“คุณวาด พูดอะไรของคุณ เข้าห้องไปเดี๋ยวนี้”
นายวัฒนะตกใจซ้ำ หลังจากเห็นภรรยาที่เขาเสนอให้ลงไปเดินเล่นข้างล่างแก้เบื่อ แท้จริงเพื่อจะขอพื้นที่คุยกับรัชภาคย์นั่นเอง แต่เธอก็ขึ้นมาเร็วเกินไปจนได้ยินในเรื่องที่เธอคงรู้อยู่แล้ว หากเขาก็ไม่อยากให้ได้ยินจากปากเขา...แต่ก็พลาดจนได้ “พอเถอะค่ะ จบเรื่องนี้ไปเถอะ จะไม่มีการเรียกเงินจากคุณเล็กสักบาทเดียว ส่วนหนี้สิบล้าน ฉันไม่อยากให้คุณไปยุ่งกับลูก ถ้ายายแหววตั้งใจจะใช้คืนคุณใหญ่ ฉันขอสั่งห้ามคุณไปบังคับกะเกณฑ์แกอีก แค่นี้ชีวิตลูกก็ป่นปี้ไปหมดแล้ว”ไม่เคยมีสักครั้งที่เพียงวาดจะขึ้นเสียงกับสามี แต่ครั้งนี้สุดจะทนจริงๆ ละอายใจกับเรื่องเก่าก่อนยังไม่พอ ยังสร้างเงื่อนใหม่ให้เป็นมลทินกับชีวิตลูกสาวคนเดียวไม่จบสิ้นนายวัฒนะไม่ได้เห็นด้วย และไม่คิดจะยอมทำตามเงื่อนไขของภรรยา มันไร้สาระเกินกว่าที่จะมายกเลิกกันตอนนี้ ทั้งที่รัชภาคย์ก็ตอบรับไปแล้วแต่พอเห็นร่างของคนสองคนที่เดินตรงมาหา คนนำหน้ามีท่าทีเหมือนจะอ่อนพับอยู่รอมร่อ ส่วนคนข้างหลังเดินตามอย่างเนิบช้า แม้อยู่ในวัยชราแต่ก็ยังสง่างาม...รัชภาคย์ตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด หากพอควานมือหาคนร่างนุ่มนิ่มกลับไม่พบ เขาจึงรีบผุดลุก กดเปิดโคมไฟหัวเตียงจนสว่าง‘แหววจัดของอยู่ในห้องค่ะ’ชายหนุ่มดึงกระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือน่ารัก ปิดท้ายด้วยรูปหัวใจสองดวง นึกขันตัวเองนัก นี่พราวพิชชาคงรู้ว่าถ้าเขาตื่นมาไม่เจอเธอแล้วคงตกใจ ถึงได้เขียนโน้ตบอกไว้ และหล่อนก็คาดถูกจริงๆรัชภาคย์ตื่นนอนเต็มตา เพราะเมื่อคืนนอนหลับตั้งแต่หัวค่ำ เป็นผลจากการกรำงานมาอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนก่อนนี้ แถมได้นางฟ้าประจำตัวมาให้กกกอด เป็นคืนที่เขาฝันดีและนอนหลับลึกอย่างที่สุดก็ว่าได้ชายหนุ่มเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ไม่คิดอ้อยอิ่งด้วยความเคยชิน แล้วตรงไปยังห้องของหญิงสาว เห็นแสงไฟลอดออกมา ยกมือเคาะส่งสัญญาณ ไม่รอให้ตอบรับก็ผลักเข้าไปทันทีพราวพิชชาหันมายิ้มให้ รัชภาคย์เลื่อนสายตาลง...สมุดบันทึกสีหวานอยู่ในมือเธอ“แหววลืมไว้ แต่จำได้ว่าเก็บไว้ข้างในลิ้นชักจนลึกสุด ไม่ได้วางหมิ่นเหม่ไว้อย่างที่เห็นเมื่อกี้”หล่อนย่นจมูกใส่ แล้วยกมากอดไว้เหมือนเป็นของรักของหวง“คิดว่าตั้งใจลืม
รัชภาคย์ยังนั่งหน้างออยู่กลางเตียง มองเธอเหมือนว่ากำลังทำอะไรขัดใจเขาอยู่“คุณไม่ดีใจหรือคะที่แหววกลับมา”“ดีใจสิ ดีใจก็ส่วนดีใจ แต่ผมกำลังไม่พอใจที่ถูกลูกน้องปั่นหัว มันรู้ว่าคุณกำลังมา แต่มันยุส่งให้ผมไปหาคุณ บอกว่าเตรียมตั๋วเครื่องบินให้พรุ่งนี้ เออ...ผมให้ป้ามิ่งมาจัดของให้ แต่มาถึงก็เพลียๆ เพราะเคลียร์งานทั้งคืน หลับเพิ่งตื่นตอนคุณกระโจนใส่ ไม่รู้ทำไปถึงไหนกัน”พราวพิชชาถึงบางอ้อละคราวนี้ นี่เธอกับรัชภาคย์ถูกคนรอบข้างร่วมกับหลอกกันเป็นขบวนการทีเดียว งานนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว“แหววว่าคุณอย่าโกรธคุณธนัทเลย เธอไม่ได้ทำคนเดียวหรอก ไม่งั้นจะแนบเนียนจนทั้งคุณและแหววไม่เอะใจกันได้หรือคะ”“หมายความว่าไง”รัชภาคย์ตีหน้ามึน คว้าร่างของเธอมานั่งบนตักตัวเอง พอได้สัมผัสใกล้ชิดแล้ว เรื่องจะให้หยุดแค่นี้คงยากแล้ว มือหนาซอกซอนเข้าไปเฟ้นฟอนอกอวบตึงภายใต้เสื้อยืดสีเทาดีไซน์เก๋ของเธอ แล้วเคล้นคลึงอย่างเอาแต่อารมณ์ พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ห้ามก็ยิ่งชักได้ใจ ไม่คิดจะหยุดมือกันละคราวนี้“จะฟังหรือเปล่าคะ คุณ
ใกล้ค่ำแล้ว สองข้างทางมืดมิด สายลมหนาวกระโชกแรงจนกิ่งไม้โน้มเอนลู่ไปทางเดียวกัน นึกถึงวันแรกที่มาในเส้นทางนี้ พราวพิชชามีแต่ความหวาดหวั่นใจ นั่งคาดเดาตลอดทาง กระทั่งความตกใจสุดขีดก็ประดังเข้ามาหา เมื่อตระหนักว่าคนที่พาตัวเธอมาในครั้งนั้นไม่ใช่รัชตะผู้เป็นน้องเขย หากเขาคือรัชภาคย์แฝดผู้น้องที่เคยมีเรื่องประคารมกันต่างหากในความตกใจนั้น พราวพิชชาไม่ได้รู้สึกถึงความกลัวเมื่อรู้ความจริงนั้นแล้ว แม้บ้านหลังใหญ่ของเขาที่พาเธอมาจะปลูกสร้างท่ามกลางขุนเขา มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้ใหญ่และทิวเขาไกลๆ อีกทั้งเจ้าของบ้านตัวใหญ่ก็ตีหน้ายักษ์ สีหน้าไม่เคยเป็นมิตรกับแขกอย่างเธอพราวพิชชานึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นแล้วนึกกระวนกระวายใจ ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ธนัทที่บอกว่าติดต่อเจ้านายไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไรเพิ่มเติมเข้ามาบ้างรถแล่นนิ่งเงียบ ฝ่าความมืดมิดลึกไปเรื่อยๆ จนเห็นบ้านคนเป็นกลุ่มชุมชนที่เธอเคยจดจำได้...มองแล้วเลยผ่านไป เพราะรู้ว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านของรัชภาคย์ จุดหมายปลายทางของเธอจนรถมาจ่อตรงประตูรั้ว พราวพิชชายิ่งกระวนกระวายหนัก เธอนึกอยากจะรู้
รัชภาคย์ลงไปชั้นล่าง แล้วชะงักเท้าเมื่อเห็นรถของลูกน้องคนสนิทปราดมาจอดพอดี ธนัททักทายเขาอย่างร่าเริง สีหน้ายิ้มแย้มตามบุคลิก เมื่อก่อนรัชภาคย์รู้สึกเฉยๆ แต่นับจากเมียหนีหายไป เห็นหน้าระรื่นของเจ้านี่ทีไร เป็นหงุดหงิดใจทุกทีนี่มันไม่คิดจะเศร้าไปกับเขาเลยหรือไง ไอ้ลูกน้องกิตติมศักดิ์คนนี้“ไปเหมืองหรือครับคุณเล็ก”“อืม จะแวะดูสักหน่อย มีนัดคุยกับคนของนายพลยานเปงด้วย บ่ายๆ นายกลับไปเฝ้าเหมืองด้วยแล้วกัน ช่วงนี้พวกนกกระจิบนกกระจอกรู้ว่าเหมืองเราขนสินแร่ออกล็อตใหญ่”“ครับนาย”รับคำพร้อมสีหน้าไม่เปลี่ยนจากเดิม รัชภาคย์มองแล้วเดินผ่านหน้าไปขึ้นรถจี๊ปสปอร์ตที่จอดอยู่ โดยมีคนขับรถพ่วงตำแหน่งคนคุ้มกันนั่งประจำพร้อมทำหน้าที่ธนัทมองตามรถของนายจนลับหายไปจากประตูรั้ว แล้วนึกถึงสีหน้าของนายเมื่อครู่“คุณเล็กดูไม่ดีขึ้นเลยแฮะ น่าสงสารจริงๆ พวกเมียหนี ระทมห่อเหี่ยวเปลี่ยวใจอย่างนี้ทุกรายหรือเปล่า เฮ้อ! น่าสงสารๆ”“พูดถึงนายอย่างนี้ได้ยังไง หนูโกรธคุณนัทแล้วด้วย”เสียงโพล่งดังขึ้น ทำให้คนอ
“คุณวาด พูดอะไรของคุณ เข้าห้องไปเดี๋ยวนี้”นายวัฒนะตกใจซ้ำ หลังจากเห็นภรรยาที่เขาเสนอให้ลงไปเดินเล่นข้างล่างแก้เบื่อ แท้จริงเพื่อจะขอพื้นที่คุยกับรัชภาคย์นั่นเอง แต่เธอก็ขึ้นมาเร็วเกินไปจนได้ยินในเรื่องที่เธอคงรู้อยู่แล้ว หากเขาก็ไม่อยากให้ได้ยินจากปากเขา...แต่ก็พลาดจนได้“พอเถอะค่ะ จบเรื่องนี้ไปเถอะ จะไม่มีการเรียกเงินจากคุณเล็กสักบาทเดียว ส่วนหนี้สิบล้าน ฉันไม่อยากให้คุณไปยุ่งกับลูก ถ้ายายแหววตั้งใจจะใช้คืนคุณใหญ่ ฉันขอสั่งห้ามคุณไปบังคับกะเกณฑ์แกอีก แค่นี้ชีวิตลูกก็ป่นปี้ไปหมดแล้ว”ไม่เคยมีสักครั้งที่เพียงวาดจะขึ้นเสียงกับสามี แต่ครั้งนี้สุดจะทนจริงๆ ละอายใจกับเรื่องเก่าก่อนยังไม่พอ ยังสร้างเงื่อนใหม่ให้เป็นมลทินกับชีวิตลูกสาวคนเดียวไม่จบสิ้นนายวัฒนะไม่ได้เห็นด้วย และไม่คิดจะยอมทำตามเงื่อนไขของภรรยา มันไร้สาระเกินกว่าที่จะมายกเลิกกันตอนนี้ ทั้งที่รัชภาคย์ก็ตอบรับไปแล้วแต่พอเห็นร่างของคนสองคนที่เดินตรงมาหา คนนำหน้ามีท่าทีเหมือนจะอ่อนพับอยู่รอมร่อ ส่วนคนข้างหลังเดินตามอย่างเนิบช้า แม้อยู่ในวัยชราแต่ก็ยังสง่างาม...
“แม่หนูเป็นเด็กน่ารัก ลุงเห็นมาตั้งแต่ตัวแดงๆ พ่อแม่เราเห่อนัก อุ้มกระเตงๆ ไปไหนต่อไหนด้วยตลอด แม้แต่มาหาลุงก็พามาด้วยทุกที”พราวพิชชาหน้าเห่อร้อนเมื่อนึกว่าธุระอะไรที่พ่อกับแม่จะไปพบท่านชายพัชระซึ่งเป็นเจ้าหนี้คนแรก ก่อนรัชตะจะขอโยกหนี้เป็นของตัวเองจนได้ตัวปิ่นลดาไป แล้วรัชภาคย์ก็ทำตัวเป็นน้องชายที่แสนดีตามทวงหนี้แทนพี่ชายอีกทอด...พราวพิชชาผ่อนลมหายใจ หล่อนอาจตามใจพ่อและแม่หลายเรื่อง แต่คิดแล้วว่าเรื่องหนี้สิน หล่อนจะตัดวงจรมันไม่ให้ลากเลื้อยไปที่ใครอีก...ด้วยมือของหล่อนเองแล้วเสียงพูดคุยหน้าห้องที่คุ้นหูของทั้งสองคนก็ลอดเข้ามาเพราะประตูที่ยังเปิดแง้ม พราวพิชชาตัวแข็งทันที จำได้ว่าเป็นเสียงรัชภาคย์ เขากำลังสอบถามถึงปิ่นลดากับนางพยาบาล...ท่านชายพัชระได้ยินก็ลุกตามไปสมทบพราวพิชชานั่งตัวลีบเกร็ง นึกหวั่นว่าเขาเปิดประตูเข้ามาจะเห็นหล่อนเข้าแล้วโวยวายด้วยไม่พอใจ รู้หรอกว่ารัชภาคย์ยังไม่อยากเห็นหน้าเธออยู่แต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้น เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นพราวพิชชาจดจำรายละเอียดในตัวเขาได้เกือบทุกอย่าง แทบจะกลืนไปกับความเป็นเธอ นับประส
ท่านชายพัชระตัดสินใจฉับไว เดินทางมายังเชียงราชในบ่ายวันนั้น พอลงจากเครื่อง นั่งในรถที่หลานชายส่งมารับ สักพักก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าตัว น้ำเสียงตื่นเต้นร้อนรนนั่นพลอยทำให้ท่านชายนั่งไม่ติดไปด้วย“ลดากำลังจะคลอดครับท่านลุง...ท่านลุงตรงมาโรงพยาบาลเลยนะ”“ฉันจะถึงบ้านแกอยู่ละ เดี๋ยวเก็บของให้เรียบร้อยแล้วค่อยตามไป”“จะเก็บทำไมล่ะครับ มาโรงพยาบาลตอนนี้เลย ผมจะตายอยู่แล้ว สงสารลดา ท่านลุงไม่สงสารผมหรือไง”ถ้อยคำวกไปวนมาของหลานชายผู้กุมบังเหียนธุรกิจระดับหมื่นล้านที่ออกคำสั่งทีหนึ่ง สลับกับอ้อนวอนให้สงสารทีหนึ่ง ทำให้ท่านชายพัชระปรับอารมณ์ไม่ถูกว่าจะรู้สึกอย่างไรดี แต่สุดท้ายก็ทำไปตามคำขอนั่นละ เพราะท่านเองก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นเจ้าตัวเปี๊ยกเหมือนกัน“งั้นฉันให้รถตรงไปโรงพยาบาลเลยแล้วกัน แล้วแม่หนูลดาล่ะ หมอ พยาบาลดูแลดีไหม แล้วพ่อแม่เขาอยู่เชียงราชด้วยไม่ใช่หรือ ส่งข่าวไปหรือยัง พี่สาวเขาด้วยสิ”รัชตะพูดคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องพิเศษในโรงพยาบาลชั้นนำของเชียงราชที่เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่อยู่ สายตามองเมียรักที่นอนกำหนดลมห
