รักครั้งนี้เขาเสนอข้อแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้เธอมา และรักครั้งนี้เขาก็เจ็บปวดไปมากเหมือนกันเมื่อต้องเสียเธอไป
View Moreตอนที่1
@มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร วันนี้เป็นวันเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่วันแรกของทางมหาวิทยาลัย ผู้คนมากมายต่างหลั่งไหลกันมาสมัครเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อศึกต่อในระดับปริญญาตรี และหนึ่งในนั้นก็มีเด็กสาวที่เดินทางมาจากภาคอีสานของไทย เพื่อมาสมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัยแห่งนี้กับเพื่อนสนิทของเธอ “ลูกหว้าตึกที่เราต้องไปยื่นเอกสารสมัครเรียนมันอยู่ตรงไหนกันแน่นะ ฉันมองตึกสูงๆแต่ละตึกจนเวียนหัวตาลายไปหมดแล้วเนี่ย” กฐินเพื่อนสาวคนสนิทของลูกหว้าได้เอ่ยขึ้น นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่สาวอีสานทั้งสองคนได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพ บรรยากาศในเมืองหลวงช่างแตกต่างจากบ้านนอกที่พวกเธอเคยอยู่ซะเหลือเกิน หันมองไปทางไหนก็มีแต่ตึกสูงๆใหญ่โต อีกทั้งรถรามากมายที่ขับกันให้วุ่นส่งผลให้การจราจรนั้นติดขัดกันยาวเหยียด อาคารเรียนในมหาลัยที่พวกเธอมาสมัครก็มีหลายอาคาร พื้นที่ในมหาลัยก็กว้างขวาง “เราลองถามคนดูไหมกฐิน ถามพวกพี่ๆเค้าดูว่าตึกไหนกันแน่ที่เราต้องไปยื่นเอกสาร” ลูกหว้าพูดขึ้นเพื่อแสดงความคิดเห็น “อืม ก็ดีเหมือนกันนะ งั้นเราเข้าไปถามพี่ผู้ชายคนนั้นดีไหม คนที่กำลังยืนกดโทรศัพท์อยู่ข้างรถคันสีขาวๆนั่นน่ะ” กฐินเอ่ยขึ้นพลางชี้นิ้วเรียวสวยไปที่ผู้ชายคนหนึ่ง ลูกหว้าทำสีหน้าท่าทางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าตอบรับเพื่อนสาวคนสนิทเบาๆ “อืมงั้นเราเข้าไปถามพี่เขากันเถอะ” กฐินเอื้อมมือไปจับข้อมือเล็กของลูกหว้า ก่อนจะรีบเดินสาวเท้ายาวๆเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นทันที “ขอโทษนะคะ เอ่อ…ไม่ทราบว่าอาคารที่เขารับสมัครนักศึกษาใหม่อยู่ตรงไหนเหรอคะ พอดีพวกเราจะไปยื่นเอกสารสมัครเรียนค่ะแต่หาตึกไม่เจอเลย” กฐินเอ่ยถามผู้ชายคนนั้นขึ้นเมื่อเดินมาถึง ก่อนผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นจะเอี้ยวตัวหันกลับมามองตามเสียงที่เอ่ยถาม ทันใดนั้นสายตาคมกริบก็ได้ประสานกันกับสาวน้อยหน้าตาสะสวยที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อนคนที่เอ่ยถามเขาเมื่อครู่ ดวงตากลมโตสีนิลของเธอมันช่างดูสดใส ใบหน้าหวานรูปไข่จมูกโด่งรั้นปลายเชิดนิดๆ บ่งบอกว่าแม่สาวน้อยคนนี้คงแสบใช่เล่น เครื่องหน้าของเธอคนนี้ช่างสวยน่ารักหมดจด ดูเป็นธรรมชาติไม่ผ่านมีดหมอ เธอสวย…แม้เธอจะไม่ได้แต่งหน้าอะไรเลยก็ตาม ซึ่งเขาไม่ค่อยได้เจอผู้หญิงที่สวยธรรมชาติแบบนี้สักเท่าไหร่นัก ปกติจะเจอก็แต่ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดจ้านและโปะเครื่องสำอางจนหนาเตอะ ไม่ก็ศัลยกรรมจนหน้าแทบจะไม่มีเคล้าโคลงเดิม “พี่คะ” “……” “พี่คะ พี่…อ่ะแฮ่มมม!! จะมองเพื่อนหนูอีกนานไหมคะพี่” เสียงแหลมจนแสบแก้วหูของกฐินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้ายังคงยืนจ้องมองเพื่อนสนิทตัวเองตาไม่กะพริบอย่างคนใจลอย “มะ เมื่อกี้คุณถามผมว่าอะไรนะครับ?” “หนูถามคุณว่า…อาคารที่เขารับสมัครนักศึกษาใหม่มันอยู่ตรงไหนเหรอคะ พวกหนูจะไปยื่นเอกสารสมัครเรียนค่ะ พอดีหาตึกไม่เจอไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน” กฐินพูดขึ้นอีกครั้งและรอฟังคำตอบจากชายหนุ่มอย่างใจเย็น “เอ่อ…คือผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเพราะมันซับซ้อนและต้องเดินผ่านอีกหลายตึก เพราะจุดที่พวกเรายืนคุยกันอยู่ตรงนี้มันเป็นทางด้านหลังของมหาลัย พวกคุณไม่ได้เข้ามาทางด้านหน้าก็เลยหาตึกที่ต้องไปยื่นเอกสารยากหน่อย งั้นเอาอย่างนี้ไหมครับ เดี๋ยวผมพาไปก็แล้วกันเพราะถ้าให้อธิบายว่าอาคารไหนอยู่ตรงไหน ผมเองก็คงอธิบายไม่ถูก” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเป็นมิตรและเสนอตัวจะพาเดินไปเอง “ว่าไงแก เราให้พี่เขาพาไปดีไหม” กฐินถามเพื่อนสนิทเพื่อขอความเห็นอีกครั้ง “เอางั้นก็ได้แก ถ้าพี่เขาสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาของพี่เขา” ลูกหว้าเอ่ยตอบก่อนจะปรายตามองไปทางชายหนุ่มหล่อผู้ใจดีตรงหน้า “ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เป็นการรบกวนอะไรเลย ถ้าอย่างนั้นผมว่าพวกเรารีบไปกันเถอะจะได้ไม่เสียเวลา” “เอ่อ..ค่ะ ค่ะ” ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปที่อาคารรับสมัครนักศึกษาทันที และระหว่างทางที่เดินไปเขาก็ได้เอ่ยชวนสาวน้อยทั้งสองคนพูดคุยไปด้วยอย่างเป็นมิตร “ไม่ทราบว่าพวกคุณมาจากที่ไหนเหรอครับ” “พวกหนูมาจากต่างจังหวัดค่ะ พวกหนูเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด พอจบม.6ก็เลยมาสมัครเรียนต่อที่นี่ เพราะที่นี่เป็นมหาลัยเปิด พวกหนูเลยกะว่าจะทำงานไปด้วยและก็เรียนไปด้วยค่ะ” กฐินเอ่ยตอบทันทีที่เขาเอ่ยถาม “อ่อ…ว่าแต่พวกคุณชื่ออะไรกันบ้างครับ แล้วพากันพักที่ไหน” เขาถามขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะชายตาไปมองสาวน้อยตาสีนิลที่เดินอยู่ข้างๆเพื่อนอย่างเงียบๆ “หนูชื่อกฐินค่ะส่วนเพื่อนหนูชื่อลูกหว้า พวกเราพักอยู่หอพักอารีข้างห้างสรรพสินค้าXXด้านโน้นค่ะ ว่าแต่…พี่ล่ะคะชื่ออะไร” กฐินเอ่ยตอบแทนเพื่อนเพราะเธอรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มผู้ใจดีที่ยอมเสียสละเวลาพาพวกเธอสองคนไปอาคารสมัครเรียนดูสนอกสนใจในตัวเพื่อนสาวคนสนิทมากเป็นพิเศษ “ผมชื่อเจได หรือจะเรียกว่าเจเฉยๆก็ได้ครับ” เขาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “พี่เป็นนักศึกษาที่นี่เหมือนกันเหรอคะ” ลูกหว้าเอ่ยถามขึ้น “เปล่าครับ พอดีผมมาหาเพื่อนซึ่งเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาอยู่ที่นี่ ผมเองก็เพิ่งได้กลับมาเมืองไทยในรอบ5ปีเลยนัดเจอเพื่อนที่นี่ครับ หลังจากเพื่อนสอนเสร็จก็คงจะไปสังสรรค์กันต่อตามประสาคนโสดน่ะครับ” เจไดตอบคำถามสาวน้อยหน้าหวานตรงหน้าและเน้นคำว่าโสดจนลูกหว้าเองรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวลามไปจนถึงใบหู และนั่นกลับทำให้คนที่สนใจเธอมากเป็นพิเศษอย่างเจไดสังเกตได้ และเขาก็ชอบใจมากนักที่เธอนั้นเขินอายให้กับคำพูดของเขา “ผ่านตึกนี้ไปก็จะถึงอาคารรับสมัครเรียนแล้วครับ” เจไดพูดขึ้น “งั้นพี่ส่งพวกหนูถึงตรงนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพวกหนูเดินต่อกันเอง” กฐินเอ่ยขึ้น “เอางั้นก็ได้ครับ เอ่อ…ว่าแต่จะเป็นไรไหมครับถ้าผมจะขอไลน์น้องลูกหว้า..??” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ดวงตาคมจ้องหน้าเธอนิ่งเพื่อรอคำตอบ “พี่จะขอไลน์เพื่อนหนูไปทำไมล่ะคะ ถ้าจะจีบบอกไว้ก่อนเลยนะว่าไม่ได้เด็ดขาดเพราะเพื่อนหนูมีแฟนแล้ว” กฐินเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างไม่จริงจังนัก “เผื่อว่าในอนาคตผมและเพื่อนมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดแถวๆบ้านเกิดพวกคุณ จะได้ขอคำปรึกษาและสอบถามสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดไงครับ” “ถามจริง??” “ครับ พูดจริ้ง!!” เขาเอ่ยตอบเสียงสูง “แหม..!! เสียงสูงเชียวนะคะ จู่ๆพี่นึกจะขอไลน์เพื่อนหนูก็ขอ แถมเพิ่งเจอกันเมื่อกี้อีกมันไม่ดูเร็วไปหน่อยเหรอคะ” “เอาน่ากฐิน ให้พี่เขาไปเถอะไม่เป็นไรหรอก เผื่อพี่เขาไปเที่ยวจังหวัดบ้านเกิดเราจะได้แนะนำพี่เขาได้ ถือเป็นการตอบแทนที่พี่เขาอุตส่าห์พาเราเดินมาตั้งไกล” ลูกหว้าพูดขึ้นและส่งรอยยิ้มหวานให้เขาอย่างจริงใจ ซึ่งหารู้ไม่ว่าชายหนุ่มแบดบอยคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ พอแลกไลน์กันเสร็จแล้วลูกหว้าและกฐินก็ขอตัวไปยื่นเอกสารสมัครเรียน ส่วนเจไดเองก็เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลับมาที่รถเพื่อรอเพื่อนสนิทของเขาที่เดิม “เธอติดกับดักฉันแล้วล่ะ แม่สาวน้อยคนร้อยเอ็ด” เขาสบถขึ้นมาเบาๆ พลันหวนนึกไปถึงใบหน้าหวานๆกับดวงตาสีนิลนั้นอย่างเคลิบเคลิ้มใจลอย “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะมึง คราวนี้สาวน้อยร้อยเอ็ดที่ไหนอีกล่ะ มีอะไรน่าตื่นเต้นจะพูดให้กูฟังป่ะไอ้เสือ” อาชาเพื่อนสนิทเจไดพูดขึ้นทันทีที่เดินมาถึง ในขณะที่เห็นไอ้เพื่อนหน้าหล่อของเขากำลังยืนกดโทรศัพท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวอย่างกับคนบ้าติดยาดมกาวอย่างไรอย่างนั้น “เปล่า ก็แค่เจอของถูกใจ” “แหม…นี่กูเพื่อนมึงนะ ต่อให้มึงไม่ตอบตอนนี้หน้ามึงก็บ่งบอกกูทุกตารางนิ้วอยู่แล้วว่าเจอเหยื่อสาวรายใหม่” อาชาพูดดักคอขึ้นอย่างไม่จริงจังนักเพราะเขาเองก็พอจะรู้จักนิสัยใจคอเพื่อนของตัวเองดีพอสมควร “รู้แล้วก็ยังจะถาม” “ว่าแต่…รายนี้แจ่มไหมวะ หน้าตาเป็นไง ขาว สวย หมวย แล้วก็อึ๋มมมมสะบึ้มๆๆไหม?” “น่ารักว่ะ ใสๆ เป็นธรรมชาติ ดูไม่พยายามดี” “ไหนมึงบอกชอบแบบเซ็กซี่ๆร้อนแรงๆไม่ใช่หรอวะ แบบใสๆไหนว่าไม่ชอบไง” “คนเรามันก็ต้องเปลี่ยนแนวชอบกันบ้างสิวะ กินแต่ของแบบเดิมๆมันก็เบื่อ ถ้าได้ลองเคี้ยวหญ้าอ่อนบ้างก็อาจจะถึงอกถึงใจกว่าก็ได้” “ไอ้นี่…อย่าบอกนะมึงว่าอยากจะกินเด็กน่ะ” อาชาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคมจ้องหน้าเพื่อนอย่างจับผิด “……” “เฮ้ยๆ มึงไปเปลี่ยนความคิดมึงใหม่ด่วนๆเลยนะ กูไม่อยากเจอคดีพรากผู้เยาว์นะโว้ย!!” อาชาพูดขึ้นแบบหัวชนฝาบ้าง “เอาน่า ก็ไม่ได้เด็กขนาดนั้นหรอก นี่เพิ่งมาสมัครเรียนต่อมหาลัย อายุก็คง18-19ปีแล้วป่ะวะ นี่ไม่เด็กแล้วนะโว้ย!” เจไดพูดแย้งขึ้น “อย่าบอกนะว่า…มึงจะจีบเด็กที่มาสมัครเรียนเป็นนักศึกษาใหม่ของที่นี่วันนี้!!??” “เออ ถ้าใช่แล้วมันยังไงวะ!” “ก็ไม่ยังไงหรอกโว้ย กูแค่ไม่คิดว่าตอนอยู่นิวยอร์กมึงจะอดอยากปากแห้งหน้ามืดตามัวตาลายมาจีบเด็กนักศึกษาที่กำลังจะมาเป็นลูกศิษย์กูในอนาคตแบบนี้ เฮ้อออ” อาชาต่อว่าเพื่อนพร้อมปลงตกไปกับความคิดของเพื่อนที่ตกหลุมรักเด็กนักศึกษาที่มาสมัครเรียนวันนี้วันแรก “กูชักอยากจะเห็นหน้าแม่สาวน้อยร้อยเอ็ดคนนี้แล้วสิ” อาชาพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมองหน้าเพื่อน อีกทั้งยังนึกไปถึงเด็กสาวคนนั้นว่าจะรับมือกับเพื่อนคนนี้ของเขายังไง และได้แต่หวังว่าแม่สาวน้อยคนนี้จะหลุดพ้นเงื้อมมือไอ้เสือร้ายตัวนี้ให้ได้….ตอนที่50 สามเดือนต่อมา… งานแต่งงานได้ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตสมฐานะของตระกูล งานแต่งครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่สามารถรองรับแขกที่มาร่วมงานได้จำนวนมาก งานแต่งในครั้งนี้ต่างมีแขกมาร่วมงานทั้งแวดวงธุรกิจสีขาวและธุรกิจสีเทาที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม รวมทั้งเพื่อนสนิทที่จะพลาดงานสำคัญแบบนี้ไม่ได้ก็คืออาชา คีตภัทร กฐินและเพื่อนร่วมงานร้านคาเฟ่ นอกจากนั้นยังมีบิ๊กเอ็มผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อหน้าตี๋ที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ก็ตาม กว่างานในช่วงเย็นจะเสร็จก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวป้ายแดงเหนื่อยหอบกันเลยทีเดียว เนื่องจากคอยต้อนรับแขกเหรื่อในงานตั้งแต่เช้า และกว่าจะเสร็จพิธีแต่ละขั้นตอนจนถึงช่วงส่งตัวเข้าหอก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวแทบจะหมดเรี่ยวแรง หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จสรรพแล้ว เจไดจ้องมองภรรยาสาวที่กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกใบโตด้วยสายตาอ่อนโยน เขามีความสุขและมันยิ่งกว่าคำว่าความสุขด้วยซ้ำที่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าสำคัญสำหรับเขามากเพียงใด แต่เขารู้เพี
ตอนที่ 49 ~1 เดือนผ่านไป~ ตอนนี้ลูกหว้ามีอายุครรภ์เข้าเดือนที่แปดแล้ว ทุกคนในครอบครัวต่างนับวันรอที่จะได้เจอหน้าทายาทคนแรกของตระกูลกันอย่างตื่นเต้น “ในที่สุดวันนี้เราก็ได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นในขณะที่เจไดกับลูกหว้าถือทะเบียนสมรสเดินออกมาจากสำนักงานเขตใกล้ๆบ้านด้วยใบหน้าที่ดูยิ้มแย้มสดใสอย่างมีความสุข โดยมีแม่ของลูกหว้ามาเซ็นยินยอมให้เพราะเธอยังอายุไม่ครบ20ปีบริบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีอาชาและคีตภัทรเพื่อนสนิทมาเป็นพยานให้เช่นกัน “นาง นริศรา ศิริพงษ์ไพบูลย์ หนูเหมือนคนแก่จังเลยค่ะ” ลูกหว้าอ่านชื่อและนามสกุลของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนสมรสขึ้นมาอย่างไม่คุ้นชินกับคำนำหน้าชื่อสักเท่าไหร่ “สักวันก็ต้องแก่เหมือนแม่อยู่แล้วลูก” แม่ของลูกหว้าพูดขึ้นพลางเอามือลูบศีรษะลูกสาวเบาๆด้วยความรักและเอ็นดู “ไม่เห็นแก่ตรงไหนเลยครับ มีลูกมีผัวแล้วก็ต้องใช้คำนำหน้าว่านางแหละถูกต้องแล้ว จะให้ใช้นางสาวเหมือนเดิมได้ยังไงครับ ที่สำคัญจะแก่หรือไม่แก่พี่ก็รักเธอคนเดียวเหมือนเดิม และมีจะแต่รักเพิ่มมากขึ้นทุกวันทุกวัน” เสียงทุ้มเอ่ยคำหวานออกมาด้วยค
ตอนที่48 หลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้วทั้งสองจึงขึ้นไปนอนบนห้อง ลูกหว้ายอมให้พ่อของลูกย้ายขึ้นมานอนบนห้องของเธอได้ เพราะถึงยังไงเขาก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการกอด “เดี๋ยวคุณไปอาบน้ำก่อนเลยนะคะ หนูว่าจะพับเสื้อผ้าจัดเข้าตู้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปอาบค่ะ” “มาครับเดี๋ยวพี่ช่วยจะได้เสร็จเร็วๆ แล้วเราค่อยไปอาบน้ำด้วยกัน” เขาพูดพลางยกยิ้มมุมปากเบาๆ แน่นอนว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาคงไม่ใช่แค่จะอาบน้ำกับเธออย่างเดียวแน่ๆ อีกทั้งสรรพนามที่เขาเปลี่ยนมาพูดแทนตัวเองว่าพี่เหมือนเดิมนั่นอีก มันทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเธอและเขาไม่ได้ดูห่างเหินเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว “หนูรู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรไม่ดีกับหนู” เธอพูดขึ้นอย่างรู้ทันในความเจ้าเล่ห์ของเขา เพราะคนอย่างเขาหื่นแค่ไหนเธอเคยเจอมาหมดแล้ว “สำหรับเธอพี่คิดแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นแหละ” เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างยียวนประกอบกับสายตากรุ้มกริ่มแพรวพราวที่ส่งมาหาเธออย่างยั่วยวน ก่อนจะหันมาช่วยคนตัวเล็กพับเสื้อผ้าจนเสร็จ ซ่าส์…. เสียงสายน้ำจากฝักบัวรินรดลงมาไม่ขาดสายชโลมสองร่างเปลือยเปล่าที่โอบกอดเคล้าเคลียกันอย่างชุ่ม
ตอนที่47 “เธอจะเกลียดฉันมากแค่ไหนก็ได้นะลูกหว้า แต่ฉันขออย่างเดียว…อย่าไล่ให้ฉันไปไหนเลยนะ ขอแค่ให้ฉันได้อยู่ข้างๆเธอ ได้ดูแลเธอกับลูกของเรา เธออย่าผลักไสฉันให้ออกไปจากชีวิตเธอเลย เพราะฉันเองคงไปไหนไม่ได้ถ้าที่ที่ฉันจะไปมันไม่มีเธอไปกับฉันด้วย..” “……” “เธอจะให้ฉันก้มลงกราบเธอก็ได้ถ้ามันจะทำให้เธอให้อภัยและให้โอกาสคนเลวๆอย่างฉันได้มีโอกาสได้แก้ตัวอีกสักครั้ง...” พูดจบสองขาแกร่งก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าลงไปกับพื้น ก่อนจะพนมมือหนาทั้งสองข้างขึ้นมาและโน้มตัวลงตั้งท่าจะก้มลงกราบเธอ สองมือเรียวสวยรีบคว้ามือหนาของเขาเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะก้มลงกราบเธอซะก่อน ลูกหว้าเองเมื่อเห็นคนตัวโตกระทำเช่นนั้นเธอก็รู้สึกตกใจมาก จนต้องรีบห้ามไว้ก่อนที่คนอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้กับเธอจริงๆ “คุณจะทำอะไรคะ คุณจะลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวคุณเองมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ” เธอเอ่ยขึ้นมาเสียงสั่น น้ำตาหยดใสๆที่พยายามสะกัดกลั้นเอาไว้หลายครั้งต่างไหลลงมาอาบแก้ม ผู้ชายที่ตัวเธอเองนั้นคิดและบอกกับตัวเองมาตลอดว่าเกลียดเขาที่สุดกำลังจะยอมลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อเธอ ซึ
ตอนที่46 สองอาทิตย์ผ่านไป… อึก โอ้กก อ้ากก!! แค่ก แค่ก!! “เมื่อไหร่จะหายสักทีวะไอ้อาการแฮงค์เหล้าเนี่ย เมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่มสักหน่อยตอนเช้าก็ยังต้องตื่นมาอ้วกอีก” เขาสบถออกมาเบาๆคนเดียว นอกจากเขาจะต้องตื่นมาอาเจียนในกลางดึกเพราะอาการพะอืดพะอมและเวียนหัว ตอนนี้อาการของเขากลับเริ่มหนักขึ้นจนต้องตื่นมาอาเจียนในทุกๆเช้าอีกด้วย อาจจะเป็นเพราะหลายเดือนที่ผ่านมาเขาดื่มหนักเกินไปก็เลยเกิดผลข้างเคียงตามมาทีหลัง “คุณเจจะรับกาแฟไหมคะ” สมปองถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่ดูซีดเซียวเหมือนคนนอนไม่อิ่ม “ไม่ล่ะ ฉันไม่ถูกกับกาแฟมาสักพักแล้ว ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก! ขอเป็นชามะนาวแล้วกัน” “ได้ค่ะ” สมปองได้แต่ตอบรับอย่างงุนงงเพราะปกติเมื่อตอนอยู่ที่บ้านก็เห็นเจ้านายหนุ่มทานกาแฟในทุกเช้า มาคราวนี้บอกจะอ้วกทำอย่างกะคนกำลังแพ้ท้องแทนเมียซะอย่างนั้น สมปองได้แต่พูดคนเดียวในใจ หลังจากที่เขาได้จิบชามะนาวแล้วจึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมานิดหน่อย ก่อนคนตัวสูงจะลุกขึ้นเดินไปทำหน้าที่รดน้ำต้นไม้ดอกไม้แทนลูกหว้า เพราะถ้าปล่อยให้เธอมาทำเอง
ตอนที่45 หนูหว้าดูแลตัวเองและตาหนูของย่าด้วยนะลูก เดี๋ยวเดือนหน้าแม่กับคุณพ่อจะมาเยี่ยมใหม่” “ค่ะคุณแม่ เดินทางกลับปลอดภัยนะคะ” คุณหญิงสุดารัตน์โอบกอดว่าที่ลูกสะใภ้อย่างรักใคร่ก่อนจะหันไปกำชับลูกชายหัวดื้อ “ดูแลหนูหว้ากับหลานแม่ให้ดีๆละตาเจ” “ครับคุณแม่” “ส่วนเรื่องงานบ้านพวกแกห้ามช่วยลูกชายฉันนะสมปอง ประหยัด!” “ค่ะ/ครับ คุณผู้หญิง” “เฮ้อ! ทีเรื่องนี้ล่ะไม่ลืม” เจไดได้แต่บ่นเบาๆให้กับผู้เป็นแม่ ก่อนท่านมานพ คุณหญิงสุดารัตน์และจินตะลูกชายคนเล็กจะเดินทางกลับกรุงเทพ ตอนนี้จะเหลือก็แค่เจได ลูกหว้า และสมปองกับตาประหยัดที่คอยดูแลลูกหว้าอยู่ที่บ้านหลังนี้ “ฉันก็คงจะช่วยแกได้เท่านี้ล่ะนะตาเจ ที่เหลือแกก็ต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ” คุณหญิงได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆเมื่อขึ้นมาอยู่บนรถแล้ว ถึงแม้เจไดจะทำผิดอย่างเกินที่จะให้อภัยได้ แต่คุณหญิงเองยังอยากจะให้หลานเกิดมามีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก หวังว่าลูกชายหัวดื้อของเธอจะไม่ทำให้คำว่าครอบครัวพังเป็นครั้งที่สองอีก “เย็นนี้คุณหว้าอยากจะทานอะไรคะเดี๋ยวสมปองจะทำให้ทานค่ะ” “อืม อยากกินอาหาร
ตอนที่44 เช้าของวันใหม่… แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องกระทบใบไม้ในยามเช้าเป็นประกายระยิบระยับ ประกอบกับเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วขับกล่อมเบาๆสายลมพัดโชยเย็นสบายพาเอาความสดชื่นมาให้ ท้องฟ้าสีครามสดใสที่มีเมฆลอยฟ่องเป็นบางกลุ่ม ดอกไม้หลากสีสันต่างก็บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่งทั้งบริเวณบ้าน อากาศบริสุทธิ์แบบนี้ทำให้รู้สึกสดชื่นและพร้อมเริ่มต้นวันใหม่ เช้านี้ลูกหว้าตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำต้นไม้ดอกไม้อย่างเช่นทุกๆวัน เธอหยิบตะกร้าใบเล็กๆติดมือมาด้วยเพื่อจะเก็บดอกมะลิไปร้อยพวงมาลัยไว้สำหรับไหว้พระ เจ้าของร่างอวบอิ่มเดินเก็บดอกไม้อย่างเพลิดเพลินโดยไม่ได้สังเกตเห็นบุคคลผู้มาใหม่ที่ยืนมองเธอด้วยสายตาวูบไหว ก่อนเขาจะค่อยๆก้าวเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงด้านหลังของเธอ ดวงตาคมยืนจ้องมองคนที่เขาตามหามาตลอดเวลาหลายเดือนด้วยความคิดถึง และตอนนี้เธอดูอวบอัดมีน้ำมีนวลขึ้นตามประสาคนท้อง แววตาท่าท่างของเธอดูมีความสุขมาก และอาจจะมากกว่าตอนที่เธอนั้นอยู่กับเขาซะอีก และนั่นกลับทำให้เขามีสีหน้าที่เศร้าหมองลงทันที พรืด!! “ว๊ายยยย!!” เธอร้องขึ้นมาเสียงดังเมื่อจู่ๆเธอก็เกือบจะล
