เย่เทียนหยู่ไม่เคยรู้ความคิดของซูถิงเลย และไม่รู้ด้วยว่าหลินหว่านหรูไปหารัฐมนตรีไช่ด้วยตัวเอง และได้ค้นพบเรื่องราวลึกลับมากมายบนตัวเขาได้รู้ว่าความจริงเขามีอำนาจและความสามารถมหาศาลหัวใจของขาก็รู้สึกอิ่มเอมเป็นอย่างมากคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะรักฝังใจนานขนาดนี้ ยังจำตอนที่ตัวเขาเป็นยาจกตอนนั้นได้อยู่เลย แล้วยังเก็บเขาไว้ในเสมอมาด้วยเห็นได้ชัดว่าซูถิงจงไม่คิดว่าคำพูดของเธอไม่เพียงแต่ไม่อาจทำลายภาพลักษณ์ของเย่เทียนหยู่ในใจของหลินหว่านหรูได้ แต่กลับทำให้หลินหว่านหรูยิ่งชอบเขาขึ้นไปอีกถึงขั้นไม่สนใจความไม่ไว้วางใจของหลินหว่านหรูอีกต่อไปหลังจากออกจากที่นี่แล้ว เย่เทียนหยู่ไม่ได้กลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งหรือที่เฉินเข่อซินอาศัยอยู่ แต่ไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัยเทียนมู่ในตอนนี้อิทธิพลของตระกูลซาได้ถูกกำจัดไปอย่างสิ้นเชิง และอำนาจในมือของถานล่างได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นของเทียนมู่กรุ๊ปทั้งหมด รวมถึงฉีเฟยกรุ๊ปด้วยสำหรับเงินสองหนึ่งหมื่นล้านที่ได้รับคืนนั้น ทั้งหมดกลับเข้าฉีเฟยกรุ๊ปโดยไม่ได้มีข่าวออกมา และตกไปอยู่ในมือของถานล่างทั้งหมดเทียนมู่กรุ๊ปในปัจจุบันได้กลายเป็นบริ
“ขอแค่ยกระดับตัวเองได้ก็พอแล้วค่ะ” แววตาของหยางหยิ๋งมุ่งมั่นมาก“คุณมีความคิดที่ดี พยายามเข้า”เย่เทียนยู่ไม่ได้พูดอะไรมาก หันกลับมาแล้วพูดว่า: “ผั่วจวิน ไปกันเถอะ ผมจะช่วยคุณฝึกฝนชิงหลงเจวี่ยสามระดับกลาง”“ได้ครับ ขอบคุณคุณชายมาก!”หยางผั่วจวินพูดอย่างตื่นเต้นทั้งสองเข้าไปในสถานที่เฉพาะอย่างรวดเร็ว หลังจากอธิบายสั้น ๆ เขาก็ให้หยางปั่วจวินนั่งขัดสมาธิทันทีและเริ่มช่วยฝึกจิตในระดับที่สี่ถึงหกด้วยพรจากพลังอันทรงพลังและมหาศาลของเย่เทียนหยู่ ในที่สุดหยางผั่วจวินก็เชี่ยวชาญเทคนิคทางจิตทั้งสามระดับกลางได้ แม้ว่าตัวเขาจะเต็มไปด้วยเจ็บปวดก็ตามแต่เห็นได้ชัดว่าครั้งเดียวนั้นไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปมามากกว่าสิบครั้งติดต่อกันโดยมีความช่วยเหลือของเย่เทียนหยู่ ทำให้เขาสามารถรวบรวมและคุ้นเคยกับเส้นทางการฝึกฝนได้อย่างสมบูรณ์จากนั้น เย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ เก็บกวาดภารกิจ พร้อมมีเหงื่อออกเล็กน้อยบนหน้าผาก แสดงให้เห็นว่าเขาใช้ความพยายามไปไม่น้อยการการฝึกฝนครั้งนี้ใช้เวลาเกือบทั้งบ่ายเย่เทียนหยู่ใช้r]y’อย่างมากในการฝึกฝนหยางผั่วจวิน เขาหวังที่จะสร้างสุดยอดปรมาจารย์ที่น่ากลัวอย่างยิ่งแล
