เข้าสู่ระบบซักชุดชั้นในให้ภรรยา ไม่ใช่ปัญหาของหิรัญ หิรัญ นายหัวหนุ่มใหญ่พ่อหม้ายเมียตายอายุ 45 ปี ต้องมากำราบเด็กดื้ออย่างหนูยิ้ม สาวน้อยขี้วีน ขาเหวี่ยง ความเอาแต่ใจของเธอจะชวนปวดเศียรให้กับนายหัวขนาดไหนกันนะ มาเอาใจช่วยคุณหินกันค่ะ แอบกระซิบนิดหนึ่งว่ากว่าจะกำราบเธอลงคุณหิรัญต้องเสียเหงื่อไปหลายยกเลยค่ะ
ดูเพิ่มเติม"ไม่!..หนูยิ้มจะไม่ไปไหนทั้งนั้น หนูยิ้มจะอยู่ที่นี่ จะอยู่กับพ่อกับแม่ที่นี่ได้ยินไหมคะ"
เสียงกรีดร้องของยุวดาแสลงหูหิรัญยิ่งนัก ชายหนุ่มยืนหันหลังเอามือล้วงกระเป๋าไว้ทั้งสองข้าง ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งปากอย่างคนอารมณ์เสีย เขาอยากจะไปกระชากตัวแม่ตัวดีมาตีก้นสักสองสามทีเสียจริง รูปร่างหน้าตาก็ดูน่ารักจิ้มลิ้มแต่เจ้าหล่อนฤทธิ์เยอะไม่ใช่เล่น แถมยังเป็นจอมอาละวาดโวยวาย ดูก็รู้ว่าคงเป็นเด็กเอาแต่ใจ คงจะถูกพ่อแม่ตามใจเสียจนเคยตัว ก็เจ้าหล่อนมันลูกคุณหนูนี่นะ เขาก็ลืมไป "หนูยิ้มหยุดโวยวายได้แล้วนะ ไม่อายคุณหิรัญเขาบ้างเหรอ ความเป็นผู้ดีมีบ้างไหม" บิดาทนความเอาแต่ใจของบุตรสาวไม่ได้จึงขึ้นเสียงใส่หล่อน แต่แทนที่หญิงสาวจะสลด กลับเชิดหน้าขึ้นอย่างคนลำพองตน "จะอายทำไมคะ กะอีแค่ผู้ชายจนๆ หน้าตาก็คงอัปลักษณ์สุดๆ ถึงได้ไว้หนวดไว้เคราอย่างกับโจร" เธอแหวใส่คนที่ความอดทนเริ่มจะเป็นศูนย์ "ก็ผู้ชายจนๆ ทรงโจรคนนี้นี่แหละที่กำลังจะเป็นผัวคุณ..คุณยุวดา" เพียงเท่านั้น เสียงกรีดร้องสิบแปดหลอดก็ถูกส่งออกมาพร้อมเท้าที่ขยับย่ำไปมากระทืบเต้นเร่าๆ "เอ้า! กรี๊ดเข้าไป เพิ่งรู้ว่าคนที่พ่อให้ผมมารับกลับไปเป็นบ้า" "อ๊าย!!! ไอ้บ้า! ฉันไม่ได้บ้านะ" "อ้อ..เหรอครับ ผมนึกว่าบ้าเสียอีก เห็นกรี๊ดๆ จนแก้วหูแทบแตก" หิรัญเดินอาดๆ เข้ามาแบกเอาตัวยุวดาพาดขึ้นบนบ่า ต่อหน้าต่อตาบิดามารดาของเธอ "เอ่อ..คุณหิรัญ ยัยหนูยังเด็กนัก คุณอย่าถือสาแกเลยนะ แกอาจเอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง แต่ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร" นายปรีชาชัยรีบเดินมาบอกบุตรชายของเพื่อนรัก ด้วยแววตาหวาดหวั่น "คุณอาไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ถึงผมจะดูเถื่อนๆ ไปบ้าง แต่ก็ไม่นิยมทำร้ายผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้" เขาดูไม่สะทกสะท้านสักนิด ทั้งที่คนตัวเล็กทั้งจิกทั้งข่วนแผ่นหลังของเขาจนเลือดแทบซิก พร้อมตะโกนด่าแว๊ดๆ ไปด้วย "ไอ้หนวดบ้า ปล่อยฉันลงไปนะ!" ยุวดาตะโกนร้องด่าพร้อมดิ้นกระแด่วกระแด่วไปมาเพื่อให้พ้นจากอ้อมแขนแข็งแกร่งที่รัดสะโพกเธอแน่นราวคีมเหล็ก หิรัญโยนคนตัวเล็กไว้ตรงเบาะหลัง พร้อมคำรามสั่ง "ถ้าขืนคุณยังฤทธิ์มาก ผมจะลากคุณไปขืนใจบนห้อง!" ยุวดาหยุดกรีดร้องในทันที หันไปมองบิดาที่ยืนทำตาปริบๆ อยู่ข้างๆ หิรัญ "คุณพ่อเห็นหรือยัง เห็นความเลวของผู้ชายคนนี้หรือยัง แล้วคุณพ่อยังจะปล่อยให้หนูไปกับอีตาบ้านี่อีกเหรอคะ คุณพ่อได้ยินที่เขาพูดไหมคะว่าจะขืนใจหนู" "ยัยหนูพูดกับพี่เขาดีๆ สิลูก พี่เขาแก่กว่าหนูตั้งเยอะนะ ให้เกียรติเขาบ้างสิจ๊ะ" มารดาลงมาสำทับอีกแรง แต่คุณหนูเอาแต่ใจอย่างเธอมีเหรอจะเชื่อฟัง "แก่คราวพ่อได้แล้วกระมัง หนูไม่เรียกให้เป็นเสนียดปากหรอกค่ะ" อ๊าย!!!! หิรัญกระชากตัวหญิงสาวมาบดขยี้ริมฝีปากหนักๆ ก็หล่อนอยากปากดีนัก "คุณหิรัญอย่าโกรธยัยหนูเลยนะคะ ถือว่าน้าขอร้อง น้องยังไม่ประสีประสา" วัลภาร้องห้ามปากคอสั่น เพื่อไม่ให้เขาทำอะไรห่ามๆ กับลูกสาวอันเป็นที่รักของนางมากไปกว่านี้ ถึงแม้ว่านางจะรู้ดีว่ายังไงเหตุการณ์ทำนองนี้ต้องเกิดขึ้นสักวัน แต่ขอให้พ้นไปสักระยะ "นั่นสิหิน ถือว่าอาขอร้องเถอะนะ อย่ารังแกน้องเลย น้องยังเด็กนัก" คนตัวโตค่อยๆ ปล่อยริมฝีปากเล็กบางรูปกระจับที่บวมช้ำให้เป็นอิสระ หญิงสาวสะบัดฝ่ามือลงบนใบหน้าของเขาทันที เพี๊ยะ!!! "นี่แหน่..ไอ้หนวดบ้า! แกกล้ามากนะที่จูบฉัน" ใบหน้าเขาหันไปตามแรงตบ หิรัญกำหมัดแน่น กัดกรามจนนูนเป็นสันด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ "มากกว่านี้ผมก็กล้าทำ" ชายหนุ่มคำรามพร้อมกระชากร่างบางเข้ามาบดจูบอีกที คราวนี้มันรุนแรงกว่าเดิม วัลภาเต้นเร่าๆ ด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว "ยัยหนู ยัยหนู ขอโทษพี่เขาสิลูก อย่าทำให้พี่เขาโกรธเลยนะ" มารดาพยายามร้องสั่งยุวดา "คุณหินคะน้าขอร้องล่ะค่ะ อย่าโกรธน้องเลยนะคะ" หิรัญถอนริมฝีปากจากปากจิ้มลิ้มนั้นอีกครั้ง จ้องมองหญิงสาวด้วยแววตาดุกร้าว "คราวหน้าอย่ามาก้าวร้าวกับผม ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณ..ยุวดา" หญิงสาวก้มหลบสายตาดุกร้าวนั้นพัลวัน น้ำตาเจ้ากรรมร่วงหล่นลงอาบแก้ม "พ่อกับแม่ใจร้าย ทำไมต้องบังคับให้หนูไปกับผู้ชายคนนี้ด้วย ทั้งๆ ที่หนูไม่ได้รักเขา แล้วดูเขาทำกับหนูสิคะ สาแก่ใจพ่อกับแม่หรือยัง" "ยัยหนู พ่อกับแม่ไม่มีทางเลือกนะ หนูอย่าคิดแบบนั้นสิจ๊ะ" มารดาน้ำตาร่วงหล่นไม่แพ้กันสงสารบุตรสาวจับใจ แต่จะให้ทำอย่างไร สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา ด้านบิดาหัวใจสลายไม่แพ้กัน ยุวดาเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว เขารักเธอสุดหัวใจ หล่อนถูกเลี้ยงดูอย่างถนอมและตามใจ ไม่เคยดุด่าว่ากล่าว ไม่เคยทุบตีให้เจ็บเนื้อเจ็บตัว ต้องไปอยู่กับผู้ชายป่าเถื่อนอย่างหิรัญ นายปรีชาชัยเป็นห่วงบุตรสาวจับใจแต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้ "หิน..อาขออะไรสักอย่างได้ไหม สัญญากับอา ว่าหินจะดูแลลูกสาวของอาเป็นอย่างดี จะไม่ทำร้ายทุบตีเธอ อาขอได้ไหม" หิรัญพยักหน้า ก่อนจะพูดกับเพื่อนรักของพ่อ "คุณอาสบายใจได้ครับ ผมจะไม่ทำร้ายเธอ แต่ถ้าเธอดื้อ ไม่เชื่อฟัง ผมจะทำโทษเธออย่างหนักเอาให้ร้องครางทั้งคืน" สองสามีภรรยาหน้าตาตื่นกับคำพูดของหิรัญ แต่คนที่กำลังนั่งฟังอยู่ในรถกระบะโกรธจนควันออกหูหล่อนอยากจะร้องกรี๊ดเสียเต็มประดา (ไอ้หนวดบ้า! ถ้าขืนแกทำอะไรฉันนะ ฉันจะเจื๋อนไอ้จ้อนของแก จำไว้) หญิงสาวแอบคิดในใจอย่างนั้น แต่ไม่กล้าโต้ตอบหิรัญกลัวคนบ้าจะจับเธอจูบอีกครั้ง ตอนนี้ริมฝีปากบางยังบวมช้ำอยู่เลย "โธ่เอ๊ย!" เธอสบถในใจ รีบหันหน้ามองไปทางด้านซ้าย เมื่อเขาชะโงกหน้าเข้ามาในรถจากทางด้านขวา "ลาพ่อแม่ของคุณซะ เราจะออกเดินทางกันแล้ว"หิรัญลากตัวหญิงสาวลงมาแบบถูลู่ถูกัง ยุวดาทำหน้างอง้ำ สะบัดข้อมือบางที่ถูกกอบกำไว้ด้วยมือแข็งแกร่ง"นี่คุณปล่อยแขนฉันนะ ฉันเจ็บรู้บ้างสิคะ"หิรัญไม่ฟังยังคงลากแขนของเธอต่อไป "ชะเอม..เดี๋ยวเธอขึ้นไปยกกระเป๋าของคุณยิ้มแล้วตามฉันไปที่รถนะ""ค่ะคุณหิน"หิรัญสั่งแม่บ้านเสร็จก็หันไปพูดกับคนเป็นพ่อต่อ"คุณพ่อครับ..ผมกลับเกาะก่อนนะครับ ถ้าพัสดุมาส่งคุณพ่อไม่ต้องรับปล่อยให้พัสดุตีกลับไปเลย""ได้" นายหัวสิบทิศรับคำลูกชาย "แกอย่าทำอะไรน้องรุนแรงนะ น้องยังเด็กมาก""ครับ"เขาตอบแค่นั้น จับกระชับข้อมือบางลากมายังรถกระบะแล้วยัดตัวเธอเข้าไป ชะเอมยกกระเป๋าเดินทางของยุวดามาให้ เขาก็จับยัดมันเข้าไปในรถดังโครม"นี่! เบาๆ หน่อยสิคุณ ทำแบบนี้กระเป๋าฉันก็พังหมดกันพอดี""ผมไม่สน พังก็ซื้อใหม่"หญิงสาวหันขวับไปทางด้านซ้ายจ้องมองใบหน้าคมคร้ามแล้วแหวใส่"คุณรู้รึเปล่าว่ากระเป๋าใบนี้ราคาเท่าไหร่""เท่าไหร่""หึ! ฉันก็ลืมไปคนบ้านนอกอย่างคุณคงอ่านยี่ห้อไม่ออกสินะ" หญิงสาวกรอกตาเบะปากอย่างน
หิรัญออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่หกโมงเช้า เพราะเขาต้องนั่งเรือข้ามฟากไปยังเกาะรังนก เพื่อดูแลฟาร์มหอยมุกและบ่อเลี้ยงกุ้งในกระชัง ทำให้เขาต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าในทุกๆ วัน กว่าจะถึงเกาะก็ใช้เวลาในการเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงเมื่อถึงเกาะรังนก นายหัวหนุ่มก็เริ่มสำรวจบ่อเลี้ยงกุ้ง เขาสุ่มวัดอุณหภูมิของน้ำ จับกุ้งมาวัดขนาดและชั่งน้ำหนัก มีคนงานกำลังให้อาหาร เขาจึงไปดูหอยมุกต่อ หอยมุกที่เขาเลี้ยงคือหอยมุกซีกและหอยมุกจาน หอยมุกจานเป็นหอยสองฝาที่มีขนาดใหญ่สามารถผลิตหอยมุกได้เม็ดใหญ่และสีสวย ส่วนหอยมุกซีกคือหอยปีกนกจะมีขนาดเล็กกว่าหอยมุกจานและมีระยะเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตที่สั้นกว่าหอยมุกซีกใช้เวลาเลี้ยงแค่หนึ่งปีกว่าในขณะที่หอยมุกจานต้องเลี้ยงกันถึงสองปีถึงจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตนายหัวหิรัญเลี้ยงหอยมุกในกระชัง การดูแลไม่ต่างจากหอยมุกแบบธรรมชาติสักเท่าไหร่เพื่อให้ได้ไข่มุกที่มีความสวยงามจึงจำเป็นต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด หอยมุกจะต้องเลี้ยงในระดับความลึกที่เหมาะสม อุณหภูมิและอาหารเป็นปัจจัยสำคัญ หอยมุกจะโตและให้สีสวยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แหล่งน้ำต้องเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สงบ ไร้คลื่น
นายหัวสิบทิศเดินมาที่โต๊ะอาหารแต่กลับว่างเปล่า ไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนั้น มีเพียงอาหารหลายอย่างที่วางเรียงกันอยู่บนโต๊ะกินข้าว และสาวใช้ที่ยืนรอตักข้าวให้เจ้านาย"ชะเอม..เธอขึ้นไปตามคุณหนูให้ลงมาทานข้าว ป่านนี้แกคงตื่นแล้วล่ะ""ได้ค่ะนายหัว""แล้วนี่ไอ้หินไปไหน ได้เวลากินข้าวแล้วยังไม่มา""หนูไม่ทราบค่ะ" สาวใช้รูปร่างสันทัดตอบกลับนายใหญ่ของบ้านด้วยถ้อยคำฉะฉาน"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเลยไปดูคุณหินที่ห้องด้วยนะว่าอยู่หรือเปล่า บางทีเขาอาจจะนอนพัก""ได้ค่ะนายหัว"สาวใช้ตอบรับยังไม่ทันจะก้าวไปจากห้องรับประทานอาหารเสียงฝีเท้าหนักๆ ของหิรัญก็ดังขึ้นพร้อมเสียงทัก"ผมมาแล้วครับ แล้วนี่คุณหนูขี้วีนยังไม่ลงมาอีกเหรอครับ""ยัง..นี่พ่อกำลังจะให้ชะเอมขึ้นไปตามให้ลงมาทานอาหารพร้อมกัน ป่านนี้หนูยิ้มคงตื่นแล้วกระมัง""ครับ"นายหัวสิบทิศและนายหัวหิรัญนั่งรอยุวดาให้ลงมาทานอาหารพร้อมกัน ไม่อยากเสียมารยาททานก่อน สักพักชะเอมสาวใช้ก็เดินกลับมาบอกกับเจ้านายทั้งสองว่ายุวดาจะไม่ลงมา แต่จะให้ยกอาหารขึ้นไปให้เธอทานข้างบนหิรัญกัดกรามจนเป็นสันนูนด้วยความไม่พอใจ นึกว่าตัวเองใหญ่โตมาจากไหน ถึงได้ไม่ลงมาทานอาหารต้องให้คนยก
หลายชั่วโมงต่อมา..รถกระบะสี่ประตูเคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้าๆ มุ่งหน้าลงใต้ หิรัญไม่แวะที่ไหนเพราะเติมน้ำมันมาเต็มถัง ส่วนคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังนั่งทำหน้างอง้ำอยู่ได้สักพักใหญ่ๆ ก็ผล็อยหลับไปในที่สุด ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันสักคำ ชายหนุ่มทำหน้าที่พลขับได้เป็นอย่างดี เขาหรี่แอร์ลงเมื่อมองเห็นอาการขนลุกซู่ของยัยเด็กเอาแต่ใจ ชายหนุ่มขับรถต่อไปเรื่อยๆ จนถึงประจวบคีรีขันธ์ ภาพใบหน้าหวานในยามหลับก็ดูน่ารักอยู่หรอก แต่ถ้าตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าหล่อนจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่เขาอีก เขาคิดพลันกระตุกยิ้มตรงมุมปาก หิรัญพาเธอมาถึงบ้านที่ประจวบคีรีขันธ์ เขาดับเครื่องยนต์ปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะหันไปมองสาวสวยที่นั่งหลับคอพับศีรษะเอนพิงพนักไปทางด้านซ้าย หิรัญถึงกับถอนหายใจ"นี่หลับหรือตาย"เขาถอนหายใจหนักๆ อีกครั้งก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินลงไปทันที อันที่จริงยุวดาตื่นนานแล้วแต่แกล้งหลับต่อ เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับคนตัวโตในขณะนี้ ทันทีที่รถจอดสนิทหญิงสาวแอบแย้มเปลือกตาเปิดออกนิดๆ เพื่อดูว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ปรากฏว่าเธอกำลังอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ใกล้ทะเลสาบหิรัญเดินอาดๆ มาทางคนหลับ หญิงสาวรีบปิดเปลือกตาลงฉับเมื่อ