FAZER LOGINในเวลาเดียวกัน จวนรุ่ยอ๋องหลินเย่ว์อาศัยความมืดของราตรีลอบเข้ามาในจวนรุ่ยอ๋องตามภาพแผนที่ในใจที่ฉู่จืออี้เคยให้ดู ค่อยๆ มุ่งหน้าไปยังเรือนของเซียวเหอแต่ไม่ทันคาดคิด ขณะที่เขากำลังจะผลักประตูเรือนออก ในชั่วพริบตาเดียว กระแสลมสังหารอันเย็นเยียบก็พุ่งมาจากด้านหลัง!เขาแทบจะเบี่ยงตัวโดยสัญชาตญาณ คมดาบเย็นเฉียบเฉียดลำคอไปเพียงนิดเดียว เส้นผมบางส่วนถูกตัดขาดหลินเย่ว์ไม่หันกลับ แต่พลิกตัวถอยหลัง มือขวาแปรเป็นกรงเล็บ จับข้อมือของผู้ถือดาบไว้อย่างแม่นยำ“จี้เยว่ ข้าเอง!” หลินเย่ว์กดเสียงต่ำอีกฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “ทะ ท่านโหวน้อย?”ในที่สุดจี้เยว่ก็ชักดาบกลับ แต่ปลายดาบยังคงชี้มาทางคอหลินเย่ว์ “ดึกดื่นมืดค่ำ ลอบเข้ามาในจวนอ๋อง ท่านโหวน้อยควรมีเหตุผลที่สมควร”เรื่องที่ก่อนหน้านี้หลินเย่ว์ช่วยพาเฉียวเนี่ยนหนี เขาได้ยินมานานแล้วท่านโหวหลินก็สิ้นชีพเพราะเรื่องนั้น ช่างน่ายกย่องยิ่งนักแต่เวลานี้ เรื่องเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของคุณชายใหญ่ เขาไม่อาจละเลยแม้แต่น้อยหลินเย่ว์หยิบขวดยาออกมาจากสาบเสื้อ เอ่ยว่า “ข้าได้รับคำสั่งจากอ๋องผิงหยาง มาส่งยาถอนพิษให้รุ่ยอ๋อง”แววตาจี้เยว่สว่างวาบขึ้น
หยดน้ำอุ่นๆ หยดหนึ่ง หยดลงบนลำคอของฉู่จืออี้หัวใจของเขาสะท้าน นั่นคือน้ำตาของเสด็จพี่ ฮ่องเต้ผู้ทรงเข้มแข็งมาโดยตลอด บัดนี้กลับหลั่งน้ำตาบนหลังของเขาลำคอของฉู่จืออี้ตึงขึ้น ไม่รู้จะพูดอะไรได้เพียงประคองร่างของฮ่องเต้อย่างมั่นคงขึ้น แล้วก้าวต่อไปแต่แล้ว เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นจากด้านหลัง เป็นเสียงของซูกงกง!ฉู่จืออี้ชะงักฝีเท้า ร่างของฮ่องเต้ก็พลันเกร็งขึ้นทันทีถัดมา เสียงฝีเท้าดังสะท้อนเข้ามาในทางลับฉู่จืออี้ไม่กล้าหยุดอีก รีบเร่งฝีเท้าเดินต่อไปข้างหน้าในที่สุด หลังจากเลี้ยวไปอีกหนึ่งมุม เขาก็ออกจากทางลับได้สำเร็จภาพที่เห็นตรงหน้า เป็นสวนแห่งหนึ่งเสียงของฮ่องเต้ดังขึ้น “ใต้ภูเขาจำลองตรงนั้นมีกลไก สามารถปิดทางลับได้”ได้ยินดังนั้น ฉู่จืออี้รีบก้าวไปกดกลไกทันทีเสียงหนักๆ ดังขึ้น ประตูหินสองบานหล่นลงมา ปิดทางลับนั้นไว้แน่นหนาฉู่จืออี้จึงค่อยโล่งใจลงบ้าง แล้วนั่งลงข้างฮ่องเต้ตรงภูเขาหินจำลองรอดชีวิตจากเงื้อมมือแห่งความตาย แต่กลับไม่มีหยาดโลหิตแม้แต่น้อยฮ่องเต้คิดถึงบ่าวที่รับใช้ตนมาชั่วชีวิต น้ำตาแห่งความแค้นไหลอาบ “เราจะให้พวกมันชดใช้ด้วยเลือด!”ฉู่จืออี้ยังค
