เจ้าหยวนหยวนถูกทิ้งให้อยู่บนพื้น “...”เมี๊ยวเมี๊ยวเมี๊ยวหนูเป็นแมวนะไม่ใช่หมา ทำไมถึงเอาอาหารหมาเข้ามาใส่ปากหนู?จากนั้นคุณท่านลู่ก็เดินออกมาจากห้องครัว “หานถิง หว่านหว่าน อาหารค่ำเสร็จแล้วนะ...นี่ หานถิง หลานทำอะไรน่ะ เจ้าหลานเลว ปล่อยหว่านหว่านลงเดี๋ยวนี้!”คุณท่านลู่กำลังจะวิ่งตามไป แต่ลู่หานถิงเคลื่อนไหวเร็วมาก เขาอุ้มเซี่ยซีหว่านเข้าไปในห้องทันที และปิดประตูห้องลงคุณท่านลู่ “...”......ภายในห้องเซี่ยซีหว่านคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเขาจะอุ้มเธออีก เธอเพียงแค่อยากจะแอบแล้วทำให้เขาตกใจคาดไม่ถึงว่าเขาจะมีปฏิกริยาถึงเพียงนี้?เธอเองก็สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาบอกจะอุ้มเธอท่าเจ้าสาวก็ให้เขาอุ้มจริง ๆ แถมเธอยังได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของคุณย่าร้องตามหลังมาด้วย เขานี่มัน...ไร้ยางอายจริง ๆ!“คุณลู่ คุณปล่อยฉันลงก่อนค่ะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ” เซี่ยซีหว่านรีบพูดขึ้นนัยน์ตาของลู่หานถิงเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและเสน่หา “คุณนายลู่ ผมไม่อยากคุยกับคุณตอนนี้ นอกจากคุณจะพูดว่าช่วงหลายวันมานี้คุณคิดถึงผม”“...คุณลู่ คุณปล่อยฉันลงก่อนค่ะ ฉันซื้อของขวัญมาให้คุณด้วย!”ลู่หานถิง
เซี่ยซีหว่านยกริมฝีปากขึ้นแล้วพูดว่า “เธอรู้ไหม สิบปีมานี้...ฉันคิดถึงเธอทุกวันเลยนะ”“แน่นอนว่าฉันเชื่อ และฉันก็รู้ว่าหว่านหว่านจะต้องกลับมาในสักวันหนึ่ง ดังนั้นสิบปีมานี้ฉันจึงไม่กล้าที่จะขี้เกียจเลยสักวัน พยายามก้าวไปข้างหน้า ทำให้ตัวเองเป็นคนที่ยอดเยี่ยม เพื่อที่จะ...ผลักเธอให้ตกลงไปในหุบเหวลึกอีกครั้งหนึ่งอย่างไรล่ะ”เซี่ยเหยียนเหยียนเป็นหนึ่งในหญิงงามของเมืองไห่เฉิงที่เกิดและเติบโตขึ้นมาได้อย่างงดงามและมีน้ำเสียงที่ไพเราะ แม้ตอนที่เธอพูดคำว่า “จะส่งแกไปลงนรก” ก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน อดที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกขนพองไม่ได้เซี่ยซีหว่านมองแสงแดดยามเช้าที่ส่องประกายระยิบระยับจากนอกหน้าต่างแล้วตอบกลับอย่างผ่อนคลายว่า “ฉันน่ะมาจากเหวลึกนะ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยที่จะหวาดกลัวเหวลึกหรอก กลับกันถ้าเป็นเธอที่ใช้ชีวิตอยู่บนสวรรค์มาตลอด ฉันรับรองเลยว่าการที่เธอกลับมาในครั้งนี้มันจะเป็นการร่ำลาสวรรค์ของเธอ สิบปีสำหรับเธอมันคือความเมตตาอันยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันแล่วล่ะ”เซี่ยเหยียนเหยียนที่อยู่ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสายไปเซี่ยซีหว่านเก็บโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจึงลุกขึ
เมื่อเผชิญหน้ากับเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยที่ลำพองใจอย่างคนหลงระเริงนั้นใบหน้าที่งดงามของเซี่ยเหยียนเหยียนกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร เธอเพียงแค่พูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “เสี่ยวเตี๋ย ฉันจัดการหามหาวิทยาลัยในต่างประเทศให้เธอเรียบร้อยแล้ว เธอจะต้องบินไปเรียนต่อภายในไม่กี่วันนี้ เรื่องที่บ้านเธอไม่ต้องมาสนใจแล้ว”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยชะงักงัน เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าตัวเองต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ “พี่คะ ทำไมฉันต้องไปเรียนที่ต่างประเทศด้วย พี่ไม่ชอบฉันใช่ไหม อยากจะไล่ฉันไปอย่างนั้นเหรอคะ?”เซี่ยเหยียนเหยียนจับมือของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมากุมไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เสี่ยวเตี๋ย เธอเป็นน้องสาวของฉันนะ ทำไมฉันต้องไม่ชอบเธอด้วยล่ะ การกลับมาครั้งนี้ของเซี่ยซีหว่านเห็นได้ชัดว่ากลับมาเพื่อจัดการกับครอบครัวของเรา เธออยู่ที่นี่ต่อก็มีแต่จะโดนเอาเปรียบได้อย่างง่ายดาย เธอวางใจแล้วไปเรียนที่เมืองนอกเถอะ เรื่องค่าใช้จ่ายการกินอยู่ฉันจะจัดการโอนให้เธอในทุก ๆ เดือนเอง”พอพูดถึงเรื่องเงินค่ากินค่าอยู่ใจเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา อีกอย่างเธอไม่ใช่คู่มือของเซี่ยซีหว่าน หลายครั้งที่ผ่านมาก็มักจะบาดเจ็บและเ
เซี่ยเหยียนเหยียนเคยช่วยเขาไว้ เขาเลยมอบจี้หยกให้กับเซี่ยเหยียนเหยียนหนึ่งอัน จากนั้นเซี่ยเหยียนเหยียนจึงนำหยกชิ้นนั้นมาหาเขาแล้วให้เขาทำสัญญากับเธอสามอย่างเงินหนึ่งพันสองร้อยล้าน นี่นับเป็นอย่างที่สอง…เซี่ยซีหว่านเล่นกับหยวนหยวนอยู่พักหนึ่ง พอเธอปล่อยตัวแมวก็มีข้อความจากวีแชทแจ้งเตือนเธอพอดี ข้อความจากเยี่ยหลิง “ดูในเหวยป๋อสิ”เซี่ยซีหว่านเปิดแอพเหวยป๋อ การค้นหายอดนิยมได้กลายเป็นประเด็นร้อนไปแล้ว “ท่านประธานลู่กรุ๊ปให้เงินลงทุนกับเซี่ยการแพทย์จำนวนหนึ่งพันสองร้อยล้าน”ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้มีแค่เหวยป๋อ แต่สื่อใหญ่หรือนิตยสารบันเทิงต่างก็พาดหัวข่าว ข่าวในแวดวงเศรษฐกิจล้วนสั่นสะเทือนไปทั่วเป็นครั้งแรก กลุ่มผู้คนในสังคมชั้นสูงทั่วทั้งเมืองไห่เฉิงนั้นต่างพากันรู้สึกตกใจที่ประธานบริษัทลู่กรุ๊ปลงทุนให้กับเซี่ยการแพทย์ถึงหนึ่งพันสองร้อยล้านหยวนทำไมต้องลงทุนด้วย แน่นอนว่าสาเหตุเป็นเพราะเซี่ยเหยียนเหยียนที่เพิ่งจะกลับมาจากการเรียนต่อที่ต่างประเทศตระกูลลู่เป็นถึงชนชั้นมั่งคั่งอันดับหนึ่งของเมืองไห่เฉิงซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากสำหรับท่านประธานลู่กรุ๊ปผู้เป็นตำนานเลนส์กล้องของ
