ปรายลดาหัวเราะพอนึกถึงเรื่องเมื่อนานมาแล้วในสมัยที่นัชชาอยากสอยมะม่วงข้างบ้านมาให้เธอกับพ่อเลี้ยงรับประทาน
“ระวังเหอะ คุณอลันจะจับแกตีก้น”
“ผมคงไม่กล้า เดี๋ยวจะมีคนร้องไห้ไปฟ้องแม่ ให้มาเอาเรื่องผมอีก”
อีกคนก็จำได้ว่าเขาเคยสาดอารมณ์เกรี้ยวกราดใส่เด็กตัวเล็ก ๆ ยิ่งเสียกว่าเธอเผาบ้านทั้งหลัง เรียวปากบางที่เม้มเข้าหากันแน่นเพราะความโกรธ ทว่าไม่ทันจะได้เถียง สายโทรศัพท์จากแม่ทำให้นัชชาต้องสะบัดหน้างอนขึ้นห้องไปคุยธุระส่วนตัวลำพัง
แผ่นหลังบางลับตาไปพร้อมความสงสัยของเขาที่แค่มองตาม แต่ก็ไม่ได้ถามเรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอเลย เป็นปรายลดาที่ถาม
“คุณอลันหิวไหมคะ.. ให้พุดโทรสั่งอะไรให้ทานไหม?”
“ไม่เป็นไร ผมอยากได้อะไร เดี๋ยวไปซื้อเอง พุดอยู่กับเพื่อนตามสบายเลยครับ” เขาตอบเท่านั้น เพราะรู้ว่าหมอนผ้าห่มสำหรับแขกอย่างเขาเก็บไว้ตรงไหน คงไม่ต้องให้หญิงสาวมาเป็นธุระ ทันใดนั้นเอง
“พุด...”
เสียงเล็กเรียกแผ่วเบา ทั้งสองคนหยุดสนทนากัน มองขวับตามเจ้าของร่างบางที่ยืนหลบอยู่ตรงหัวบันได
ใต้แสงสีนวลสลัวของโคมไฟระย้า ดวงหน้าแดงก่ำเปรอะเปื้อนหยดน้ำตาบอกว่านัชชาคงทะเลาะกับแม่ ในสภาพเปียกชุ่มมีผ้าขนหนูพาดไว้บนไหล่ทำให้เจ้าตัวยิ่งดูน่าสงสารเข้าไปใหญ่ ปรายลดาก้าวไว ๆ ไปกอดประคองเพื่อน เพื่อพาขึ้นห้องนอนไปด้วยกัน
อลันมองตามหญิงสาวทั้งสองคนอย่างนึกห่วง ก่อนจะล้มตัวลงนอนไปด้วยความเหนื่อยล้า ไม่รู้ตัวว่าหลับไปตอนไหนทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ กินข้าวหรือทำอะไรสักอย่าง
-------------------------------
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัว หยิบเดรสนอนลายหวานมาใส่ นัชชาล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนของเพื่อนทั้งน้ำตา เธอมองไปรอบ ๆ ห้องนอนกว้างขวางตอนนี้ไม่ได้เป็นสีชมพูอีกต่อไป แต่เป็นสีเดียวกันกับที่เธอชอบคือสีเทา สีขาว และสีดำ
ไฟสีเหลืองนวลสลัวจากโคมไฟข้างหัวเตียงทำให้เปลือกตาช้ำเปียกปอนต้องกะพริบอยู่ตลอด พอคนที่ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ ยกผ้าห่มขึ้นคลุมให้ การกระทำแสนอ่อนโยนของเพื่อนทำให้นัชชารู้สึกผิด...
“ฉันขอโทษนะพุด... ขอบใจแกด้วย”
“ขอโทษอะไรล่ะ?” คนถามเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ก่อนจะซุกมือเข้าใต้หมอนทำเหมือนกันกับอีกคนที่หลุบตาลงต่ำ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ก่อนจะยอมเอ่ย
“หลาย ๆ เรื่อง... บางทีฉัน เอ่อ... อิจฉาแกน่ะ”
ปรายลดายิ้ม ความเป็นเพื่อนทำให้เข้าใจหัวอกกันเป็นอย่างดี “ฉันรู้... แต่ฉันไม่โกรธแกหรอก แกน่าสงสารจะตาย...”
“เอ้า... ไมพูดงั้นอ่ะ ฉันเนี่ยนะน่าสงสารอะไร” คนฟังหน้าตะลึงและก็ได้คำตอบให้หายคาใจ
“แกน่ะเหมือนเด็กมีปัญหา เพราะโดนสปอยล์เยอะไป แต่จริง ๆ แล้วแกเป็นคนดี ฉันแน่ใจได้เลย ปริม...” พูดด้วยแววตาประกายมาดมั่นแต่สีหน้านั้นก็เจือแววไม่พอใจในอีกครู่
“เรื่องที่แกชอบทำอะไรลับหลัง อย่างพยายามจะแย่งพี่ธามไปจากฉัน ที่แกโทรไปฟ้องพี่เปา คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง? อืม... แต่ถ้าแกไม่ทำแบบนั้น พี่เปาแกไม่กลับมาหาฉันหรอก ฉันต้องขอบใจแกมากกว่า”
คำขอบคุณอย่างไม่จริงใจ คนทำความผิดรู้สึกเหมือนว่าตัวของเธอลีบเล็กลงจนเท่ามด มือเล็กดึงผ้าห่มซุกตัวเพราะความหนาว โดยได้รับความช่วยเหลือ
“หนาวไหม? เดี๋ยวฉันไปเบาแอร์ให้นะ กินยาไว้ก่อนดีมะ แกยืนตากฝนตั้งนาน” คนพูดหยัดกายลุกขึ้นจัดแจงผ้านวมหนาให้เข้าที่ เดินไปหยิบยามาวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ยังเอาผ้านวมลายตุ๊กตาน่ารักมาให้ด้วยอีกผืน
ด้วยความหวังดีของเพื่อนรักตอนนี้ นัชชารู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากดักแด้นอนขดอยู่ในรังไหม ทว่ามันก็ช่วยให้คลายหนาวลงบ้าง ขณะที่มีเรื่องต้องคิด...
“พุด... แกว่าฉันเอาแต่ใจมากไปไหม?”
ปรายลดาถอนหายใจพลางส่ายหน้าไปมา “นี่ไม่รู้ตัวจริง ๆ เหรอ? แกน่ะ โคตรเอาแต่ใจ แต่ว่ามันก็เป็นแกป่ะ จะไปคิดอะไรมาก แม่แกโกรธแกไม่นานหรอก แม่ป้อมรักแกจะตาย”
เพราะความเป็นเพื่อนสนิทกันคงเป็นไปได้ยากที่จะหลับในเวลานี้ หากใครมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็ปรึกษากันและกันมาเสมอ พอคนหนึ่งซุกตัวลงนอนตาม กลายเป็นว่าอีกคนยังชวนคุยไม่เลิก
“ฉันหวังว่าแม่จะหายโกรธอย่างที่แกว่า แต่แม่ฉันไม่เคยโกรธฉันมาก่อนเลยนะ นี่แหละประเด็น”
“ตกลงไปทำเรื่องอะไรไว้?”
“ฉัน... กรี๊ดในห้องประชุมแม่เพราะแม่จะให้ฉันหมั้น... กับไอ้นักธุรกิจบ้าคนหนึ่ง ฉันไม่ชอบขี้หน้ามัน” เสียงหวานแฝงความกร้าวโกรธ กระทั่งใบหน้าสดสวยบึ้งตึงหนักผ่านแสงสลัว หญิงสาวอีกคนก็คงจะต้องตกใจ
“เฮ้ย! แกถึงขั้นกรี๊ด คนเยอะไหมนั่น ทำไมทำอะไรไม่คิดเลย?”
หากว่าใครจำเสียงหวีดร้องลั่นชนิดคอแทบแตกของนัชชาได้ว่าไม่ต่างจากนางร้ายในละครหลังข่าวดี ๆ คงต้องส่ายหน้าเอือมระอาไปตาม ๆ กัน รวมถึงปรายลดาซึ่งเคยไปเที่ยวบ้านเพื่อน เคยเห็นนัชชาแผลงฤทธิ์เหมือนคนบ้าอยู่
หญิงสาวหักมุมปากลงเป็นเด็กน้อยทำความผิด และกำลังจะร้องไห้อีกรอบ ทว่าเธอกลับพลิกตัวไปอีกฝั่ง นอนหันก้นให้
“นอนดีกว่า”
ถึงบอกไปว่าจะ ‘นอน’ สุดท้ายแล้วนัชชาก็ยังไม่หยุดปากพูดไปเรื่อยจนดึกดื่น เรื่องทั้งเรื่องมีแต่เรื่องของแม่ผู้แสนดี ตามใจเธอไปเสียทุกอย่าง กว่าจะผล็อยหลับไป
-------------------------------
“คุณป้อม ผมว่า... ไม่ควรปล่อยเธอไปแบบนี้ ผมจะไปรับปริมกลับบ้านนะครับ” เสียงเข้มขรึมกึ่งอ้อนวอนของเลขานุการประจำบ้าน ‘ธนทรัพย์สกุล’ บอกว่าเขาอยากบึ่งรถไปรับคุณหนูมากแค่ไหน
นัยน์ตาสีนิลสนิทรับวงหน้าหล่อเหลาเย็นยะเยือกสบมองไปยังดวงตาคู่สวยใต้อายไลเนอร์คมกริบที่เลื่อนจากเอกสารกองพะเนิน มือเล็กวางปากกาแท็บเล็ตในมือ ทิ้งแผ่นหลังลงบนโซฟามีพนักพิงของผู้บริหารพร้อมสีหน้าครุ่นคิด
“อืม... เดี๋ยวนะ... แบร์นาร์ด คุณจะไปรับมันทำไม?”
“ทำไมจะไปรับไม่ได้ล่ะ? ผมว่าสวย ๆ แบบหนูปริมป่านนี้อาจถูกผู้ชายหลอกไปทำไม่ดีไม่ร้ายแล้วก็ได้ อย่าบอกนะว่าคุณป้อมไม่ห่วงลูกสาวเลย?”
อลันไม่ได้กลับไปทำงานกับเจ้านายเก่าอย่างปรเมษฐ์ เมื่อคุณนายนิตยาไม่ยอม หล่อนรั้งเขาไว้ด้วยคำว่าจะไม่ยกลูกสาวให้คำเดียว เขาจึงต้องลาออกเป็นการถาวรแต่ส่งน้องชายคือเจมส์ไปฝึกงานเลขาฯ แทนชีวิตแต่งงานเรียบง่ายที่มีความสุขในทุก ๆ วัน จะมีทะเลาะกันบ้างเพราะความเอาแต่ใจประสาเด็กสาว หรือเรื่องความขี้หึงของอลันมาถึงจุดหมายปลายทางในช่วงบ่าย ผ่านด่านตรวจคนเข้ามาเมืองมาอย่างง่ายดาย คนเป็นสามีก็ทำหน้าที่ผู้นำครอบครัว เรียกรถแท็กซี่ บอกทางที่จะไปด้วยภาษาท้องถิ่น ช่วยคนขับรถเก็บกระเป๋าใบใหญ่ไว้ข้างหลัง“พี่พูดได้กี่ภาษาอ่ะ? ทำไมปริมไม่เคยถามพี่เลยนะ” เสียงหวานบ่นถามทั้งตัวเองและคนที่ปิดประตูนั่งตามในที่นั่งข้างหลัง“ภาษาไทย... โปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษครับที่รัก...”ความสนิทสนมกันเกินไป มีบางอย่างที่ไม่รู้... หญิงสาวชะงักนิ่งไปหลังนับนิ้วจนครบว่าไม่ผิดแน่“ตั้งห้า... ภาษา แล้วปริมเคยว่า...” เธอหน้าตาตะลึงมองเขาที่แค่ยิ้มกับคำดูถูกคราแรกพบหน้ากัน แน่ว่าอลันจำมันได้แม่น!‘เลขาฯ แม่ฉัน คุณแบร์นาร์ด หนุ่มฝรั่งเศสพูดได้ตั้งสี่ภาษา...’“ตอนสักอายุสิบห้า พ่อแม่พี่ไม่ค่อยว่าง พี่กลับมาอยู่บราซิลกับ
“ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ต้องร้อง...”สองหนุ่มสาวกอดกันตัวกลม สองหนุ่มบอร์ดี้การ์ดมองหน้ากันก็ตรงไปสะสางเรื่องให้เรียบร้อย เจ้าของห้องที่ใบหน้าลำคอเต็มไปด้วยรอยข่วนไม่ได้หนีหรือมีท่าทีหวาดกลัวอานนท์เป็นคนส่งการ์ดกุญแจห้องให้เธอเดินออกไปเฉย ๆ และแค่มองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดชายอื่นด้วยแววตาเศร้าหมองจนเธอจากไป-------------------------------เรื่องวุ่นวายทั้งหมดถึงหูคุณนายที่มารออยู่ข้างล่างเพนเฮ้าส์ของนายอานนท์พร้อมกับแบร์นาร์ดนิตยาเพิ่งรู้ว่าลูกสาวมีปัญหากับปิ่นแก้ว ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นเรื่องใหญ่โตจนเกิดการทำร้ายร่างกาย คุณแม่ที่กำลังเกรี้ยวโกรธจึงส่งทนาย โทรบอกพวกพ้องให้จัดการกับคนผิดอย่างถึงที่สุดนัชชาไม่ใช่เด็กที่จะร้องไห้เพราะความกลัว แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเพราะถูกเลี้ยงดูมาเช่นนั้นวันนี้เธอแค่ทำตัวเป็นเด็กเล็ก ๆ ตั้งแต่อ้อนกอดผู้ชายตัวโต ให้เขาต้องอุ้มขึ้นรถในที่นั่งข้างหลัง ในสายตาของหลายคนรวมถึงพ่อแม่คงไม่ขัดหรือห้ามปราม เพราะคงจะห้ามกันไม่ได้กับการที่คุณหนูของบ้าน โตเป็นสาว ได้ตกหลุมผู้ชายสักคนหัวปักหัวปำเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำแล่นฉลิวในความเงียบ มีโอกาสได้นั่งกันตามลำพังข้า
ก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่าตัวต้นเหตุยังวนเวียนอยู่แถวนี้ หลังจากที่เขาขับรถมาสมทบกับเจมส์ ยังมีบอร์ดี้การ์ดนอกเครื่องแบบอีกสองคน ตามคำสั่งของคุณนายว่าให้เฝ้าลูกสาวไว้ “พวกสวะน่ะพอได้ ตำรวจต้องการตัวอยู่แล้ว ซัดทอดความผิดไปว่าเก็บกันเอง ขัดผลประโยชน์ แต่คุณนักธุรกิจคนดังคนนั้น ใจเย็น ๆ หน่อย” “อย่างมากก็กลับไปอยู่บราซิล...” พูดจบก็เหน็บอาวุธไว้ด้านหลัง ก่อนลงจากรถยนต์อย่างไม่รอช้า แน่นอนว่าเขาจะใช้มันในยามจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ถุงมือถักทอด้วยเส้นใยโพลีเอสเทอร์บางละเอียด ใช้กับงานที่ป้องกันคราบเหงื่อและรอยนิ้วมือจะทำให้เขาไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ถูกสวมทีละข้าง ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉย ลอบมองซ้ายขวามือกระตุกหมวกแก้ปให้ปกใบหน้าลงมาเล็กน้อย เปลวไฟในดวงตาคู่คมสีฟ้าครามลุกโชน จับจ้องอยู่กับรถยนต์สีดำอีกสองคันถัดไป คนขับนั้นเป็นพี่น้องห่าง ๆ หน้าตา ความสูง และรูปร่างเป็นล่ำสันใกล้เคียงกันกับเขา สองคนข้างหลังที่เพิ่งจะขึ้นรถไปต่างหากคือเป้าหมาย... ------------------------------- สิ่งที่นัชชาไม่ต้องการมากที่สุด คือความเจ
“พี่ให้โอกาสน้องขอโทษน้องสาวพี่แล้วนะคะน้องปริม แต่น้องยังทำปากดี ช่วยไม่ได้”แทนที่นัชชาจะกลัว กลับแค่นหัวเราะ “ฮึ! แกคิดดีแล้วเหรอ? ที่มายุ่งฉันน่ะ”“ไม่ได้ยุ่ง แค่มาเป็นกามเทพ... กับเป็นเพื่อนเจ้าสาว พี่คงต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้า” เสียงหัวเราะดัง ยกมือขึ้นป้องปากด้วยท่าทางเสแสร้ง ความคับแค้นใจสะท้อนขึ้นในแววตากร้าวของนัชชา หยัดกายลุกขึ้นนั่งในท่าเตรียมพร้อมปะทะ!“ฉันว่าแกควรไปพบจิตแพทย์นะนังปิ่น ไม่ก็หัดเข้าวัดเข้าวาซะบ้าง ผู้ชายเขาไม่เอาทำพาลไปทั่ว รับรองได้ว่าแม่ฉันเอาเรื่องแกแน่ ๆ” เสียงขู่ฟ่อหลุดรอดจากไรฟัน หญิงสาวอีกคนก็ขยับก้าวช้า ๆ มาหยุดลงข้างเตียงอย่างท้าทาย“แม่น้องไม่เอาเรื่องพี่หรอก... ดีเสียอีก... พี่มาช่วยให้เรื่องมัน Happy ending พี่ไม่ได้มาฆ่าใคร ไม่ได้ทำร้ายอะไรเราเลยนะ” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของปิ่นแก้วแม้กระการแต่งตัวสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงยีน ทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องของคนกันเองตามปากว่าเป็นความสะใจล้วน ๆ ในเมื่อหล่อนอุตส่าห์อยู่เงียบ ๆ แลัวนังเด็กปากดี! ยังไปเอาเรื่องปานทิพย์ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยความคิดแค้นของปิ่นแก้วไม่น้อยไปกว่านัชชา ดวงตาคู่สวยคมฟาด
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาในเชิ้ตสีดำสนิทนั่งตัวเกร็ง มือกุมพวงมาลัยแน่น เครื่องปรับอากาศอุณหภูมิปรกติในรถให้ความรู้สึกเย็นยะเยียบ เขาจึงต้องกดปลายเท้าเหยียบลงอีก เพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น“ขับช้า ๆ หน่อยสิคุณอลัน จะรีบไปไหนกัน บ้านฉันก็อยู่แค่นี้” ใบหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบห้าละจากแท็บเล็ตในมือ สารถีประจำตัวก็ลดความเร็วลงเล็กน้อย โดยที่ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญหลายวันมานี้เขาเหนื่อยหน่ายกับการพูดเรื่องเดิม ๆ คือมาขอลูกสาว เมื่อคุณนายนิตยาทำเป็นไม่สนใจยังให้เหตุผลว่าลูกสาวของหล่อนเด็กเกินจะมีครอบครัว“ลูกปริม... มีเงินใช้หรือเปล่า?”“ปริมหาเงินใช้เอง แต่ถ้าวันไหนไม่มีหรือไม่พอ ผมไม่เคยปล่อยให้เมียลำบาก ผมโอนไวครับ”เมีย ย้ำชัดหนักแน่น คนข้างหลังปิดตาลงเพื่อสะกดกลั้นความโกรธ ก่อนจะเหน็บแนมด้วยถ้อยคำร้ายกาจ“ทรัพย์สมบัติพ่อ ทำไมไม่เอาไปลงทุน จะรอแต่งงานกับผู้หญิงไทยเอากรีนการ์ดค่อยกว้านซื้อที่ดินหรือว่ายังไง?”“ผมจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร? ผมไม่ได้อยากได้สัญชาติไทย เลิกให้คนไปสืบเรื่องของผมนะครับคุณนาย ที่ดินที่ผมไปดูมาคือเรือนหอของผมกับปริม ผมจะให้เธอเลือกเองว่าอยากได้บ้านแบบไหน”“แบร์นาร์ดบอกฉัน
ความสัมพันธ์อันดีของเขาจบลงที่การปล่อยมือจากสาวร้อนแรงอย่างปิ่นแก้ว ไม่ว่าเป็นใครก็คงจะต้องเสียดายอยู่ อานนท์คิดว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า“รอบนี้แกรับเสื้อมาจากจีนกี่กระสอบอ่ะ? ฉันต้องหุ้นกับแกเท่าไร” พูดไปพร้อม ๆ กับที่จดขยุกขยิกลงในโทรศัพท์ขนาดพอดีมือ สีหน้าจริงจังของนัชชาคงเฉพาะเวลาเรียน และธุรกิจเล็ก ๆ ของเธอกับเพื่อนสาวปรายลดาเป็นคนริเริ่มร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นในคราวแรก สุดท้ายก็ทำคนเดียวไม่ไหว โดยเฉพาะตอนนี้ที่ท้องโตมากจนเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวไปมา คราวเด็กน้อยในท้องถีบแขนถีบขา อีกไม่ถึงสองเดือนคลอดลูกแล้วคงจะได้ยุ่งวุ่นวายมากกว่านี้“ชุดนอนแขนสั้น กางเกงผ้าฝ้าย แจ็คเก็ตยีน อย่างละสามกระสอบ พวกงานลิขสิทธิ์เก็บไว้ก่อน ล่อซื้อเยอะไม่อยากเสี่ยง ทั้งหมดเท่าไรแกคิดเลย”กองเสื้อผ้าตรงหน้ามีที่ขายไม่ออก ตัวไหนขายดีปรายลดาก็จะสั่งมาอีกเป็นล็อต ๆในห้องพักแบ่งแยกเป็นสัดส่วน ห้องสตูดิโอของคอนโดมิเนียมกลายเป็นที่เก็บเสื้อผ้านับพันตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่างคนมีความเห็นตรงกันว่าไม่ควรไปเสียเงินเช่าห้องเก็บเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ ด้วยค่าเช่าหลักครึ่งแสนต่อเดือนในเมื่อห้องนี้ก็ไม