“แน่นอน ภัตราคารเซียนเมามายน่ะไม่ใช่สถานที่ธรรมดาทั่วไปหรอกนะ แค่มีเงินก็ใช่ว่าจะเข้าไปได้ วันนี้ผมจะพาคุณเข้าไปดู”ชายผู้มีกล่าวอย่างภาคภูมิใจเย่เทียนหยู่มองตามการจ้องมองของเฉินเข่อซิน และอดไม่ได้ที่จะมองตรงไปรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นไม่สวยเท่าของเฉินเข่อซินแต่เธอก็หยังสูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยพื้นฐานแล้วเธอมีรูปร่างที่ดีและมีเสน่ห์มาก“เฉินเข่อซิน?”“เป็นเธอจริง ๆ ด้วย เธอมาที่นี่เพื่อทานอาหารด้วยเหรอ?”อู๋หลิงดูตกใจใบหน้าของเฉินเข่อซินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนที่เธออยู่ในวิทยาลัย อู๋หลิงมักจะมีปัญหากับเธอเพราะผู้ชายที่เธอชอบตามจีบเธอ อู๋หลิงเลยรังแกเธอหลายครั้งไม่คิดเลยว่าจะเจออู๋หลิงที่นี่วันนี้ อาจเป็นเพราะถูกรังแกมาตลอดจึงรู้สึกกลัวนิดหน่อยโดยไม่มีเหตุผล“ทำไมไม่พูดอะไรล่ะ? ดูเหมือนไม่ได้มาเพื่อทานอาหารแต่มาหางานมากกว่าล่ะสิ?”“แต่สถานที่ระดับสูงแบบนี้คงไม่ต้องการคนจนไร้รสนิยมแบบเธอหรอกนะ” อู๋หลิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจเย่เทียนหยูขมวดคิ้ว เขารู้สึกโกรธแทนเฉินเข่อซินเล็กน้อย แล้วเขาจะทนกับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้ยังไง เขาพูดอย่างเย็นชา: “ใครบอกคุณว่าเรากำลังมองหางาน เรามาที่
อู๋หลิงพยักหน้าอันที่จริงเด็กหญิงทั้งสองสังเกตเห็นสถานการณ์ที่ด้านหน้าประตูแล้ว แต่มันอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย และไม่ใช่เรื่องของพวกเธอ แต่เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่มา พวกเขาก็พูดทันที: “ท่านคะ โปรดแสดงบัตรสมาชิกของท่านด้วยค่ะ!”ผู้ที่มาที่นี่เพื่อทานอาหารล้วนเป็นสมาชิกของภัตราคารเซียนเมามาย และอย่างน้อยก็ต้องมีเงินเก็บมากกว่าห้าล้านบาทขึ้นไป ดังนั้นคนรวยธรรมดา ๆ จะไม่มาที่นี่เพื่อทานอาหารเย่เทียนหยู่หยิบแบล็กการ์ดมังกรดำออกมา เพราะเขาเห็นป้ายที่นี่ ซึ่งเป็นของหอการค้าหลงเถิงด้วย ร้านใดก็ตามที่อยู่ภายใต้หอการค้ามังกรสามารถใช้การ์ดมังกรดำได้เมื่อหญิงสาวเห็นการ์ดสีดำ เธอก็สะดุ้งเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ท่านคะ ท่านหยิบการ์ดมาผิดหรือเปล่าคะ?”พี่เหลียงที่อยู่ข้างหลังเขาหัวเราะเสียงดังและพูดประชด: “เจ้าหนู แกคิดว่านี่เป็นสถานที่ที่แกสามารถเข้าไปได้ด้วยบัตรช้อปปิ้งอย่างนั้นเหรอ?”“ฮ่าฮ่า ตลกชะมัดเลย!” อู๋หลิงก็หัวเราะออกมาเสียงดังเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ผู้หญิงสองคนจำการ์ดใบนี้ไม่ได้ ช่างลำบากจริง ๆ เลยนะแต่แล้วผู้หญิงอีกคนก็ลังเลและพูดว่า “เสี่ยวจวน เอาการ์ดให้ฉันดูหน่อย”ผู้หญิงชื่อเสี่ยวจวนร
