สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ

สวามีของข้าได้โปรดเขียนใบหย่าให้ชายาเถิดนะ

last updateTerakhir Diperbarui : 2025-11-07
Bahasa: Thai
goodnovel18goodnovel
10
1 Peringkat. 1 Ulasan
17Bab
62Dibaca
Baca
Tambahkan

Share:  

Lapor
Ringkasan
Katalog
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi

แรกพบหน้าบุรุษผู้นั้นชิงชังไม่เคยยอมรับนางเป็นภรรยาของเขาแต่เมื่อนางเรียกร้องใบหย่าเหตุใดจึงยากนักที่จะยอมเขียนให้ ไม่เคยรักกันก็เพียงปล่อยนางไปต่างคนต่างเริ่มต้นชีวิตใหม่เหตุใดเขาจึงไม่เข้าใจเล่า?!

Lihat lebih banyak

Bab 1

บทนำ

บทนำ

สายลมของต้นฤดูหนาวพัดกรรโชกมาเป็นระยะ แสงเทียนมงคลในห้องหอตำหนัก เฟิ่งหนิงของซู่จิ้งอ๋องแห่งดินแดนเทียนสุ่ยกำลังโยกไหวโอนเอนไปมาตามแรงลมที่พัดเข้ามาทางช่องหน้าต่าง จนบังเกิดแสงและเงาวูบวาบราวกับเปลวเทียนนั้นกำลังเริงระบำอยู่ก็มิปาน ยามจื่อแล้ว งานเลี้ยงด้านนอกยังคงแว่วเสียงร้องรำทำเพลง และเสียงสรวลเสเฮฮามาให้ผู้เป็นเจ้าสาวซึ่งอยู่ภายในห้องหอได้ยินอยู่เป็นระยะ ถึงอากาศจะหนาวเหน็บ แต่สุรามากมายดื่มได้ไม่จำกัดนั่นก็คงทำให้ทุกคนคลายหนาวไปได้ ดูท่างานเลี้ยงนี้คงยังอีกยาวไกล ท้องฟ้าไม่กระจ่างคงไม่เลิกราโดยง่ายเป็นแน่

ภายในห้องหอขณะนี้นั้นมีสาวน้อยผู้สวมชุดเจ้าสาวอย่างเต็มพิธีการของราชวงศ์จ้าว ผู้เป็นใหญ่อยู่เหนือผู้คนทั้งเทียนสุ่ยกำลังทอดสายตามองตรงไปยังโต๊ะอาหารมงคลสำหรับคู่บ่าวสาวที่อยู่กลางห้องผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงแสบตาเจิดจ้าอย่างยิ่ง นางมองอาหารน่ากินเหล่านั้นที่ยังไม่มีผู้ใดแตะต้องมันเลยแม้เพียงครึ่งคำด้วยสายตาละห้อย เพราะเจ้าบ่าว’ นั้นจนป่านนี้แม้แต่เงาก็ยังไม่ปรากฏกายให้ได้เห็น ขณะนั้นเองสายลมด้านนอกเริ่มพัดกรรโชกรุนแรงขึ้นอีกหลายส่วน คาดว่าอีกไม่นานหิมะแรกของต้นฤดูหนาวก็คงจะตกลงมาแล้วเป็นแน่ เด็กสาวหิวจนตาลาย หิวจนแสบท้อง แต่บุรุษผู้เป็นสวามีไม่มา นางก็มิอาจแตะต้องอาหารโอชะบนโต๊ะนั้นไปได้

หากแต่เลยยามจื่อมาราวหนึ่งก้านธูปกลับยังไร้เงาของคนผู้นั้น 'จ้าวเหลียงอี้' นั่นคือนามของบุรุษผู้ซึ่งเป็นเจ้าบ่าว และนับจากนี้ก็เขาก็คือสวามีของนางอย่างถูกต้องครบทั้งธรรมเนียมและพิธีการ แม้แต่กฎหมายของราชวงศ์แห่งเทียนสุ่ย นางกับเขาก็ถูกผูกมัดเอาไว้ด้วยกันอย่างเหนียวแน่นยากจะแยกจากกัน ต่อให้อยากแยกจากกันแทบตายก็ตาม

‘หานซางจื่อ’ ผู้มีนามรองว่า ‘เฉียนเกอ’ นั่งรอเจ้าบ่าวมากว่าสองชั่วยาม ผู้เป็นซู่จิ้งอ๋องนั้นกลับยังคงทอดทิ้งให้นางอยู่เฝ้าห้องหอรอเขาอยู่เพียงเดียวดายในราตรีที่คู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันคู่อื่นๆ นั้นสมควรหวงแหนช่วงเวลาดีนี้ดังทองคำพันชั่ง แต่จะเอาอันใดหนักหนากับคู่ของนาง เพราะระหว่างนางกับซู่จิ้งอ๋องผู้นั้นแรกเริ่มก็ล้วนฝืนใจด้วยกันทั้งสิ้น ที่แต่งงานก็เพราะถูกบีบบังคับทั้งนางเองและเขา ดังนั้นหากราตรีเข้าหอนี้นางต้องอดทนนั่งรอเขาจนก้นเป็นเหน็บชาจะแปลกอันใดเล่า? ...

