‘อยู่ที่ไหนนะ’
บาลีลืมตาขึ้นมาทั้งที่ยังงัวเงีย ขณะมองไปรอบห้องอย่างงงๆ ก่อนจำได้ว่าเป็นห้องนั่งเล่นในคอนโดฯ ของน้ำส้มนั่นเอง
แต่เพื่อนๆ ไปไหน ทำไมเธออยู่คนเดียว หันไปมองนาฬิกาแขวนติดผนัง
“นี่มันตีสามแล้วเหรอ” บาลีพึมพำ
เพื่อนๆ คงกลับหมดแล้ว คงเห็นว่าเธอเผลอหลับไป ทุกคนก็เลยปล่อยให้หลับต่อในห้องนั่งเล่น เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่บาลีหลับในห้องนั่งเล่นคอนโดฯ ของน้ำส้ม ตอนทำรายงานกลุ่ม หรือวันว่างเธอกับปิยดาก็มาจอยกับน้ำส้มออกบ่อย
กำลังจะเอนตัวลงนอนต่อ ก็ได้ยินเสียงครางฮือๆ จากในห้องนอน เสียงเหมือนคนฝันร้าย หรือพร่ำบ่น และแปลกว่านั้น เสียงห้าวทุ้ม ไม่ใช่เสียงหวานใสของน้ำส้มแน่นอน
กลัวก็กลัว เพราะไม่รู้ว่าใคร หรือน้ำส้มพาใครมาค้างด้วย ก็อย่างที่รู้น้ำส้มเป็นสาวแซ่บ ยังไม่ได้คบหาใครอย่างจริงจัง แต่มีคนคุยอยู่หลายคน และหนึ่งในนั้นคืออัทธ์
ถึงจะกลัว แต่ความอยากรู้ก็เอาชนะ บาลีค่อยๆ ย่องไปยังห้องนอนที่ปิดประตูไม่สนิท ค่อยๆ มองลอดช่องประตูเข้าไป แสงจากโคมไฟหัวเตียงทำให้เห็นร่างใหญ่ของใครบางคนนอนอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ นอนกระสับกระส่าย ปากก็พึมพำไม่หยุด
“หนาว”
แค่เห็นใบหน้าคนบนเตียงชัดเจน พร้อมอาการบงบอกว่าเขากำลังเป็นไข้ บาลีก็ไม่รั้งรอที่จะรีบเข้าไปในห้อง ถลาเข้าไปข้างเตียง ใช้หลังมืออังหน้าผากอีกฝ่าย ถึงกับสะดุ้งเมื่อเจอกับความร้อน บ่งบอกเจ้าตัวกำลังมีไข้สูง
บาลีรีบไปเอาหยิบยาลดไข้ที่มีติดตัวไว้ในกระเป๋า และไม่ลืมรินน้ำดื่มใส่แก้วมาด้วย
“เธอวางบนโต๊ะหัวเตียงแล้วค่อยๆ พยุงร่างใหญ่ให้ขึ้นเพื่อสะดวกกับการกินยาและน้ำ แต่ก็ทุลักทุเล เพราะคนป่วยทำท่าไม่อยากจะขยับตัว
“พี่อัทธ์คะ ลุกขึ้นกินยาก่อนค่ะ” เธอบอกเสียงอ่อนโยน อีกฝ่ายครางอือตอบรับ แล้วขยับตัวพิงพนักเตียง ดวงตาก็ไม่ยอมลืมขึ้น
บาลีหยิบยาลดไข้ป้อนใส่ปาก ตามด้วยแก้วน้ำจ่อปาก เมื่อเรียบร้อยก็พยุงให้เขาเอนตัวนอนตามเดิม จากนั้นเธอก็หาผ้าขนหนูผืนเล็ก ชุบน้ำก๊อกบิดจนหมาดแล้วมาเช็ดตัวให้ชายหนุ่ม เพื่อเขาจะได้ลดความร้อนจากอาการไข้สูง
ขณะเช็ดตัวให้ชายหนุ่มก็สงสัยว่าน้ำส้มไปไหน ทำไมปล่อยให้อัทธ์นอนไข้ขึ้นอยู่คนเดียว
ขณะกำลังสงสัย เสียงข้อความจากโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
น้ำส้ม : ถ้าตื่นแล้ว ก็ช่วยไปดูพี่อัทธ์ให้หน่อย เขามีไข้น่ะ
บาลี : แล้วแกอยู่ไหน
น้ำส้ม : อยู่กับคริส