ทันทีที่พนักงานได้ยินก็รีบเข้าไปหาทันที “สวัสดีครับคุณชาย ที่นั่งด้านนอกนี้ของเราไม่มีการกำหนดที่นั่งนะครับ หรือเราจัดห้องวีไอพีให้ท่านแทนดีไหมครับ?”“ห้องวีไอพีอะไร ผมจะนั่งตรงนี้” พี่เหลียงพูดด้วยอารมณ์โหดเหี้ยม“แต่ท่านชายและท่านหญิงทางนั้นมาาที่นี่ก่อนนะครับ”“ไม่สำคัญว่าจะมาที่นี่ก่อนหรือไม่ วันนี้ผมจองที่นั่งไว้แล้ว ผมไม่เชื่อว่าผมที่เป็นสมาชิกระดับสามดาวจะไม่มีสิทธิ์เลือกที่นั่งด้วยซ้ำ!”การเป็นสมาชิกระดับสามดาวไม่ใช่จะได้มาด้วยการเติมเงินเท่านั้น แต่ยังมาจากการใช้จ่ายสะสมในจำนวนที่เพียงพออีกด้วยว“ผู้จัดการอยู่ไหน? โทรหาผู้จัดการซุนมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”ก่อนที่บริกรจะพูดได้ พี่เหลียงก็พูดด้วยท่าทางเอาแต่ใจอู๋หลิงที่อยู่ข้าง ๆ ยิ่งดูภาคภูมิใจมากยิ่งขึ้น พร้อมกับมองเฉินเข่อซินอย่างเหน็บแนมไม่ว่าตัวเองอยู่ระดับไหน กล้าสู้กับฉัน วันนี้แกจะได้ขายหน้าแน่ผู้จัดการอยู่ใกล้ๆ เมื่อเขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ เขาก็มา เมื่อเห็นบุคคลนั้นเขาก็กลายเป็นคนรู้จัก เขารีบพูดว่า: “พี่เหลียง เกิดอะไรขึ้นครับถึงได้โกรธขนาดนี้? ““คุณว่าไงล่ะ?”“ผู้จัดการซุน เกิดอะไรขึ้นในร้านอาหาร ทำไมขยะพวก
“แล้วก็นั่งคนต้อนรัลที่ประตูด้วย เธอกับไอ้เด็กนี่ตั้งใจให้มันเข้ามา”พี่เหลียงกล่าวหลังจากฟังเรื่องนี้จบผู้จัดการซุนเชื่อคำพูดของพี่เหลียง และพูดอย่างเย็นชา: “ท่านครับ ถ้าคุณมีบัตรสมาชิกจริง ๆ โปรดเอามันออกไป ไม่เช่นนั้น อย่าหาว่าผมหยาบคาย”“เหอ ๆ คุณยังคิดจะหยาบคายกับผมด้วยเหรอ?”“ดูเหมือนว่า แบล็คการ์ดมังกรบ้าบอนี้จะใช้งานไม่ได้! ฉันจะโทรหา หยางต้าฝูในภายหลังและถามเขาว่าเขาหมายถึงอะไร”ขณะที่เย่เทียนหยู่พูด เขาก็โยนแบล็กการ์ดหลงเถิงใส่หน้าผู้จัดการซุน และจากนั้นมันก็ตกลงไปที่พื้นแบล็คการ์ดมังกรบ้าบอเหรอ?เรียกหยางต้าฟู่ด้วยชื่อเต็มเขาเหรอ?เด็กคนนี้บ้าไปแล้วจริง ๆ !ทุกคนที่รู้เกี่ยวกับแบล็กการ์ดหลงเถิงและหยางต้าฝูต่างตกตะลึงหลินจื่อตงสะดุ้งเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงอดีตของเย่เทียนหยู่คนคนนี้ เขากก็มักทำตัวหยิ่งผยองอยู่ตลอดเวลา คิดว่าตัวเองเก่งจนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงไม่สิ นั่นคือแบล็กการ์ดหลงเถิงใช่ไหม?เป็นไปไม่ได้!สีหน้าของผู้จัดการซุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในเมืองเทียนไห่ คนที่กล้าหยิ่งยโสขนาดนี้มีไม่มาก พวกเขาคงจะไม่ได้เป็นคนหใญ่คนโตจริง ๆ หรอกใช่ไหม“แบล็กการ์ดหลงเถิง?