ตอนที่43 ~4เดือนผ่านไป~ ลูกหว้าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อรดน้ำต้นไม้ในยามเช้าอย่างเช่นทุกวัน เธอให้สมปองและตาประหยัดซื้อต้นไม้และดอกไม้นาๆชนิดหลากหลายสายพันธุ์มาปลูกไว้รอบๆบ้าน ยิ่งในยามเช้าๆแบบนี้กลิ่นหอมของมวลหมู่ดอกไม้ต่างก็ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณบ้าน ตอนนี้เธอดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นเนื่องจากท้องกำลังจะเข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว และเธอกำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์และท่านมานพต่างตื่นเต้นดีใจที่ลูกสะใภ้มีหลานชายคนแรกให้กับตระกูล ทั้งคุณปู่และคุณย่าต่างช่วยกันเดินหาซื้อของใช้จำเป็นสำหรับเด็กอ่อนและของเล่นเด็กด้วยตัวเอง ซื้อจนแทบไม่มีที่จะเก็บอยู่แล้ว ท่านทั้งสองมีความสุขทุกครั้งที่ได้เลือกของทุกชิ้นด้วยตัวเองเพื่อหลานชายคนแรกที่ใกล้จะถึงกำหนดออกมาลืมตาดูโลกแล้ว เป็นเวลากว่าหลายเดือนแล้วที่เธอเองไม่ได้เจอผู้ชายใจร้ายคนนั้นอีกเลยนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ เธอพยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าอย่าไปนึกถึงผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนนั้น แต่ในบางครั้งเธอก็ยังเผลอนึกไปถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา พอเผลอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงช่วงเวลา
ตอนที่42 เจไดสั่งให้ลูกน้องบางส่วนของเขาไปหาข้อมูลที่น่าจะเป็นไปได้ว่าลูกหว้าหายไปอยู่ที่ไหน ส่วนเขาได้แต่เทียวขับรถไปดูที่หอพักที่เธอเคยพักอยู่กับเพื่อนแม้แต่กฐินเพื่อนสนิทของเธอเองก็เพิ่งจะทราบข่าวว่าเพื่อนหาย กฐินต่อว่าเขาไปเยอะมากแต่คนขี้โมโหอย่างเขากลับได้แต่ฟังและนิ่งเงียบ ซึ่งสร้างความน่าแปลกใจให้กับกฐินเป็นอย่างมากเพราะปกติคนขี้โมโหอย่างเขาคงจะโวยวายไปแล้ว เจไดขับรถแวะมาดูที่ร้านคาเฟ่ที่ลูกหว้าเคยทำงาน และตามไปสืบดูถึงบ้านผู้จัดการหนุ่มที่เขาไม่ชอบขี้หน้า แม้กระทั่งบ้านเกิดของเธอที่ร้อยเอ็ดก็ไม่เจอแม้แต่เงาของเธอเลย “เธอหายไปไหนของเธอนะยัยเด็กบ้าเอ้ยย!!” สองมือหนาทุบลงไปบนพวงมาลัยรถอย่างคนหัวเสียด้วยความโมโหที่ไม่สามารถตามหาตัวเธอเจอ เธอหายไปโดยไม่มีแม้แต่ร่องรอยให้ตามสืบได้เลย ซึ่งมันเป็นไปได้ยากที่จู่ๆเธอจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ “ต้องมีใครสักคนที่พาเธอหนีฉัน” เขาสบถออกมาเบาๆด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูเคร่งเครียด สองอาทิตย์ต่อมา…. เจไดตามหาลูกหว้ามาสองอาทิตย์แล้ว เขาไปทุกๆที่ที่คิดว่าเธอจะไป จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอแม้แต่
Comments