เซี่ยซีหว่านถูกหักหลังมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เธอสูญเสียคนที่รักเธอไปทุกคนรวมทั้งคนที่เธอรักด้วย ดังนั้นตอนนี้เธอจึงอยากจะทะนุถนอมคนข้างกายเธอไว้ทุกคน ยกตัวอย่างเช่นเยี่ยหลิงและคุณท่านลู่…เซี่ยซีหว่านหอบเอาขนมขบเคี้ยวกองใหญ่นั้นขึ้นมาอย่างมีความสุข จากนั้นจึงกุมมือหญิงชราเอาไว้แล้วพูดว่า “ดีเลยค่ะคุณย่า พวกเราไปกินขนมแล้วดูโทรทัศน์กันค่ะ!”…วันนี้ลู่หานถิงกลับมาเร็วกว่าปกติ สาวใช้เปิดประตูคฤหาสน์ออก ลู่หานถิงเปลี่ยนรองเท้าตรงประตูทางเข้าแล้วจึงเดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น เพียงพริบตาเดียวเขาก็พบเข้ากับเซี่ยซีหว่านที่ขณะนี้กำลังนั่งอยู่บนพรมขนแกะนุ่มนิ่มด้านในของหญิงสาวสวมเป็นชุดกระโปรงสลิปเดรสสีม่วงหนึ่งตัว ด้านนอกถูกสวมทับด้วยเสื้อสเวตเตอร์ขนสัตว์สีขาวนวล ชายกระโปรงปกคลุมใต้เข่าของเธออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นชุดใส่อยู่บ้านตอนนี้ในมือเล็ก ๆ ของเธอกำลังถือถุงขนมขบเคี้ยวที่ถูกเปิดห่อเอาไว้แล้ว เธอกัดลงไปตรง ๆ ที่มันหวานอบแห้งพร้อมกับดูโทรทัศน์ไปด้วยหญิงชราที่นั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยขึ้น “หานถิง วันนี้กลับมาเร็วจัง ยังไม่ทันจะหกโมงเลย”“ย่าครับ ผมรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนย่ายังไม่ดีอีก
เขาใช้คำว่า “อีกครั้ง”เซี่ยซีหว่านนึกถึงคราวก่อนที่ทั้งสองคนเกือบจะทะเลาะกันเพราะเรื่องของหัวหรง ตัวเธอในตอนนั้นจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะดึงเซี่ยเหยียนเหยียนเข้ามาพัวพันด้วย เซี่ยเหยียนเหยียนเป็นหนึ่งในบรรดาบุคคลที่เธอเกลียดที่สุด เซี่ยซีหว่านกระพริบแพขนตาเรียวยาวแล้วถามว่า “เซี่ยเหยียนเหยียนช่วยคุณไว้อย่างไร?”เธอยังคงรู้สึกว่านี่มันแปลกมากจริง ๆ คนอย่างเซี่ยเหยียนเหยียนเนี่ยนะจะไปช่วยคนอื่น ดวงอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วมั้งพูดถึงอดีตเมื่อเจ็ดปีก่อน ความทรงจำทั้งหมดของลู่หานถิงเหมือนจะกลับไปในวันที่สภาพอากาศหนาวเย็นและหิมะตกหนัก เขาที่มาจากเมืองหลวงเกือบจะเสียชีวิตอยู่ที่แห่งนั้นเสียแล้ววันนั้นหิมะตกหนักมาก มันหนาวเย็นจนเข้ากระดูก แขนขาของเขามันเย็นจนแข็งทื่อไปหมด จากนั้นเปลือกตาก็ค่อย ๆ หนักขึ้น ในขณะที่เขากำลังปิดตาลงเขาก็รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองช่างสั้นนัก เขากำลังจะตายแต่ว่า ทันใดนั้นเองก็มีมือเล็ก ๆ คู่หนึ่งที่ทั้งนุ่มและนิ่มได้กอดเขาเอาไว้ ตามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานไพเราะดังขึ้นที่ข้างใบหูของเขาที่พูดอย่างวิตกกังวลและตึงเครียดว่า “พี่ชาย คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ตื่นเ