จบเห่!มันเป็นแบล็กการ์ดมังกรดำหลงเถิงจริง ๆ !และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพิ่งเรียกหยางต้าฝูด้วยชื่อเต็มของเขา และดูเหมือนว่าจะไม่ได้เห็นหยางต้าฝูอยู่ในสายเลยด้วยซ้ำ ตัวตนของเขาต้องน่ากลัวอย่างยิ่งมือของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่น เขาเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากแล้ววิ่งกลับมาอย่างรวดเร็วทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้จัดการซุน ไม่จริงน่า ดูเหมือนเขาจะต้องการตรวจสอบความถูกต้องของการ์ดจริง ๆหรือว่านี่คือแบล็กการ์ดหลงเถิงจริงๆเป็นไปไม่ได้!ใครก็ตามที่รู้จักแบล็กการ์ดหลงเถิงต่างก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้พี่เหลียงและอู๋หลิงยิ่งสับสนมากขึ้น พวกเขารู้สึกว่าผู้จัดการซุนกำลังทำให้เขาเสียเวลาไม่ต้องดู ก็รู้ว่าน่าจะเป็นบัตรปลอมแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าแบล็กการ์ดหลงเถิงคืออะไรและมันหมายถึงอะไรเมื่อมองไปที่ผู้จัดการซุนที่วิ่งกลับมา พี่เหลียงก็ตะคอกอย่างเย็นชา: “ผู้อาวุโสซุน ไม่ทราบเหรอว่าเป็นของปลอม? ผมบอกคุณแล้ว คุณ ... ““หุบปาก!”ผู้จัดการซุนตะโกนใส่พี่เหลียงอีกครั้ง ถ้าเขาไม่เห็นว่าอีกฝ่ายรวยและมักพาผู้หญิงไปใช้เงิน เขาคงไม่ต้องเกรงอกเกรงใจคนคนนี้ขนาดนั้นตอนนี้เพราะความสุภาพ
นอกเสียจากว่า เขาไม่ได้วางหยางต้าฝูไว้ในสายตาเลยถ้าเป็นแบบนั้นละก็ หรือเย่เทียนหยู่จะไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาเห็น?ถึงแม้ว่าหลินจื่อตงวัน ๆ จะไม่ทำอะไรเลยสักอย่างและเอาแต่สร้างปัญหาไปทั่ว แต่เขาก็ยังไม่โง่เขลาขนาดนั้นหลังจากที่ผู้จัดการซุนสอนบทเรียนให้กับพวกเขาทั้งสองแล้ว เขาก็กลับมาหาเย่เทียนหยู่ และทำตัวเป็นผู้น่าสงสารอีกครั้ง ก่อนจะพูดอย่างระมัดระวัง: “ท่านครับ ผมขอโทษจริง ๆ สำหรับเรื่องวันนี้ โปรดยกโทษให้ผมด้วย”“มองคุณแล้ว การ์ดเป็นของจริงใช่ไหมครับ?” เย่เทียนหยู่หยิบการ์ดขึ้นมาแล้วถามเบา ๆ“ใช่ แน่นอน มันเป็นการ์ดมังกรดำของแท้แน่นอน!”ผู้จัดการซุนพูดเสียงดังและยืนยันทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป สายตาของทุกคนก็ตกตะลึงดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้พูดจะเป็นเรื่องจริง“การ์ดใบนี้ยังมีผลอยู่หรือเปล่า?” เย่เทียนหยู่ถาม“มีผลครับ มันมีผลแน่นอนครับ!”ผู้จัดการซุนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าและยิ้มอย่างระมัดระวัง“ดีเลย มันจะได้ง่ายหน่อย ฉันจะได้ไม่ต้องโทรหาหยางต้าฟู่” เย่เทียนหยู่เห็นผู้คนมากมายเฝ้าดูอยู่รอบ ๆ และไม่อยากทำให้เรื่องแย่ลง“ได้ครับดีมากแลย ขอบคุณท่านชาย”“
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป