“ป้าแจ่ม มัทนอนไม่หลับจ้ะ เลยออกมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ต่อให้ไม่มีเรื่องให้ต้องคิด ไม่ว่ายังไงเธอก็คงไม่สามารถข่มตาให้หลับลงไปได้ง่าย ๆ อยู่ดี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันจะมีผลต่อชีวิตทั้งชีวิตของเธอไปอีกนานเท่านานเลยก็ว่าได้ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยที่จู่ ๆ เธอจะต้องไปแต่งงานกับผู้ชายที่เกลียดเธอเสียยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนเอาอย่างนั้น ไม่ใช่เลยสักนิด!
“กำลังคิดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อยู่ล่ะสิ อย่าไปคิดมากให้มันปวดหัวไปเลยมัทเอ๊ย! อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เรื่องบางเรื่องเราก็ห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นมาได้หรอก”หัวหน้าแม่บ้านผู้สูงวัยเอ่ยบอกก่อนจะลูบหัวหญิงสาวที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ รักเสมือนกับลูกคนหนึ่ง หวงแหนเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดด้วยท่าทางอ่อนโยน
ไม่แปลกเลยที่นางจะออกโรงปกป้องและให้กำลังใจในยามที่มัทนาไม่เหลือใครเป็นที่พึ่งเฉกเช่นตอนนี้ เพราะเมื่อก่อนมักจะมีท่านเจ้าสัวไกรวิทย์คอยดูแลและปกป้องหญิงสาว แต่ตอนนี้เมื่อท่านไม่อยู่แล้วหน้าที่ที่ว่าเธอเองก็คงต้องสานต่อเพื่อให้ท่านได้จากไปอย่างสงบโดยไม่ต้องติดห่วงมัทนาอีกต่อไป
“มัทไม่เข้าใจเลยจริง ๆ จ้ะป้า ว่าทำไมคุณท่านถึงได้เขียนพินัยกรรมแบบนั้นขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านก็ไม่เคยเอ่ยปากหรือพูดถึงมันเลยสักครั้ง มัทไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเป็นมัท” มัทนาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบงันปกคลุมทุก ๆ สิ่งรอบกายไปนาน เธอพยายามใช้เวลาที่อยู่คนเดียวเพื่อคิดหาคำตอบ พยายามที่จะเข้าใจสิ่งที่เจ้าสัวไกรวิทย์ต้องการ แต่คิดเท่าไร ก็ยิ่งกับว่าเธอกำลังเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเข้าไปทุกที
“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ข้าเชื่ออยู่อย่างว่าที่คุณท่านทำแบบนั้น ท่านจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน ทีนี้มันก็เป็นหน้าที่ของเอ็งกับคุณวินแล้วว่าจะหาเหตุผลที่ว่านั่นเจอได้ด้วยวิธีไหน กลับไปนอนเถอะไป พรุ่งนี้ยังมีอะไรให้คิดอีกมาก” คำบอกกล่าวที่เหมือนจะเตือนสติทำให้มัทนายิ้มรับ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินตามหลังหัวหน้าแม่บ้านกลับไปยังที่พักของตัวเองพร้อม ๆ กับหลาย ๆ สิ่งที่ก่อกำเนิดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน แต่สิ่งเดียวที่เธอมั่นใจได้ในตอนนี้คือความเกลียดชังที่กวินภพเคยมีให้เธอ ความเกลียดชังของเขาในตอนนี้มันคงจะเพิ่มทวีพูนมากขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันทวีอย่างแน่นอน
เขาเกลียดทุก ๆ สิ่งที่เป็นเธอ เพราะคิดเอาเองมาตลอดว่าสักวันเธอจะมาแย่งชิงเอาทุก ๆ อย่างที่สมควรจะเป็นของเขาไป ซึ่งในความคิดของหญิงสาวนั้นไม่เคยเลยสักวันที่เธอจะคิดแย่งของ ๆ ใคร ยิ่งโดยเฉพาะกับคนอารมณ์ร้ายที่ชอบใช้คำพูดรุนแรงด่าว่าคนอื่นไม่เลือกหน้าอย่างกวินภพยิ่งแล้วไปกันใหญ่
คนที่หายตัวออกจากบ้านไปนานถึงสามวันเต็มกลับมาอีกครั้งด้วยท่าทีเย็นชาชนิดที่ว่าใครต่อใครต่างก็เข้าหน้าไม่ติด กวินภพไม่รีรอที่จะสั่งให้คนไปตามตัวมัทนาให้มาพบเขาที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพูดคุยทำข้อตกลงกันหลังจากที่เขาคิดทบทวนและวางแผนทั้งหมดมาเป็นอย่างดี