เยี่ยหลิงเป็นดาราดัง ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนนักข่าวก็มักจะตามไปแอบถ่ายรูปเธอ ดังนั้นวันนี้เธอจึงสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่เป็นที่สังเกตมากนักบนตัวของเยี่ยหลิงสวมเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่ง คลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำ และกระเป๋าใบเล็ก ๆ ประดับพู่ระย้าที่กำลังเป็นที่นิยม เดิมทีเป็นการแต่งกายที่เรียบง่าย แต่เมื่อสวมใส่บนร่างกายของเยี่ยหลิงนั้นก็ทำให้ความรู้สึกแตกต่างออกไปจากคนอื่น เธอดูสวยสดใสและมีชีวิตชีวา อีกทั้งขาขาวเรียวทั้งสองข้างของเธอนั้นช่างเรียวยาวเย้ายวนสายตาเป็นอย่างมากเนื่องจากกลัวว่าผู้คนจะจำได้ เยี่ยหลิงจึงสวมหมวกแก๊ป ผมหยิกสีน้ำตาลยาวประบ่าและใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือสวมใส่แว่นกันแดดทรงกว้างคู่หนึ่งซึ่งดูปกปิดมิดชิดเป็นอย่างมาก แต่เมื่อสาวงามริมฝีปากแดงคนนี้เดินเข้าไปในสนามบินก็ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นและดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นจำนวนมากเซี่ยซีหว่านโบกมือเล็ก ๆ ของเธอ อารมณ์ของเธอเปลี่ยนจากมืดมนเป็นสดใสขึ้นในทันที “หลิงหลิงทางนี้”เยี่ยหลิงเหลือบมองแล้วเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว เธอยื่นมือออกมาบีบใบหน้าเล็กที่งดงามของเซี่ยซีหว่านและพูดว่า “จุ๊ ๆ หว่านหว่าน ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันเธอทำให้ฉันประหลา
“จูบ...ตรงไหนล่ะ?” เมื่อมองไปยังแววตาที่มีเลศนัยของเยี่ยหลิง เซี่ยซีหว่านจึงพูดด้วยความเขินอายว่า “แค่จูบเหนือต้นคอเอง!”เยี่ยหลิงค่อนข้างประหลาดใจและพูดว่า “หว่านหว่าน เมื่อครู่นี้ฉันเพิ่งพูดว่าประธานลู่เป็นนักพรตผู้ยิ่งใหญ่ ความเป็นผู้ใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่แค่การพูดและท่าทางของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความมั่งคั่งและอำนาจที่ทับซ้อนกันอีกด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของอารมณ์ทางเพศนั้นจะแสดงให้เห็นว่าเขามีความเป็นผู้ใหญ่มากแค่ไหน”ใบหน้าที่เล็กและงดงามของเซี่ยซีหว่านแดงก่ำราวกับกุ้งต้ม “หลิงหลิง!”“ฉันคิดว่าประธานลู่น่าจะเข้าใจดีเลยทีเดียวล่ะ ส่วนเธอเป็นเพียงกระต่ายขาวตัวน้อยไร้เดียงสาที่ตกลงไปในถ้ำหมาป่าของเขา เขาจะอดทนไม่แตะต้องเธอได้ยังไงกัน”เซี่ยซีหว่านไม่อยากคุยอีกต่อไป…เยี่ยหลิงมองไปยังแววตาอันสดใสของเซี่ยซีหว่านที่เปล่งประกายราวกับแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ เธอรู้ได้ในทันทีว่าเซี่ยซีหว่านตกหลุมรักลู่หานถิงเข้าแล้ว แต่เยี่ยหลิงกลับไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด เซี่ยซีหว่านที่ยังอายุไม่ถึง 20 ปี และได้พบกับลู่หานถิงในปีนี้นั้นเป็นเรื่องยากที่จะไม่หวั่นไหวหลังจากที่เธอได้พบก