วันรุ่งขึ้น: ห้องสมุดมหาวิทยาลัย
ช่วงเย็นหลังเลิกเรียน เจนเดินตรงมายังห้องสมุดของมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการเรียนมาทั้งวัน เธอมองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่นัดไว้ และพบเชษกำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องสมุด
ร่างสูงนั่งหลังตรง ดวงตาคมจับจ้องหน้าจอแล็ปท็อป ขณะที่มือเลื่อนเมาส์และพิมพ์งานอย่างตั้งใจ รอบตัวเขามีเอกสารวางเป็นระเบียบ ทั้งชีตข้อมูล ไอเดียการออกแบบ และตัวเลขที่คำนวณอย่างละเอียด
เจนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามเขา
“นายมานานแล้วเหรอ?”
เชษเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์
“สักพัก แต่ไม่เป็นไร ฉันกำลังตรวจแบบแผนงานอยู่”
“แผนงาน?” เจนถามด้วยความสงสัย
เชษยื่นเอกสารบางส่วนให้เธอ
“นี่คือรายละเอียดโครงการที่จะส่งเข้าประกวด มันคือการออกแบบระบบ ‘พลังงานหมุนเวียนในชุมชน’ ”
เจนเปิดเอกสารอ่าน ดวงตาเริ่มจับจ้องรายละเอียดที่ซับซ้อน
“แนวคิดคือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ร่วมกับกังหันลมขนาดเล็ก เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ในชุมชนที่ห่างไกล แถมยังสามารถเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในแบตเตอรี่สำรองเพื่อใช้ในช่วงที่ไม่มีแดดหรือลม”
เชษพูดต่อพร้อมเลื่อนภาพกราฟิกจำลองให้เธอดู
“ฉันออกแบบระบบให้รองรับการใช้งานหลากหลาย เช่น ไฟฟ้าสำหรับโรงเรียน หรือสถานพยาบาลเล็กๆ ในชุมชน มันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น”
เจนมองเขาด้วยความทึ่ง
“นายทำทั้งหมดนี้คนเดียว?”
“เธอคิดว่าไงล่ะ?” เขายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ สายตาคมจ้องมองเธออย่างมีความหมาย
เจนหลบสายตาของเขา ก้มลงพลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติม
“เอ้อ...ฉันไม่คิดว่านายจะทุ่มเทกับอะไรแบบนี้ขนาดนี้”
“ทำไมล่ะ?” เชษเลิกคิ้ว
“ก็นายดูเป็นพวกไม่ค่อยใส่ใจอะ” เจนตอบตรงๆ
เชษหัวเราะเบาๆ
“ฉันใส่ใจบางเรื่องนะ เผื่อเธอไม่รู้” พูดจบเขาก็มองตาเธอนิ่ง สายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของเขา ทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว
“แล้วฉันต้องทำไรอะ?” เจนพูดพลางวางเอกสารลง
“ช่วยดูการนำเสนอนี่แหละ” เขาหยิบเอกสารอีกชุดขึ้นมา
“ฉันยังไม่ค่อยมั่นใจเรื่องลำดับการอธิบาย”
เจนรับเอกสารมาอ่านอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มชี้จุดที่ควรปรับปรุง
“นายอาจจะเริ่มจากปัญหาในชุมชนก่อน แล้วค่อยพูดถึงโซลูชั่นที่เราเสนอ มันจะช่วยให้คนฟังเข้าใจง่ายขึ้น”
เชษพยักหน้า พร้อมจดบันทึกในสมุดของเขา
บรรยากาศในห้องสมุดค่อยๆ เปลี่ยนไป ทั้งสองคนจดจ่อกับงานตรงหน้า เชษที่ปกติชอบกวนประสาทเธอ กลับแสดงด้านที่จริงจังและตั้งใจออกมาอย่างชัดเจน
เชษและเจนใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดจนดึกดื่น เตรียมงานพรีเซนต์โครงการรอบแรกที่กำลังจะถึงในอีกไม่กี่วัน นาฬิกายังคงเดินต่อไป บ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลาปิด ห้องสมุดรอบตัวเงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจ มีเพียงพวกเขาสองคนในมุมลึกของห้องสมุด ท่ามกลางแสงไฟสลัว เสียงพลิกหน้ากระดาษและเสียงแป้นพิมพ์ที่ดังเบาๆ เท่านั้น
เจนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มรู้สึกง่วงหลังจากใช้สมองมาทั้งวัน เธอฟุบลงบนโต๊ะอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าเรียวของเธอซุกอยู่บนท่อนแขน ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย
เชษเงยหน้าขึ้นจากแล็ปท็อป เมื่อเห็นเจนที่นั่งหลับอยู่ก็ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมจับจ้องภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
“ยัยคนนี้นี่...จริงๆ เลย” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ สุดท้ายก็ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก คลี่มันอย่างระมัดระวัง แล้ววางคลุมบนตัวเธอเบาๆ
เชษนั่งมองเจนที่หลับสนิท ราวกับไม่สนใจโลกใบนี้ ดวงหน้าของเธอสงบนิ่ง ริมฝีปากบางเผยอเล็กน้อย ทำให้เขาหวนคิดถึงค่ำคืนอันเร่าร้อนระหว่างพวกเขาอีกครั้ง ความรู้สึกบางอย่างในใจพาให้เขาก้มหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากบางของเธออย่างแผ่วเบา
ดูเหมือนเธอกำลังฝันถึงอะไรบางอย่าง ริมฝีปากบางขยับไปมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ราวกับจูบตอบสัมผัสของเขา เชษยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ เมื่อได้รับการตอบรับที่ไม่คาดคิดจากเธอ
เขาค่อยๆ ไล้ปลายลิ้นเบาๆ ไปบนริมฝีปากล่างของเธอ ก่อนจะแทรกเรียวลิ้นเข้าไปช้าๆ สัมผัสปลายลิ้นของเธออย่างแผ่วเบา เติมเต็มจูบให้ลึกซึ้งขึ้น แล้วเม้มริมฝีปากเธอเบาๆ ราวกับหลงใหลในรสสัมผัสนั้น สุดท้ายจึงถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ทิ้งไว้เพียงความวาบหวามที่ยังค้างคาในใจเขา
“หวังว่า...คราวหน้าเธอจะจูบฉันแบบมีสติมั่งนะ” เชษพึมพำเบาๆ ริมฝีปากยังคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กๆ ก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แววตากลับยังแฝงความรู้สึกที่ยากจะปิดซ่อนไว้
ไม่นานนัก เจนเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เธอกวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะเห็นเชษยังคงนั่งทำงานต่ออย่างตั้งใจ แสงจากหน้าจอแล็ปท็อปสะท้อนกับใบหน้าคมคายของเขา
เธอก้มมองเสื้อคลุมที่คลุมตัวเองอยู่ ก่อนจะเงยหน้าถามเขาด้วยเสียงแหบพร่า
“นาย... ทำไมไม่ปลุกฉัน?”
เชษเงยหน้าขึ้นมองเธอ พร้อมรอยยิ้มบาง
“เธอดูเหนื่อย ฉันเลยปล่อยให้พัก”
เจนก้มมองเสื้อคลุมที่คลุมตัวอยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองเขา
“นี่นาย...?”
“คิดว่าเธอคงหนาว” เขาตอบเสียงเรียบ พลางเอนตัวพิงเก้าอี้
“อืม...ขอบใจนะ” เจนพึมพำเบาๆ
เชษปิดแล็ปท็อป พลางเก็บเอกสารอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเธอตื่นแล้ว ก็กลับกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเรียกแกร็บกลับเอง” เจนรีบปฏิเสธ แต่เชษกลับลุกขึ้น คว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย
“ห้องสมุดจะปิดแล้ว เธอจะยืนรอแกร็บคนเดียวตอนนี้?ฉันว่ามันเสี่ยงอยู่นะ” เชษพูดขึ้นเรียบๆ พลางเอื้อมมือหยิบกระเป๋าของเธอโดยไม่รอฟังคำคัดค้าน
“ไปเถอะ ฉันจะไปส่ง”
เจนมองเชษที่จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพไปโดยไม่ถามความเห็นของเธอสักคำ เธอถอนหายใจเบาๆ พ่นลมออกจมูกอย่างหงุดหงิด แต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นตามเขาไปจนได้
“ก็ได้...” เธอตอบอย่างเสียไม่ได้
เชษหัวเราะเบาๆ กับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของเธอ ก่อนจะเดินนำออกจากห้องสมุดอย่างสบายๆ ขณะที่เจนเดินตามหลังเขาไป บ่นงึมงำอะไรบางอย่างด้วยความขัดใจตามนิสัย
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน