"คิดจะไปก็ไปคิดจะมาก็มา เธอเห็นโรงแรมของฉันเป็นอะไรฮะ" "โรงแรมของคุณก็ดีอยู่แล้วหนิคะ แต่ฉันคงไม่เหมาะที่จะฝึกงานที่นั่น" "ก็แล้วแต่เธอ ถ้าเธอไม่ฝึกงานที่นี่ต่อก็ได้ ปีต่อไปฉันจะไม่รับนักศึกษาจากมหา'ลัยที่เธอเรียนสักคน หึ...แม้แต่มาสมัครงานก็อย่าหวัง"
ดูเพิ่มเติม"หึ...ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยรึไง เห็นฉันยืนหัวโด่อยู่น่ะฮะ" เขาโยนบุหรี่ลงพื้นก่อนจะใช้รองเท้าหนังสีดำมีราคาเหยียบมันจนดับ
"...สวัสดีค่ะ ท่านประธาน" เธอถอนหายใจด้วยความระอาก่อนจะเปล่งวาจาทักทายชายหนุ่มไปตามมารยาทพร้อมกับกระชับกระเป๋าสะพายคล้องไหล่ หลังจากนั้นก็รีบหมุนตัวหมายจะตรงไปที่ประตู ซึ่งมีชายฉกรรจ์กำลังไล่ลูกค้าในคลับให้ไปใช้ห้องน้ำอีกโซน "มานี่ จะไปไหน" แต่ก็ช้ากว่าแม็กเครย์ เขาคว้าเอวเธอจากด้านหลัง แล้วหมุนร่างอรชรเข้ามาในวงแขนแข็งแรง "อึก~" "ขะ...คุณมีอะไรกับฉัน ปล่อยฉัน" น้ำเสียงสั่นเทาเงยหน้าถามมาเฟียหนุ่มก่อนจะออกแรงให้ชายหนุ่มปล่อยเธอแต่มีหรือที่เขาจะยอมคลายวงแขนออก "หึ...จะรีบไปไหน" ลมหายใจผสมกลิ่นควันบุหรี่และแอลกอฮอล์จางๆ พ่นรดใบหน้าหวาน ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ยิ่งน้ำหอมประจำกายของเขาลอยมาแตะจมูกด้วยแล้ว หัวใจดวงน้อยแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า "ฉะ...ฉันจะกลับไปหาเพื่อนฉัน" "ไปหาเพื่อนหรือไปหาไอ้ไก่อ่อนกันแน่" "หมายถึงใคร" ใบหน้าหวานถามด้วยความไม่เข้าใจ ดวงตากลมภายในแพขนตางอนกลอกไปมาอยู่ราวหนึ่งวินาที "คุณหมายถึงตองเจใช่ไหม" "แล้วเธอไปนั่งให้ท่าผู้ชายที่ไหนอีกฮะ" "...เขาเป็นน้องรหัสฉัน แล้วคุณก็ปล่อยฉันสักที" "หึ...อย่ามาสะดีดสะดิ้งหน่อยเลย ของมันเคยๆ กันอยู่" ดวงตาสีอำพันปรายมองเด็กสาวด้วยใบหน้านิ่งเฉยแต่ช่างตรงข้ามกับวาจาที่เราะราย "คุณจะทำอะไร นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ" "นั่นสินะ พอทีกับไอ้ไก่อ่อน ไม่เห็นเธอขัดขืนแบบนี้เลย" "คุณหยุดหาเรื่องฉันสักที แล้วคุณล่ะ คุณเองก็มากับผู้หญิงของคุณ ทำไมไม่กลับไปหาผู้หญิงของคุณคะ" "หึ...หึงรึไง" "ทำไมฉันต้องหึงคุณด้วย ผู้ชายสำส่อนอย่างคุณ ใครอยากจะยุ่งด้วย ฉันไม่อยากเป็นนางบำเรอให้คุณแล้ว ฉันขอยกเลิกข้อตกลงนั่น" เธอตอบกลับเสียงสั่น ในเมื่อเขาก็มีผู้หญิงข้างกายอยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องเพิ่มเธอเข้าไปเป็นผู้หญิงของเขาอีกคน "สำส่อนยังไงก็เป็นผู้ชายคนแรกที่ได้เปิดซิงเธอ" เพียะ! เธอออกแรงผลักเขาครั้งสุดท้าย แล้วง้างมือฟาดไปแก้มซีกซ้ายของเขาอย่างเต็มแรง จนกระเป๋าสะพายของเธอหล่นไปกองที่พื้น "หยุดพูดจาทุเรศๆ สักที" "หึ...