“ใช่ และคำตอบคือผมติดขัดมาก” รัชภาคย์กัดฟันกรอดด้วยกำลังระงับความหงุดหงิดเต็มที่ “คุณอยู่บ้านนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกผม ไปบอกลูกน้องผมทำไม ตั้งใจจะปิดผมใช่ไหม แล้วมีความจำเป็นอะไรถึงอยากพบนายนั่น”
พราวพิชชายืนกอดอกมองนิ่ง เขาเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ ถึงจำไม่ได้ว่าเธอไม่ได้พบหน้าเขามาตั้งกี่วันแล้ว และดูอารมณ์ตอนนี้สิ สงสัยจริงๆ ว่าธนัทรายงานไปว่าอย่างไร เขาถึงได้บ้าดีเดือดกลับมาหาเรื่องเธอ...อย่าให้รู้นะว่าไปแปลงคำพูดเราเป็นอื่น ไม่อย่างนั้นแม่จะเล่นงานทั้งเจ้านายลูกน้องทีเดียว“ธุระจำเป็นของฉันมันไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันรู้ว่าพูดอย่างนี้มันไม่น่าฟัง แต่มันไม่เกี่ยวจริงๆ และสิ่งที่ฉันทำอยู่ มันก็เพื่อผลประโยชน์ของพวกคุณ ฉันกำลังพยายามแก้ปัญหาของฉัน ไม่ได้ไปทำเรื่องน่าอายอย่างที่คุณคิดไปเอง”พราวพิชชาก็คิดอีกนั่นแหละว่าแม้หล่อนจะทำ ‘เรื่องน่าอาย’ หรือถ้าคิดอีกทางก็เป็น ‘เรื่องส่วนตัว’ กับใครอื่น รัชภาคย์ก็ไม่สิทธิ์ห้าม แต่ไม่ได้พูดออกมาเพราะมันไร้สาระเกินกว่าจะมายั่วโมโหใส่กัน อีกอย่างหล่อนก็ไม่เคยมีความคิดสักเศษเสี้ยว“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ฉันเกลียดคุณจริงๆ เลย”“...แต่ผมรักคุณใจแทบขาด”เขาสวนมา น้ำเสียงมีร่องรอยเดิม แต่ทำให้หัวใจของพราวพิชชากระตุกหล่อนไม่กล้าสบตาเขาแล้วละ จึงแสร้งเบือนหนีไปทางอื่นแต่พราวพิชชาคงพลาด รัชภาคย์กำลังรอคอย แม้น้ำเสียงจะดูเย้าหยอก และรื่นเริง...คงเพราะความสุขที่ผุดแทรกกลางความหงุดหงิด ดวงตาคมดูจริงจัง แค่หล่อนต่อปากต่อคำเปิดทางให้เขาได้พูดความในใจสักนิด เขาจะไม่พลาดโอกาสเลยแต่หญิงสาวยังคงเงียบ เบือนหน้ามองทางอื่น ทั้งที่ยังนั่งอยู่กลางเตียงเขารัชภาคย์ทอดมองร่างงามกลมกลึงที่เข้ามาตรึงหัวใจเขาตาปรอย ตลอดสี่วันเขาคอยหลบหน้าเพราะรู้ว่าร่างกายเธอยังคงบอบช้ำจากการร่วมรักอย่างร้อนแรง เขาคอยแต่คิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ...วันนี้พราวพิชชาอยู่ในชุดเสื้อยืดเนื้อบางพอดีตัวที่เห็นใส่บ่อยๆ กับกางเกงขาสั้น เธอจะรู้ไหมว่าเครื่องแต่งกายง่ายๆ แค่นี้ แต่กลับเย้ายวนหัวใจเขาเป็นที่สุด“รอผมสักสิบนาทีได้ไหม”หญิงสาวถึงหันมาหา แววตามีคำถาม“จะอาบน้ำ เหม็นตัวเองจะแย่”“เรื่องอะไรจ