อีกฝ่ายเอ่ยถึงผู้ชายคนใหม่ที่เพิ่งเจอในผับเมื่อไม่กี่วัน เป็นหนุ่มหล่อ ชาวอเมริกันที่เจอกันวันแรกก็เปิดห้องด้วยกันทันที น้ำส้มก็หลงเสน่ห์หนุ่มคนใหม่จนทิ้งหนุ่มเก่าอย่างไม่ใยดี เมื่อหนุ่มคนใหม่เรียก ก็รีบแจ้นไปหาทันที
บาลี : พี่อัทธ์มาหาแก แต่แกไปหาผู้ชายอื่น
น้ำส้ม : ช่วยไม่ได้ก็เขาป่วย เพราะคืนนี้ฉันอยากโดนจัดหนักน่ะ และฉันจะเดินทางไปเมกาพร้อมเขาด้วย
บาลี : ส่งสติ๊กเกอร์หมีส่ายหน้า
น้ำส้ม : ส่งสติ๊กเกอร์หมีส่ายก้น
บาลีหันมาสนใจกับการเช็ดตัวให้อัทธ์ เช็ดไปใจสั่นไป เมื่อแกะกระดุมเชิ้ตขาวออก เพื่อเช็ดตรงหน้าอก ซอกคอ
แค่หล่อก็ทำใจละลาย แต่รูปร่าง และกล้ามสวยๆ ทั้งแผงอก กล้ามแขน หน้าท้องเป็นลอน นอกจากใจบาลีจะสั่น มือก็สั่นไปด้วย
แต่สั่นสู้โว้ย!
ไม่เข้าใจว่าน้ำส้มใจทิ้งผู้ชายเพอร์เฟ็กต์แบบนี้ไปหาผู้ชายอีกคนได้อย่างไร
บาลีเช็ดตัวให้คนไข้สูงเช็ด กำลังจะหมุนตัวเอาผ้าขนหนูในมือไปตาก แต่ก็ถูกมือใหญ่รั้งข้อมือไว้ และดึงจนร่างเธอล้มลงบนตัวเขา
“หนาว...” อีกฝ่ายพึมพำข้างหู ก่อนร่างเธอจะค่อยๆ หล่นลงไปนอนข้างๆ ในอ้อมกอดของเขา
ใจเธอเต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน นอนซุกหน้ากับอกกว้าง ไม่กล้ามองใบหน้าหล่อที่เอาคางเกยศีรษะเธอไว้
เขาจะรู้ไหมนะว่าผู้หญิงที่นอนกอดอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของห้องนอน
“หอมจัง ฮือ”
บาลีแทบสะดุ้งเมื่อคิดว่าคนที่หลับใหลแถมไข้สูงกลับสูดดมที่เรือนผมเธอ อ้อมกอดก็กระชับแน่นขึ้น จนความร้อนผ่าวจากกายใหญ่แผ่กำจายมายังร่างเธอให้ร้อนขึ้นมาด้วย
แต่ไม่แน่ใจว่าร้อนเพราะอะไร อาจเป็นความรู้สึกข้างในที่วาบหวิวกับกายแกร่งที่แนบชิด
“นุ่มจัง หอม เปลี่ยนน้ำหอมเหรอ” เสียงพร่าทุ้มนั้น ยิ่งไม่แน่ใจว่าเขาลืมตาหรือยัง ถึงไฟในห้องจะสลัวราง เพราะมีแค่โคมไฟหัวเตียงวัตต์น้อย แต่ถ้าลืมตาขึ้นดูสักนิดจะรู้ว่าเธอไม่ใช่น้ำส้ม
อยากจะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่ก็ไม่กล้า ถึงแต่ซุกซบกับอกกว้างอย่างหวั่นไหว ละอายใจอยู่บ้างที่เหมือนฉกฉวยโอกาสนี้ใกล้ชิดอีกฝ่าย
ทั้งที่ควรลุกขึ้นโวยวายว่าเธอไม่ใช่น้ำส้ม หรือทำอะไรก็ได้ให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดอันแสนร้อนผ่าวที่กำลังกลืนกินตัวตนของเธอ
ตัวตนที่ควรรักนวลสงวนตัวอย่างที่ถูกอบรมมาตลอดชีวิตจากป้ามอญ
ใช่ มันคือสิ่งที่ถูกต้อง อย่าให้อะไรมาเปลี่ยนแปลงมันสิ
แม้แต่ผู้ชายที่อยู่ในความฝันมาตลอดหลายปี ก็ไม่ควรยอม!
กำลังจะฮึดเอาแรงผลักร่างใหญ่ ทว่า...
“ฮือ”
ปากอุ่นจัดกลับจูบลงที่แก้มร้อนผ่าวของเธอ ความรู้สึกวาบหวิวจู่โจม เรี่ยวแรงที่พยายามฮึดเอาคืนมา กลับอ่อนระทวย และจางหายไปทันที
::::::::::::::::::
“ฉันห่วงแกนั่นแหละ ทำงานเยอะไปแล้ว เป็นเจ้าของโรงแรมยังไง วันหยุดแทบไม่มี เวลาพักผ่อนน้อย เห็นพี่ดินบ่นนอนดึกทุกคืน”“เออ หลังแต่งงาน ฉันจะทำงานน้อยลง จะจ้างผู้ช่วยเพิ่ม และไอ้เอใกล้เรียนจบแล้ว ก็มาช่วยแบ่งเบางาน ฉันจะหยุดเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ให้ดู” อัณญาเอ่ยถึงน้องชายต่างแม่ ที่ตอนนี้อธิปกำลังเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก “ดีแล้วแก ฉันจะได้มีเพื่อนคุย เพื่อนช้อป” “แหม เห็นไปช้อปกับยัยพิมและยัยรตีในเมืองบ่อยๆ” คนหลังนี่ ปรับปรุงนิสัยดีขึ้น บาลีเลยยอมคุยดีๆ ด้วย เพราะจะว่าไปรตีเป็นเพื่อนคนเดียวในละแวกนี้ที่ชอบดูซีรีส์เกาหลีเหมือนบาลี ทั้งสองเลยคุยกันได้มากขึ้น “บ่อยที่ไหน เดือนละครั้งสองครั้ง” “ตกลงยัยรตี มันคืนดีกับไอ้พี่วันหรือยัง”“ยังเลย มันบอกเจ็บแล้วจำ และมันรู้สึกว่าไอ้พี่วันอยากกลับมาคืนดี เพราะไม่มีที่ไปมากกว่าจะคิดได้ว่ารักมันกับลูก”“โอ๊ย จู่ๆ ยัยรตีก็ฉลาดขึ้นมางั้นเลย” “ก็แหงสิ ใครมันจะฉลาดมาตั้งแต่เกิดเหมือนเธอละยะ!” เสียงแว้ดขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะเดินเฉิดฉายมานั่งในศาลา จากนั้นก็ส่งค้อนให้อัญญา “แหะๆ ขอโทษนะแก ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เมื่อก่อนไอ้พี่วัน มันก็ไม่เห็นว่าจ
ตอนพิเศษ “น้องอิงคะ วิ่งช้าๆ เดี๋ยวล้มนะลูก” น้ำเสียงทุ้ม ที่ร้องห้ามลูกสาววัยสามขวบนั้นอ่อนโยน จนคนได้ยินถึงกับเอ่ยชม“พี่อัทธ์ เป็นพ่อที่แสนดีอบอุ่นเหมือนเตาไมโครเวฟเลย” อัณญาว่า ขณะมองตามพระเอกหนุ่มที่แทบจะหันหลังให้วงการบันเทิงมาเป็นพ่อบ้านเต็มตัว เพื่อดูแลลูกทั้งสอง “เตาไมโครเวฟกี่องศาดีล่ะ” คนที่พูดคือธรินท์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ แฟนสาว ซึ่งเดือนหน้าก็จะเข้าพิธีวิวาห์กันแล้ว “แหม ก็ต้องไฟกำลังพอดี อุ่นๆ สิ” “แล้วพี่นี่ต้องกี่องศา หือ” คนถามทำตามกรุ้มกริ่มใส่ว่าที่เจ้าสาวด้วย“จะบ้าเหรอ มาถามอะไรแบบนี้” อัณญาปาเม็ดอัลมอนด์ที่กำลังกินเป็นของว่างยามบ่ายใส่ว่าที่เจ้าบ่าว “งั้นคืนนี้...”“ฮะ แฮ่ม นี่คิดว่าอยู่กันสองคนหรือไง!” คนที่แว้ดออกมานั้นคือบาลี ซึ่งกำลังเคี้ยวมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกเกลืออย่างเอร็ดอร่อย พอได้ฟังว่าที่บ่าวสาวคุยกันท่าทางจะออกนอกลู่นอกทาง เลยต้องเบรกไว้ก่อน “แกเหอะ กินของเปรี้ยวแบบนี้ แพ้ท้องหรือเปล่า”“ไม่ได้แพ้ แค่อยากินไรเปรี้ยวๆ แก้เลี่ยนความหวานของแกกับพี่ดินนี่แหละ” ทั้งสามนั่งคุยกัน พร้อมกินของว่างยามบ่ายจัด ที่แดดอ่อนแสงไปแล้ว อยู่ใต้ซุ้มไม้ใหญ่ข้างบ้าน ท
