“แล้วมิรินจะเสียใจที่เลือกคนแบบมัน”เพเตอร์พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไป ในเมื่อเขาเปลี่ยนใจเธอไม่ได้ ก็คงต้องให้ผู้ชายคนนั้นเป็นฝ่ายทำให้เธอเปลี่ยนใจ เขาไม่เชื่อว่ามันจะรักเธอจริงหรอก คงใช้เธอเป็นสะพานไต่เต้าขึ้นไปหาความสำเร็จ ผู้ชายทรงเจ้าชู้แบบนั้น ไม่มีวันหยุดอยู่กับผู้หญิงแค่คนเดียวแน่ ชั่วโมงต่อมา ภัทรพลลดสายตามองคนที่เดินอยู่ข้างๆ มิรินเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นเดินหนีไป ไม่รู้เธอคิดอะไรอยู่ เขาไม่กล้าถาม ได้แต่เดินเคียงข้างเธอไปด้วยหัวใจร้อนรุ่ม เมื่อมาถึงหน้าห้องของตัวเอง ก็หยุดไฟที่มันสุมอยู่ในอกไม่ได้อีก ปึ่ก! “อ๊ะ! ทำอะไรเนี่ย?”มิรินร้องเสียงหลง เมื่อโดนผลักจนแผ่นหลังแนบไปกับประตูห้อง มองคนกระทำตาขวาง จะทำอะไรก็ไปทำในห้องสิ ตรงนี้ เดี๋ยวก็มีคนมอง “เสียใจหรือไง?”“หืม?”“พี่ถามว่าเสียใจเหรอ?”“เรื่อง?” ใบหน้าเนียนใสเอียงเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตัวโตกำลังถาม “เรื่องเขา”“มิรินจะเสียใจเรื่องพี่เตอร์ไปทำไม ก็เคยบอกไปแล้วไงว่าเลิกรักเขาไปตั้งนานแล้ว หูไม่ดีเหรอ?”ภัทรพลหน้าบึ้ง เมื่อโดนคนตัวเล็กส่งสีหน้ายียวนกลับมา คำพูดคำจาก็ไม่น่ารัก
"เขี่ยทำไม! เอาออกไปเลยนะ" มิรินดุมือซุกซนที่กำลังใช้ดินสอเขียนแบบ เขี่ยเบาๆบนต้นขาของเธอ "ง้อนะครับ" "ไม่ชอบ ไม่ใช่เหรอ" มิรินพยายามไม่สนใจฝ่ามือที่กำลังลูบวนบนต้นขาของเธอแทนดินสอเขียนแบบ เธอโกรธเขาไง ยังโกรธอยู่ "โธ่! พ่อของมิรินสั่งให้พี่แก้แบบทั้งหมดแล้วส่งให้ท่านภายในวันนี้ ถ้าไม่ทำพี่จะตกงานนะ" ภัทรพลบอกสิ่งที่เขาต้องเจอ หลังจากไปขอเธอจากคุณพยัคฆ์ กระทืบไม่พอ ยังสั่งให้แก้งานที่ทำเสร็จไปแล้วอีก ใจดำชะมัดเลย "ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละคะ ต่อไปมิรินจะมาเป็นผู้จัดการแผนกออกแบบ เพราะงั้นฝากตัวด้วยนะ พี่แว่น! กลับกันเถอะ หิวแล้วอะ"มิรินพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก รู้ว่าคนรักของเธอ กำลังถูกพ่อเธอแกล้ง เธอไม่อยากให้เขายอมท่านมาก ไม่อย่างนั้นจะโดนท่านข่มเหงรังแกไปตลอดชีวิตแน่ "จะพาตัวเขาไปไหน ยัยตัวแสบ" "ไปทำแผลค่ะ พ่อทำไมไม่รู้จักเบามือเลยอะ" มิรินมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องประชุมด้วยสีหน้าบึ้งตึง เขาเป็นอนาคตลูกเขยนะคะ พ่อจะฆ่าเขาไม่ได้ "พ่อไม่เอาปืนยิงมันก็ดีแล้ว มันกล้าล่วงเกินลูกสาวพ่อ" พยัคฆ์พูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด อยากจะเข้าไปอัดซ้ำ แต่ลูกสาวดันขวางทางอยู่
มิรินตื่นขึ้นมาในตอนสายของวัน รอบกายของเธอเงียบสนิท คนที่ทำให้เธอหมดแรงไม่อยู่ มีเพียงแผ่นกระดาษแปะตรงหัวเตียง เขียนด้วยลายมือฉวัดเฉวียน บอกให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้องจริงๆ 'เดี๋ยวพี่กลับมานะ' พี่ภูเป็นคนยังไงกันแน่ เธอไม่รู้จะจริงจังได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าพูดแบบไม่เข้าข้างใครเลย คือเธอกับเขาแทบไม่รู้นิสัยใจคอกันเลย เรื่องราวในวัยเด็กก็ช่างเลือนราง นั่นคือเหตุผลที่เธอยังไม่กล้าบอกเขาว่ารัก มิรินอาบน้ำแต่งตัวเลือกเสื้อผ้าในตู้ออกมาใส่ ซึ่งทุกตัวข้างในล้วนเป็นเสื้อผ้าของผู้ชายทั้งสิ้น ไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่เลยสักตัว อารมณ์ขุ่นมัวจากการถูกทิ้งให้ตื่นขึ้นมาเพียงลำพัง กลายเป็นความรู้สึกดีๆ อย่างน้อยเขาก็ไม่มีใครให้เธอต้องตบตีด้วย ชั่วโมงต่อมา มิรินเดินทางมาที่บริษัทของครอบครัว ซึ่งตอนนี้มีพี่สาวเป็นผู้บริหารสูงสุด ร่างสมส่วนที่ครองความสูงหนึ่งร้อยหกสิบเก้าถูกเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ปิดทับไว้ แขนเสื้อพับขึ้นจนเห็นข้อมือขาวเนียน อวดนาฬิกาเรือนหรูซึ่งเป็นของดูต่างหน้าที่คุณยายซื้อให้ ความยาวของชายเสื้อปิดได้เพียงต้นขา แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของเรือนร่างสมบูรณ์แบบก็ไม่ได้ใส่ใจ ปล่อยใ
"อ๊ะ พี่ภู พอก่อนค่ะ" มิรินร้องห้ามเสียงแผ่ว แต่ยิ่งห้ามเขายิ่งทำ ดูดเม้มสองเต้างามสลับกันไปมา เมื่อเนื้อผ้าหนามันเกะกะ เขาก็จัดการดึงมันขึ้นมาไว้ข้างบน "ถ้าไม่บอก พี่ก็ไม่หยุด" ใบหน้าคมคายเลื่อนลงต่ำ พรมจูบไปตามหน้าท้องเนียนเรียบ สองมือปลดชุดที่เหลือออกไปจากร่างงาม ดวงตาวับวามเมื่อดอกไม้ช่องามถูกเปิดเผยสู่สายตา ภัทรพลกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ของเธอยังดูสดใหม่เหมือนเดิม นั่นอาจจะหมายความว่า สองปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยมีใครอื่นเลย เขาคงเป็นคนแรก และอาจจะเป็นคนเดียวของเธอ "อ๊ะ พี่ภู แบบนั้นมันน่าอายนะคะ" มิรินลดมือลงไปอย่างรวดเร็ว ผลักใบหน้าคมคายเหนือจุดอ่อนไหวออกมา แต่เขาไม่ยอมง่ายๆ ซ้ำยังบังคับมือของเธอลูบไล้บนจุดกระสันไปมา "อ๊ะ อื้อ" เพียงไม่นานเธอก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง เรียวลิ้นหนาตวัดไปมาใกล้มือของเธอ ปัดป่ายวนเวียนจนน้ำหวานด้านในไหลออกมา ความซ่านกระสันทำให้บิดเร้าร่างกายอย่างหนัก "อ๊ะ อ๊า" ยิ่งได้ยินเสียงครางหวานดังปลุกเร้า ภัทรพลยิ่งเร่งความเร็วของลิ้น ไม่นานก็สอดนิ้วมือเข้าไปในความคับแน่น กล้ามเนื้อนุ่มบีบอัดตอดรัดนิ้วมือหนักหน่วง เขาจึงรีบขยับลิ้นกับมือเร
เขาเคยได้ยินเรื่องราวของท่านอยู่บ่อยๆ จากสามีใหม่ของแม่ ที่เขาให้ความเคารพเหมือนพ่อแท้ๆ แม้จะไม่เคยเจอท่านเลยสักครั้ง เพราะท่านรักษาตัวอยู่ตลอด แต่ก็พอจะรู้ว่าท่านเป็นคนดีมาก "เข้าบ้านไปพักผ่อนเถอะ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็บอก พี่จะมาฟังคำตอบ ไม่ต้องรีบหรอก พี่รอได้" เมื่ออ้อมกอดของเธอสร้างความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดในสถานการณ์แบบนี้ ก็รีบดันตัวเธอออกห่าง เช็ดหยาดน้ำใต้ดวงตาให้อย่างเบามือ จับตัวเธอหมุนไปอีกด้าน ยกมือดันแผ่นหลังเธอให้ก้าวเดินเข้าไปด้านใน ยืนมองเธออยู่ที่เดิมจนกระทั่งเธอหายลับไปจากสายตา เพเทอร์ยืนมองผู้หญิงที่ตัวเองรักกับผู้ชายอีกคนอยู่ในห้องรับแขกของบ้าน หัวใจที่เคยนิ่งสงบร้อนรุ่มดังมีไฟสุม เมื่อเห็นสิ่งที่มิรินแสดงออกต่อชายแปลกหน้าคนนั้น เขากำลังจะเสียเธอไป ตอนนี้เธอกำลังจะกลายเป็นของคนอื่น แต่เขาไม่ยอมหรอก เขาจะแย่งเธอมา แม้ไม่ได้หัวใจ ขอแค่มีเธออยู่ข้างกายแบบเดิมก็พอ หลังจากจัดการเรื่องต่างๆเกี่ยวกับงานศพของคุณยายเสร็จแล้ว มิรินก็บินกลับไปสะสางธุระของเธอ เมื่อเสร็จธุระทางมหาวิทยาลัย เธอก็เตรียมตัวบินกลับไปเคลียร์กับผู้ชายที่เธอต้องรับผิดชอบ "พี่เตอร์ตาม
ใครจะไปคาดคิดละว่า พี่ชายใจดีตอนนั้น โตขึ้นมาจะหล่อได้ขนาดนี้ แล้วเธอควรทำยังไงต่อไปดี เขาจะจำเธอได้หรือเปล่า หรือสำหรับเขาเรื่องในคืนนั้น มันก็แค่ one night stand จริงๆ งานสวดอภิธรรมคืนที่สองจบลงในเวลาเกือบสองทุ่ม แขกในงานเริ่มทะยอยกันกลับ เหลือไว้เพียงกลุ่มของเจ้าภาพ ที่ยังนั่งคุยกับแขกจากทางไกลอย่างครอบครัวของภพรัก "แม่คะ มิรินขอตัวกลับไปก่อนนะคะ" พูดจบมิรินรีบยกมือขึ้นไหว้ลาผู้ใหญ่ ก้าวเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที ในสมองคิดเพียงแค่เธอต้องหนี หนีไปก่อนที่เขาคนนั้นจะจำเธอได้ "จะรีบไปไหน" ภัทรพลเอ่ยรั้งคนตัวเล็กไว้ เขาเดินตามเธอมาตลอด และหยุดเดิน เมื่อเธอหยุดยืนหันหน้าหันหลังเหมือนมองหารถ แต่บริเวณที่เขากับเธอยืนอยู่นั้นไม่มีรถเลยสักคัน เมื่อเขาก้าวเข้าไปใกล้ เธอก็เริ่มก้าวเดินเหมือนจะหนี "อย่ามายุ่งกับฉันนะคะ" มิรินบอกแต่ไม่ยอมหันไปมอง พยายามเดินหนีคนที่คอยเดิมตาม เธอยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขา ไม่รู้ด้วยว่า จะเริ่มต้นคุยกันด้วยเรื่องอะไร ความทรงจำในวัยเด็กก็เลื่อนลางเสียจนหยิบยกขึ้นมาพูดไม่ได้ มีเพียงความทรงจำของค่ำคืนนั้นที่มันเด่นชัด แต่ใครจะไปกล้าพูดขึ้นมา