เธอนี้มันก็ซาดิสม์เหมือนกันนะ" แม็กเครย์ที่ใบหน้าสะบัดไปตามแรงตบหัวเราะต่ำในลำคอ พลางใช้นิ้วมือลูบไปที่มุมปากที่มีเลือดซึมออกมา แล้วต้อนสาวเจ้าจนแผ่นหลังบางชิดผนัง "อื้อ~" "ปาลิตา" เด็กสาวกำพร้าหน้าตาดีเติบโตมาจากมูลนิธิ เธอมีสร้อยคอเส้นหนึ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด จนเธอได้มาฝึกงานในโรงแรมหรูของเขา "แม็กเครย์" เด็กสาวจึงได้ไปล่วงรู้ความลับด้านมืดของเขาโดยไม่ตั้งใจ มีหรือที่คนอันตรายอย่างเขาจะปล่อยเธอไปง่ายๆ ถึงแม้ฉากหน้าเขาคือนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของโรงแรมชื่อดัง แต่เบื้องหลังเขาคือมาเฟียที่ไร้หัวใจ รวมไปถึงเธอได้รู้เกี่ยวกับชาติกำเนิดของเธอโดยบังเอิญ"มึงไปเอาเอกสารทั้งหมดที่กูต้องเซ็นมาที่นี่ วันนี้กูไม่เข้าบริษัท" แม็กเครย์เดินออกมานอกห้องแล้วหันไปสั่งการกับลูกน้องคนเดิม"ได้ครับนาย"ภายในห้องทำงานที่รายล้อมไปด้วยหนังสือหลายร้อยเล่มซึ่งจัดวางไว้เป็นระเบียบบนชั้นวางหนังสือ แม็กเครย์นั่งเซ็นเอกสารและตรวจแฟ้มงานที่กองไว้บนโต๊ะ เขาสะดุดกับเอกสารชุดหนึ่งแล้วอารมณ์เดือดดาลก็คุกรุ่นขึ้นทันทีใจความสำคัญของกระดาษแผ่นนี้คือ ทางคณะของมหาวิทยาลัยที่ปาลิตาเรียนอยู่ ขอยกเลิกฝึกงาน เนื่องจากเด็กสาวมีความประสงค์จะไปฝึกงานที่อื่นใกล้ๆ หอพัก และให้นักศึกษาคนอื่นมาฝึกงานที่นั่นแทนแม็กเครย์จึงขยำกระดาษแผ่นดังกล่าวทิ้งลงที่พื้นเพื่อระบายอารมณ์ เด็กนั้นกล้าดียังไง ถึงได้ปฏิเสธที่จะฝึกงานกับโรงแรมห้าดาวหรูหราใจกลางเมืองที่มีเงินเดือนให้อย่างโรงแรมแอมมิวตันก๊อก ก๊อก"ขออนุญาตครับ นาย""เข้ามา" เขาละสายตาจากเอกสารแล้วเงยหน้าให้คำตอบมือขวาคนสนิทที่กำลังเดินเข้ามาในห้องทำงาน"นายครับ HR แจ้งมาว่า เรื่องขอยกเลิกการฝึกงานของปาลิตา ไม่ทราบว่านายจะอนุมัติหรือไม่ครับ พอดีทางมหา'ลัยติดต่อมาต้องการทราบผลภายในวันนี้ครับ เพราะมันมีผลต่อชั่วโมงฝึกงาน" ประโยคยืดย
"ไปดีลงาน แต่เจ้าพ่อรถตักดินดันไปลากเด็กในคลับมาแทน?"เสียงของออนิกซ์โพล่งขึ้นเป็นเชิงเหน็บแนมทันทีที่เห็นพี่แม็กเครย์เดินเข้ามาด้านในของห้องรับรองที่พวกเขาในกลุ่มมักจะมารวมตัวกันเพื่อคุยเรื่องธุรกิจสีเทาหรือสังสรรค์บ้างในบางครั้ง ไม่ก็ไปที่คลับของเขาแทน ส่วนฉายา "เจ้าพ่อรถตักดิน" เป็นคำที่เพื่อนๆ ตั้งไว้เรียกแม็กเครย์โดยเฉพาะ สืบเนื่องจากชื่อของเจ้าตัวดันไปใกล้เคียงกับคำว่าแม็กโคร"มึงหงุดหงิดเรื่องอะไร หรือเป็นเพราะกูโทรไปขัดจังหวะมึงบนรถ?" เป็นลาร์คินที่ตั้งข้อสังเกต เพราะโดยปกติเท่าที่เขาเห็น แม็กเครย์ไม่เคยมีเรื่องหัวเสียขนาดนี้มาก่อน มาเฟียใบหน้าเย็นชาเป็นนักแก้ปัญหาที่เก่งกาจ ขนาดถูกลูกน้องหักหลัง แต่แม็กเครย์ก็ไม่เคยไม่แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดให้ได้เห็น ยิ่งเรื่องผู้หญิงความเป็นไปได้แทบเป็นศูนย์"เด็กมันคงพยศแหละมั้ง เจ้าพ่อรถตักดินลูกรังถึงได้อารมณ์เสียเอา" ไทเลอร์พูดแทรกขึ้นพลางหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแกว่งเบาๆ ก่อนจะกระดกของเหลวสีแดงเข้มเข้าปากในพรวดเดียว"ถ้าพวกมึงตามกูมาแค่ต้องการกวนตีนใส่กู งั้นกูจะกลับ" แม็กเครย์รีบตัดบทสนทนาก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาซึ่งว่างอยู่ โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว
พรึ่บบบ!เขาช้อนร่างเปลือยของเด็กสาวด้วยความไวประหนึ่งปีศาจ แล้วจับเธออ้าขาพร้อมๆ กับกดสะโพกมนลงมาที่ตักแกร่งสวบ!"กรี๊ดดดดด ยะ...อย่านะ"ช่องทางรักที่เปียกแฉะไปด้วยน้ำหวานค่อยๆ กลืนกินแก่นกายความเป็นชายที่ขนาดใหญ่กว่าข้อมือเข้าไปได้ง่ายกว่าครั้งแรก ฝ่ามือหนาล็อกสะโพกงามงอนของสาวน้อยกระทบกับหน้าขาของของเขาด้วยความหื่นกระหาย"รอฟ้าสว่างก่อนนะแล้วฉันจะหยุด" เขากระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะเป็นฝ่ายออกแรงตับๆๆๆเสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังกึกก้องภายในรถหรูตามจังหวะระรัวด้วยฝีมือคนตัวสูง ปลายส้นสูงเสียดสีไปมากับเบาะหนัง เธอจึงคว้ากอดลำคอหนาเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยว กลิ่นน้ำหอมราคาแพงบนลำตัวเขาเสมือนกับดักที่ล่อให้เหยื่อติดกับทว่าอีกฝ่ายกลับมองภาพคนตรงหน้าที่เปลือยเปล่าซึ่งสวมเพียงรองเท้าส้นแหลมกำลังนั่งคร่อมบนตัวเขา กระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนให้ยิ่งร้อนระอุ"อื้อ! จะ...จุก""อืม~" แม็กเครย์ตะโบมดูดสองเต้าอวบที่จุกสีชมพูกำลังแข็งชูชันตรงหน้าราวกับคนอดอยาก ช่างล่อตาให้เขาอยากจะขย้ำมันแรงๆ เขาขบกัดหน้าอกใหญ่ทั้งสองข้างไปมาด้วยความกระหาย จนลิตาใบหน้าเหยเกทั้งรู้สึกเจ็บและเสียวในเวลาเดียวกันเขาผลักเธอ
ตุ๊บ!"โอ๊ย นี่คุณจะพาฉันไปไหน กระเป๋าฉันอยู่ที่ห้องแต่งตัว" สรรพนามที่เด็กสาวแทนตัวเปลี่ยนไป พร้อมๆ กับกำปั้นเล็กอีกข้างพยายามทุบนิ้วมือของเขาเพื่อให้คลายพันธนาการออกจากข้อแขนของเธอแต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งกระตุ้นต่อมโทสะของเขาให้เดือดดาล"เข้าไป" เขายัดเธอเข้าไปในรถโรลส์รอยซ์คันหรูที่ลานจอดรถ แล้วก้าวขายาวตามขึ้นมาติดๆ"ปล่อยนะ ฉันไม่ไป โอ๊ย!" ร่างอรชรล้มคะมำกระแทกกับเบาะหนังจนเด็กสาวรู้สึกเจ็บแปล๊บที่สะโพกงอนงาม ก่อนจะกวาดสายตามองภายห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่าปกติแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน"หึ...อยู่กับฉันทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวเพื่ออัพราคา พอทีกับคนอื่นรีบอ้าขาให้โดยไม่ลังเล...ผู้หญิงร่าน" ถ้อยคำดูถูกของแม็กเครย์ทำเอาเด็กสาวถูกเรียกคืนสติ แล้วหันมองเขาด้วยแววตาวาวโรจน์ ฝ่ามือเล็กกำหมัดแน่นด้วยความขุ่นเคือง"ออกรถ""ขะ...คุณจะพาฉันไปไหน" ดวงตากลมมองข้างทางด้วยความหวาดกลัวเมื่อรถคันดังกล่าวถูกขับเคลื่อนไปถนนเส้นหลักด้วยความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดหลังจากที่แม็กเครย์ออกคำสั่ง"อยากขายตัวนักไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวฉันซื้อไว้เอง""มะ...ไม่ ก็บอกไม่ได้ขายไง" เธอตวาดกลับเสียงสั่นไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเจอ
"ก็ไหนลาออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ...ปาลิตา" ถ้อยคำกระแนะกระแหนของสาวสวยเจ้าของชื่อ 'ซอนญ่า' หญิงสาวเชื้อสายไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ใช้ชื่อใหม่ตั้งแต่เธอเข้ามาเป็นพีอาร์ของผับแห่งนี้ แววตาริษยาเพ่งมองอีกคนที่กำลังสำรวจความเรียบร้อยของชุดผ่านกระจกเงาในห้องน้ำ"..." ลิตาเลือกที่จะเงียบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซอนญ่ามักจะพูดจากระแนะกระแหนเธอ"หึ...ไปแล้วก็น่าจะไปลับไม่ต้องกลับมาอีก""ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ" ถึงแม้ลิตาจะไม่ใช่คนชอบต่อปากต่อคำ แต่ทว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุดหาเรื่อง ครั้งนี้เธอจึงต้องใช้คำพูดให้เป็นเหมือนเกราะป้องกันตัวเอง"เจ๊น้ำไม่รู้คิดอะไรอยู่ที่รับแกเข้ามาทำงานอีกครั้ง น่ะ หึ..ทำเป็นไร้เดียงสาเวลาเจอแขกเพื่อเรียกร้องความสนใจล่ะสิไม่ว่า" ถ้อยคำกระแทกแดกดันดังขึ้นอีกครั้งในจังหวะที่เด็กสาวใบหน้าสวยปรายตามองมา"ฉันอัดเสียงไว้ในมือถือ อยากให้ฉันไปบอกเจ๊น้ำไหมล่ะ ว่าเธอกำลังนินทาเจ๊น้ำ"ว่าพลางลิตาล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากระโปรงที่สวมใส่อยู่แล้วอาศัยจังหวะเปิดกล้องค้างไว้ให้ดูเหมือนกับว่าเธออัดวิดีโอจริงๆ แล้วหันหน้าจอให้ซอนญ่าดูก่อนจะหย่อนเก็บไว้ที่เดิมในเสี้ยววินาที ในเมื่อพ
ซ่า~ ซ่า~เสียงสายน้ำเย็นฉ่ำไหลออกมาจากฝักบัวตกกระทบร่างกายไหลลงสู่พื้น เด็กสาวยืนนิ่งเงียบราวกับคนไร้วิญญาณในห้องน้ำส่วนตัวเมื่อกลับมาถึงหอพัก ปล่อยให้น้ำสะอาดชำระล้างความสกปรกทั่วเรือนร่างซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยความป่าเถื่อน"คุณมันใจร้าย ฮึก ฮือ" เสียงสะอื้นไห้ดังสลับกับเสียงสายน้ำไหลเป็นระยะไม่เคยนึกฝันภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาของแม็กเครย์ที่เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแต่เขากลับบ้ากามและข่มเหงเด็กฝึกงานอย่างเธอได้ลงคอนานนับชั่วโมงที่ลิตาร้องไห้จนแทบไม่เหลือน้ำตา เธอคว้าหยิบผ้าขนหนูพันตัวแล้วจึงค่อยๆ เดินออกมาแต่งตัวครืด~ ครืด~โทรศัพท์มือถือดังขึ้นเรียกความสนใจให้ลิตาที่พึ่งสวมเสื้อผ้าเสร็จรีบเดินมาที่กระเป๋าสะพาย ก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็น 'สิริ' โทรมา"...ค่ะ พี่สิ"[วันนี้ไม่มาทำงานหรือไง]"ลิตารู้สึกไม่ค่อยสบายค่ะ เลยจะขอลา"[อ้าวเหรอ เมื่อคืนพี่ให้เรากลับดึกไปหน่อยเลยไม่สบายละสิ]"เออ..." มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสิริสักนิด แต่เธอก็ไม่สามารถเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนในสายฟังได้ ได้แต่ปล่อยให้สิริคิดไปเองตามนั้น[งั้น..ถ้าไม่ไหวยังไงก็พักก่อน เดี๋ยวพี่
ความคิดเห็น