ลั่วหลางหลางตะโกนอย่างกังวลเมื่อได้เห็นลั่วหลางหลาง รูปร่างหน้าตาซีดเซียวของนางดูไม่เหลือเค้าสตรีจากครอบครัวชั้นสูงเลย รูปร่างหน้าตาของนางดูทรุดโทรมและเหนื่อยล้าเท่านั้นหากท่านมหาราชครูและท่านอาลั่วหรงเห็นลั่วหลางหลางในสภาพเช่นนี้ พวกเขาคงตรอมใจเป็นแน่“หลางหลาง!” ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยประคองลั่วหลางหลางเมื่อลั่วหลางหลางเห็นนาง ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางจำเสียงของอีกฝ่ายได้ และดวงตาของนางก็แดงก่ำด้วยความตื่นเต้นแต่ประโยคแรกของนางนั้นกล่าวว่า “เจ้าบอกให้พวกเขาหยุดตีเถอะ มิเช่นนั้นเขาต้องถูกตีจนตายแน่!”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย ชี้ไปที่ฟ่านซานเหอที่ถูกทุบตีแล้วพูดว่า “เขาทรยศเจ้า! ดูสิว่าตอนนี้เจ้าเป็นเช่นไร ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา แต่เจ้ายังออกหน้าพูดแทนเขาอีกหรือ?”ใบหน้าของลั่วหลางหลางซีดเซียว และนางคว้าแขนของลั่วชิงยวนอย่างขอร้อง “ได้โปรดเถอะ ชิงยวน”ลั่วชิงยวนกัดฟันและขอให้เซียวชูและคนอื่น ๆ หยุดเฉินซวนอี๋กลับมาอีกครั้งโดยมีนางรับใช้คอยประคอง และพาฟ่านซานเหอออกไปอย่างรวดเร็ว“พระชายา ลั่วหลางหลางสบายดี ไม่มีใครรังแกนางทั้งนั้น” เฉินซวนอี๋ยิ้มอย
“หลางหลาง ก่อนหน้านี้เจ้ากับฟ่านซานเหอก็เข้ากันได้ดีมิใช่หรือ? เหตุใดจู่ ๆ เขาจึงปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนี้”ฟ่านซานเหอตบแต่งกับภรรยาหลวงอีกคนจริง ๆ ซึ่งลั่วชิงยวนจินตนาการมิออกเลยลั่วหลางหลางถอนหายใจอย่างเสียใจ "อันที่จริง มันเป็นความผิดของข้าเอง"“ข้ามิอยากมีลูกกับเขา”“แต่เขาอยากมี”“พอเวลาผ่านไป เขาก็ทนคำวิจารณ์ของคนนอกและเครือญาติของตระกูลเสวี่ยมิได้ ดังนั้นเขาจึงตบแต่งภรรยาหลวงอีกคนเข้ามาในที่สุด และตอนนี้เฉินซวนอี๋มีลูกอยู่ในท้องของนาง”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย “มิอยากมีลูกหรือ? เป็นเพราะ… ท่านตาของเจ้าหรือ?"ลั่วหลางหลางพยักหน้าและพูดด้วยสีหน้าเศร้า "ท่านตาของข้าตายเพราะเขา นี่เป็นปมในใจที่ข้ามิอาจปล่อยวางได้"“ยิ่งข้าใกล้ชิดเขามากเท่าใด ข้าก็ยิ่งรู้สึกผิดและโทษตัวเองมากขึ้นเท่านั้น”หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็เข้าใจเหตุผลแต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังมิสามารถให้อภัยฟ่านซานเหอได้“แต่เขาก็ผิดคำสัญญากับเจ้า”“ครั้งนั้นเขาสัญญาเอาไว้อย่างไร? เพื่อที่จะช่วยชีวิตเขา ท่านมหาราชครูรับผิดแทนเขา ปลิดชีพตนไป ด้วยเหตุผลนี้เขาควรปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีสิ! เขาควรจะรักเจ้าอย่างสุดหัวใ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของลั่วชิงยวนก็เปลี่ยนไป“ว่ากระไรนะ?!”จือเฉาพูดต่อว่า “ตอนที่พระชายากำลังพูดคุยกับคุณหนูหลางหลาง บ่าวสอดส่ายสายตาไปเรื่อย”“แต่บ่าวมิแน่ใจว่ามันเป็นของคุณหนูหลางหลางหรือไม่”“อย่างไรเสีย หากมิได้รับบาดเจ็บแล้วจะมีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดได้อย่างไร?”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว และเข้าใจความกังวลของจือเฉาในทันใดเกรงว่าผ้าพันแผลเปื้อนเลือดอาจจะเป็นของคนอื่นมีผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่… แต่ความคิดนี้ลดโผนไปอยู่คู่หนึ่ง ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วและพูดว่า “เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วย! หลางหลางมิใช่คนแบบนั้น แม้ว่าผ้าพันแผลเปื้อนเลือดนั่นจะเป็นของคนอื่น ก็แปลว่านางมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น”อาจจะเป็นความลับเรื่องอื่น ที่ลั่วหลางหลางมิได้เอ่ยถึงเรื่องนั้นกับตนเมื่อมาถึงโรงเตี๊ยม นางก็ได้พบว่าฟู่เฉินหวนใจกว้างถึงขนาดเช่าโรงเตี๊ยมไว้ทั้งสองชั้นยกเว้นห้องที่มียามอยู่ด้วย ห้องอื่น ๆ ว่างเปล่า น่าจะเพื่อความปลอดภัยเมื่อขึ้นไปชั้นบนลั่วชิงยวนเข้ามาในห้องเห็นฟู่เฉินหวนอ่านรายงานลับอีกครั้งลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าและนั่งลง รินชาให้ตัวเองแล้วถามว่า “คนของท่านส่งรายงานลับม
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็นึกประหลาดใจเล็กน้อย “กิจการจะถูกยกให้คนอื่นงั้นหรือ? ยกให้ใครหรือพี่สะใภ้?” การกล่าวแสดงความสนิทสนมอย่างกะทันหันของลั่วชิงยวนทำให้นางหวังเกิดหวาดระแวงนางผุดกายยืนขึ้นโดยมีลูกสาวอยู่ในอ้อมแขนและทำท่าจะตีจาก “พวกท่านเป็นใครกันแน่ ข้ามิเคยพบพวกท่านมาก่อน พวกท่านเกี่ยวข้องกับกิจการของสามีข้าจริง ๆ หรือ?”“สามีของข้าหายตัวไปหลายวันแล้ว ข้ามิรู้เรื่องอะไรเลย พวกท่านควรไปหาคนอื่น”นางหวังอุ้มลูกของนางและกำลังจะจากไปเด็กน้อยในอ้อมแขนของนางเริ่มไออีกครั้ง นางหวังที่หวาดกลัวรีบนั่งลงและรินน้ำให้เด็กน้อยกินเด็กน้อยไออย่างรุนแรงและใบหน้าของนางก็แดงก่ำนางหวังตบหลังลูกสาวอย่างรวดเร็วแล้วตะโกนว่า “ใครก็ได้ เร็วเข้า เอายามาเร็วเข้า!”ก่อนที่นางรับใช้จะนำยามา ลั่วชิงยวนก็ก้าวไปข้างหน้าและแตะหน้าผากของเด็ก สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อยราวกับเด็กน้อยจะเป็นหวัดแต่นางไอแรงมากจนดูคล้ายจะหายใจไม่ออกโดยเฉพาะตอนที่นางหวังกอดนางไว้ในอ้อมแขนแน่น เขย่านางขึ้นลงเพื่อปลอบนาง เพราะเด็กทั้งไอและร้องไห้ไปพร้อม ๆ กันหากขาดอากาศหายใจก็จะทำให้เสียชีวิตได้ง่ายลั่วชิงยวนรีบ
“มีสตรีมากมายที่อยากเป็นอนุในตระกูลฟ่าน หากมิใช่เพราะเฉินซวนอี๋ยืนการมิให้เขามีอนุและจะมิ ยอมให้ฟ่านซานเหอหลุดมือไป ป่านนี้ตระกูลฟ่านคงจะมีอนุเป็นโขยงไปแล้ว! "เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนจึงแอบกำหมัดแน่นฟ่านซานเหอจะเสริมดวงให้ฮูหยินของตัวเอง?ไร้สาระเฉินซวนอี๋กลับได้รู้จักกันว่าเป็นฮูหยินของฟ่านซานเหอแล้วลั่วหลางหลางถูกวางไว้ในตำแหน่งไหน?นางเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฟ่านซานเหอที่แต่งงานบนเกี้ยว!“เฉินซวนอี๋? แต่ข้าได้ยินว่าฟ่านซานเหอตบแต่งกับบุตรีตระกูลลั่วมิใช่หรือ?”นางหวังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ "ท่านรู้เยอะทีเดียว!"“ฟ่านซานเหอแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลมหาราชครูลั่วจริง ๆ ตอนที่ครอบครัวของพวกเขาย้ายมาที่นี่ พวกเขาก็พาสตรีผู้นั้นมาด้วย”“แต่ต่อมา ตระกูลฟ่านมิยอมรับลูกสะใภ้จากตระกูลมหาราชครูลั่วว่าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลฟ่านอีกต่อไป”“แถมยังใช้เงินมากมายปิดปากผู้คนมิให้เอ่ยปากถึงลูกสะใภ้จากตระกูลมหาราชครูลั่วอีกด้วย”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ยิ่งโกรธกว่าเดิม“ไฉนเป็นเช่นนั้นเล่า!”นางหวังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นขยับเข้ามาใกล้และกระซิบออกไ
“พี่สะใภ้ ท่านไปจัดการธุระของท่านเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา”หลังจากที่นางวังจากไปฟู่เฉินหวนเดินออกจากห้องตำราและสังเกตรอยเท้าบนพื้น แต่อย่างไรนี่ก็นับว่าผ่านไปหลายวันแล้ว ที่นี่คงมีผู้คนเขาออกมากเกินไป“เมิ่งฮว๋ายฉายอาจถูกกำจัดไปแล้ว” ฟู่เฉินหวนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นลั่วชิงยวนก็เดินออกจากห้องตำราและเดินไปรอบ ๆ สนามหญ้า“ใช่ เห็นได้ชัดว่าเขาหายตัวไปอย่างกะทันหันอย่างไม่รู้อะไรล่วงหน้า ไม่มีความเป็นไปได้อื่นนอกจากการถูกฆ่า”“เจ้ามิพบอะไรเลยหรือ?” ฟู่เฉินหวนหันไปมองนางลั่วชิงยวนส่ายหัว "ในบ้านมีพลังหยางเพียงพอ และไม่มีวิญญาณชั่วร้ายสิงสู่อยู่เลย"“ไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้น”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าคนที่หายไปเหล่านี้น่าจะถูกปิดปาก หากไม่มีเรื่องเกินคาดเกิดขึ้น กิจการของพ่อค้าที่เสียชีวิตคนอื่น ๆ ก็ควรถูกขายให้กับตระกูลฟ่านด้วย”“หากเป็นกรณีนี้ การเสียชีวิตของคนเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลฟ่าน คดีนี้ต้องได้รับการสอบสวนเชิงลึก”“สำหรับลั่วหลางหลาง เจ้าต้องควบคุมตัวเองและคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมด้วย”“เจ้าสามารถตรวจสอบทั้งสองอย่างร่วมกันได้ หากความจริงปรากฏ ข้าจะ
ฟู่เฉินหวนหันกลับไปมองดูพื้นดิน และจมลงไปในความคิดอันลึกซึ้งลั่วชิงยวนพูดอย่างช้า ๆ "ร่างของเมิ่งฮว๋ายฉายน่าจะละลายไปเพราะของเหลวที่ละลายศพได้”“ด้วยเหตุนี้จึงมิพบเขาหลังจากค้นหามานาน มิพบเขาทั้งเป็นหรือตาย และมิพบศพของเขาด้วย”ฟู่เฉินหวนตกใจ "ของเหลวที่ละลายศพได้..."“ในเมืองเล็ก ๆ อย่างซีหยาง แปลกนักที่มีเรื่องเช่นนี้ด้วย”ลั่วชิงยวนมิได้เฉลยออกไปว่าศพดังกล่าวน่าจะใช้ของเหลวที่ละลายศพได้ที่ถูกทำขึ้นจากสูตรลับของแคว้นหลีมันมีพลังทำลายล้างมากจนสามารถละลายทุกสิ่งได้โดยไม่มีสิ่งใดเหลือทิ้งไว้นี่เป็นสูตรลับการใส่ปุ๋ยดอกไม้จริง ๆใช้เพียงเล็กน้อยก็สามารถละลายซากสัตว์ให้เป็นปุ๋ยได้ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “ต้องไปตามสืบดูว่าคนที่หายไปคนอื่น ๆ หายไปแบบนี้หรือไม่”ลั่วชิงยวนรั้งเขาไว้ “หากในหนึ่งวันท่านไปเยี่ยมคนมากเกินไป มันจะทำให้ผู้คนสงสัยอย่างแน่นอน”“เราค่อยเคลื่อนไหวกันเงียบ ๆ ในตอนกลางคืนกันเถอะ”ฟู่เฉินหวนพยักหน้า “ก็ได้”อันที่จริงลั่วชิงยวนสงสัยแล้วว่า เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียน ชายลึกลับจากแคว้นหลีลงมืออีกครั้งแล้วดังนั้นจึงต้องระมัดระวังมากขึ้นและไม่เผลอแหวก
นางเอ่ยถามออกไปทันที “สิ่งนี้เป็นฝีมือของลั่วหลางหลางฮูหยินตระกูลฟ่านใช่หรือไม่”กลิ่นที่คุ้นเคยนี้เป็นกลิ่นของถุงหอมที่ลั่วหลางหลางเคยมอบให้นางจริงๆ!ลูกจ้างหญิงก็สะดุ้งเล็กน้อยและตอบกลับอย่างรวดเร็ว "เป็นฮูหยินตระกูลฟ่านจริงเจ้าค่ะ แต่มิใช่ลั่วหลางหลาง เป็นเฉินซวนอี๋"“นางปรุงแต่งมันด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนตัวแข็งทื่อเห็นได้ชัดว่านี่คือกลิ่นถุงหอมของลั่วหลางหลาง!กลิ่นหอมนี้พิเศษมากจนเมื่อได้กลิ่นก็จะทำให้นึกถึงลั่วหลางหลางซึ่งตรงกับบุคลิกนิสัยของนางและมิใช่กลิ่นขี้ผึ้งธรรมดาอย่างแน่นอนเฉินซวนอี๋จะรังสรรค์สิ่งเดียวกันออกมาได้อย่างไร!นางขโมยสูตรของลั่วหลางหลางหรือ?เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความโกรธของลั่วชิงยวนก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งเศรษฐินีเดินเข้ามาขนาบข้างนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังมิได้ใช้สินค้าตัวใหม่ที่ฮูหยินฟ่านเตรียมไว้เลย เอามาให้ข้ากล่องหนึ่งด้วย"“เจ้าค่ะ รอสักครู่หนาเจ้าคะ!”ลูกจ้างหญิงจึงรีบไปเอากล่องใหม่มาทันทีสตรีผู้นั้นเปิดมันดมกลิ่นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินฟ่านทำเครื่องประทินผิวได้เก่งมาก นางเป็นสตรีที่มีความสามารถจริง ๆ!”“นับว่าร้ายแรงจริง ๆ ที่นางต้องอยู่
ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว
ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน