“คุณคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมถ้าผมจะให้ลิลินเขานอนค้างที่นี่คืนนี้” กวินภพเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาและคู่ขาเดินตามหลังมัทนาออกมาจากเรือนใหญ่หลังจากการรับประทานอาหารเย็นสิ้นสุดลง ซึ่งคำถามนั้นทำเอาคนที่ตั้งใจจะเดินหนีภาพบาดตาไปให้ไกลจำต้องหยุดชะงักก่อนจะหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของคำถามอีกครั้งอย่างคนไม่มีทางเลือก
View More“ผมไม่แต่ง!” เสียงกึกก้องของ กวินภพ มลทนาพร ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมลทนาพรตระกูลเก่าแก่ที่ใครต่างก็รู้จักกันดีในฐานะตระกูลของเจ้าหลวงผู้ดีเก่าที่ถูกสืบทอดมายังรุ่นต่อรุ่น ดังขึ้นกลางห้องโถงใหญ่ภายในบ้าน
ทันทีที่ได้รับทราบถึงพินัยกรรมของเจ้าสัวไกรวิทย์ มลทนาพร ผู้เป็นปู่ที่เพิ่งจะล่วงลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อนจากทนายประจำตระกูลที่เริ่มต้นอ่านพินัยกรรมมานานร่วมหนึ่งชั่วโมงด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าข้อความในพินัยกรรมนั้นต่างสร้างความตกใจให้กับเหล่าบรรดาญาติที่เดินทางมาร่วมฟังการเปิดพินัยกรรมในวันนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกวินภพ ผู้เป็นหลานชายเพียงคนเดียวของผู้ลาลับ ที่เพิ่งกลับจากอังกฤษเมื่อไม่กี่วันก่อน
ชายหนุ่มยอมรับได้ทุกอย่างที่ถูกเขียนเอาไว้ในพินัยกรรม ที่ใคร ๆ ต่างก็พากันให้ความสนใจกับมัน เว้นก็แต่คำสั่งเสียสุดท้ายของผู้เป็นปู่ ที่บังคับให้เขาแต่งงานกับสาวใช้ภายในบ้าน ผู้หญิงที่เขาเกลียดเสียยิ่งกว่าอะไรคนนั้น!
เพียงเพราะอยากจะตอบแทนที่พ่อกับแม่ของหล่อนเคยเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงช่วยชีวิตของท่านเอาไว้ ก่อนที่คนพวกนั้นจะถูกศัตรูของท่านสั่งคนไปตามเก็บ เหลือไว้แต่หล่อนซึ่งเป็นลูกสาว
“ใจเย็น ๆ ก่อนสิตาวิน ว่าต่อไปสิคะคุณดล” คุณหญิงลัดดาวัลย์ มลทนาพร เอ่ยบอกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองก่อนจะหันไปเอ่ยต่อกับภูวดล ทนายประจำตระกูล เพื่อให้เริ่มอ่านเนื้อหาส่วนที่เหลือ ของพินัยกรรมต่อไปอย่างใจเย็นตามนิสัย
“เอ่อ…ได้ครับคุณผู้หญิง การแต่งงานระหว่างคุณกวินภพและนางสาวมัทนาจะต้องถูกต้องตามประเพณีทุกอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ทั้งคู่จำต้องจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และหากคุณกวินภพหรือบรรดาญาติสนิทคนใดต้องการที่จะคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้ก็สามารถทำได้ในทันที แต่ทรัพย์สมบัติทั้งหมดซึ่งได้แก่บ้านมลทนาพรและบ้านพักตากอากาศจำนวนยี่สิบหกแห่งทั่วประเทศ ที่ดินทั้งหมดที่ตัวของข้าพเจ้านั้นครอบครองอยู่ และยังรวมไปถึงหุ้นต่าง ๆ ของบริษัทฯ จะตกเป็นของนางสาวมัทนา ดวงใจ แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นในทันที ทั้งสองจะไร้ซึ่งพันธะต่อกันก็ต่อเมื่อแต่งงานไปแล้วเป็นระยะเวลาหนึ่งปี และถ้าหากใครคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายร้องขอการหย่าจะต้องยกสมบัติทั้งหมดให้อีกฝ่ายอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ถ้าหากยังไม่ถึงระยะเวลาที่ข้าพเจ้ากำหนด ทั้งสองมีจุดประสงค์ที่จะหย่าร้างก็สามารถทำได้ แต่ทรัพย์สมบัติที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนั้นก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยเช่นกัน