ต่างคนต่างสบตากัน แววตาของลู่หานถิงนั้นเย็นยะเยือกและนิ่งสงบเสียจนทำให้ไม่มีใครกล้าขยับและทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นเซี่ยซีหว่านหลบสายตาของเขา “คืนนี้ ฉันต้องขอขอบคุณคุณมากนะคะ”เมื่อเห็นอาการหลบเลี่ยงของเธอ ใบหน้าหล่อเหลาของลู่หานถิงนั้นเผยยิ้มออกมา แต่เป็นรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา “นอกจากคำว่าขอบคุณก็ไม่มีอะไรจะพูดกับผมแล้วเหรอ?”เซี่ยซีหว่านขบกัดริมฝีปากสีแดงเบา ๆเมื่อลู่หานถิงยกมือขึ้น ทันใดนั้นนิ้วเรียวยาวก็แตะลงที่บนกระดุมคอเสื้อของเธอเซี่ยซีหว่านหรี่รูม่านตาเล็กลง รีบร้อนคว้ามือแกร่งของเขาไว้แล้วพูดด้วยความระแวงว่า “คุณคิดจะทำอะไร?”ลู่หานถิงมองไปที่เธอแล้วยิ้มหยันออกมาหน่อยๆ จากนั้นติดกระดุมคอเสื้อสองเม็ดนั้นที่ติดไม่เรียบร้อยให้เธอ “ไหนคุณพูดซิว่าผมคิดจะทำอะไร?”เซี่ยซีหว่านไม่เคยที่จะเถียงเขาได้เลย เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีและมีท่าทางฉุนเฉียวกระฟัดกระเฟียดเอามาก ๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะทำให้คนแค่คนเดียวอับอายขายขี้หน้าไม่ได้ ถ้าเขาจะฉีกหน้าใครสักคน คนคนนั้นก็คงจะเป็นทุกข์อย่างสุดขีดเซี่ยซีหว่านถูกบีบบังคับให้ถอยไปข้างหลังและรู้สึกเขินเล็กน้อย ติ่งหูที่ขาวราวหิมะปร
เมื่อโดนเขาตะหวาดใส่แบบนั้น เซี่ยซีหว่านก็รู้สึกตกใจจนหลบเข้ามุมห้อง ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นคลอไปด้วยน้ำตาขณะที่เขาจ้องมาลู่หานถิงหอบหายใจพยายามระงับอารมณ์แปรปรวนจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง “อย่ายกเรื่องที่คุณก็รู้ว่ามันผิดแต่คุณก็ยังทำขึ้นมา แต่ที่ผมดุคุณนั้นเพราะคุณกำลังมองว่าผมใช้สายตาที่ไม่ปกติกับคุณ ผมจะไม่สงสารคุณเด็ดขาด”เซี่ยซีหว่านใช้มือเรียวเล็กทั้งสองข้างค้ำยันกับกำแพงเอาไว้แล้วพูดว่า “ลู่หานถิง ฉันขอโทษ ฉันยอมรับว่าฉันจงใจไม่รับโทรศัพท์คุณ แถมยังจงใจไม่ตอบข้อความคุณอีก ต่อจากนี้คุณ...ไม่ต้องมาทำดีกับฉันแล้ว ฉันกลัวฉันจะชดใช้ไม่หมด ฉันไม่อยากติดค้างคุณ”ลู่หานถิงยิ้มอย่างเย็นชาออกมา “คุณว่าคุณแยกแยะชัดเจนแล้วสิ?”เซี่ยซีหว่านพยักหน้า “ฉันก็คือฉัน คุณก็คือคุณ จากนี้ไปคุณไปตามทางที่ดีของคุณเถอะค่ะ ฉันก็จะไปตามทางที่อันตรายของฉัน”แต่เดิมลู่หานถิงไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อนเลย เขานับถือตัวเองมาก ๆ ที่บังคับใจให้ยังเผชิญหน้ากับเธอได้อยู่เธอทำให้เขาหลงเข้าใจผิดกับภาพเพียงภาพเดียวจนเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไม่รู้วันรู้คืนรีบกลับมา แล้ว จู่ ๆ เธอก็ทำท่าทางเย็นชาและห่างเหินใส่นั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยซีหว่านสะลึมสะลือลืมตาขึ้น,kอย่างงัวเงีย