“แหววคิดว่าควรบอกคุณ...คุณจะได้เข้าใจ”แม่คุณช่างประเสริฐดีแท้ จะหอบผ้าจากไปก็ยังอุตส่าห์แวะมานั่งสาธยายเหตุผลร้อยแปดให้รู้ด้วย“งั้นว่ามาสิ”“คุณเคยบอกฉันว่าไม่มีเจตนาทำร้ายพ่อแม่หรือคนในครอบครัวของฉัน แต่พ่อบอกว่าคุณตั้งใจ...ตั้งใจทำ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้ฉันปักใจเชื่อใครสักทาง”“แต่คุณก็เลือกเชื่อพ่อของคุณแล้ว”“ฉันยังไม่ได้ปักใจเชื่อ แต่ฉันไม่สามารถอยู่กับความขัดแย้งระหว่างพ่อกับคุณได้”“เพราะพ่อก็คือพ่อ ส่วนผัวก็แค่คนอื่น”พราวพิชชาป้ายน้ำตาป้อย ยอมรับทุกข้อกล่าวหา ไม่ว่าเขาจะว่าอะไรเธอ“คิดจะค้นหาความจริงไหม”คำถามที่หล่อนกลัว พราวพิชชาไม่กล้าพอ...หล่อนกลัวสถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้ แค่นี้ความสัมพันธ์ของเธอกับบิดาก็เปราะบางเหลือเกิน ส่วนรัชภาคย์ ใครจะว่าเธอหน้าด้านและไร้ยางอายก็เถอะ แค่บอกลาเขาวันนี้ แต่เธอก็ไม่คิดจะเลิกราเขาหรอก ไม่ว่าเขาจะโกรธเคืองสักแค่ไหน แต่สักวันเธอจะกลับมาง้อเขาให้ได้...ขอแค่เขายังต้องการเธอและยังไม่มีใคร เพียงแต่วันนี้เธอต
“คุณบอกฉันได้ไหมว่าที่ทำอยู่ตอนนี้เพื่ออะไร” เพียงวาดโพล่งถามทำลายความเงียบ หลังจากทนความอึดอัดไม่ไหว“ยายแหววต้องกลับ ผมไม่ยอมให้ลูกมาจมปลักอยู่ในบ้านป่าเมืองเถื่อนนี่เด็ดขาด”...ที่สำคัญให้พราวพิชชาเลิกยุ่งเด็ดขาดกับคนในสกุลราชเกียรติกูรทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ปิ่นลดา และยกเลิกที่จะแบกรับหนี้สินโง่ๆ กลับมาเป็นของตัวเองด้วย!“คุณก็เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่ เชียงราชไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันหรือคุณเคยเข้าใจ”“แต่มันก็แค่เมืองเล็กๆ เมืองของพวกเศรษฐีใหม่ไร้อารยธรรม ให้อย่างไรมันก็สู้สังคมเมืองใหญ่อย่างเพิร์ทไม่ได้ ถ้ายายแหววจะอุดอู้อยู่ที่นี่ สู้ให้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ เสียดีกว่า”ฟังความตั้งใจของสามี เพียงวาดก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเป็นครั้งแรก ตลอดมาเธอคอยสนับสนุน ทำตัวเป็นช้างเท้าหลัง เพราะเชื่อในสามีตัวเอง เขาไม่เคยทำให้เธอต้องเสียใจ แม้ในส่วนของการงานจะไม่ประสบความสำเร็จจนเชิดหน้าชูตาได้ แต่วัฒนะก็ไม่เคยให้สิ่งเหล่านั้นกระทบกับครอบครัว เขาจะเป็นเกราะที่แข็งแกร่ง คอยปกป้องเธอกับลูกสาวเอาไว้เสมอนี่แหล