ซึ่งแน่นอนว่าเขามีสิทธิ์ที่จะไม่แต่งงานกับเธอก็ได้ หรือแม้แต่จะแต่งแล้วหย่าจากนั้นก็แบ่งสมบัติกันไปตามที่พินัยกรรมระบุ แต่เขาจะไม่ยอมเลือกทางใดทางหนึ่งที่ว่า แต่จะเป็นฝ่ายตั้งตัวเลือกที่สามขึ้นมาด้วยตัวเอง ซึ่งใครหน้าไหนก็ไม่อาจปฏิเสธมันได้ทั้งนั้น
“คุณวินคะ” เสียงเรียกของคนที่เขากำลังรออยู่ดังขึ้น ก่อนร่างของหญิงสาวที่กำลังจะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายจะปรากฏตัวลงตรงหน้าในเวลาต่อมา
“มาก็ดีแล้ว มานั่งสิ” หญิงสาวรับคำก่อนจะเดินตรงเข้าไปใกล้ เธอเลือกที่จะล้มตัวนั่งลงข้างล่างที่ถูกปูเอาไว้ด้วยพรมเปอร์เซียผืนหนาสีน้ำตาลอ่อน เพราะไม่อยากฟังคำเหน็บแนมอะไรจากปากของคนตรงหน้า ที่ดูท่าคงจะเตรียมคำพูดเอาไว้เชือดใจกันอยู่หากเธอเลือกที่จะนั่งตีตัวเสมอกันกับเขา
“ขึ้นมานั่งข้างบนนี่กับฉัน!” ทว่าหญิงสาวกลับคิดผิดไปหมด เพราะนอกจากเขาจะไม่ด่ากันแล้วนั้นยังตวาดให้เธอขึ้นไปนั่งเทียบเสมอกันอีกด้วย การกระทำของชายหนุ่มทำให้มัทนาไม่กล้าแม้แต่จะขยับไปไหนตามที่เขาร้องบอก เพราะยังไม่รู้แน่ชัดว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่ในตอนนี้
“แต่ว่ามัท...”
“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ รีบขึ้นมานั่งข้างบนเดี๋ยวนี้!” กวินภพไม่พูดเปล่า แต่เขากลับเอื้อมไปฉุดเอาคนตัวเล็กขึ้นมานั่งข้าง ๆ กายก่อนจะโยนเอกสารฉบับหนึ่งใส่ตักเธออย่างแรง หญิงสาวมองตามก่อนจะหยุดนิ่ง ไม่กล้าที่จะหยิบมันขึ้นมาดู แม้ว่าใจอยากจะทำเช่นนั้นใจแทบขาด
“นี่มันอะไรกันคะ” เธอถามขึ้นก่อนจะเงยหน้าสบตาดุ ๆ ที่กำลังจ้องมองมาเพื่อขอคำตอบที่มากกว่าสายตาที่เดาไม่ถูกของเขาที่เอาแต่จ้องมองกันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอเสียให้ได้ ไม่นานเสียงเข้มจึงดังตอบกลับมาเหมือนจะปัดความรำคาญในท่าทีใสซื่อของเธอที่เขาคิดว่ามันคือการแสดง
“สัญญาข้อตกลงระหว่างเรา เอาไปอ่านแล้วเซ็นซะ!” มัทนาเก็บคำถามที่อยากรู้เอาไว้ก่อนจะหันมาหยิบเอาเอกสารตรงหน้าขึ้นมาอ่านตามที่อีกคนได้บอก
กวินภพและมัทนาเดินทางมาร่วมงานแต่งงานระหว่างกล้องภพกับรุจิราตามคำเชิญของทั้งคู่ที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง แขกนับพันถูกเชิญให้มาร่วมงานตามฐานะของพ่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวภาพของทั้งสองที่เดินจูงมือเข้ามาหาทำให้มัทนาอดยิ้มอย่างมีความสุขกับทั้งสองไม่ได้ ในที่สุดแล้วกล้องภพก็ยอมรับหัวใจตัวเองได้เสียทีแต่อย่างไรลึก ๆ ในใจหญิงสาวก็ยังคงอุตริอิจฉารุจิราไม่ได้ตรงที่ว่าเธอได้มีงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ หนำซ้ำยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าบ่าวที่แทบไม่ยอมปล่อยให้มือของเขาหลุดออกไปจากมือของเธอเลย “กำลังคิดว่าถ้างานแต่งงานของเราเป็นแบบนี้บ้างก็ดีอยู่ใช่ไหมครับ”เสียงของคนรู้ทันที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจ้องมองสามีที่กำลังจ้องกันอยู่ก่อนหน้า “เปล่าซะหน่อยค่ะ” เสียงหวานว่ากลับไปแทบจะทันที ก่อนจะจ้องมองคนที่ไม่ว่าจะเมื่อไรก็รู้ทันความคิดของเธอไปเสียตลอดเวลาอย่างเคือง ๆ จะมีสักครั้งไหมที่เธอจะสามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับเขาได้จริง ๆ คงไม่มีแน่ ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจตัวเองที่เสียเปรียบกวินภพมาตลอด “อย่าโกหกเลย แค่มองตาก็รู้แล้วว่ามัทคิดอะไร
เกาะตาล เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในทะเลใต้ ถูกรอบล้อมไปด้วยหาดทรายสีขาว แต่บรรยากาศสวยงามรอบด้านนั้นไม่ได้ช่วยทำให้ชายหนุ่มที่กำลังยืนประจัญหน้ากับเจ้าของเกาะอยู่ในขณะนี้รู้สึกคลายความกดดันที่มีอยู่ ล้อมรอบตัวเองไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว “สวัสดีครับท่านเจ้าสัว ผมชื่อกล้องภพครับ” กล้องภพตัดสินใจเอ่ยแนะตัวออกไปช้า ๆ ก่อนจะจ้องมองเจ้าสัวบัณณ์ พ่อของรุจิราด้วยสายตานอบน้อมถ่อมตัวเมื่อกล่าวจบ “ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือคุณมาทำอะไรที่นี่บนเกาะส่วนตัวของผม” เสียงก้องกังวาลจากผู้อาวุโสกว่าดังตอบ ก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไร เพราะนอกจากจะรู้ว่ากล้องภพเป็นใครแล้วนั้นยังรู้ด้วยว่าเขาคือคนที่ทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบได้ดั่งแก้วตาดวงใจของตัวเองต้องพาตัวเองกลับมาที่นี่พร้อมกับความโศกเศร้าอย่างหนักหน่วง “ผมมาตามลูกกับเมียกลับบ้านครับท่าน” “ไหนล่ะลูกเมียที่คุณว่า” “หนูรุ้ง...ลูกสาวของท่านครับ เธอเป็นภรรยาของผม และตอนนี้ในท้องของเธอก็ยังมีลูกของผมอยู่” คำบอกเล่าจากปากของชายหนุ่มสร้างค
“ไม่ต้องอายหรอกน่า ฉันเห็นหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว หรือถ้าอาย จะให้ฉันถอดเป็นเพื่อนเอาไหม ฉันเองก็ชอบนะแบบนั้น มันจะได้ดูไม่เป็นการเอาเปรียบเธอจนเกินไป” คนอะไรพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย มัทนาส่งค้อนวงใหญ่ให้คนที่ไม่รู้จะปากตรงกับใจไปไหนก่อนจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเมื่อเขาโน้มเข้ามาชิดใกล้ “เอาไงครับที่รัก สรุปฉันต้องถอดเป็นเพื่อนมัทด้วยไหม” “ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่อยากเป็นตากุ้งยิง” “น่าเสียดายจัง ไอ้เรารึอุตส่าห์คิดว่ามีคนอยากจะเห็นของดี ไม่อยากเห็นแน่เหรอครับ” จบคำพูดกำกวมมือบางก็ยกขึ้นฟาดไหล่ของเขาเบา ๆ หนึ่งทีอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรไม่รู้จักอายเอาเสียเลย คิดจะพูดก็พูด ไม่ได้เห็นใจคนฟังอย่างเธอเสียบ้างเลย “หยุดพูดจาลามกกับฉันได้แล้วค่ะ คนอะไรหน้าไม่อาย!” “คนที่เป็นพ่อของลูกเธอไง ใช่ไหมครับลูกพ่อ” กวินภพยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เขาจะจัดการเช็ดตัวให้คนหน้าบูดอย่างตั้งอกตั้งใจ สัมผัสที่อ่อนโยนไม่แข็งกระด้างหยาบคายเหมือนอย่างที่ผ่านมานั้นทำให้มัทนาสุขใจ และอยากจะเก็บเกี่ยวช่วงวันเวลาเหล่านี้เอาไว้นาน ๆ เพราะเดาไม่
“จริงเหรอ นี่แม่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม มัทท้อง! หลานของแม่อยู่ในนี้จริง ๆ ใช่ไหมลูก” ไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วที่จะทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์สุขใจไปมากกว่าการกลับมาของคนสองคนพร้อมกับข่าวดีที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้และเพราะมัวแต่ดีอกดีใจกับข่าวดีที่เพิ่งจะได้ยินเลยทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์แทบจะลืมคำต่อว่าที่กะจะเทศนาพ่อลูกชายตัวดีตรงหน้าไปจนหมดสิ้นเมื่อทราบเรื่อง “ครับคุณแม่ ตอนนี้มัทท้องได้สองเดือนแล้วครับ แถมเด็กในท้องก็แข็งแรงปกติดีทุกอย่าง” กวินภพเอ่ยตอบผู้เป็นแม่พร้อมกับจ้องมองหน้าท้องของมัทนาไปพลาง ๆ แม้ว่าตอนนี้มันจะยังคงแบนราบอยู่ แต่ภายในนั้นกลับมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ ความรู้สึกอิ่มเอมที่เกิดขึ้นทำให้เขายิ้มไม่ยอมหุบ “แม่ดีใจกับเราสองคนจริง ๆ แล้วมัทล่ะลูก ดีใจหรือเปล่า” คำถามจากแม่สามีทำให้มัทนายิ้มรับ พร้อมให้คำตอบอีกฝ่ายไปตามที่รู้สึกโดยไม่คิดปิดบัง “ดีใจค่ะคุณแม่ แต่ตอนนี้มัทรู้สึกเหนื่อย ๆ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เอาสิ พาน้องไปพักก่อนเถอะตาวิน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะพาไปฝากท้องที่โรงพยาบาลของอาหมอนะ เขาเป็นญาติของเรานี่ล่ะ รับรองว
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคุณวิน ปล่อย”มัทนายืนยันหนักแน่นพร้อมทั้งออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง ไม่อยากจะไปไหนกับเขาทั้งนั้น แล้วก็ไม่ชอบที่เขามาตีหน้ามึนใส่กันเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เพราะยิ่งเขาทำแบบนี้มันก็ยิ่งจะทำให้เธอรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังถูกตบหัวแล้วลูบหลังไม่มีผิด “อย่าดิ้นได้ไหม อยากตกลงไปรึไง” เสียงเข้มเอ่ยดุพร้อมกับก้าวเดินออกไปนอกห้องทำงานของตัวเอง และไม่ลืมตะโกนสั่งเลขาฯ หน้าห้อง ที่กำลังจ้องมองมาด้วยความสงสัยเสียงแข็ง “โทร.สั่งให้ใครก็ได้มาช่วยขับรถให้ผมหน่อยครับ!” “ได้ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าคุณวินจะไปไหนคะ แล้วคุณมัท...” “มัทนาไม่ค่อยสบายครับ ผมจะพาเธอไปหาหมอ” กิ่งแก้วแทบไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมันออกจากปากของเจ้านายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีเวลาตกใจไม่มาก เพราะสายตาเอาเรื่องของกวินภพที่กำลังจ้องมองมาทำให้หญิงสาวต้องรีบคว้าเอาโทรศัพท์โทร. ออกไปทำตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งแทบจะทันที โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง “ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้คุณผู้หญิงตั้งท้องได้สองเดือนแล้
“ครับ เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้เวลามีใครสักคนมาบอกว่ารักผู้หญิงของตัวเอง เขารักคุณมากนะครับ และผมไม่อยากให้คุณสองคน เชื่ออะไรในคำพูดของผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่” “แต่ที่มัทได้ยิน มันมาจากปากของคุณวินเองเลยนะคะ” “ถ้าผมเป็นคุณวิน ผมก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันครับ เพราะมันจะทำให้ฝ่ายนั้นยอมตัดใจ คุณมัทยังไม่ต้องเชื่อผมในตอนนี้ก็ได้นะครับ ผมว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างให้เราเห็นเอง” “ค่ะ มัทขอบคุณคุณกล้องมากนะคะที่บอกความจริงกับมัททั้งหมด” มัทนาตอบรับพร้อมส่งยิ้มหวานละมุนอย่างเป็นมิตรกลับให้ไป “ผมไม่อยากให้คุณมัทต้องเสียคนดี ๆ ไป เหมือนกับผม” “คุณกล้อง มีอะไรที่มัทพอจะช่วยได้บ้างไหมคะ บอกมัทมาได้เลยนะคะ มัทยินดีช่วยค่ะ คิดเสียว่ามัทเป็นเพื่อนคนหนึ่งของคุณก็ได้ค่ะ” เพราะสังเกตได้หลายต่อหลายครั้งถึงสีหน้าที่ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่มัทนาจึงเอ่ยขึ้น เผื่อว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรเขาบ้างได้ไม่มากก็น้อย “ผมเผลอไปทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจเอามาก ๆ ครับ และตอนนี้เธอก็คงจะเกลียดผมไปแล้ว” สีหน้าและแววตาของเขาช่างดูเศร้าจนมั