เมื่อคืนเธอหลับสนิทมาก เธออดไม่ได้ที่จะฝังตัวเข้าไปในผ้าห่มอันแสนอบอุ่นแถมยังถูใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของตัวเองไปที่ด้านข้างแต่ว่าไม่มีใครอยู่ข้างกายเขาแล้วลู่หานถิงตื่นนอนแล้วเซี่ยซีหว่านกระพริบตาถี่ ๆ เมื่อคืนเธอไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่เหมือนจะรู้สึกได้ว่ามีคนนอนอยู่ข้างกายคนคนนั้นจะเป็นใครไปได้อีกนอกจากลู่หานถิง?หรือเธอเข้าใจผิดไปเองเซี่ยซีหว่านฝังใบหน้าจิ้มลิ้มเข้ากับหมอน สูดดมกลิ่นสะอาดอันหอมสดชื่นที่มาจากร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว แม้แต่ผ้าห่มก็ยังเปื้อนไปด้วยความอบอุ่นที่หลงเหลือจากอุณหภูมิของร่างกายเขาเมื่อคืน เขานอนหลับไปกับเธอจริง ๆ ด้วย ทั้งคู่นอนกอดกันหลับไปเซี่ยซีหว่านหลับตาลงอย่างเชื่องช้า เห็นได้ชัดว่าระบุเส้นแบ่งเขตไว้แล้วแท้ ๆ แต่เขาก็ยังทั้งจูบทั้งมานอนหลับเตียงเดียวกัน นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย?เซี่ยซีหว่านลุกออกจากเตียง อาสะใภ้หลินยังคงไม่ได้สติ เธอฝังเข็มให้อาสะใภ้หลินเสร็จแล้วจึงไปหาคุณหมอที่เป็นคนรักษาเพื่อพูดปรึกษาหารือเกี่ยวกับอาการป่วย จากนั้นจึงกลับสวนโหย่วหลาน......ณ สวนโหย่วหลา
เขาจับหางเล็ก ๆ ของเธอขึ้นมาเซี่ยซีหว่านหน้าแดงก่ำแล้วรีบขัดขืน “คุณจะทำอะไรน่ะ รีบปล่อยมือเลยนะ”ลู่หานถิงไม่ยอมปล่อยมือ แถมยังจับหางเล็ก ๆ นั่นแกว่งไปมา “รสนิยมแบบใหม่เหรอ?”เซี่ยซีหว่านมึนงงและรู้สึกว่านี่มันผิดปกติเซี่ยซีหว่านเอื้อมมือผลักเขาออกไป “คุณชายลู่ คุณนี่น่าไม่อายจริง ๆ!”ลู่หานถิงถือหางเล็ก ๆ ของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย คิ้วงามได้รูปขมวดเข้าหากัน “ผมไร้ยางอายตรงไหนกัน?”“ชุดนอนชุดนี้กับชุดนอนกระโปรงที่อยู่ในห้องเสื้อผ้าทั้งหมดคุณเป็นคนเตรียมมันทั้งนั้น ทีนี้คุณจะสามารถน่าไม่อายได้หรือยังคะ?”ลู่หานถิงมองไปยังห้องเสื้อผ้า “เสื้อผ้าข้างในนั้นผมไม่ได้เป็นคนเตรียม คุณย่าต่างหากเป็นคนจัดการให้คุณ”คุณย่า?“......”เซี่ยซีหว่านอ้าปากค้าง จริง ๆ แล้วคุณท่าน...รู้เรื่องขนาดนั้นชียว?ที่แท้ ขิงแก่ก็ยังคงเผ็ดร้อนอยู่ลู่หานถิงมองไปยังหยวนหยวนตัวน้อย “มันเป็นเด็กดีหรือเปล่า?”เซี่ยซีหว่านพยายามยื้อดึงหางเล็ก ๆ ของตัวเองกลับมาแล้วพูดว่า “หยวนหยวนน่ะเป็นเด็กดีมากเลยค่ะ”“ถ้างั้นทำไมเธอถึงไม่เป็นเด็กดี?”“...”คำพูดของเขานั้นหมายความว่าอะไร หมายความว่าเธอก็เป็นลูกแมวอีกตัวง