ผู้บัญชาการเซี่ยกล่าวอย่างเดือดดาล "เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ในมือของท่านอ๋อง เหตุใดกระหม่อมจึงต้องรับข้อหาปลงพระชนม์เชื้อพระวงศ์ด้วย!"อย่างไรเสียวันนี้ ต่อให้ต้องปลงพระชนม์ฮ่องเต้ไปพร้อมกัน ก็ไม่อาจปล่อยให้ฉู่จืออี้หนีไปได้!ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าที่ก้าวอย่างพร้อมเพรียงดังขึ้นนอกห้องพลธนูหน้าไม้เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วผู้บัญชาการเซี่ยรีบนำคนออกจากเรือนไป เตรียมพร้อมยิงธนูได้ทุกเมื่อทว่าภายในเรือนกลับมีเสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นแม้เสียงอ่อนแรงแต่ยังคงทรงอำนาจไม่เปลี่ยน "เซี่ยหย่วน! เราขอสั่งให้เจ้าถอยเดี๋ยวนี้!"เซี่ยหย่วนชะงักไปทันทีฮ่องเต้ถึงกับตรัสออกมาได้!นั่นมิใช่เป็นการพิสูจน์แล้วหรือ ว่าพิษในพระวรกายของฮ่องเต้ได้ถูกขับออกแล้ว?ถ้าเช่นนั้น... ถ้าเช่นนั้นฮ่องเต้ก็ยิ่งไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้!เขาจึงตะโกนเสียงเย็น "ฮ่องเต้ต้องถูกกบฏข่มขู่อยู่เป็นแน่!""อุกอาจ!" ฮ่องเต้ตวาดเสียงดัง แล้วก็ไอออกมาอีกระลอก แต่ยังคงฝืนตรัสต่อ "อ๋องผิงหยางคืออนุชาแท้ๆ ของเรา เหตุใดจึงกล่าวว่าเป็นกบฏไปได้? พวกเจ้าหลงเชื่อถ้อยคำยุยง ยกทัพล้อมเรือนนอนของเรา เช่นนี้ต่างหากคือการทรยศแผ่นด
ฮ่องเต้เองก็หลั่งน้ำตาเต็มใบหน้า ส่วนฉู่จืออี้ก็ตาแดงตามไปด้วยเขากดเสียงเบากล่าวว่า “เสด็จพี่วางใจเถิด น้องได้จัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงรอขึ้นทูลในราชสำนักพรุ่งนี้...”ยังไม่ทันขาดคำ ภายนอกก็พลันดังขึ้นด้วยเสียงฝีเท้าเร่งร้อนและเสียงเกราะกระทบกันฉู่จืออี้สะดุ้ง รีบพุ่งไปที่ข้างประตู แอบมองออกไปทางช่องประตู ก็เห็นทหารรักษาพระองค์กลุ่มหนึ่งกำลังรวมพลอย่างรวดเร็ว“ค้น! มีคนเห็นเงาดำลอบเข้ามาในเรือนนอน!” ผู้บัญชาการเซี่ยตวาดสั่ง “ฮองเฮามีรับสั่ง ผู้ใดบุกรุกเรือนนอน ฆ่าได้ไม่ต้องละเว้น!”ซูกงกงหน้าซีดเผือด “ท่านอ๋อง จะ... จะทำอย่างไรดี?”ฉู่จืออี้ขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงเลยว่าร่องรอยของตนจะถูกพบได้รวดเร็วถึงเพียงนี้“เปิดประตู! ทหารรักษาพระองค์มาตรวจค้นกบฏ!”เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อยๆฮ่องเต้คว้าชายเสื้อฉู่จืออี้ไว้แน่น เหมือนฝากความหวังทั้งหมดไว้กับฉู่จืออี้ฉู่จืออี้สูดลมหายใจลึก รู้ว่าหนีไม่พ้นอีกแล้ว เขาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แววตาสงบนิ่ง “ไปเปิดประตู”“ท่านอ๋อง! มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!” ซูกงกงตระหนกตกใจสุดขีดแต่ได้ยินฉู่จืออี้พูดเสียงนิ่ง “แทนที่จะถูกยิงตายเพราะโดน
ฟ้ายามราตรีดำขลับราวน้ำหมึกภายในกำแพงวังสูงตระหง่าน ทหารรักษาพระองค์คุ้มกันแน่นหนาสายลมพัดเฉียดชายคาเป็นครั้งคราว เปล่งเสียงครวญเบาๆ ออกมาฉู่จืออี้แอบอยู่ในเงากำแพงวัง ชุดพรางยามราตรีบนร่างแทบกลมกลืนไปกับความมืดรอบกาย มีเพียงดวงตาคมดั่งนกอินทรีเท่านั้นที่ฉายแววระแวดระวังอยู่ในความมืดเขาเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้าตอนนี้เป็นยามไห้ อีกเพียงหนึ่งชั่วยามก็จะถึงช่วงที่ทหารรักษาพระองค์เปลี่ยนเวรฉู่จืออี้ขมวดคิ้วตั้งสมาธิ นิ่งรอจังหวะอยู่เงียบๆหนึ่งชั่วยามให้หลัง เสียงฝีเท้าที่ก้าวเรียงกันเป็นระเบียบก็ดังขึ้นจากที่ไกล ทหารรักษาพระองค์เริ่มผลัดเปลี่ยนเวรแววตาฉู่จืออี้แข็งกร้าวขึ้น เขาอาศัยความมืดกำบังตัว เคลื่อนไปตามแนวกำแพงวังอย่างเงียบงันราวภูตผีไม่รู้เดินอยู่นานเพียงใด ที่มุมหนึ่ง ฉู่จืออี้ก็เห็นเสี่ยวชวนจื่อเสี่ยวชวนจื่อก็จำฉู่จืออี้ได้ รีบค้อมตัวเข้ามา ทำเสียงเบาเอ่ยทำความเคารพ “บ่าวขอคารวะท่านอ๋อง”“ไม่ต้องมากพิธี” เสียงของฉู่จืออี้ทุ้มต่ำ “เสด็จพี่เป็นอย่างไรบ้าง?”เสียงของเสี่ยวชวนจื่อสั่นเครือเล็กน้อย “ฮ่องเต้ทรงอาการแย่ลงมาก ท่านพ่อบุญธรรมบอกว่า... เกรงว่าจะไม่อาจอ
ฉู่จืออี้แค่นเสียงหัวเราะเยาะ “พระพี่สะใภ้คงคิดว่าตนเองมีอำนาจล้นฟ้าจริงๆ”“ท่านอ๋องทรงได้ข่าวอะไรมาบ้างหรือขอรับ?” หลินเย่ว์ถามขึ้นฉู่จืออี้เดินไปยังโต๊ะ คลี่แผนที่เมืองหลวงที่วาดอย่างคร่าวๆ ออกมา “ฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทถูกกักตัวไว้ในตำหนักจื่อเฉิน มีคนของฮองเฮาเฝ้าอยู่ ขุนนางในราชสำนักครึ่งหนึ่งถูกควบคุม อีกครึ่งก็ถูกปิดหูปิดตา”หลินเย่ว์จ้องมองแผนที่ ครุ่นคิดหาหนทาง “พวกเราต้องหาวิธีช่วยฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทออกมา เปิดโปงแผนร้ายของฮองเฮา แต่ด้วยกำลังของพวกเราตอนนี้…”“ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังคน” น้ำเสียงทุ้มต่ำของฉู่จืออี้ดังขึ้น ทำให้หัวใจของหลินเย่ว์สะดุ้งวาบ“ท่านอ๋องทรงคิดจะลอบเข้าไปในวังเพียงลำพังหรือขอรับ?”ฉู่จืออี้พยักหน้า “ข้าได้ส่งคนไปสืบมาแล้วว่าทหารรักษาพระองค์จะเปลี่ยนเวรเมื่อใด สามารถอาศัยช่วงนั้นลอบเข้าไปได้ ซูกงกงก็ส่งคนไว้คอยติดต่อภายในวังแล้ว ข้าไปคนเดียวจะสะดวกกว่า ทั้งยังได้รับยาถอนพิษจากสำนักราชาโอสถมา เพียงให้เสด็จพี่เสวย เสด็จพี่ก็จะสามารถตรัสความจริงต่อหน้าขุนนางทั้งหลายได้ด้วยพระองค์เอง”“แต่ทหารรักษาพระองค์ก็อยู่ในกำมือของฮองเฮา หากถึงเวลานั้นฮองเฮาโมโ




![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