โดยจะมอบให้แก่นายกวินภพ มลทนาพร สี่สิบเปอร์เซ็นต์ และที่เหลืออีกหกสิบเปอร์เซ็นต์จะตกเป็นของนางสาวมัทนา ดวงใจ แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ข้าพเจ้า นายไกรวิทย์ มลทนาพร ขอยืนยันว่าตลอดการเขียนพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมานั้นข้าพเจ้ามีสติครบถ้วนทุกประการ ลงชื่อ…นายไกรวิทย์ มลทนาพร” ทนายอาวุโสอ่านพินัยกรรมที่เหลืออยู่จนจบก่อนจะจ้องมองบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินใจเพื่อรอฟังคำตอบ และไม่ว่าเขาจะตอบกลับมาแบบไหน สิทธิ์ขาดก็ย่อมที่จะตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวอยู่ดี
“คุณปู่ต้องบ้าไปแล้ว” คนที่เพิ่งข่มใจฟังข้อความที่เหลือในพินัยกรรมจนจบสบถขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงโปร่งดุจนายแบบมืออาชีพที่ผสมผสานความหล่อไว้ได้อย่างลงตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าจะลุกขึ้นเต็มความสูง พร้อมทั้งก้าวเดินออกไปจากห้องโถง มุ่งหน้าไปหาใครบางคนที่น่าจะตอบคำถามเขาได้ดีกว่าใคร ๆ ว่าเป็นเพราะอะไร ปู่ของเขาถึงได้เขียนพินัยกรรมบ้า ๆ ฉบับนี้ขึ้นมา
“นั่นลูกจะไปไหนตาวิน เดี๋ยวก่อนสิตาวิน” คุณหญิงลัดดาวัลย์ร้องถามก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามหลังลูกชายออกไปติด ๆ เพราะพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะไปที่ไหน
“มัทนา! อยู่ที่ไหน” กวินภพร้องหาใครบางคนที่ไม่ได้อยู่ในครัวพร้อมกับบรรดาสาวใช้คนอื่น ๆ เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทางท่าทีที่หงุดหงิดของเจ้านายหนุ่มสุดหล่อที่นาน ๆ จะเห็นเข้ามาในครัวสักทีก็ทำเอาทุก ๆ คนแตกตื่น ก่อนที่นวลแจ่มหัวหน้าแม่บ้านจะเป็นคนเดินออกมารับหน้าพร้อมกับตอบคำถามให้แก่ชายหนุ่ม
“ยัยมัทอยู่ที่ศาลาท่าน้ำหน้าเรือนของท่านเจ้าสัวค่ะ ว่าแต่คุณวินมีอะไรกับยัยมัทเหรอคะ” กวินภพแทบจะไม่ได้สนใจคำถามที่ดังตามหลังคำตอบของแม่บ้านวัยชราที่ดังถามขึ้น เขาออกตัวเดินไปยังสถานที่ที่อีกฝ่ายบอกก่อนสายตาจะเห็นร่างบอบบางของคนที่กำลังตามหาตัวอยู่ไม่ไกลสายตา
กวินภพและมัทนาเดินทางมาร่วมงานแต่งงานระหว่างกล้องภพกับรุจิราตามคำเชิญของทั้งคู่ที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง แขกนับพันถูกเชิญให้มาร่วมงานตามฐานะของพ่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวภาพของทั้งสองที่เดินจูงมือเข้ามาหาทำให้มัทนาอดยิ้มอย่างมีความสุขกับทั้งสองไม่ได้ ในที่สุดแล้วกล้องภพก็ยอมรับหัวใจตัวเองได้เสียทีแต่อย่างไรลึก ๆ ในใจหญิงสาวก็ยังคงอุตริอิจฉารุจิราไม่ได้ตรงที่ว่าเธอได้มีงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ หนำซ้ำยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าบ่าวที่แทบไม่ยอมปล่อยให้มือของเขาหลุดออกไปจากมือของเธอเลย “กำลังคิดว่าถ้างานแต่งงานของเราเป็นแบบนี้บ้างก็ดีอยู่ใช่ไหมครับ”เสียงของคนรู้ทันที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจ้องมองสามีที่กำลังจ้องกันอยู่ก่อนหน้า “เปล่าซะหน่อยค่ะ” เสียงหวานว่ากลับไปแทบจะทันที ก่อนจะจ้องมองคนที่ไม่ว่าจะเมื่อไรก็รู้ทันความคิดของเธอไปเสียตลอดเวลาอย่างเคือง ๆ จะมีสักครั้งไหมที่เธอจะสามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับเขาได้จริง ๆ คงไม่มีแน่ ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจตัวเองที่เสียเปรียบกวินภพมาตลอด “อย่าโกหกเลย แค่มองตาก็รู้แล้วว่ามัทคิดอะไร
เกาะตาล เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในทะเลใต้ ถูกรอบล้อมไปด้วยหาดทรายสีขาว แต่บรรยากาศสวยงามรอบด้านนั้นไม่ได้ช่วยทำให้ชายหนุ่มที่กำลังยืนประจัญหน้ากับเจ้าของเกาะอยู่ในขณะนี้รู้สึกคลายความกดดันที่มีอยู่ ล้อมรอบตัวเองไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว “สวัสดีครับท่านเจ้าสัว ผมชื่อกล้องภพครับ” กล้องภพตัดสินใจเอ่ยแนะตัวออกไปช้า ๆ ก่อนจะจ้องมองเจ้าสัวบัณณ์ พ่อของรุจิราด้วยสายตานอบน้อมถ่อมตัวเมื่อกล่าวจบ “ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือคุณมาทำอะไรที่นี่บนเกาะส่วนตัวของผม” เสียงก้องกังวาลจากผู้อาวุโสกว่าดังตอบ ก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไร เพราะนอกจากจะรู้ว่ากล้องภพเป็นใครแล้วนั้นยังรู้ด้วยว่าเขาคือคนที่ทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบได้ดั่งแก้วตาดวงใจของตัวเองต้องพาตัวเองกลับมาที่นี่พร้อมกับความโศกเศร้าอย่างหนักหน่วง “ผมมาตามลูกกับเมียกลับบ้านครับท่าน” “ไหนล่ะลูกเมียที่คุณว่า” “หนูรุ้ง...ลูกสาวของท่านครับ เธอเป็นภรรยาของผม และตอนนี้ในท้องของเธอก็ยังมีลูกของผมอยู่” คำบอกเล่าจากปากของชายหนุ่มสร้างค
“ไม่ต้องอายหรอกน่า ฉันเห็นหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว หรือถ้าอาย จะให้ฉันถอดเป็นเพื่อนเอาไหม ฉันเองก็ชอบนะแบบนั้น มันจะได้ดูไม่เป็นการเอาเปรียบเธอจนเกินไป” คนอะไรพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย มัทนาส่งค้อนวงใหญ่ให้คนที่ไม่รู้จะปากตรงกับใจไปไหนก่อนจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเมื่อเขาโน้มเข้ามาชิดใกล้ “เอาไงครับที่รัก สรุปฉันต้องถอดเป็นเพื่อนมัทด้วยไหม” “ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่อยากเป็นตากุ้งยิง” “น่าเสียดายจัง ไอ้เรารึอุตส่าห์คิดว่ามีคนอยากจะเห็นของดี ไม่อยากเห็นแน่เหรอครับ” จบคำพูดกำกวมมือบางก็ยกขึ้นฟาดไหล่ของเขาเบา ๆ หนึ่งทีอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรไม่รู้จักอายเอาเสียเลย คิดจะพูดก็พูด ไม่ได้เห็นใจคนฟังอย่างเธอเสียบ้างเลย “หยุดพูดจาลามกกับฉันได้แล้วค่ะ คนอะไรหน้าไม่อาย!” “คนที่เป็นพ่อของลูกเธอไง ใช่ไหมครับลูกพ่อ” กวินภพยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เขาจะจัดการเช็ดตัวให้คนหน้าบูดอย่างตั้งอกตั้งใจ สัมผัสที่อ่อนโยนไม่แข็งกระด้างหยาบคายเหมือนอย่างที่ผ่านมานั้นทำให้มัทนาสุขใจ และอยากจะเก็บเกี่ยวช่วงวันเวลาเหล่านี้เอาไว้นาน ๆ เพราะเดาไม่
“จริงเหรอ นี่แม่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม มัทท้อง! หลานของแม่อยู่ในนี้จริง ๆ ใช่ไหมลูก” ไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วที่จะทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์สุขใจไปมากกว่าการกลับมาของคนสองคนพร้อมกับข่าวดีที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้และเพราะมัวแต่ดีอกดีใจกับข่าวดีที่เพิ่งจะได้ยินเลยทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์แทบจะลืมคำต่อว่าที่กะจะเทศนาพ่อลูกชายตัวดีตรงหน้าไปจนหมดสิ้นเมื่อทราบเรื่อง “ครับคุณแม่ ตอนนี้มัทท้องได้สองเดือนแล้วครับ แถมเด็กในท้องก็แข็งแรงปกติดีทุกอย่าง” กวินภพเอ่ยตอบผู้เป็นแม่พร้อมกับจ้องมองหน้าท้องของมัทนาไปพลาง ๆ แม้ว่าตอนนี้มันจะยังคงแบนราบอยู่ แต่ภายในนั้นกลับมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ ความรู้สึกอิ่มเอมที่เกิดขึ้นทำให้เขายิ้มไม่ยอมหุบ “แม่ดีใจกับเราสองคนจริง ๆ แล้วมัทล่ะลูก ดีใจหรือเปล่า” คำถามจากแม่สามีทำให้มัทนายิ้มรับ พร้อมให้คำตอบอีกฝ่ายไปตามที่รู้สึกโดยไม่คิดปิดบัง “ดีใจค่ะคุณแม่ แต่ตอนนี้มัทรู้สึกเหนื่อย ๆ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เอาสิ พาน้องไปพักก่อนเถอะตาวิน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะพาไปฝากท้องที่โรงพยาบาลของอาหมอนะ เขาเป็นญาติของเรานี่ล่ะ รับรองว
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคุณวิน ปล่อย”มัทนายืนยันหนักแน่นพร้อมทั้งออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง ไม่อยากจะไปไหนกับเขาทั้งนั้น แล้วก็ไม่ชอบที่เขามาตีหน้ามึนใส่กันเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เพราะยิ่งเขาทำแบบนี้มันก็ยิ่งจะทำให้เธอรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังถูกตบหัวแล้วลูบหลังไม่มีผิด “อย่าดิ้นได้ไหม อยากตกลงไปรึไง” เสียงเข้มเอ่ยดุพร้อมกับก้าวเดินออกไปนอกห้องทำงานของตัวเอง และไม่ลืมตะโกนสั่งเลขาฯ หน้าห้อง ที่กำลังจ้องมองมาด้วยความสงสัยเสียงแข็ง “โทร.สั่งให้ใครก็ได้มาช่วยขับรถให้ผมหน่อยครับ!” “ได้ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าคุณวินจะไปไหนคะ แล้วคุณมัท...” “มัทนาไม่ค่อยสบายครับ ผมจะพาเธอไปหาหมอ” กิ่งแก้วแทบไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมันออกจากปากของเจ้านายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีเวลาตกใจไม่มาก เพราะสายตาเอาเรื่องของกวินภพที่กำลังจ้องมองมาทำให้หญิงสาวต้องรีบคว้าเอาโทรศัพท์โทร. ออกไปทำตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งแทบจะทันที โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง “ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้คุณผู้หญิงตั้งท้องได้สองเดือนแล้
“ครับ เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้เวลามีใครสักคนมาบอกว่ารักผู้หญิงของตัวเอง เขารักคุณมากนะครับ และผมไม่อยากให้คุณสองคน เชื่ออะไรในคำพูดของผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่” “แต่ที่มัทได้ยิน มันมาจากปากของคุณวินเองเลยนะคะ” “ถ้าผมเป็นคุณวิน ผมก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันครับ เพราะมันจะทำให้ฝ่ายนั้นยอมตัดใจ คุณมัทยังไม่ต้องเชื่อผมในตอนนี้ก็ได้นะครับ ผมว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างให้เราเห็นเอง” “ค่ะ มัทขอบคุณคุณกล้องมากนะคะที่บอกความจริงกับมัททั้งหมด” มัทนาตอบรับพร้อมส่งยิ้มหวานละมุนอย่างเป็นมิตรกลับให้ไป “ผมไม่อยากให้คุณมัทต้องเสียคนดี ๆ ไป เหมือนกับผม” “คุณกล้อง มีอะไรที่มัทพอจะช่วยได้บ้างไหมคะ บอกมัทมาได้เลยนะคะ มัทยินดีช่วยค่ะ คิดเสียว่ามัทเป็นเพื่อนคนหนึ่งของคุณก็ได้ค่ะ” เพราะสังเกตได้หลายต่อหลายครั้งถึงสีหน้าที่ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่มัทนาจึงเอ่ยขึ้น เผื่อว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรเขาบ้างได้ไม่มากก็น้อย “ผมเผลอไปทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจเอามาก ๆ ครับ และตอนนี้เธอก็คงจะเกลียดผมไปแล้ว” สีหน้าและแววตาของเขาช่างดูเศร้าจนมั
Comments