เซี่ยซีหว่านรู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของลู่หานถิง ดังนั้นเธอจึงรีบเปิดผ้าห่มออกและลุกขึ้นเดินหาเขาในห้องที่กว้างใหญ่รอบหนึ่งแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววของคน หรือเขาจะออกไปข้างนอกแล้ว?“ลู่หานถิง...ลู่หานถิง...ลู่...”ทันใดนั้นประตูห้องอาบน้ำก็ถูกเปิดออก ฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงจนขึ้นรอยข้อต่อกระดูกโผล่ออกมาฉุดไหล่นวลเนียนของเธอเข้าไปข้างในนั้นแผ่นหลังบอบบางของเธอแนบอยู่กับบานประตู เซี่ยซีหว่านมองเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน เขาก็คือลู่หานถิงลู่หานถิงอาบน้ำเย็นไปหลายรอบ บนร่างสวมเพียงแค่กางเกงสแล็คสีดำ เส้นผมสั้น ๆ สีดำขลับของเขานั้นยังคงมีหยดน้ำหยดลงมาไม่หยุดร่างที่เปียกชื้นไปด้วยละอองน้ำนั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูอ่อนเยาว์และดูดีเป็นพิเศษ“ตามหาผมเหรอ?” น้ำเสียงของลู่หานถิงนั้นแหบแห้งมากเซี่ยซีหว่านยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากเขาหนึ่งครั้ง นี่มันร้อนมากกว่าเดิมเสียอีก ครั้งนี้คุณท่านเล่นแรงไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปเอายาชูกำลังมาจากที่ไหน“ให้ฉันช่วยฝังเข็มเถอะนะ” ในมือของเซี่ยซีหว่านนั้นมีเข็มสีเงินอยู่หนึ่งเล่ม เธอต้องการที่จะปักเข็มลงไปตามจุดฝังเข็มในร่างกายของเขาลู่หานถิงกอบกุมข้อมือนุ่มขาวผ
ตระกูลของข่งเจินเอ่อร์มีฐานะไม่ค่อยดี แต่ตัวเธอเองชอบโลภมากทำตามเซี่ยเสี่ยวเตี๋ย เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมักจะให้ผลประโยชน์บางอย่างแก่เธอเสมอ เช่น กระเป๋า หรือ เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเคยใช้แล้ว และเซี่ยเสี่ยวเตี่ยก็มักจะพาเธอไปที่บาร์หรู เช่นบาร์ 1949 เพื่อดื่มไวน์ราคาแพง ชีวิตที่หรูหราเช่นนี้คือสิ่งที่เธออยากได้มาโดยตลอดเซี่ยซีหว่านกล่าวว่าเธอเป็นหมาปั๊กข้าง ๆ เซี่ยเสี่ยวเตี๋ย ซึ่งคำพวกพูดนี้ก็ล้วนแต่เป็นความจริงทั้งนั้นแต่ข่งเจินเอ่อร์ไม่ต้องการให้คนอื่นพูดแบบนั้นกับเธอ เธอรู้ดีว่าเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเป็นถุงฟางไร้สมอง เธออิจฉาโชคชะตาของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยอย่างสุดซึ้ง และเธอก็ไม่ชอบเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเช่นกันนอกจากนี้ยังมีเซี่ยซีหว่าน เธอเกลียดเซี่ยซีหว่านมากกว่า เธอคิดว่าเซี่ยซีหว่านคนบ้านนอกคอกนาคนนี้ควรจะมีชีวิตที่ต่ำต้อยกว่าเธอ แต่ชีวิตของเซี่ยซีหว่านกลับสดใสและสวยงามข่งเจินเอ่อร์แอบดื่มไวน์ราคาแพงสองแก้วแล้ว และเมื่อเธอดื่มมันหมด ซูซีก็เดินเข้ามาเมื่อเห็นซูซีเดินเข้ามา ข่งเจินเอ่อร์ก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ซู...คุณชายซูมาที่นี่ได้อย่างไรคะ?”ซูซีมองไปรอบห้องวีไอพี เขาไม่เห็
หลังจากที่ทุกคนหายไปแล้ว เซี่ยเจิ้งกั๋วจึงประคองข่งเจินเอ่อร์ขึ้นมาและพูดว่า “หนูไม่เป็นอะไรใช่ไหม”ข่งเจินเอ่อร์ส่ายหัว “หนูไม่เป็นอะไรค่ะ”“เอ่อ เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจองห้องไว้ห้องหนึ่ง หนูเข้าไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวฉันจะให้คนซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ไปให้ หลังจากทำอะไรเสร็จแล้วก็ไปให้หมอที่โรงพยาบาลตรวจสักหน่อยนะ รอยแผลบนร่างกายคุณเยอะแยะเต็มไปหมดเลย”ข่งเจินเอ่อร์จ้องไปที่คุณลุงเซี่ยเจิ้งกั๋วอย่างเลื่อยลอย แม้ว่าเธอจะคอยติดตามเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมาโดยตลอด แต่เธอก็ไม่ได้พูดคุยกับคุณลุงเซี่ยเจิ้งกั๋วมากนัก ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณลุงจะเป็นคนช่างพูด อ่อนโยนและสุภาพมากข่งเจินเอ่อร์ยิ้ม และพูดอย่างรู้สึกขอบคุณเขาว่า “ค่ะ”...เซี่ยเจิ้งกั๋วมอบคีย์การ์ดห้องพักให้กับข่งเจินเอ่อร์ และเดินออกไปเพื่อไปพบปะสังสรรค์ ข่งเจินเอ่อร์เดินเข้าไปในห้องซึ่งเป็นห้องชุดเพรสซิเดนเชียลสวีทข่งเจินเอ่อร์ไม่เคยพักห้องชุดเพรสซิเดนเชียลสวีทแบบนี้มาก่อน ความหรูหราของที่นี่ทำให้เธอรู้สึกถึงชีวิตของชนชั้นสูงอย่างแท้จริง ต่อมาเลขานุการของเซี่ยเจิ้งกั๋วก็เข้ามาส่งชุดให้กับเธอข่งเจินเอ่อร์มองไปที่แบรนด์ของเสื้อผ้า มันคือแบร
เซี่ยซีหว่านเงยหน้าขึ้น และพบกับดวงตาที่คมคายของลู่หานถิงลู่หานถิงนั่งอยู่ที่มุมหัวโต๊ะของโต๊ะไพ่ บนตัวของเขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงขายาวสีดำ เขากำลังสูบบุหรี่ เปลวไฟสีแดงเข้มอยู่ระหว่างสองนิ้วเรียวยาวพร้อมกับอมควันบุหรี่ไว้ในปากเมื่อฮั่วซีเจ๋อตะโกนขึ้น ลู่หานถิงก็พ่นควันบุหรี่ออกมา จากนั้นเขาก็แหงนหน้าขึ้นมองเซี่ยซีหว่าน ควันบุหรี่ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาพร่ามัว เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็พ่นควันบุหรี่ออกจากปาก ควันพวยพุ่งออกมาอย่างช้า ๆเซี่ยซีหว่านถูกบังคับให้เข้ามาด้วยความอับอาย แต่เมื่อเธอได้พบกับลู่หานถิง ความอับอายภายในใจก็ยิ่งทวีคูณมากยิ่งขึ้น“คุณชายฮั่วสาวสวยคนนี้มาจากไหนกัน สาวงามของบาร์ 1949 ต่างก็อยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่เหรอ คุณชายฮั่วคุณนี่เกินไปจริง ๆ คุณจงใจแอบซ่อนเธอเอาไว้ล่ะสิ” เถ้าแก่คนหนึ่งพูดพร้อมหัวเราะออกมาเห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้คิดว่าเซี่ยซีหว่านเป็นสาวเชียร์เบียร์ ฮั่วซีเจ๋อมองไปที่ใบหน้าของลู่หานถิงที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขาลู่หานถิงถอนสายตาจากเซี่ยซีหว่านแล้ว เขาโยนไพ่ในมือออกหนึ่งใบ สีหน้าของเขาดูเดายาก และไม่แยแสนี่