เขาย้อนด้วยท่าทีเอาเรื่อง ท่าทางขัดอกขัดใจ พราวพิชชามองอย่างค้นหา...เห็นแต่แววรั้น อยากเอาชนะของเขาเท่านั้น“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”เสียงเธอไม่มั่นคงละคราวนี้ เพราะรู้แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร แม้ความสัมพันธ์ที่ไม่อาจระบุชัดยังทำให้เธอประดักประเดิดอยู่ แต่ยามที่เขามาชิดใกล้ก็ทำให้หวั่นไหวทุกที หญิงสาวรู้ว่าข้างในของเธอเปลี่ยนไป...เปลี่ยนจนไม่ใช่พราวพิชชาคนเดิมอีกแล้วหากด้วยอารมณ์ไม่พอใจมีเป็นทุนของรัชภาคย์ น้ำเสียงและท่าทีของหญิงสาวที่เผลอแสดงออกมาทำให้เขามองข้ามจนหมดสิ้น ชายหนุ่มคำรามเสียงต่ำ โต้กลับเธอ“สงสัยต้องทวนความจำ ห่างกันแค่ไม่กี่วัน ดันลืม”เสียงห้าวนั้นทำให้พราวพิชชาขนลุกซู่ทั่วกาย รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ขยับตัวจะเดินออกห่าง แต่มือหนาคว้าเอาไว้ก่อน เธอยืนตัวแข็งเกร็ง มองเขาด้วยดวงตากลมโต นิ่งงันอย่างไม่อาจขยับรัชภาคย์สัมผัสปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของเธอ ก้มมองใกล้ดวงหน้านวลที่อยู่แค่ระดับอกเขา“เป็นอะไร...กลัวผมหรือคุณแหวว”แม้ความตั้งใจแต่แรกว่าอยากทำอะไรเป็นการสั่งสอน เพราะไม่อยากให้หล่อนปั่นหัวเขาเล
“มา จะพาเข้าห้องน้ำ คิดอะไรอยู่ หน้าแดงเชียว”พราวพิชชาอ้าปากหวอกับแรงกระเซ้า อยากจะเถียงนัก หากก็ได้แต่อึกอักด้วยจนคำพูดรัชภาคย์หัวเราะในลำคอ หญิงสาวแทบม้วนตัวหนีด้วยความอาย เขาคงรู้ทันความคิดเมื่อครู่ ก็เธอเผลอจมกับมันจนไม่ทันได้ระวังตัวเองชายหนุ่มเดินมาดึงผ้าห่มที่หญิงสาวใช้ห่อกาย พริบตาเดียวไม่ทันที่เธอจะคว้ากลับ เขาก็โยนไปทางปลายเตียง ช้อนร่างเปลือยขาวโพลนสู่อ้อมแขนแล้วก้าวยาวๆ ไปยังห้องน้ำอายแสนอาย...พราวพิชชาได้แต่หลับตาปี๋ สองมือปิดบนล่างพัลวัน ไม่อยากให้เรือนกายกลายเป็นอาหารตาของเขา...แม้เขาจะเห็นมาทุกซอกทุกมุมแล้วก็ตามเถอะชายหนุ่มปล่อยเธอยืนบนพื้นห้องน้ำ พราวพิชชารู้สึกขาอ่อนยวบ เธอคงทรุดกองกับพื้นถ้าไม่มีมือแข็งแรงโอบไว้ทันท่วงที“ท่าจะไม่ไหวแล้วมั้งคุณ ผมต้องให้คุณออกกำลังกายบ้างแล้ว นิดๆ หน่อยๆ ก็จะเป็นลม เดี๋ยวก็ขาอ่อนจะทรุดอยู่เรื่อย”เขาเย้า พราวพิชชาไม่ทันรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ แล้วต้องห่อกายหนี ซุกกับอกเขาอย่างอัตโนมัติ เมื่อสายน้ำอุ่นจัดพร่างพรมลงบนกาย“คุณทำอะไร”“
สองมือน้อยที่โอบกอดไล้แผ่นหลังเขาอยู่กดจิกอย่างประท้วง บางอย่างบิดมวนอยู่ในช่องท้อง มันอัดแน่น หมุนวนเหมือนยังหาทางออกไม่ได้พราวพิชชาขยับตามสัญชาตญาณ สองแขนเสลาโอบกอดร่างหนาใหญ่ไว้แน่น เมื่อรู้ว่าจะเป็นหนทางที่จะพาเธอไปพบความสุขซ่านที่ค้นหาอยู่ลีลาเคลื่อนไหวของหญิงสาวพลิ้วไหว รัชภาคย์ปล่อยตัวเองตาม รับจังหวะกับกายเธอ ขยับสะโพกเพรียวแกร่งเข้ากับเธอ กดคลึงแก่นกายใหญ่ให้หมุนวนในกายสาว จนพราวพิชชายิ่งครวญสั่น เคลื่อนขยับกายบางหาเขาเป็นจังหวะที่แรงขึ้น“คุณเล็ก อือ...อ๊ะ คุณเล็ก”หล่อนครางในลำคอสลับสะอื้นไห้ ดวงตาหวานแหงนมองเขาอย่างวอนขอ รัชภาคย์หมดความอดกลั้น กดตรึงกายใหญ่ปักแน่น กัดฟันกรอดขณะเคลื่อนออกจนเกือบสุดความยาว หญิงสาวผวาตามแต่เพื่อจะพบว่าเขากระแทกกลับอย่างหนักหน่วงสวนเข้าหาอย่างไม่ออมแรงเอวกลมกลึงถูกท่อนแขนแข็งแกร่งดังปลอกเหล็กกอดล็อกไว้แน่น ความอ่อนนุ่มกลางกายถูกความใหญ่โตรุกรานอย่างไม่ปรานี คอยแต่จะกระแทกกระทั้นด้วยจังหวะดุดันและรุนแรงพราวพิชชาไม่เหลือสติควบคุมตัวเอง กายสาวสั่นไหว สะบัดใบหน้าจนเรือนผมยาวสยายเคลื่อนตาม ตอบรั
กลิ่นอาหารอวลอยู่ใกล้ พราวพิชชาย่นจมูกเมื่อรู้สึกว่ากลิ่นหอมๆ ยิ่งชัดเจนขึ้น จนเมื่อปรือตาเปิด แสงไฟสลัวจากหัวเตียงทำให้เธอเห็นต้นเหตุของมันรัชภาคย์ในเครื่องแต่งกายด้วยเสื้อยืดสวมสบายกับกางเกงขายาวผ้ายืดสำหรับสวมใส่นอนกำลังจัดแจงโต๊ะอาหารขนาดเล็กที่มีอาหารวางอยู่สามสี่จานให้เลื่อนมาชิดขอบเตียง พราวพิชชานอนตะแคงมองเขานิ่ง ชั่วขณะหนึ่งนึกถึงรัชตะที่เธอจดจำได้ดี รู้สึกแปลกก็คราวนี้...ทำไมถึงเพิ่งสัมผัสว่าคู่แฝดสองคนไม่มีอะไรเหมือนกันเลยแม้หน้าตาจะคล้ายกันจนเกือบแยกไม่ออก แต่พวกเขากลับมีความต่างแทบจะสุดขั้ว...อย่างยากที่เธอจะอธิบายออกมาได้พราวพิชชามองเขาเพลิน คุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้จนนึกประหลาดใจตัวเอง ยามใกล้ชิดกันเธอไม่เคยต้องฝืนตัวเองสักครั้งตลอดมาเธอปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เสนอตัวเข้ามาในชีวิต ด้วยรู้สึกว่าพวกเขามักทำให้เธออึดอัด ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง เกิดความไม่สะดวกสบายขึ้นกับตัวเอง จนต้องถอยออกมาพราวพิชชาเคยนัดเดตกับผู้ชายที่คิดดีแล้วว่าเขาเหมาะสมและเป็นคนดีพอ ตลอดช่วงที่ดื่มกินและเที่ยวด้วยกันนั้น เธอรู้สึกสนุก แต่ถ้าถามถึงความสุข ก็พบว่าม
ความสุขที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่จริงกำลังโถมหาพราวพิชชาจนเธอตั้งรับแทบไม่ทัน...มันยังคงทักทายเธออยู่จนอยากจะลืมวันลืมคืนสองข้างทางที่รถแล่นผ่านดูงดงาม ขุนเขาที่เธอเห็นไกลจนคุ้นตายิ่งขยับมาใกล้สายตาเรื่อยๆ“สวยจังค่ะ เหมือนไม่ใช่ทัศนียภาพเมืองไทยเลย”“คุณไม่คุ้นเองมากกว่า ภาคเหนือของไทยก็มีที่สวยๆ แบบนี้อีกหลายแห่ง”คนขับรถที่สวมแว่นตากันแดดราคาแพงปิดบังดวงตาคมเบือนมองเธอ ขยับมุมปากได้รูปยิ้มนิดเดียว หญิงสาวมองเขากลับ จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่มีหนวดเคราสั้นๆ ประดับทั่ว จมูกโด่งเป็นสันสวยอย่างที่คนมีเชื้อสายตะวันตกผสมจะพึงมี ปลายคางของเขาบึกบึน ไล่ลงมาเป็นแผงอกหนาที่หล่อนสัมผัสและจดจำได้ดีว่าแข็งแกร่งและทรงพลังแค่ไหน เรือนกายของเขาสูงใหญ่ แถมยังดูสมาร์ตทุกท่วงท่า...ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินจนจับหัวใจตัวเอง“คุณเท่จัง”“หือ อะไรนะ”“แหววว่า...คุณดูดีมาก”เสียงหัวเราะห้าวดังก้องในรถจี๊ปสปอร์ต พราวพิชชายังทำใจกล้า มองเขายังไม่ยอมเบือนหลบ ตาสบตาที่ยังมีแว่นตากันแดดกางกั้นท
“เอางั้นเหรอ ความลับที่ว่าคืออะไร ถ้าเรื่องส่วนตัว...ผมไม่ห่วงว่าจะลึกซึ้งขนาดไหน ผมมั่นใจในตัวคุณ”รัชภาคย์ว่าอย่างมั่นใจ พราวพิชชาย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ แม้ลึกๆ จะแอบดีใจที่เขาไว้ใจหล่อนในเรื่องนี้ เพราะหล่อนยังมีบางเรื่องที่ต้องทำต่อ...และเกี่ยวพันกับไรวินทร์โดยตรง“ทำมาเป็นพูดดี ทีตอนแรกระแวงยังกับอะไรดี ว่าแหววเสียๆ หายๆ ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่”“ผมขอโทษ ปากไม่ดี ทั้งที่เชื่อใจคุณอยู่แล้ว แต่ไม่ชอบที่เอะอะก็พูดถึงแต่นายนั่น เขาสำคัญกับคุณมากหรือไง ได้ข่าวว่าย้ายมาจากเพิร์ทด้วยนี่”“ไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัวหรอกค่ะ รู้จักผ่านงาน แหววเป็นเลขาในบริษัทคู่ค้าของคุณไรวินทร์ แหววเคยสมัครงานในออฟฟิศคุณไรวินทร์ด้วย แต่เขาไม่รับเพราะคุณสมบัติไม่ถึง”“แล้วยังไปยุ่งกับเขาอีกทำไม”พอนึกว่าไรวินทร์ไม่เห็นค่าของพราวพิชชา...จะแง่ไหนก็เถอะ ฟังแล้วรัชภาคย์ก็ฉุนกึก“คุณสมบัติไม่ถึงเพราะแหววไม่ใช่คนออสซี่ เขาต้องการคนที่คล่องแคล่วมากกว่าแหวว แต่พอเขาจะย้ายมาเชียงราชก็เกิดสนใจขึ้นมา แต่ติดป
“ถามตัวเองเถอะค่ะว่าแหววควรมั่นใจคุณแค่ไหน”“จะให้ผมสาธยายให้คุณฟัง หรือยกแม่น้ำกี่ร้อยพันสายมายืนยัน มันก็ไม่เท่ากับคุณอยู่พิสูจน์เอง”“แล้วก็วกมาเรื่องชวนลูกสาวเขาหนีมาอยู่กับตัวเอง”“อยากได้อะไรเป็นหลักประกันล่ะ”“ทั้งตัวและหัวใจของคุณ...มั่นใจเมื่อไหร่ว่ายกให้แหววจริงๆ แล้วค่อยมาบอก”“วันนี้เลยไง”“ไม่ค่ะ คุณยังไม่ได้ทวนถามตัวเอง แหววเกรงว่าคุณแค่อยากเอาชนะ หรือรั้นจะตามใจตัวเอง”“ผมอายุตั้งเท่าไหร่แล้วคนสวย มองความจริงบ้างสิ ส่วนคุณแม้จะไร้เดียงสาในบางเรื่องซึ่งผมก็มั่นใจว่ามีฝีมือพอจะสอนคุณ” เขาพูดถึงเรื่องอะไร พราวพิชชารู้ทัน ยกมือขึ้นหยิกหมับเข้าให้ ไม่อยากให้เขาเถลไถลออกนอกเรื่อง “คุณเป็นคนมีความคิด เป็นผู้หญิงที่ช่างมีเหตุผล และค่อนข้างมั่นคง ผมเชื่อตัวเองว่าดูคุณไม่ผิด ดังนั้นถ้าเราจะตัดสินใจอะไรในตอนนี้ ผมเชื่อว่าทั้งคุณและผมต่างก็ทำเพราะหัวใจและความต้องการของเรา...ผมรักคุณ เชื่อในตัวคุณ แม้เวลาสั้นมาก แต่อยากให้คุณจำไว้”&ld
“คุณเล็ก พอค่ะ...พอแล้ว”พราวพิชชาครวญแทบขาดใจเมื่อร่างของตนที่เอนราบบนแผ่นหินเรียบชื้นในซอกมุมที่ดูมิดชิดถูกร่างหนาใหญ่เข้ามาคลุกเคล้า ทั้งที่เพิ่งจบเกมพิศวาสกันไปหมาดๆ ยังไม่นับรวมถึงการโรมรันในลำธารท่ามกลางสายน้ำไหลรินอยู่หลายรอบ“ไม่เอาแล้ว แหววเหนื่อยจะขาดใจ แหววโกรธคุณเล็กแล้วนะ”หล่อนต่อว่าเสียงหงุงหงิง รัชภาคย์หัวเราะอย่างนึกขันระคนเอ็นดูเธอนัก มองเนื้อกายขาวผ่องที่แดงช้ำเป็นจ้ำๆ ด้วยฝีมือเขาด้วยเคล้นคลึงหนักมือไปหน่อย ชายหนุ่มยื่นใบหน้ามาจุมพิตร่องรอยเหล่านั้นอย่างปลอบประโลมเขาไม่ได้ตั้งใจจะเลยเถิดกับเธอ แค่จะชวนลงเล่นน้ำในลำธาร เพราะพราวพิชชาไม่เคยสัมผัสกับชีวิตลุยๆ เช่นนี้นัก จึงอยากให้เธอได้ลองทุกอย่างที่เป็นตัวเขา แต่พอเห็นเงือกสาวเริงร่าอยู่กลางสายน้ำ เสื้อผ้าเปียกลู่กับเรือนร่างเต็มตึงอรชร อารมณ์หนุ่มจึงคุโชนอย่างไม่อาจห้ามมันไว้ สุดท้ายพราวพิชชาเลยได้ประสบการณ์กลางแจ้งร่วมกับเขาเร็วกว่าที่คิดรัชภาคย์จับหญิงสาวลุกนั่ง ส่วนตัวเขาลงไปยืนแช่อยู่ในน้ำ เรือนกายล่ำสันมีกางเกงยีนส์เกาะเกี่ยวสะโพกเพรีย
นายวัฒนะขยับตัวเมื่อสำเหนียกถึงบางอย่างที่ดูผิดปกติอยู่บนรถลีมูซีนคันยาวเฟื้อยที่ไปรับเขามาจากสนามบินนานาชาติเชียงราชตั้งแต่อยู่บนเครื่องก็มีพนักงานต้อนรับของสายการบินคอยเดินมาถามไถ่ว่าเขาและภรรยาต้องการอะไร คอยดูแลอย่างไม่พร่อง จนเครื่องบินลงจอดเทียบท่าก็ยังมีพนักงานของท่าอากาศยานสนามบินพาไปยังห้องรับรองพิเศษ นั่งอยู่สักห้านาทีก็มีผู้ชายใส่สูทสีดำสองคนตรงมาค้อมตัวแล้วบอกว่ามีหน้าที่คอยบริการเขา และจะพาไปยังห้องพักของโรงแรมหรูที่สุดของเมืองเชียงราชนายวัฒนะนึกชอบใจ ลำพองตนอยู่ว่าคนพวกนั้นคงเห็นบางสิ่งในตัวเขาฉายชัดออกมา จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษ...แต่พอตอนนี้กลับฉุกคิดระแวงขึ้นเป็นครั้งแรกเชียงราช ถิ่นของรัชตะเจ้าหนี้เก่า รวมถึงรัชภาคย์ที่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาแต่หนหลัง แถมเมื่อวานซืนเขาเพิ่งรู้จากภรรยาว่ารัชภาคย์ได้ทำเรื่องที่เรียกว่าขยี้หัวใจของเขาจนแหลกไปแล้วนายคนป่าเถื่อนคนนั้นล่อลวงลูกสาวที่แสนดีของเขาไปพราวพิชชาเป็นเด็กดีเสมอมา ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย ไม่เคยคบหาเพศตรงข้ามมาก่อน เขารู้ทุกเรื่องของลูกสาวผ่านภรรยา อีกทั้งยังติดตามสอบถามจากคนที่
“เฮ้ย! ชิบหายแล้วไง นายใหญ่จะตายไหมวะนั่น”แค่ได้ยินเสียงของพี่ชายที่ลอดออกมาหลังสิ้นเสียงหัวเราะนั้น รัชภาคย์ก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเป็นเยี่ยม เขาจึงตัดสายฉับไว ปล่อยหน้าที่เอาตัวรอดให้เป็นของพี่ชายคนเดียวนายเก่งอยู่แล้ว ฉันยกนายให้เป็นฮีโร่เลยนะโว้ย หาทางเอาเองแล้วกัน อย่าให้สิ้นชื่อเพราะโดยเมียข่วนล่ะอวยพรพี่ชายอยู่ในใจ รัชภาคย์ก็ค่อยๆ เบือนหน้ามองรอบ พอเห็นว่าตนยังคงอยู่ตามลำพังก็พ่นลมหายใจพรูออกมา...รู้สึกโล่งใจเป็นที่สุดร่างสูงใหญ่ทอดฝีเท้าด้วยท่วงท่ามั่นอกมั่นใจกลับเข้าบ้านทางประตูด้านข้างที่เชื่อมกับห้องรับประทานอาหาร หลังจากบอกพราวพิชชาที่นั่งร่วมโต๊ะว่าจะออกไปคุยงานสำคัญเป็นการส่วนตัวและเมื่อกลับมาถึงจึงเห็นเธอนั่งรอเขาอยู่ ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยน แล้วพาเธอมาทางด้านหน้าของบ้าน ตั้งใจว่าวันนี้จะกระเตงหล่อนเข้าเหมืองด้วยกันระยะนี้เขาต้องพาพราวพิชชาติดตัวด้วยตลอดเวลา ลองปิ่นลดามาได้ยินเรื่องที่รัชตะพูดกับเขาแล้ว เธอคงไม่อยู่เฉยอย่างกับนัดกันไว้ พ่อตาแม่ยายก็มา แถมน้องเมียหรืออีกนัยคือพี่สะใภ้มา
เมื่องานของพราวพิชชาเป็นตามแผนที่รัชภาคย์คุยกับไรวินทร์ จึงไม่มีอะไรให้ห่วง ส่วนหญิงสาวที่ตั้งหน้าตั้งตารอโทรศัพท์จากมารดา อยากรู้ความคืบหน้าที่บอกว่าจะคุยกับบิดาให้เองนั้นผลจะเป็นอย่างไร แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ“อย่าคิดมาก คุณแม่คุณรู้เรื่องของเราแล้ว ถือว่าผู้ใหญ่รับรู้ ท่านบอกจะคุยกับคุณพ่อของคุณให้ คุณก็รออีกหน่อย เดี๋ยวก็ติดต่อกันมาเอง”รัชภาคย์บอกเสียงเรียบ แม้จะคิดว่าสาเหตุที่แม่ของพราวพิชชาเงียบไปแบบข้ามวัน เพราะยังไม่อาจทำใจมากกว่า เรื่องมันคงปุบปับเกินไป อีกอย่างพ่อกับแม่เธอจะหายเงียบไปได้อย่างไร ทางนี้ก็ลูกสาวคนเดียวทั้งคนแต่เขาก็ไม่ได้บอกเหตุผลนี้กับเธอ เพราะเชื่อว่าหญิงสาวคิดอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่อยากย้ำให้คิดมากขึ้นไปอีก“ผมว่าไหนๆ คุณต้องอยู่เชียงราชอยู่แล้ว...บอกน้องสาวสักทีดีไหม”รัชภาคย์หยั่งเสียงถาม รู้ทันว่าหล่อนกำลังลืมเรื่องที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันบางอย่าง และเป็นจริง พอได้ยินพราวพิชชาถึงกับออกอาการตกใจ“ตายจริง แหววลืมลดาไปเลย โอ๊ย! ปวดหัวจัง แหววไม่น่าโกหกน้องบ้าๆ แบบนี้เลย&rdq
“งั้นตามใจคุณ แต่สัญญานะว่าถ้ามีอะไร อย่าเก็บไปคิดหาทางออกคนเดียวอีก มีผัวก็รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์บ้าง”“คุณนี่ พูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่ให้พูดแบบนี้อีกนะ”ดูเขาพยายามยัดเยียดตัวเองเหลือเกิน จนพราวพิชชาเหนื่อยใจที่จะปราม“ถ้าอย่างนั้นคุณก็อย่าทำให้ผมขัดใจ”“คุณนั่นแหละที่ทำให้แหววเป็นแบบนี้ รู้ตัวบ้างหรือเปล่า”“โอเค ผมยอมรับ อย่างที่คุณว่า ผมไม่ยอมพูดเรื่องของเราให้เคลียร์ตั้งแต่ต้น เลยทำให้คุณไม่มั่นใจ”“ยังมีอีก”หล่อนสวนทันควัน รัชภาคย์หรี่ตามองสงสัย แล้วถามอย่างไม่อยากให้คาใจนาน“เรื่องอะไร”“แหววจะบอกคุณเรื่องงานที่โทร.หาคุณไรวินทร์อยู่หลายครั้ง แต่แค่คุณเห็นแหววคุยกับเขา คุณก็ไม่พอใจแล้ว ถึงคุณไม่พูดแต่แหววดูออก อย่างนี้แหววจะกล้าบอกคุณทุกเรื่องได้ยังไง”“คุณไม่กล้าบอกผมด้วยเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”รัชภาคย์ทำเสียงประหลาดใจสุดฤทธิ์ แววตาบ่งบอกว่าไม่อยากเชื่อ จนคนตั้งใจบอกต้องพยักหน้าแรงๆ พร้อมยืนยันด้วยคำพ
“เอาไว้ให้ถึงเวลานั้นแล้วค่อยว่ากัน”“ได้ค่ะแม่”ตัดสายจากกันแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะออกหัวหรือก้อย แต่พราวพิชชาก็รู้สึกดีที่ไม่ต้องเก็บเรื่องราวหนักอกให้อยู่แค่ในใจอีกหญิงสาวยกมือกอดอกเมื่อลมหนาวพัดผ่านมา เช้าวันนี้อากาศเย็นลงกว่าปกติ พราวพิชชามองรอบตัว เริ่มเคยชินกับการเห็นทิวเขาไกลๆ ที่โอบล้อม คุ้นกับบ้านหลังใหญ่ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มองเห็นกำแพงสูงล้อมรอบไกลๆ ยังมีอีกหลายส่วนของบ้านที่หล่อนยังเดินไปไม่ถึง...วันนี้เกิดนึกอยากรู้ อยากรู้จักมันทุกตารางนิ้วความมั่นคงและความตรึงใจกำลังคืบคลานมาหาพราวพิชชา ต่อจากนี้เธอจะเดินหน้าในเส้นทางที่เลือกแล้วด้วยหัวใจ...หากสัญญากับตัวเองว่าถึงอย่างไรก็จะไม่ทิ้งหน้าที่ของลูกที่ดีเช่นกันหญิงสาวหันกายกลับ ชั่วขณะหนึ่งปรายตาไปยังมุมซึ่งอยู่เยื้องทางด้านหลังของบ้าน ด้วยรู้สึกเหมือนตนตกเป็นเป้าสายตาของใครอยู่ผู้ชายเรือนกายล่ำสันที่เปิดเปลือยเนื้อตัวท่อนบนจนเห็นกล้ามเนื้อหนั่นแน่นไกลๆ กำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่างห้องนอน...ห้องนอนที่เธอเพิ่งจากมา และเขากำลังทอดสายตามองเธออยู่พราว
น้ำเสียงห้าวแหบพร่าออกคำสั่งท่ามกลางอารมณ์พิศวาสที่ยังกรุ่นๆ พราวพิชชาปรือตามองแล้วแย้มรอยยิ้มอย่างยั่วยวน ทุกกิริยาเป็นไปตามอารมณ์ที่นำพา หากสำหรับหัวใจเธอรู้ตัวเองชัดเจนแล้ว“แหววรักคุณเล็ก”“ผมรักคุณ...คุณแหวว”เขาบอกก่อนจะซบกับซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาว แล้วพลิกร่างเธอขึ้นมานอนเกยบนกายของเขา กกกอดไว้อย่างแสนรักและหวงแหนพราวพิชชาตื่นนอนตั้งแต่เช้า หลบคนที่กกกอดเธออยู่ทั้งคืนเพื่อจะอยู่กับตัวเอง หลังจากมั่นคงในการตัดสินใจแล้ว เธอนึกหาทางออกที่สวยงาม ครอบครัว และคนสำคัญที่เปิดรับเข้ามา...คนคนนั้นก็คือรัชภาคย์เหลือเวลาอีกแค่สามวันก็ครบกำหนดลาพักร้อน พราวพิชชาไม่อาจยื้อเวลาอีก เมื่อตัดสินใจแล้วก็ควรเดินหน้าต่อ ความลังเลหวาดกลัวไม่เคยเกิดกับเธอมาก่อน จนกระทั่งเวลานี้ซึ่งนับเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต...พราวพิชชารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นกบฏอยู่กลายๆโทรศัพท์มือถือถูกยกมาดูอีกครั้ง เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แล้วเลือกติดต่อไปยังเจ้าของเบอร์โทร.ที่คิดว่าจะเข้าใจเธอมากที่สุดเสียงตอบรับจากปลายสาย ถามว่าเธอจะกลับไฟล์ทไหนเพื่อจะเ
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและง่ายดาย กว่าพราวพิชชาจะรู้ตัวก็พบว่าตนเปลือยเปล่าอวดสายตาเขาอยู่หญิงสาวร้องกรี๊ดเมื่อต้องรับมือกับอารมณ์พัดแรงปานพายุ เนื้อกายหนาหนั่นที่อุดมด้วยกล้ามเนื้อก็เปลือยเปล่า อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน เสื้อคลุมนอนตัวใหญ่ที่เห็นห่อหุ้มร่างกายเขาตกอยู่ปลายเตียง...ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงนึกทึ่งในฝีมือการกำจัดของเขาแล้ว“คุณเล็ก แหวว...อุ๊บ”คำพูดที่อยากบอกไม่สามารถหลุดออกมาจนเต็มประโยค ริมฝีปากหยักฉกหมับเข้ากับเรียวปากอิ่มสวย สอดเรียวลิ้นร้อนๆ สากระคายเข้าสู่โพรงปากเธอ ดูดดึงซอกซอนจนพราวพิชชาตัวสั่นระริก ได้แต่อึกอักแล้วครางอือในลำคอเขารุกประชิดอย่างไม่ยอมรามือ บดเบียดกายเข้าหาจนเธอร้อนราวจะลุกเป็นไฟไปทั้งร่าง...พราวพิชชาไม่มีสติเหลือให้สงสัยแล้วว่าอะไรทำให้รัชภาคย์ร้อนแรงดุดันได้ขนาดนี้ ร่างกายเธอยังถูกเขารุกเร้าในทุกทาง พราวพิชชาได้แต่คอยตามและตอบสนอง...สำหรับเธอเกิดด้วยความเต็มอกเต็มใจ นึกถึงแต่ความสุขและความต้องการทั้งตัวเขาและตัวเธอเองกระทั่งชายหนุ่มถอนจุมพิตออก พราวพิชชารู้สึกเรียวปากกำลังบวมเจ่อ ดวงตาหวานทอดมอง
“ผมอยากรู้มากกว่านี้”“คุณแหววสามารถย้ายมาทำงานที่เชียงราชโดยเป็นตัวแทนของบริษัทที่เธอสังกัดอยู่ ถ้าผมทำเรื่องขอตัวไป เพราะเราต้องมีฝ่ายบริการดูแลเรื่องซอฟต์แวร์ในบางโมดูลจากทางนั้นอยู่แล้ว และคุณแหววก็คุ้นเคยกับทีมงานเราดีเพราะเคยร่วมงานกัน”“แต่เท่าที่ผมรู้คุณแหววเป็นเลขา...งานพวกนี้เกี่ยวอะไรกับเธอ”“คุณแหววเป็นโปรแกรมเมอร์มือฉกาจ เธอเทกคอร์สเลขานุการเพิ่ม และเริ่มงานจริงจังในตำแหน่งเลขาของผู้บริหารในบริษัทซอฟต์แวร์ใหญ่ของเพิร์ท...คุณคงรู้แล้วว่าเธอเคยสมัครงานกับบริษัทผม เราอยากได้เธอมาร่วมงาน แต่จังหวะเวลาไม่ให้ ตอนนั้นเราขยายงานในออสเตรเลียอยู่ ถ้าได้คนที่คุ้นเคยและคล่องตัวในการประสานงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ก็จะดี ซึ่งคนที่ได้คะแนนเหนือกว่าเธอเป็นคนพื้นเพของเมืองนั้น”“ผมเข้าใจ...เธอก็เข้าใจดีด้วย”“ครับ คุณแหววเป็นคนทำงานมืออาชีพ เธอเข้าใจเรื่องพวกนี้ไม่ยาก ผมชื่นชมเธอ”“ถ้าคุณเห็นว่าคุณสมบัติของเธอเหมาะสมกับงานที่ว่า คุณพร้อมที่จะทำเรื่องไปยังต้นสังกัดเธอไหม