“เหนื่อยไหมครับลูก” อัทธ์ถามลูกชาย ขณะเอนตัวลงนอนเคียงข้างลูกชาย อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยกันทั้งสามคน ส่วนบาลีนั้นนอนอยู่อีกฝั่ง ข้างลูกชายเช่นกัน และเธอกำลังไล่ดูภาพของเพื่อนๆ อัทธ์ ที่ทยอยโพสต์ภาพงานในอินสตาแกรม ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นรูปของตัวเองที่สวยเกือบทุกภาพ ส่วนอัทธ์กับน้องอิฐนั้น ไม่ต้องกังวล คือหล่อทั้งสองคน ก็เพราะคนพ่อเป็นดาราระดับซุป’ ตาร์ ส่วนลูกชายนั้น นักแสดงเด็กอนาคต ซุป’ ตาร์ ตามรอยพ่อเลยนะ “ลี เลิกเล่นโทรศัพท์ และปิดไฟได้แล้ว เลยเวลานอนมาสองชั่วโมงแล้วนะ” อัทธ์บอกบาลีเสียงจริงจัง“ได้ค่ะ คุณพ่อตัวอย่าง” แล้วเธอก็ปิดโคมไฟ แล้วขยับตัวไปกอดลูกชายหลวมๆ“พ่อครับ ร้องเพลงให้ผมฟังหน่อย”“ได้สิ เพลงอะไรดี” “ทวิงเคิลลิทเทิลสตาร์ครับ” “ได้ครับ” บาลีแอบยิ้มอยู่ในความสลัวภายในห้อง เพราะเพลงนี้เป็นเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของลูก แต่เธอร้องเพลงไม่เพราะ จึงเปิดคลิปเสียงให้ลูกฟังทุกวันตั้งแต่เด็กแบเบาะ โตแล้วก็ยังชอบฟังก่อนนอน คงเห็นว่าพ่อเป็นนักร้องเสียงเพราะที่สุดในโลก เจ้าตัวก็คงอยากฟังเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของตนเอง ทวิงเคอ ทวิงเคอ ลิทเดิท สตาร์ ฮาว ไอ วันเดอร์ วอท ยูว์ อาร์ อัพ
บทส่งท้าย ‘ฉันกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า’ บาลีครุ่นคิดในใจ ขณะมองเงาที่สะท้อนในกระจก หญิงสาวที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวเกาะอก ผมยาวคลุมเข่า เกล้าผมสูง โชว์ใบหน้าเรียว แต่งหน้าอย่างประณีต ด้วยฝีมือ เมกอัพอาร์ตติสชื่อดังของวงการ ที่เจ้าบ่าวเป็นคนจ้างมา รวมทั้งชุดที่เธอสวมใส่ก็จากแบรนด์หรู เครื่องประดับ ทั้งสร้อย ต่างหูและกำไลข้อมือก็เช่นกัน ยกเว้นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเป็นแหวนหมั้นจากตระกูลอัครพิสุทธ์ ที่มารดาของอัทธ์เป็นคนส่งมอบให้อัทธ์มาเพื่อหมั้นเธอ “ว้าว เมื่อเช้าชุดไทยก็ว่าสวยแล้ว ตอนนี้ก็สวยยิ่งกว่า” คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าบ่าวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาวนั่นเอง อัทธ์อยู่ในชุดสูทสีเทาของแบรนด์ดัง ผมยาวระต้นคอถูกเซ็ทอย่างดี ปกติก็หล่ออยู่แล้ว พอเป็นเจ้าบ่าว ราศีสามีของบาลีก็พุ่งทะลุทุกแสงบนโลกนี้ทั้งสองแยกห้องแต่งตัวเพราะมีเพื่อนๆ ครอบครัวและญาติของทั้งสองฝั่งมานั่งพักรองาน หรือมาพูดคุยทักทายก่อนงานเริ่มตอนนี้ถึงเวลาต้องลงที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม ซึ่งเป็นโรงแรมขุนเขาของครอบครัวอัณญานั่นเองหลังจากพิธีช่วงเช้า ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น
อัทธ์อยากทรมานบาลีให้นานกว่านี้ แต่มันก็ทำให้เขาทรมานไปด้วย แกนกายเขาแข็งขึงจนปวดร้าวไปหมด บาลีในตอนนี้ก็เหมือนนางแมวยั่วสวาท สาวเรียบร้อยอ่อนหวาน น่าตาน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย เวลาตกอยู่ในห้วงราคะ โคตรยั่วอารมณ์ เพราะเธอจะแสดงออกตรงๆ พูดตรงๆ แบบไม่เหนียมอาย“นะ พี่อัทธ์ขา ลีอยากโดนแล้ว กระแทกแรงๆ ลีเสียวจนจะขาดใจแล้ว อือ อา” สิ้นคำอ้อนวอนนั้น เธอก็ครางยาว เพราะอัทธ์ก้มลงเลียน้ำหวานเยิ้มจากกลีบอวบของเธอที่ปลิ้นจากบิกินี ก่อนนาทีต่อมาเขาจะกระชาหลุดออกมากองที่ปลายขาด้านหนึ่งอัทธ์ไล้ปลายลิ้นเลียตั้งแต่ปลีน่อง สูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงข้อพับ และใช้ลิ้นลากไล้ตรงนั้นนานหน่อย และทำให้บาลีสูดปาก ครางระงม ด้วยความเสียวซ่าน กระทั่งปลายลิ้นค่อยๆ ไต่สูงมาถึงโคนขาด้านใน ใจของบาลีสั่นสะท้าน กายสั่นระริกด้วยรอคอยบางอย่าง กระทั่ง...สัมผัสได้ถึงความชื้นจากปลายลิ้นสากที่ลากแหวกกลีบอูม แตะลงเกสรบวมเป่งเพราะอารมณ์ปรารถนา “อ๊ะ อา” เธอครางอย่างสุขซ่าน เพราะการรอคอยนั้นมาถึงแล้ว ปลายลิ้นสากชื้นที่ลากไปบนผิวอ่อนนุ่มของกลีบอวบ และสะกิดเข้ากับเกสรที่อ่อนไหว สวรรค์ชั้นไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับสวรรค์ที่อัทธ์กำลังพาเธ
“สรุปลีโดนหลอก” คนที่บอกว่าตัวเองโดนหลอกนั้น พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ แถมยังยกมือซ้ายขึ้นมาเพื่อชื่นชมแหวนเพชรเม็ดโต เพราะคืนนี้ทุกคนรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องในคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นธรินท์ อัณญา ป้ามอญ ลุงปราบ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวเล็ก ถึงว่าแต่งตัวหล่อกว่าทุกวันตอนนี้ทั้งสองเอนตัวเคียงข้างลงบนเตียง หลังจากพาลูกชายเข้านอนเรียบร้อยแล้ว แน่นอนเป็นบรรยากาศแบบ พ่อ แม่ ลูก อย่างแท้จริง เพราะเธอกับอัทธ์ผลัดกันอ่านนิทานให้ลูกฟัง ลูกชายเธอก็คงตื่นเต้นดีใจ ที่นอกจากได้รับรู้ว่าอัทธ์เป็นพ่อแท้ๆ แล้ว เจ้าตัวยังได้ของขวัญต้อนรับหลานชายจากครอบครัวพ่ออีกหลายชิ้น เจ้าตัวเล็กก็เลยนอนดึกเป็นพิเศษ“เขาเรียกเซอร์ไพรส์ต่างหากครับ” อัทธ์แก้คำพูดของบาลี “สรุป พี่อัทธ์ไม่โกรธลีจริงๆ เหรอคะ”“โกรธครับ”“โกรธยังไงคะ ทำไมถึงขอแต่งงาน” บาลีถามสีหน้างงๆ“โกรธ แต่ก็รักและอยากอยู่ด้วยไงล่ะ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธคะ” เธอถามยิ้มๆ เพราะแววตาร้ายกาจของเขาบ่งบอกว่าต้องการลงโทษเธอ “แน่นอน พี่ก็ต้องลงโทษลีหนักๆ อยู่แล้ว”“ลีพร้อมถูกลงโทษค่ะ” “พร้อมทุกอย่างนะ”“ค่ะ ทุกอย่าง ไม่อ้อนวอน ไม่ร้องขอใดๆ พี่ลงโทษได้ตามสบายเลยค่ะ” “