“ถิงเฟย ขอน้ำนมแพะให้ข้าสักถ้วยเถิด ข้ารู้สึกหิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว”

เมื่อหิวก็ต้องกิน จะให้นางหิ้วท้องรอคอยบุรุษใจคออำมหิตผู้นั้นเห็นทีจะเป็นการอกตัญญูกับท่านแม่ที่สู้อุตส่าห์อุ้มท้องตนเองมาสิบเดือนแล้วยังต้องคลอดนางออกมาอย่างยากลำบาก พร้อมกับเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่มาถึงสิบเจ็ดหนาวไม่ขาดไม่เกินในวันนี้เกินไปแล้ว นางเป็นเด็กกตัญญู ดังนั้นข้าวนั้นไม่อาจกินได้ แต่น้ำนมแพะสักหนึ่งถ้วยคงไม่ฝืนธรรมเนียมจนเกินไปเป็นแน่ นางทนหิ้วกระเพาะรอสวามีไม่ไหวอีกแล้ว ช่างหัวจ้าวเหลียงอี้ไปเถิด นางหิวจนสามารถกินไก่ได้ทั้งตัวแล้วขณะนี้

“เหตุใดจนป่านนี้ซู่จิ้งอ๋องจึงยังไม่มาอีกนะ เลยยามจื่อแล้วแท้ๆ หากเลยฤกษ์งามยามดีของราตรีเข้าหอไปแล้วจะทำอย่างไรเล่า?”

สาวใช้คนสนิทที่ถูกส่งให้ติดตามคุณหนูสามของสกุลหานมาเป็น

ซู่จิ้งหวางเฟย

หรือพระชายาเอกของซู่จิ้งอ๋องแห่งดินแดน ‘เทียนสุ่ย’ พึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก เพราะเพียงผู้เป็นนายของตนแต่งเข้ามาวันแรกก็ถูกผู้เป็นสวามีปฏิบัติเช่นนี้มิใช่สิ่งดีเลย หากเลยฤกษ์งามยามดีกำเนิดสายเลือดมังกรจะทำอย่างไร อนาคตของตำแหน่งพระชายาซู่จิ้งอ๋องดูแล้วมืดมนยิ่งกว่าท้องฟ้าในยามราตรีในขณะนี้ไปแล้วเจ็ดส่วนในความคิดของเด็กสาวนามว่า ‘ถิงเฟย’ ในยามนี้

“ไม่รีบ ไม่รีบ เรื่องนี้ข้าไม่รีบร้อนสักนิดเลยถิงเฟย กว่าจะเลยฤกษ์งามยามดีเวลาเข้าหออันเป็นมงคลเหมาะแก่การให้กำเนิดทายาทสกุลจ้าวก็อีกราวหนึ่งชั่วยาม ซู่จิ้งอ๋องไม่รีบร้อน ข้าก็ไม่รีบร้อนอันใดเช่นกัน เจ้าเองก็อย่าได้ว้าวุ่นใจไปเลยนะ เอานมมาเถอะข้าหิวจนตาลายหมดแล้ว”

น้ำเสียงหวานกังวานไพเราะกล่าวเนิบนาบและแผ่วเบา ฟังราวกับเสียงของกระดิ่งลมกระทบกันผสานกันกับจังหวะที่เอ่ยไม่หนักและไม่เบา ฟังเช่นไรก็ชวนให้จิตใจสงบ หากแต่ถิงเฟยกลับสงบใจไม่ลงจริงๆ เพราะหากเลยฤกษ์งามยามดีสำหรับพิธีร่วมหอคราวนี้ ฝ่ายมารดาสามีคงยากจะญาติดีกับนายหญิงของนางเป็นแน่

ก๊อก!

ก๊อก!

“ซู่จิ้งอ๋องใกล้จะมาถึงแล้ว ขอให้พระชายาซู่จิ้งอ๋องได้โปรดสำรวมกิริยาให้ดีด้วยเพคะ”

เสียงของแม่นมจางคนสนิทของเฝิงกุ้ยเฟย พระมารดาแท้ๆ ของซู่จิ้งอ๋องส่งเสียงกำชับเข้ามาย้ำเตือนผู้เป็นเจ้าสาว ก่อนที่เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งจะเริ่มชัดเจนขึ้นมาในหูของหานซางจื่อทุกขณะ เรียวปากงามจึงโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มไร้ความหมายออกมาหนึ่งสาย ฝ่ายถิงเฟยเองกลับร้อนรนเร่งตรงเข้ามาจัดแจงตรวจดูความเรียบร้อยของคุณหนูสามของตนเองอีกรอบทั้งที่ทุกสิ่งก็ไร้ข้อตำหนิอยู่แล้วโดยแท้

“ไม่ต้องร้อนรนไป สงบใจหน่อยถิงเฟย ร้อนรนไปจะเสียกิริยาแล้วไม่งาม เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าท่านแม่ของข้ากำชับเจ้าอยู่บ่อยครั้งก่อนงานแต่งงานนี้หรอกหรือเด็กดี”

