่ผึ้งไปกินข้าวเที่ยงด้วยไงล่ะ” คู่สนทนากับณัชญ์ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยปากพูด
“ถ้าอยากรู้ว่าเอคนนี้คือใคร แล้วฉันรู้จักหรือเปล่า เราก็ตามผึ้งไปก็สิ้นเรื่อง จะได้หายสงสัยไม่ต้องมานั่งปวดหัวด้วย ฉันว่านะผึ้งต้องกำลังทำอะไรสักอย่างแน่ๆ เลย” ลางสังหรณ์ทำให้รุ่งรุจีคิดอย่างนั้น
“ไปสิ อยากรู้เหมือนกันว่าเอคนนี้เป็นใคร”
สองเพื่อนสนิทจึงรีบเดินออกไปจากแผนกการตลาด หวังจะให้ทันร่างของวชิราภรณ์ที่เดินออกไปก่อนหน้า และสวรรค์ก็เข้าข้างเมื่อร่างของคนที่พวกเขาต้องการตามไป กำลังยืนรอลิฟต์อยู่
“ผึ้ง วันนี้ไม่ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันเหรอ” รุ่งรุจีแกล้งถาม
“ไม่ล่ะ วันนี้ผึ้งมีนัดแล้ว”
“นัดกับใครเหรอ” เพื่อนสาวถามต่อ
“นัดกับคุณเอน่ะ” วชิราภรณ์ตอบเสียงเรียบ
“ใครเหรอคุณเอคนนี้ จีรู้จักหรือเปล่า”
“ไม่รู้จักหรอก ผึ้งเพิ่งเจอคุณเอเมื่อเช้านี้เอง”
สีหน้าของเพื่อนสนิทอีกสองคนเต็มไปด้วยความตกใจและสงสัย เมื่อได้ยินคำพูดของวชิราภรณ์ เจอกันเมื่อเช้านี้ตกเที่ยงนัดทานอาหารด้วยกันเลยหรือ ไม่ธรรมดาเสียแล้วงานนี้ ต้องมีอะไรแน่นอน
“อย่าบอกนะว่าคุณเอที่ผึ้งพูดจะเป็นแฟนใหม่ของเขม” รุ่งรุจีคาดคั้นถามต่อ วชิราภรณ์หันมายิ้มสวยให้เพื่อนก่อนจะขยับปากตอบ
“ไม่ใช่หรอกแต่เป็นเด็ดกว่านั้น”
รุ่งรุจีกำลังจะถามต่อแต่ปากต้องหุบลงเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามและเพื่อนพนักงานคนอื่นๆ จึงเดินเข้าไปในลิฟต์ ข้อสงสัยของรุ่งรุจีกับณัชญ์จึงยังไม่กระจ่าง จนกระทั่งประตูลิฟต์ถูกเปิดออกที่ชั้น 1 ทุกคนจึงเดินออกมาจากตัวลิฟต์
วชิราภรณ์ส่งยิ้มให้ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงกำแพงฝั่งตรงข้ามกับลิฟต์ ชายคนนั้นถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่อยู่ในมือ กัมปนาทยิ้มตอบรับสาวสวยที่ระบายยิ้มส่งมาให้ ก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ให้วชิราภรณ์เมื่อเธอเดินมาใกล้
“ดอกไม้สำหรับคนสวยๆ ครับ”
“ขอบคุณคุณเอมากนะคะ ไม่น่าลำบากเลยแค่เลี้ยงข้าวเที่ยงผึ้ง ผึ้งก็เกรงใจแล้วค่ะ”
เธอพูดออกตัว วันนี้ประมาณสิบเอ็ดโมงกัมปนาทโทรศัพท์มาหาเธอ บอกจุดประสงค์ที่เขาโทรเข้ามาว่า ต้องการเลี้ยงข้าวกลางวัน เธออิดออดพอเป็นพิธีก่อนจะตอบรับคำเชิญในนาทีต่อมา วชิราภรณ์จึงให้เขามารออยู่ที่ชั้น 1 ของอาคารเอตรงหน้าลิฟต์ฝั่งซ้ายมือ
295หนึ่งปีผ่านไป หลากหลายเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างมากมายในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา มีทั้งสุขและทุกข์แตกต่างกันไป ณัชญ์ได้แต่งงานกับอรุณวรรณหลังจากที่เธอหายป่วย มีความสุขตามประสาครอบครัวที่อบอุ่น คงจะขาดอยู่อย่างหนึ่งที่ณัชญ์เพียรพยายามทำมาตลอดก็คือ การผลิตทายาท แต่สุดท้ายความพยายามของณัชญ์ก็สัมฤทธิ์ผล เขาสามารถเสกทารกน้อยเข้าไปอยู่ในท้องของภรรยาได้สำเร็จ ณ วันนี้อรุณวรรณท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว ตัณติกรกับรุ่งรุจีก็มีความสุขไม่ยิ่งหย่อนกว่าใคร หลังจากที่แต่งงานได้เพียงสองเดือน ข่าวดีก็เกิดขึ้นกับคนทั้งคู่ ข่าวที่ว่านั้นก็คือ รุ่งรุจีตั้งครรภ์หนึ่งเดือน นั่นเท่ากับว่า เคล็ดลับและเทคนิคที่ตัณติกรศักษามาเห็นผล ความดีใจไม่ได้มีเพียงเขาและเธอเท่านั้น คนที่ดีใจจนออกนอกหน้าประหนึ่งว่าตัวเองกำลังตั้งท้องเองก็คือ อัชฌา ที่ขนซื้อของบำรุงร่างกายไปให้พี่สะใภ้ จนคนที่ท้องทานแทบไม่หวาดไม่ไหว และแล้วอัชฌาก็ได้หลานชายสมใจ ธัญญ์กับวชิราภรณ์ครองคู่กันอย่างมีความสุข ธัญญ์ดูแลเอาใจใส่ลูกเมียและแม่ยายเป็นอย่างดี และตอนนี้ความบาดหมางระหว่างกัญญากับธัญญ์ก็ต่อกันสนิท ไม่หลงเหลือควา
294หน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสิ่งนั้น สิ่งที่ทำให้หญิงสาวรู้ว่าเขาปรารถนาเธอมากเพียงใดหลังจากที่ธัญญ์ก้าวขึ้นมาบนเตียง เขาไม่รีรอที่จะฝังร่างสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับกายสาว แต่กว่าจะฝ่าความคับแน่นที่ไม่เคยล่วงล้ำเข้าไปจนสุด เหงื่อของเขาก็ไหลชโลมกาย ผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ หลายครั้ง เช่นเดียวกับเธอที่รู้สึกอึดอัดและเจ็บเล็กน้อยธัญญ์จูบเธออีกครั้งหลังจากที่นำพาร่างกายฝังลึกสุดทาง จุมพิตอย่างดื่มด่ำ เรียกร้องและเร้าอารมณ์ มือนุ่มๆ ลูบไล้ไปตามร่างกายแข็งแกร่งของธัญญ์อย่างเบามือ ใช้ปลายเล็บกรีดเป็นทางตรงกลางแผ่นหลังจนถึงเอว ลากปลายเล็บขึ้นๆ ลงๆ ไปมา จนเกิดเสียงครางเล็กๆ ในลำคอหนา“คุณธัญญ์ คุณธัญญ์” ทันทีที่ปากนุ่มได้รับอิสระ วชิราภรณ์ก็ปลดปล่อยเสียงครางรัญจวนออกมา เพราะเขาเริ่มบรรเลงเพลงรักแบบเต็มรูปแบบ เอวใหญ่ออกแรงขับเคลื่อนจากจังหวะเบา ช้าๆ แต่เน้นในจุดเชื่อมต่อในช่วงนาทีแรกจากนั้นค่อยๆ เพิ่มความแรงในเวลาต่อมา ความร้อน อาการเสียวสะท้านเดินทางมาย่ำเยือนกายสาวยามที่เขาขับจังหวะเข้าใส่ ส่งผลให้เธอส่ายร่อนสะโพกรับแรงกระชั้น ความหฤหรรษณ์ในการเสพสมในครั้งนี้จึงเพิ่มพูน แน่นในทรวง
293ธัญญ์กล่าวคำมั่นสัญญากับวชิราภรณ์ต่อหน้าฟ้าเบื้องบน ทะเลเบื้องล่าง เป็นคำมั่นที่เขาตั้งปฎิญาณไว้ในใจว่า ทำได้อย่างแน่นอน เธอน้ำตาปริ่มเมื่อได้ยินคำพูดหนักแน่นและสัญญาจากปากได้รูป“ผึ้งรักคุณค่ะ รักยังไงก็รักอยู่อย่างนั้นและจะรักตลอดไป”“เรามาเข้าหอกันเถอะ ผมทนไม่ไหวแล้ว”เขาพูดกระซิบอยู่ที่ใบหูสะอาดของเธอ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างสวยขึ้นสูง ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องนอน บรรจงวางร่างของวชิราภรณ์บนเตียงหนานุ่มอย่างเบามือ“ผมรักผึ้งครับ”ดวงตาพราวระยับของธัญญ์จ้องมองดวงตาประกายสวยของเธอนิ่งหลังจากที่กล่าวคำรักจบ ก้มใบหน้าลงจูบหน้าผากมน เรื่อยมาถึงดวงตาทั้งสองข้าง อ้อยอิ่งอยู่นานบนพวงแก้มนวลที่ถูกเขาสูดดมความหอมข้างละหลายครั้ง ก่อนจะมาแนบสนิทริมฝีปากบนกลีบปากสีชมพูอ่อนของเธอปลายลิ้นใหญ่แทรกซอนเข้าไปค้นหาความหวานหอมในช่องปากสาว ที่มีดีกรีรสชาติยอดเยี่ยมอยู่ทุกอณู แน่นอนว่าคนที่ร้างลา ร้างสัมผัสมานานเป็นปี ต้องรีบกอบโกยหารสหวานที่รสชาติยังคงติดค้างอยู่ในรู้สึก ฝ่ายหญิงก็ไม่ได้ปบ่อยให้เขารุกรานเพียงคนเดียว ตอบสนองจูบกลับไปจนเกิดเสียงครางครึ้มในลำคอหนาลิ้นเล็กนุ่มที่กล้าหาญตวัดพันพัวลิ้นใหญ่ ดู
292การจดทะเบียนสมรสในวันนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเขาและเธอ เพราะวชิราภรณ์บอกกับธัญญ์ว่า เธอไม่ต้องการพิธีแต่งงาน ขอเพียงเขาใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงในการจดทะเบียนสมรสและรักเธอด้วยหัวใจที่แท้จริงเท่านั้นก็พอแล้ว ซึ่งคำขอของวชิราภรณ์นั้น ธัญญ์ให้ได้ทุกข้อทั้งคู่ก้าวเดินมายังรถตู้ราคาหลายล้านที่จอดอยู่บนลานจอดรถของสำนักงานเขต ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถคันนั้น พอทุกคนนั่งประจำที่ กำพลสารถีได้ทะยานรถออกสู้ถนนสายหลัก มุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลสงฆ์เพื่อเลี้ยงภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุสามเณรที่พักรักษาตัวอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นทั้งคู่ได้เดินทางไปทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา ถวายสังฆทานเพื่อเป็นสิริมงคลของการดำเนินชีวิตคู่ ตบท้ายด้วยการเลี้ยงฉลองชีวิตคู่กันสองต่อสองด้วยการล่องเรือเดินทางจากเมืองไทยไปประเทศญี่ปุ่น พอถึงที่นั่นทั้งสองจะอยู่ท่องเที่ยวหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะเดินทางไปยังประเทศอังกฤษเป็นลำดับต่อไปบนเรือสำราญขนาดใหญ่ที่บรรจุนักท่องเที่ยวพร้อมลูกเรือกว่าหนึ่งพัน กำลังแล่นอยู่บนทะเลสีฟ้าครามในยามพลบค่ำมุ่งหน้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในขณะที่เรือกำลังแล่นวชิราภรณ์ได้เดินออกมาจากห้องพักที่อยู่ชึ้นบนสุดของเรือส
291สองเดือนครึ่งต่อมาธัญญ์กับวชิราภรณ์เดินลงมาจากสำนักงานเขตหลังจากที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนหน้าที่จะจดทะเบียนดังกล่าว ธัญญ์ได้ให้เจ้าของบัตรประชาชนตัวจริงที่เขาจ้างวานให้ไปเปลี่ยนชื่อและนามสกุลจากเดิมคือนายพุฒิพงศ์ คงถาวร มาเป็น ธัญญ์ ซันแมคควีน อมรวัฒนา มาทำการจดทะเบียนหย่ากับวชิราภรณ์ เมื่อขั้นตอนดังกล่าวเสร็จเรียบร้อย ธัญญ์ได้จดทะเบียนสมรสกับเธอทันทีบ้านที่ห่างหายจากความสุขมานานเป็นปี ได้พลิกฟื้นกลับมาใหม่เต็มไปด้วยความสุขอีกครั้ง หลังจากที่ธัญญ์ออกจากโรงพยาบาล เขาก็กลับมายังบ้านที่เคยอยู่ร่วมกับวชิราภรณ์ แล้วเขาก็ได้พาคนที่เคยหนีจากที่นี่ไปให้หวนกลับมาอยู่ร่วมบ้านอีกครั้ง แต่มีอีกสองชีวิตที่เข้ามาพักพิงอาศัยด้วยคือ กัญญากับกวินทร์ ธัญญ์คิดว่าบ้านหลังนี้เล็กเกินไปสำหรับครอบครัวของเขา เพราะคิดว่าตนเองต้องมีทายาทเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เขาจึงคิดว่าจะหาบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่านี้ ความบังเอิญเกิดขึ้นเมื่อบ้านข้างๆ ติดป้ายประกาศขาย เนื่องจากจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ธัญญ์ตัดสินใจซื้อในทันที เนื้อที่ของบ้านหลังนี้กว่า 250 ตารางวา สามารถปลูกบ้านหลังใหญ่ เนื้อที่
290“เป็นอะไรคนดีของผม” เขาถามเมื่อก้าวขึ้นเตียงแล้วทอดกายลงนอนข้างร่างของสาวสวยที่มีท่าทางเหมือนคนกำลังร้องไห้“จี จีกลัว” เธอตอบเสียงสั่น“กลัวอะไรครับ” ตัณติกรเอ่ยถาม กรีดน้ำตาสาวที่เอ่อล้นตรงขอบตาอย่างแผ่วเบา“จี จีไม่บริสุทธิ์ จีกลัวคุณอาร์มไม่มีความสุข” รุ่งรุจีบอกสามีตามตรง“คิดอะไรโง่ๆ ความสุขของผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจีจะมีความสาวให้ผมหรือเปล่า ความสุขของผมคือได้อยู่ใกล้ๆ จี ได้รัก ได้ดูแล ได้เอาใจใส่และได้รับความรักจากจีต่างหาก อย่างอื่นผมไม่สนใจ ต่อให้จีผ่านผู้ชายมาเยอะกว่านี้ผมก็ไม่สน ผมรักจีที่เป็นจี รักที่ปัจจุบัน ไม่ใช่อดีต”ตัณติกรกล่าวความรู้สึกที่กลั่นออกมาจากใจให้คนที่เขารักได้รับฟัง คำพูดของเขาทำให้สาวขี้กลัว หากยจากอาการดังกล่าวเป็นปลิดทิ้ง ความประหม่าเหือดหายไปจนสิ้น“จีรักคุณอาร์มค่ะ คุณอาร์มจะเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่จีจะมอบหัวใจให้”“แค่นี้แหละครับที่ผมต้องการ ผมรักจีนะครับ”เขามอบจุมพิตหวานๆ ทาบทับเรียวปากสวยเป็นอันดับแรกหลังจากที่พูดจบ ตามมาด้วยมือแกร่างที่เริ่มสำรวจเรือนร่างอรชรของภรรยา ไล่ตั้งแต่โคนขาสาวที่ถูกลูบไล้อย่างแผ่วเบา ทำเอาเธอรู้สึกเสียววาบร้อนวูบข