ฮองเฮาเฝิงคราวนี้มิได้กำลังฝึกคัดอักษรพู่กัน นางกำลังมองดูปลาทองในอ่างหินที่ตนเองเลี้ยงไว้อยู่กลางลานภายในตำหนัก ภายในอ่างหินใบใหญ่ยามนี้มีน้ำใสแจ๋วจนเห็นถึงก้นอ่าง ด้านล่างมีใบบัวขนาดเท่าเหรียญทองแดงที่ผลิออกจากเมล็ดบัวที่ผ่าไว้ ส่วนปลาทองหลากสายพันธุ์ต่างก็กำลังแหวกว่ายไปมาอย่างสบายใจในน้ำฮองเฮาเฝิงโปรยอาหารปลาลงไป เห็นปลาตัวหนึ่งว่ายพุ่งขึ้นมาแย่งอาหารปลาไปจนหมด ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ จากนั้นค่อยยื่นอาหารปลาในมือส่งให้นางกำนัลที่คอยรับใช้อยู่ข้างกาย ก่อนจะเหลียวศีรษะกลับไปมองเซียวอวิ๋นถิง “เจ้ามาแล้วหรือ?” เซียวอวิ๋นถิงผงกศีรษะ “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เดาว่าเจ้าคงทราบกระจ่างทั้งหมดแล้วกระมัง?” ฮองเฮาเฝิงกล่าวอย่างตรงประเด็น ไม่คิดปิดบังซ่อนเร้น “หลี่ฉางชิงคนผู้นั้น เจ้าทราบดีว่าเขามีอิทธิพลต่อเสด็จปู่ของเจ้าแค่ไหน วาจาที่เขากล่าวออกมา เสด็จปู่ของเจ้าล้วนเชื่อถือ ดังนั้น…” “ในเมื่อเสด็จย่าตรัสเองว่า วาจาของเขาเสด็จปู่ทรงไว้เนื้อเชื่อพระทัย เช่นนั้นก็หมายความว่า เสด็จย่าคงไม่เชื่อ ใช่หรือไม่ขอรับ?” เซียวอวิ๋นถิงเองก็ไม่ปิดซ่อนทัศนคติของตนเองเช่นกัน “เสด็จย่า สกุลเฝิงไปสมคบก
ชีหยวนกลับไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดยากลำบาก ถึงอย่างไรชาติก่อนหลี่ฉางชิงเองก็ตายด้วยฝีมือของนาง เขาในตอนนั้นคิดจะช่วยเป่าหรง จึงไปบอกกับอ๋องฉีว่านางเป็นนางจิ้งจอกปีศาจกลับชาติมาเกิด เป็นสมุนรับใช้ของนางสนมต๋าจี่ซึ่งเป็นจิ้งจอกเก้าหาง เตือนให้อ๋องฉีอย่าได้หลงกลมนต์เสน่ห์ของนางปีศาจอย่างนาง และหลังจากนั้น เขาก็ตาย ชีหยวนกระตุกมุมปากอย่างดูแคลน “ข้ามิได้รีบร้อนด่วนใจ แต่ข้าจะขอเก็บดอกก่อน” ชีเจิ้นรู้สึกกระวนกระวายจิตใจไม่สงบอยู่บ้าง สาวเท้าเดินตามชีหยวนไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เห็นชีหยวนเดินเร็วมาก ก็ได้แต่ตะโกนออกไปว่า “เช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้ดี! อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาด!” ชีหยวนโบกมือโดยไม่แม้แต่หันศีรษะกลับมามอง ฮูหยินผู้เฒ่าชีตอนนี้เองถึงจะหันมองโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นด้วยใบหน้าซีดเผือด “เรื่องนี้ ต้องทูลแจ้งพระนัดดารัชทายาทสักคำหรือไม่?” ชีเจิ้นกดเสียงเอ่ยว่า “ลูกจะให้คนไปส่งข่าว…” ทว่าเขาเองก็ไม่คาดหวังมากเกินไปนัก ในเมื่อหลี่ฉางชิงพูดออกไปแล้วว่าเฝิงไฉ่เวยมีชะตาสูงล้ำมิอาจบรรยาย อีกทั้งยังบอกว่าชีหยวนเป็นดาวหายนะที่ร่วงลงมาจากฟ้า เกรงว่าชีวิตของเซียวอวิ๋นถิงจะมิได้ราบรื่
ชีหยวนกระตุกมุมปาก “ไม่เป็นไร” ...... ชีเจิ้นคิดว่าบุตรีของตนเองอาจจะโมโหจนสติเลอะเลือนไปนิดหน่อยแล้ว ใครเล่าจะไปคาดคิด พระราชนัดดาองค์โตเป็นฝ่ายเข้ามาอ้อนวอนขอให้ชีหยวนไปเป็นชายาพระนัดดาเองแท้ ๆ ทุกคนล้วนแต่คิดว่าเรื่องลงตัวไปเก้าในสิบส่วนแล้ว ใครเล่าจะคิดว่าอยู่ดี ๆ หลี่ฉางชิงก็โผล่มากลางอากาศ มิหนำซ้ำยังพูดพล่อย ๆ ว่าชีหยวนเป็นดาวหายนะ เท่านั้นไม่พอยังหันไปยกยอปอปั้นเฝิงไฉ่เวยอีก? แม้ภายในใจชีเจิ้นจะเดือดดาลจนแทบคลั่งตาย แต่ในเวลานี้เขายังพอมีสติอยู่บ้าง “แม่หนูหยวน เจ้าระงับโทสะก่อนเถิด พวกเราค่อย ๆ หารือแผนรับมือกันก็ย่อมได้” “ค่อยๆ หารือ?” ชีหยวนแค่นหัวเราะออกมาคำหนึ่ง แววตาพลันสะท้อนประกายสังหารวาบออกมา “ค่อยๆ หารือมิใช่วิสัยของข้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ข้าคงมิได้คร่าชีวิตคนมานานเกินไปแล้วกระมัง พวกมันถึงได้เข้าใจผิดว่าข้าเป็นเสือเฒ่าถูกถอนเขี้ยวไปแล้ว” ในเมื่ออยากจะลองลูบหลังเสืออย่างนาง เช่นนั้นก็ดี นางจะเล่นด้วยให้ถึงที่สุดไปเลย! ? ชีเจิ้นเกาหัวแกรกๆ ไม่ได้ฆ่าคนมานานเกินไป? ไม่เห็นจะนานเท่าใดเลย? ก็ไม่นานมานี้ ออกไปข้างนอกหนก่อนนางเพิ่งจะย่างสดเฝิงจวิ้นกับเว่ยช
เจ้านักพรตบ้านั่น! กลัวสิ่งใดยิ่งต้องเจอสิ่งนั้น โลกภายนอกรับรู้ว่าชีอวิ๋นถิง ‘ตายไปแล้ว’ ส่วนนางหวังเองก็ป่วยหนักจนถึงขั้นต้องส่งตัวไปอยู่ที่อื่น ไม่เว้นแม้กระทั่งชีจิ่น ที่ถูกประกาศออกไปว่าถึงแก่ชีวิตด้วยอาการป่วยสาหัส! ปัจจัยสำคัญที่สุด ชีหยวนที่ไม่ว่าจะไปที่ใด ที่แห่งนั้นล้วนมีต้องมีคนถึงแก่ชีวิตทั้งสิ้น! ยิ่งเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ยิ่งเข้าใจ หลี่ฉางชิงวางแผนไว้นานแล้ว! ชีเจิ้นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “แม่หนูหยวน ฆ่ามันเลยได้หรือไม่?!” ไหนว่าเป็นดาวหายนะ? เช่นนั้นก็คร่าชีวิตเจ้าก่อนเลยเป็นอย่างไร! บัดซบ! แบบนี้รังแกกันเกินไปแล้ว ท่านโหวผู้เฒ่าชีพยักหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เรื่องนี้เกรงจะยากนัก หลี่ฉางชิงผู้นี้ วรยุทธ์แกร่งกล้า ในอดีตมีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะเขาเคยต่อสู้กับโจรกว่ายี่สิบคนด้วยตัวคนเดียว และยังรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน! ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาที่เพิ่งทำนายชะตาชีวิตให้แม่หนูหยวนกลับตายไปกะทันหัน จะไม่ยิ่งตอกย้ำว่าแม่หนูหยวนเป็นดาวพิฆาตไปจริง ๆ หรือ?!” เขาอดไม่ไหวเหลือบสายตามองไปยังชีหยวนปราดหนึ่ง ในใจตอนนี้อดรู้สึกกังวลไม่ได้ ดูเหมือน
แม้องค์หญิงใหญ่จะพูดเช่นนั้น แต่แท้จริงแล้วในใจของนางขุ่นมัวไม่น้อยนางตระหนักดีว่า ฮ่องเต้หย่งชางผู้นี้ หลายปีมานี้ทรงเลื่อมใสในลัทธิเต๋ายิ่งนัก ทั้งยังทรงปฏิบัติตามด้วยพระองค์เอง ทรงมักสวมชุดนักพรต และสวมเพียงมงกุฎของเต๋าเท่านั้นการที่หลี่ฉางชิงกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาในยามนี้ ย่อมไม่ต่างอะไรกับการทำลายอนาคตทั้งหมดของชีหยวนอย่างสิ้นเชิงชั่วขณะหนึ่งนางก็เหม่อลอยไป ไม่ทันสังเกตอารมณ์ของชีหยวนมากนักกระทั่งมาถึงจวนหย่งผิงโหว รถม้าก็หยุดลงแล้ว องค์หญิงใหญ่จึงสร่างจากความคิด จับมือชีหยวนพลางเขย่าเบา ๆ “แม่หนูหยวน เจ้าอย่าได้เป็นกังวลไปเลยนะ”ชีหยวนมิได้รู้สึกกังวลแต่แรกอยู่แล้วนางกลับมาถึงเรือน ก็ประจวบเหมาะพอดีที่พบกับชีเจิ้นที่เพิ่งกลับมาทันทีที่เห็นนาง ชีเจิ้นก็ยิ้มกว้างอย่างอดไม่ได้ “แม่หนูหยวน มาเร็ว ดูสิว่าข้านำของขวัญอันใดมาให้เจ้า!”พักนี้เขาหมกมุ่นอยู่กับการหาของมาฝากชีหยวนอย่างมากชีหยวนกลับกล่าวเสียงหนักแน่นว่า “ข้ามีเรื่องอยากพูดกับท่านปู่และท่าน เราไปที่เรือนของท่านปู่กันก่อนเถอะเจ้าค่ะ”ชีเจิ้นเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของนาง ก็รีบยื่นของในมือให้หลิวจงที่อยู่ข้าง ๆ
ช่างเป็นคำสาปที่ชั่วร้ายยิ่งนัก!สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชางแปรเปลี่ยนไม่หยุดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะทรงกดเสียงต่ำถามหลี่ฉางชิงว่า “ท่านนักพรตมองพลาดไปกระมัง?”หลี่ฉางชิงส่ายหน้าพลางถอนใจยาว “ฝ่าบาท องค์ทรงทราบดีถึงตัวกระหม่อม กระหม่อมมิเคยกล่าววาจาเหลวไหล”ชีหยวนแค่นหัวเราะอย่างเย้ยหยันองค์หญิงใหญ่กุมมือนางไว้แน่น ส่ายศีรษะให้นางด้วยความกังวล เป็นการเชิงเตือนว่า หลี่ฉางชิงไม่ใช่คนธรรมดา ให้นางอย่าเพิ่งเอ่ยอะไรออกมาในตอนนี้ทว่าหลี่ฉางชิงกลับหันมามองชีหยวน สีหน้าเต็มไปด้วยความเวทนา “คิดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชีคงไม่ยินดียอมรับกระมัง?”ชีหยวนมองเขานิ่ง ๆ “ท่านนักพรตพูดถูก ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องดาวมรณะที่ฟ้าส่งลงมาอันใด”หลี่ฉางชิงส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “คุณหนูใหญ่ตระกูลชีควรเชื่อถึงจะถูก เหตุใดเจ้าถึงได้เป็นดาวมรณะพยัคฆ์ขาวมาจุติ เจ้าก็คงรู้อยู่แก่ใจ ข้ามองไม่เห็นชะตาชีวิตจากบนศีรษะของเจ้า นั่นย่อมหมายความว่าเจ้าไม่ควรจะมีอยู่ในโลกนี้เลย”พระชายาหลิ่วรู้สึกเย็นเฉียบทั้งมือเท้า รีบตวาดลั่น “หยุดปากของเจ้าเดี๋ยวนี้!”นางตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้านักพรตชั่วที่ชอบพูดขู่ลวงให้กลัว!”หลี่ฉางช