ถิงเฟยนั้นบางครั้งนางก็อยากกรีดร้องให้กับความใจเย็นของผู้เป็นนายของตนเองยิ่งนัก แต่สิบเอ็ดหนาวที่นางติดตามรับใช้คุณหนูสามมาล้วนย่อมทราบดี ต่อให้ท้องฟ้าถล่มหรือปฐพีลุกไหม้ หานซางจื่อผู้นี้ก็ยังคงรักษากิริยาเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นไม่หลุดจนควบคุมไม่ได้ออกไปแม้เพียงธุลีเดียว แล้วแค่เพียงต้องเผชิญหน้ากับพระสวามีย่อมมิอาจสั่นสะเทือนใบหน้าของหานซางจื่อ จนบังเกิดการเปลี่ยนสีได้เป็นแน่ แต่สำหรับเด็กสาวเช่นนางมิอาจทำได้เช่นผู้เป็นนายนี่นา

“เอาละ พวกเราส่งน้องหกเพียงเท่านี้ก็แล้วกันพี่ใหญ่ พี่ห้าขอให้ราตรีนี้ของน้องหกกับน้องสะใภ้หกมีความสุขมากล้นนะ แล้วก็ขอให้พวกเจ้าเร่งมีหลานให้เฝิงกุ้ยเฟยได้ชื่นใจโดยเร็ว”

เสียงทุ่มที่หานซางจื่อพอจะจดจำได้ว่าคือผู้ใดลอยมาเข้าหู แววตาคู่งามสั่นไหวเพียงเล็กน้อย ซึ่งมันน้อยมาก จนหากมีผู้ใดสักคนผ่านมาเห็นก็คงจับสังเกตไม่ได้เด็ดขาด เพราะผู้เป็นเจ้าของนั้นควบคุมมันได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

“ลำบากเว่ยเหยียนอ๋องและองค์ไท่จื่อให้ต้องใส่ใจอี้เอ๋อร์แล้ว”

เสียงของบุรุษผู้เป็นสวามีของนางกล่าวโต้ตอบฟังดูนุ่มนวลและนอบน้อมอย่างยิ่ง แต่ผู้ใดเล่าจะรู้แจ้งไปกว่าตัวผู้กล่าวออกไปว่า ที่แท้จริงแล้วเขารู้สึกเช่นนั้นหรือไม่ และแน่นอนหานซางจื่อเองนางก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่ผู้ใดสนใจเขากันเล่า

“ระหว่างพี่น้องเหตุใดน้องหกต้องกล่าวเกรงใจกันถึงเพียงนี้เล่า ฮ่า อ่า ฮ่า ใช่หรือไม่น้องห้า คืนนี้พวกเราล้วนเป็นคนกันเอง อย่าได้มากพิธีจะดีกว่านะน้องหก มาๆ ดื่มสุราอีกหน่อยค่อยเข้าหอก็ยังไม่สาย”

เสียงบุรุษอีกผู้ที่ค่อนข้างไปทางเมามายดังลอยมาเข้าหูของผู้เป็นเจ้าสาวอีกครั้ง คาดเดาได้ว่าบัดนี้หน้าห้องหอคงรวมตัวบุตรชายทั้งสามของฮ่องเต้แห่งเทียนสุ่ยแล้วเป็นแน่ นั่นก็คือไท่จื่อ ‘จ้าวหลงเฉิน’ และยังคงมี เว่ยเหยียนอ๋อง ‘จ้าวลู่ฉือ’ พี่ชายทั้งสองของจ้าวเหลียงอี้ ไม่นับรวมพี่สาวและน้องสาวของพวกเขาที่ไม่ได้สิทธิ์มาส่งเจ้าบ่าวเช่นพี่น้องผู้เป็นบุรุษ ซึ่งหานซางจื่อนั้นก็พอจะรู้มาบ้างว่า พวกเขาพี่ชายน้องชายทั้งสามนี้ออกจะมีความรักลึกซึ้งระหว่างพี่น้องชวนขวัญผวามากเชียวละ

“เอาละ นี่ก็ดึกมากแล้ว ขอเชิญไท่จื่อและเว่ยเหยียนอ๋องกลับไปพักผ่อนเถิดเพคะ ซู่จิ้งอ๋องเองคงต้องเข้าหอแล้ว ประเดี๋ยวจะเลยฤกษ์งามยามดีเหมาะสมกับการร่วมหอเอาได้ ขอทั้งสองท่านช่วยเข้าใจความลำบากใจนี้ของบ่าวด้วยนะเพคะ หากดึกไปกว่านี้คงจะเลยฤกษ์มงคลอันยอดเยี่ยมไปจริงๆ แล้ว”

เสียงนี้แน่นอนว่าจะต้องเป็นแม่นมจางผู้เคร่งครัดทุกพิธีการไม่ผิดไป ซึ่งหานซางจื่อรู้สึกขอบคุณสตรีสูงวัยผู้นั้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รู้จักนางมา เพราะนี่เกือบปลายยามจื่อแล้ว นางทั้งเหนื่อย ทั้งหิว และง่วงนอนอย่างยิ่ง อยากเร่งให้จบสิ้นทุกพิธีการไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายแล้วเข้านอนเต็มทน ส่วนกิจกรรมหลังเข้าหอ นางยิ่งกว่าแน่ใจว่าจ้าวเหลียงอี้จะไม่มีวัน ‘ยุ่งเกี่ยว’ หรือ ‘เกินเลย’ กับตนเองเป็นแน่

“ได้สิ ในเมื่อแม่นมจางกล่าวถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้ากับน้องห้าก็ส่งเจ้าเท่านี้ก็แล้วกันนะน้องหก”

แอ๊ด…

พอสิ้นเสียงบอกลาพอเป็นพิธีของพี่น้องทั้งสามแล้วไม่นานประตูบานใหญ่ก็ถูกผลักเข้ามาเข้ามาด้วยฝีมือของแม่นมจางที่คอยควบคุมทุกพิธีการให้สำเร็จไปด้วยดี ไม่สิ สำหรับสตรีสูงวัยผู้นั้นคงมีแต่คำว่า ‘ยอดเยี่ยม’ อยู่สิ่งเดียวใจชีวิตเท่านั้นกระมัง

“แม่นมจางเร่งกลับไปดูแลเสด็จแม่เถิด ทางนี้ไม่มีอันใดแล้ว ที่เหลือเปิ่นหวางจัดการต่อเองได้ ท่านอย่าได้ว้าวุ่นไปเลย”

เสียงของซู่จิ้งอ๋องเอ่ยกับคนของพระมารดาของเขาเสียงราบเรียบยิ่งนัก หากแต่ ‘หานถิงเฟย’ กลับรู้สึกว่าไอ้กิริยาเอ่ยด้วยถ้อยคำราบเรียบเช่นนี้มันกลับน่าหวาดหวั่นเสียยิ่งกว่าเอ่ยวาจาดุดัน จนสาวใช้ตัวน้อยถึงกับเหงื่อกาฬพลันแตกซ่าน

ซึ่งน่าแปลกที่หานซางจื่อนั้นกลับรับรู้ได้ถึงอาการหวาดกลัวนั้นของคนสนิท นางจึงเอื้อมมือมากุมมือของสาวใช้คล้ายจะปลอบขวัญกันอยู่ในคราวเดียวกัน หวังไม่ให้อีกฝ่ายนั้นตื่นกลัวบุรุษผู้นั้นจนเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อนทุกสิ่งจะจบสิ้น

“แต่ว่า…”

“แม่นมจางเชิญ!”

“เพคะ!”

Tampilkan Lebih Banyak
Bab Selanjutnya
Unduh

Bab terbaru

Bab Lainnya

Komen

user avatar
Wilaiporn Dangbuddee
มาต่อให้จบนะคะ เรื่องนี้สนุก
2025-11-08 02:28:38
0
17 Bab
บทนำ
บทนำสายลมของต้นฤดูหนาวพัดกรรโชกมาเป็นระยะ แสงเทียนมงคลในห้องหอตำหนัก ‘เฟิ่งหนิง’ ของซู่จิ้งอ๋องแห่งดินแดนเทียนสุ่ยกำลังโยกไหวโอนเอนไปมาตามแรงลมที่พัดเข้ามาทางช่องหน้าต่าง จนบังเกิดแสงและเงาวูบวาบราวกับเปลวเทียนนั้นกำลังเริงระบำอยู่ก็มิปาน ยามจื่อแล้ว งานเลี้ยงด้านนอกยังคงแว่วเสียงร้องรำทำเพลง และเสียงสรวลเสเฮฮามาให้ผู้เป็นเจ้าสาวซึ่งอยู่ภายในห้องหอได้ยินอยู่เป็นระยะ ถึงอากาศจะหนาวเหน็บ แต่สุรามากมายดื่มได้ไม่จำกัดนั่นก็คงทำให้ทุกคนคลายหนาวไปได้ ดูท่างานเลี้ยงนี้คงยังอีกยาวไกล ท้องฟ้าไม่กระจ่างคงไม่เลิกราโดยง่ายเป็นแน่ภายในห้องหอขณะนี้นั้นมีสาวน้อยผู้สวมชุดเจ้าสาวอย่างเต็มพิธีการของราชวงศ์จ้าว ผู้เป็นใหญ่อยู่เหนือผู้คนทั้งเทียนสุ่ยกำลังทอดสายตามองตรงไปยังโต๊ะอาหารมงคลสำหรับคู่บ่าวสาวที่อยู่กลางห้องผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงแสบตาเจิดจ้าอย่างยิ่ง นางมองอาหารน่ากินเหล่านั้นที่ยังไม่มีผู้ใดแตะต้องมันเลยแม้เพียงครึ่งคำด้วยสายตาละห้อย เพราะ ‘เจ้าบ่าว’ นั้นจนป่านนี้แม้แต่เงาก็ยังไม่ปรากฏกายให้ได้เห็น ขณะนั้นเองสายลมด้านนอกเริ่มพัดกรรโชกรุนแรงขึ้นอีกหลายส่วน คาดว่าอีกไม่นานหิมะแรกของต้นฤดูห
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-11-05
Baca selengkapnya
บทที่1
บทที่ 1แม่นมจางผู้เคร่งครัดและดุดันที่หลายวันมานี้ถิงเฟยหวาดกลัวยิ่งนัก พลันกลับต้องพ่ายแพ้ถอยทัพกลับไปหาเฝิงกุ้ยเฟยผู้เป็นนายเพียงถูกซู่จิ้งอ๋องกล่าวเพียงสี่คำเพียงเท่านั้น บุรุษนามจ้าวเหลียงอี้ช่างน่ากลัวจริงๆ แต่ถึงจะหวาดกลัวเพียงใด เด็กสาวกลับยังยืนหยัดไม่ทิ้งผู้เป็นนายหญิงของนางไปที่ใด“เจ้าเองก็ออกไปด้านนอกก่อนสักครู่ เปิ่นหวางมี ‘ธุระ’ จะคุยกับพระชายาของเปิ่นหวางสักครู่เท่านั้น” แน่นอนว่าคราวนี้ถิงเฟยไม่รอให้จ้าวเหลียงอี้พูดซ้ำ นางเร่งออกไปทันทีเมื่อเขาจบประโยคเหล่านั้น เนื่องจากนางคิดว่าการออกไปจะเป็นผลดีกับผู้เป็นนายของตนเองมากกว่าที่นางจะดื้อดึงอยู่ต่อไปนั่นเอง ฝ่ายของหานซางจื่อนั้นทำเพียงนั่งเก็บมือและเท้าอย่างสงบ มิได้หวั่นไหวอันใดกับทุกฝีเท้าที่จ้าวเหลียงอี้สืบเข้ามาใกล้ตนเองเลยแม้แต่น้อย“พอดีว่าเมื่อครู่มู่สือเพิ่งมาแจ้งกับเปิ่นหวางว่า ม้าพันธุ์เหงื่อโลหิตของเปิ่นหวางมันเจ็บท้อง คาดว่าคงใกล้จะคลอดเต็มทน ดังนั้นราตรีนี้ห้องหอเจ้าก็ครอบครองไปแต่เพียงผู้เดียวเถิด เปิ่นหวางไม่สะดวกจะนอนเป็นเพื่อนเจ้าหรอกพระชายาหาน” ถึงจะเตรียมใจมาแล้วเป็นอย่างดี แต่หานซางจื่อก็มิคาดว่า ‘
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-11-05
Baca selengkapnya
บทที่2
บทที่ 2หานซางจื่อนั้นปล่อยใจให้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อสามเดือนก่อนที่เปลี่ยนชะตาชีวิตของนางไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยคิดว่าเมื่ออายุครบสิบเก้าหนาว หากนางยังไม่แต่งงานออกเรือนไปกับคุณชายสกุลใดก็จะสามารถออกไปทำการค้าเป็นของตนเองได้แล้วไม่จำเป็นต้องอาศัยและพึ่งพาบารมีของบิดาอีก แต่ใครจะคาดวันนั้นจะทำลายความฝันของนางไปจนสิ้นยากจะหวนคืนกลับมาได้อีกต่อไป“หากเจ้ารับปากแต่งงานกับซู่จิ้งอ๋อง เปิ่นกงรับรองว่าพี่ชายคนรองของเจ้าจะได้แยกจวน และมีตำแหน่งในกองทัพมั่นคง และไม่น้อยหน้าคุณชายใหญ่หานแน่นอน” วันนั้นนางถูกซ่งฮองเฮาผู้มีศักดิ์เป็น ‘เสด็จป้า’ เรียกตัวมาเข้าเฝ้าตั้งแต่ท้องฟ้าของ ‘มหานครจิ้งหยาง’ ยังไม่กระจ่าง แต่สาวน้อยไม่คิดเลยจริงๆ ว่าการเข้าเฝ้าในวันนั้นจะเป็นการบีบคั้นให้นางแต่งงานกับบุรุษที่มีสตรีอื่นในดวงใจอยู่แล้วจนได้แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือข้อแลกเปลี่ยนอันเย้ายวนใจที่ซ่งฮองเฮาเสนอให้ขณะนั้นต่างหากที่ทำให้หานซางจื่อนั้นหนักใจ เด็กสาวอยากจะเห็นแก่ตัว อยากจะปฏิเสธออกไปใจแทบขาด แต่ความลำบากใจของผู้เป็นพี่ชายและมารดานั้นมันก็รบกวนจิตใจของสาวน้อยอยู่มากโขทีเดียว การเป็นคุณชายรองที่เก
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-11-05
Baca selengkapnya
บทที่ 3
บทที่ 3ซึ่งที่หานซางจื่อคาดเดานั้นไม่ผิดเลย นับตั้งแต่จ้าวเหลียงอี้ก้าวเท้าพ้นประตูห้องหอไปไม่ถึงหนึ่งเค่อเฝิงกุ้ยเฟยก็รับทราบทุกสิ่งจากคนของนางแล้ว ใบหน้าของสตรีวัยสี่สิบหกหนาวแย้มยิ้มสมใจยิ่งนักที่บุตรชายของตนช่างได้ดังใจไปทุกสิ่ง“หึ! พรุ่งนี้เถิด นังเด็กแซ่หานผู้นั้นมันจะต้องซาบซึ้งเชียวละว่า การที่มันคิดใฝ่สูงเป็นคางคกกลับคิดจะกินเนื้อหงส์นั้นผลตอบแทนมันจะเป็นอย่างไร!” เพราะแต่เดิมเฝิงกุ้ยเฟยนั้นหมายตาคุณหนูใหญ่ของสกุลถานที่มีพรรคพวกอยู่เกือบกึ่งหนึ่งในราชสำนักของเทียนสุ่ย ถึงสกุลถานขุนนางบู๊มีลูกหลานเป็นทหารและผู้นำตระกูลยังเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่ผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าอำนาจนั้นไม่น้อยไปกว่าทางฝ่ายสกุลซ่งของซ่งฮองเฮาเลย ซึ่งหากได้รวมกับฝ่ายสกุลเฝิงของนางก็ไม่แน่ว่ารากฐานอันมั่นคงขององค์ไท่จื่ออาจมีสั่นคลอน ทว่านางยังไม่ทันลงมือซ่งฮองเฮากลับชิงตัดหน้าขอสมรสพระราชทานให้แก่ไท่จื่อกับถานจีเซียงคุณหนูใหญ่ของสกุลถานไปเสียก่อนเพียงเท่านั้นก็แล้วไปเถิด นางยังมองคุณหนูรองของอัครมหาเสนาบดี ‘เว่ย’ เว่ยชิงกุ่ยมาทดแทนพอให้ได้ฝ่ายสนับสนุนให้บุตรชายของตนได้มีรากฐานมั่นคงอยู่ในราชสำนัก แต่ซ่งฮองเฮากล
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-11-06
Baca selengkapnya
บทที่ 4
บทที่ 4ในขณะที่หานซางจื่อเร่งฝีเท้าตรงไปยังตำหนักหนิงอู่ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยในยามที่เฝิงกุ้ยเฟยมาอยู่ที่ตำหนักซู่จิ้งอ๋องอยู่นั้น หลินเปียวที่คอยสังเกตการณ์ตามคำสั่งของจ้าวเหลียงอี้ก็ตรงไปรายงานความคืบหน้าให้กับผู้เป็นนายของตนทราบทันที“เช่นนั้นเปิ่นหวางก็ต้องกลับไป ‘ช่วยเหลือ’ พระชายาหานสักหน่อยจึงเหมาะสมสินะ หาไม่ก็จะกลายเป็นสวามีผู้อำมหิตเกินไป ที่ปล่อยให้นางถูกเสด็จแม่รังแก”หลินเปียวและถงมู่สือต่างก็เหลือบสายตามองหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้กล่าวอันใดออกไปแม้เพียงครึ่งคำ มีเพียงก้าวตามหลังของบุรุษวัยยี่สิบสามหนาวเช่นจ้าวเหลียงอี้ไปอย่างสงบเท่านั้น ทั้งหมดตรงไปยังตำหนักหนิงอู่โดยไม่รีบร้อนเท่าใดนัก เนื่องจากซู่จิ้งอ๋องของพวกตนไม่รีบ แล้วพวกเขาที่เป็นเพียงบ่าวรับใช้จะรีบร้อนไปไวตลอดเส้นทางที่หานซางจื่อเดินตามซูผิงไปยังตำหนักหนิงอู่ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับตำหนักส่วนตัวของจ้าวเหลียงอี้อย่างสงบ แต่สองตาของนางก็แอบลอบสังเกตทุกคนภายในตำหนักไปด้วย หานซางจื่อเห็นทั้งเหล่านางกำนัลและขันที ที่เพียงแค่เห็นนางจากที่ไกลๆ หากหลบหลีกได้ก็รีบหลบในส่วนที่หลบไม่ทันก็ต่างก้มหน้าก้มตาเสแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นกันอ
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-11-06
Baca selengkapnya
บทที่ 5
บทที่ 5แต่เจ้าขันทีเฒ่ามากราคะผู้นั้นเขาไปดื่มดีหมีเลือดพยัคฆ์มาหรือไรจึงบังอาจมองพระชายาของซู่จิ้งอ๋องราวกับจะจับนางกลืนกินลงท้องเช่นนั้น เห็นทีตาเฒ่าเหลิ่งคงไม่อยากหายใจแล้วเป็นแน่“เอ่อ…อะแฮ่ม!เป็นเฝิงกุ้ยเฟยที่มีรับสั่งเอาไว้ว่า ห้ามไม่ให้พระชายาหานก้าวเข้าไปภายในตำหนักแม้เพียงครึ่งก้าวพ่ะย่ะค่ะ”“!!?” ซูผิงนั้นบังเกิดความสงสัย แต่ไม่กล้าเปิดปากสอบถามออกไป“!!?”ถิงเฟยเองก็เช่นกัน สาวใช้ตัวน้อยล้วนไม่แจ้งแก่ใจว่า เฝิงกุ้ยเฟยนั้นต้องการอย่างไรกันแน่ ให้คนสนิทผู้หนึ่งไปเร่งให้คุณหนูสามของตนเองมาเข้าเฝ้าโดยเร่งด่วน แต่พอมาแล้วกลับให้คนสนิทอีกคนมาขวางเอาไว้ ทำเช่นนี้เด็กสาวไม่กระจ่างใจเลยสักเพียงนิดเดียวฝ่ายของหานซางจื่อกลับไม่แสดงกิริยาอาการใดออกไปสักนิด นอกจากยังคงยิ้มอ่อนเต็มใบหน้าเท่านั้น แต่ภายในใจของนางกลับรู้แจ้งไปแล้วทั้งหมดถึงจุดประสงค์ของผู้ได้ชื่อว่าเป็น ‘ท่านแม่สามี’“พระชายาหานจะไม่ถามหรือพ่ะย่ะค่ะว่า เหตุใดเฝิงกุ้ยเฟยจึงมีคำสั่งเช่นนี้”อดไม่ได้เหลิ่งกงกงจึงต้องถามออกไปเสียเอง หากแต่เด็กสาวตรงหน้าของขันทีเฒ่ากลับไร้กิริยากังขาแม้แต่น้อยดูไม่ออกสักนิดว่าหานซางจื่อนั้นคิ
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-11-06
Baca selengkapnya
บทที่ 6
บทที่ 6แล้วก็เป็นเช่นที่หานซางจื่อคาดการณ์เอาไว้ทั้งหมด เพราะยังไม่ทันขยับไปทางใด เสียงขันทีหวัง 'หวังเฉาชุ่น' ผู้ดูแลทั้งตำหนักซู่จิ้งอ๋องแห่งนี้ก็รีบร้อนวิ่งเข้ามากระซิบกระซาบกับจ้าวเหลียงอี้ว่า..."คนของซ่งฮองเฮาส่งข่าวออกไปแล้ว คนของเรามิอาจสกัดเอาไว้ได้ทันพ่ะย่ะค่ะ!"มือแกร่งของจ้าวเหลียงอี้พลันกำแน่น ฝ่ายหานซางจื่อนั้นยังคงปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา ทำเป็นไม่รู้ความอันใดทั้งสิ้นใบหน้างามดูบอบช้ำราวกับดอกสาลี่ถูกน้ำฝนจนเปียกปอน ยิ่งมองยิ่งไร้เดียงสาและน่าสงสาร แต่ซู่จิ้งอ๋องกลับกัดฟันจนบังเกิดเสียง เพื่อข่มอารมณ์พ่ายแพ้ของตนเองที่กำลังปะทุเดือดราวกับลาวาของภูเขาไฟอยู่ภายในอกเต็มกำลัง“พวกเจ้าสองคนพาพระชายาหานไปพักผ่อนเถิด”ผ่านไปครู่หนึ่งจึงควบคุมอารมณ์ของตนเองลงได้ เลยรีบออกปากคลี่คลายสถานการณ์ตรงหน้าลงไปก่อน แต่ดูเหมือนเฝิงกุ้ยเฟยจะไม่ทราบถึงความหวังดีของบุตรชายจึงบังเกิดอาการดวงตาแวววาวเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธแค้นคิดไปว่าจ้าวเหลียงอี้นั้นเข้าข้างหานซางจื่อ เร่งตรงเข้ามากระชากแขนเรียวของเด็กสาวออกไปเสียจากอ้อมกอดของบุตรชาย จากนั้นก็ออกแรงผลักเต็มแรง เรือนร่างบอบบางจึงปลิวไปตามแรงผลักล้
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-11-06
Baca selengkapnya
บทที่ 7
บทที่ 7ทางด้านตำหนักซู่จิ้งอ๋องนั้นหลังจากหมอหลวงจากไปก็พอดีกับที่คนจากวังหลวงเร่งร้อนมารับตัวเฝิงกุ้ยเฟยกลับวังตามบัญชาของฮ่องเต้ จ้าวเหลียงอี้จึงต้องไปส่งมารดาของเขา ส่วนหานซางจื่อนั้นเพราะข้อมือบาดเจ็บจึงได้รับการยกเว้น ไม่ต้องออกไปส่งมารดาของสวามีตามกฎเกณฑ์ของราชวงศ์ นั่นจึงทำให้สาวน้อยค่อยหายใจหายคอโล่งไม่น้อยเนื่องจากสามชั่วยามที่ผ่านมาจ้าวเหลียงอี้จับตามองไม่ห่าง จะทำสิ่งใดก็ยากไปหมดนี่ก็เลยจากที่นางมีนัดสำคัญคาดว่าคนผู้นั้นคงร้อนใจไม่น้อยแล้ว หานซางจื่อเรียกหาเพียงถิงเฟยโดยอ้างกับซูผิงและหงเจี๋ยว่า ตนเองรู้สึกเหมือนจะมีไข้จึงอยากพักผ่อน ยามนี้เลยไปจนถึงกลางคืนอาจจะนอนหลับยาวห้ามรบกวน“หากมีเหตุฉุกเฉินก็แก้ไขไปตามสถานการณ์เช่นที่ข้าเคยสั่งสอนก็พอ”กำชับถิงเฟยที่ปลอมตัวเป็นนางเช่นทุกครั้งแล้วหานซางจื่อที่แต่งกายจนรัดกุมก็ซ่อนเร้นหลบหลีกเหล่าองครักษ์มากมายภายในตำหนักซู่จิ้งอ๋องออกไปตามนัดทันที กิริยาบอบบางราวกับดอกสาลี่เปียกฝนหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ข้อมือที่เคลื่อนถูกขยับไม่กี่ครั้งก็กลับมาใช้การได้ปกติแล้ว แต่ยุ่งยากอยู่บ้างกว่าจะออกจากตำหนักได้ก็ใกล้ค่ำพอดีนับว่าเลยเวลานัดหมา
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-11-06
Baca selengkapnya
บทที่ 8
บทที่ 8แต่ภาพบนเตียงกลับทำเอาจ้าวเหลียงอี้รู้สึกละอายใจขึ้นมาไม่น้อย ใบหน้างดงามของหานซางจื่อดูชอกช้ำเช่นดอกสาลี่ถูกลมฝนสาดซัดมาอย่างหนักจนบอบช้ำชวนใจหายอย่างยิ่ง เท้าแกร่งของจ้าวเหลียงอี้พลันหยุดนิ่งคล้ายดังว่าตัดสินใจไม่ถูกเลือกไม่ได้ว่าตนจะเข้าไปหรือถอยหลังกลับดี“ซู่จิ้งอ๋อง…”ร่างบอบบางค่อยๆ ขยับเท้าก้าวลงจากเตียงลงมาโค้งกายทำความเคารพผู้เป็นพระสวามีด้วยกิริยามารยาทงดงาม จนจ้าวเหลียงอี้ถึงกับวางสีหน้าไม่ถูกไปอีกครู่ใหญ่“ซางจื่อขอบพระทัยซู่จิ้งอ๋องยิ่งนักที่ดึกดื่นถึงเพียงนี้ยังมากน้ำใจมาเยี่ยมดูอาการด้วยตนเองเช่นนี้ ขอบพระทัยเพคะ”หญิงสาวกล่าววาจาที่กินความหมายลึกซึ้งที่หากฟังให้กระจ่างย่อมรู้แจ้งว่านางกำลังแดกดันบุรุษนามจ้าวเหลียงอี้ทุกคำแล้วจึงย่อกายคารวะอีกครั้ง ทุกท่วงท่านั้นอ่อนช้อย แต่ก็ดูพอดี ไม่ดูเสแสร้งจนเกินงาม ดังนั้นต่อให้เขาไม่ชื่นชอบสตรีตัวน้อยตรงหน้ามากเพียงใด จ้าวเหลียงอี้กลับอาละวาดฟาดอารมณ์ใส่นางไม่ลง ยิ่งสภาพของผู้เป็นพระชายาของตนยังดูย่ำแย่ ใบหน้าซีดเผือด แก้มมีรอยช้ำ มุมปากยังเห็นรอยแตก ข้อมือที่มีผ้าพันเอาไว้นั้นบวมจนผิดรูป ทั้งสิ้นเป็นมารดาของเขาที่ลงมือ
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-11-06
Baca selengkapnya
บทที่ 9
บทที่ 9ไม่นานก็มาถึงยังด้านหน้าตำหนักหมิงเต๋อ เรือนกายสูงใหญ่ของจ้าวเหลียงอี้จึงจำใจหยุดรอให้สตรีน่ารำคาญที่ช่วงขาสั้นนักเดินจากประตูชั้นในมาถึงหน้าตำหนักชักช้าอืดอาด พาลให้เขาอารมณ์กรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้หานซางจื่อที่เร่งฝีเท้าตามมาอย่างระมัดระวังต้องหยุดลงเช่นกัน หญิงสาวมองบุรุษหน้าตาบึ้งตึงด้วยความไม่เข้าใจว่า ตนเองทำสิ่งใดผิดอีก จ้าวเหลียงอี้จึงทำราวกับจะจับนางสับเป็นหมื่นชิ้นเช่นนี้ หากแต่นางก็ไม่ได้ถามออกไปเป็นคำพูด นางถามเขาด้วยสายตากังขาแทน“ชักช้า!”ถูกตำหนิแทนที่จะโกรธเคือง หานซางจื่อกลับยิ้มหวานส่งไปให้อีกฝ่ายเสียอย่างนั้น ในสายตาผู้อื่นอาจมองว่าพระชายาหานนั้นไร้เดียงสายิ่งนัก แต่จ้าวเหลียงอี้กลับรับรู้ได้ถึงการยั่วยวนโทสะให้เขาโมโหจากรอยยิ้มไร้พิษภัยของสาวน้อยโฉมสคราญอย่างชัดเจน แต่ก็เช่นเดิม ยิ่งหานซางจื่อเห็นชายหนุ่มโกรธจนเสียกิริยากลับยิ่งยิ้มกว้าง“ก้าวเดินให้มันเร็วหน่อย! รู้ว่าช่วงขาสั้นคราวหลังก็หัดฝึกเดินให้เร็ว ไม่ใช่มัวกรีดกรายลีลาอยู่ เพราะต่อให้เจ้ากรีดกรายเยื้องย่างอ่อนช้อยเพียงใด ก็ไม่สามารถเปลี่ยนจากห่านป่าเป็นนางพญาหงส์ไปได้”กล่าววาจาแดกดันหวังจะกระชากก
last updateTerakhir Diperbarui : 2025-11-06
Baca selengkapnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status